D.I.Y. แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ (ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น เข้ามาคับ)

แนะนำให้โทรสอบถามดีกว่าครับ รถแต่ละคันแต่ละรุ่นอะไหล่ราคาก็ไม่เท่ากันครับผม
และคงไม่มีใครเหมือนผมง่ายแน่ๆ เพราะใน กทม. คงมีรถรุ่นผมวิ่งอยู่ไม่ถึงร้อยคันแล้วครับผม ^o^

อีกประการที่สำคัญมากๆครับ คือ อะไหล่บางชิ้นผมเอามาจากโรงงานน่ะครับ
แบบว่ารู้จักกับ ผจก.โรงงานน่ะครับ ดังนั้นผมไม่รู้จะคิดราคายังไงดีครับ

แต่ยังไงก็ภูมิจายรถตัวเองมากๆมากๆๆ ปะผุทำสีใหม่ ก็แหล่มแว้วรถฉาน ฮิ้วๆ

 

มีอะไรมาให้ทาย

ตอนนี้แอร์รถผมเย็นกว่าเดิมมากพอสมควร ผมไม่ได้เติมน้ำยา ไม่ได้ใช้ cold134 ไม่ได้ล้างคอล์ยร้อน

ทายสิว่าผมทำอะไร ใบ้ให้ว่าไม่เสียเงินเลย ทำเองง่ายๆ

 

1. วิธีทั่วไปเลยคือ ตอนปล่อยน้ำยาแอร์นั้นต้องหาขวดมาลองน้ำมันคอมที่ออก
มาตามสายครับ ว่าน้ำมันออกมาจำนวนเท่าไร พอปล่อยหมดแล้ว
- ก็ทำการเว็ก พอเว็กได้ที่แล้ว
- ก็เอาสายชาดร์น้ำยาแอร์เส้นนั้น จุ่มไปยังภาชนะที่รองน้ำมันคอมไว้ตอนแรก
- แล้วก็เปิดวาวร์ให้ มันดูดน้ำมันเข้าไป แล้วค่อยปล่อยน้ำยาแอร์ตามเข้าไปครับ
(ถ้าไม่รู้ว่าต้องเติมน้ำมันคอมเท่าไรดี ให้ตวงน้ำมันคอมประมาณ 50 cc. เติมเข้าไป)


2. ถ้าไม่ถ่ายน้ำยาแอร์ออกแล้วต้องการเติมน้ำมันคอมเพิ่มจะต้องใช้
น้ำมันคอมแบบ บรรจุกระป๋องอย่างเดี๋ยวครับ เพราะในกระป๋องนั้นจะมี
น้ำมันคอม 200cc. + กับน้ำยาแอร์ R134a อยู่ประมาณ 50 กรัมเพื่อไว้ผลักดัน
น้ำมันคอมออกมาจากกระป๋องครับ กดฉีดเข้าไป 1 วินาทีเท่ากับ 10cc.

กระป๋องเขียว = น้ำมันคอมสำหรับระบบแอร์ R134a
กระป๋องเงิน = น้ำมันคอมสำหรับระบบแอร์ R12



ขอบคุณมากครับ คุณ enforce
ขอถามเพิ่มนะครับ
กรณี1 ตอนปลดสายชาดร์น้ำยาแอร์ก่อนจุ่มในน้ำมันคอมจะมีอากาศเข้าไปในสายชาดร์น้ำยาแอร์หน่อยนึงเป็นอะไรไหมครับ ต้องแวคใหม่ไหมครับ แล้วตอนที่มันดูดน้ำมันคอมเข้าไปเองมันมีแรงดูดสามารถดูดเอาน้ำมันคอมเข้าไปได้มากที่สุดกี่ccครับ
กรณี2 ถ้าจะเติม50ccก็กดฉีดเข้าไป5 วินาทีใช่ไหมครับ ตอนกดฉีดต้องสตาร์ทเครึ่องเปิดแอร์ไหมครับ แล้วในคอมจะมีน้ำมันเก่าอยู่ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นชนิดไหน(น้ำยาR134a)จำได้ว่ามี2ชนิดแล้วเราควรเติมชนิดไหนครับ

 

เพิ่งแก้ไขได้ครับ มารายงานต่อ อิอิ

ทริปนี้ ผมออกเดินทางจากอุบลในตอนเที่ยงเศษๆของวันที่ ๒๙ มีนาคมศกนี้ พร้อมครอบครัวอีกสี่ชีวิต บรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดไปเยอะเลย ใช้ความเร็วช่วงเดินทางช่วงแรกได้ไม่เกิน๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเหตุหากใช้มากว่านี้ โช๊คหลังเด้งสุดจะกระแทกเพราะบรรทุกไปเกิน ตลอดการเดินทางประมาณ๑๗จังหวัด ผ่านสภาพอากาศเกือบทุกสภาพอากาศ ตั้งแต่รอนสุดโหด หนาวเย็นต่ำกว่า๒๐องศา ฝนฟ้าคะนอง ทั้งลมปะทะรุนแรงช่วงก่อนเข้าพิษณุโลก ใช้เวลาเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวในตัวด้วยรวม ๘ วันเต็มๆ สามพันกว่ากิโลเมตร ก่อนเขาเชียงรายได้แวะทำงานที่จังหวัดชลบุรีอีกในวันที่ ๑ เมษายน แล้วออกวงแหวนรอบนอกอยุธยา แต่ช่วงอยู่ในวงแหวนนั้น มีรถน้ำมันเกิดอุบัติเหตุระเบิดไฟลุกไหม้ขวางทางอยู่ ติดอยู่ที่นั่น เกือบสามชั่วโมง เลยถึงเชียงรายในวันรุ่งขึ้น(เช้าวันที ๒ เมษายน) วันที่ ๓ ก็ไปเที่ยววัดร่องขุ่น(เสร็จเกือบร้อยเปอร์แระไปเกือบทุกปี)พระตำหนักดอยตุงและอำเภอแม่สาย เหนือสุดแดนสยาม แล้วก็พักค้างคืนที่แม่สาย เอาแค่นี้ก่อน

ที่ว่าเจอทุกสภาพอากาศนั้น เป็นดังนี้ครับ ในรถมีเทอร์โมอยู่สามตัว ตัวที่วัดอุณหภูมิที่กระจกหน้ารถมันวัดได้สูงสุด ๗๐ องศาC ทริปนี้ มันขึ้นเกินครับพี่น้องแต่ในรถเย็นเจี๊ยบตลอดครับ จนบอกเป็นตัวหนังสือ H เกือบตลอดในช่วง๑๑โมงไปถึงบ่ายสาม และผมเดินทางต่อเนื่องโดยตลอด เฉพาะขากลับ(วันที่ ๖ เมษายน) ออกจากเชียงรายตีสี่ครึ่ง ถึงอุบลประมาณสามทุ่ม ๑๖ ชั่วโมงครึ่ง ไม่ได้ดับเครื่องยนต์เลย(ไดสตาร์ทดันเสียอยู่เชียงราย แหะๆๆตอนนี้ซ่อมแระ อิอิอิ) ช่วงออกมานั้นอุณหภูมิที่กระจกหน้า(ที่เซนเซอร์ติดอยู่) ๒๐ องศา แต่พอ๑๑โมงถึงพิษณุโลกแล้ว มันขึ้นไปกว่า๕๐ ยิ่งตอนบ่ายช่วงอยู่บนเขาน้ำหนาวนั้น ขึ้นไปจนเกิน ๗๐ องศา เป็นตัว Hค้างเลย แต่ลมเย็นที่ออกมา(ต้องเปิดลมสปีดสูงสุดตลอด ไม่งั้นเย็นไม่ถึงด้านหลัง) ยังตัดที่ ๕.๕-๖.๕องศา C โดยตลอดทุกครั้งไม่ว่าอุณหภูมิภายนอกจะเท่าใด เคยลองบายพาสดู ช่วงเช้าที่อุณหภูมิไม่สูงเกิน ๓๐ องศา จะลงได้ถึง -๕.๕ องศาC ที่สปีดลมสูงสุดครับ แต่ช่วงที่ร้อนที่สุดในแต่ละวันนั้น อุณหภูมิภายนอกวัดที่กระจกหน้าเกิน ๗๐ องศาไปแล้ว ลมเย็นที่ส่งออกมา จะลดลงต่ำสุดได้แค่๒.๗ องศาCและคงที่อยู่ที่ตัวเลขนี้ครับหากบายพาสเทอร์โม ถ้าไม่บายพาสมันก็ตัดตลอดการเดินทางครับ ได้ค่าเฉลี่ยการกินเชื้อเพลิงแอลพีจี ประมาณกิโลเมตรละ ๑.๕ บาทครับ จบรายงานเพียงแค่นี้ครับ อิอิอิ
คุณหนุ่มบางบัวทอง อย่าคิดไปโมมันเลยครับ ทำของเดิมให้กลับคืนสภาพให้ดีที่สุดตอนมันป้ายแดง ผมก็ว่าน่าจาติดลบได้แล้วครับ ลองทำตามที่คุณยุทธแนะนำ แต่อยากจะเพิ่มเติมว่าควรเพิ่มพัดลมตัวหน้าคอยล์ร้อนจะทำให้เย็นเร็วขึ้นและประสิทธิภาพสูงขึ้นครับ ของผมเดิมพัดลมที่ว่าไม่มีสักตัว ผมก็เพิ่มเข้าไปสองตัวขนาดสิบนิ้วกับหกนิ้วครับ เลยทำให้ประสิทธิภาพมันสูงขึ้นกว่าปรกติมาก ยิ่งเปลี่ยนมาใช้น้ำยาคลู๑๒แล้ว ไม่ต้องเซดกันเลยครับ สู้ได้ทุกสภาวะครับ บอกได้ว่าคุ้มสุดคุ้มครับ ยังมีเทคนิคเล็กๆอีกอย่างครับที่ผมทำแล้วได้ผล คือการล้างภายในระบบด้วยน้ำยาล้างเอฟ๑๑ครับ ช่วยได้มากพอสมควรเลยล่ะ แต่คุณต้องมีเครื่งอไม้เครื่องมือครบนะครับถึงจะทำในส่วนนี้ได้ ผมมีครบแล้วครับ ค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆ ทริปนี้ยังได้เครื่องเชื่อมไฟฟ้ามาเพิ่มอีกหนึ่งตัวในราคานาทีทองที่แม๊คโคร(โคราช) แต่ยังไม่ได้เอามาฝากไว้ที่โคราชโน่น พรุ่งนี้ผมจะลงมาชลบุรีจาได้แวะเอา ลองเอาองค์ความรู้นี้บวกกับประสบการณ์ของคุณเตอร์และท่านเกจิในนี้ไปลองทำดูครับ ลบองศาไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ มะเช้านี้ ไปส่งแฟนทำธุระ แดดเปรี๊ยงๆอุณภูมิเกิน ๖๕ องศา ลองบายพาสดูยังได้-๒.๕องศาเลยครับที่สปีดพัดลมระดับ ๓(สูงสุดรถผมระดับ ๖ ครับ) ออกรถแว่นผมยังเป็นฝ้าเลยครับ แต่เป็นอยู่แป๊ปเดียว หากเข้าหน้าฝนก็คงฝ้าเกาะกระจกทุกบานเหมือนเช่นเคยครับ ตอนนี้คงแนะนำได้เท่านี้ครับ แต่คอมลูกสูบ(ผมก็เคยใช้) ผมว่ามันสู้คอมรุ่นใหม่ไม่ได้ครับ อะไหล่ก็หายาก รถตอนนี้ก็ให้พระท่านไปใช้ที่เขื่องในแล้ว ไม่เห็นกันอีกเลยหลายปีแล้ว ผมใช้แค่ซันเดน๕๐๘ ผมก็ว่าเหลือๆแล้วนะครับ ยิ่งนิปปอนเดนโซ่ยิ่งดีกว่า แต่ผมไม่สามารถแปลงขามันได้ เลยเลิกคิด ใช้ซันเดนดูแลมันให้ดีก็เกินพอครับ อะไหล่ก็เพียบหาได้ตลอดทุกจังหวัด แต่ก็ไม่ค่อยมีปัญหานักครับ ทริปนี้ก็ไม่มีปัญหาใดๆเลย เย็นตลอดทั้งไปและกลับครับสามพันกว่ากิโลเมตร แบบว่าเบริ๊ดๆครับ อิอิ สำคัญตอนทำตอนแรก(ที่มีโอกาสรื้อออกมาทั้งระบบ)ทำให้ดีให้ละเอียดตั้งแต่แรก ปัญหาจุกจิกต่างๆจะไม่ตามมาครับ

 

เป็นที่เซิฟเวอร์แน่ ขนาดผมพิมพ์ในเวริด แล้วเอามาเพทอีกทียังมีข้อความซ้ำๆ มันคงไม่รับกับวิต้าชัวร์ ก่อนนั้นใช้เวอร์ชั่นเก่าไม่มีปัญหานี้ยิ่งพิมพ์มากยิ่งกระโดดมาก

 

ปล่อยน้ำยาออกป่ะ อิอิ

 

ไม่ได้ยุ่งกับน้ำ ไม่รื้อหรือปรับแต่งระบบแอร์เลย แต่เย็นขึ้นมากครับ เดี๋ยวจะเอาเทอร์โมมิเตอร์วัดมาให้ดู
งานนี้คงใกล้ 0 องศา แต่คงไม่ติดลบอย่างคุณจินนี่หรอก

 

อยากสอบถามหน่อยครับ ใช้ corona At 151 น้ำยา R-12 สองเดือนก่อนไปทำแอร์มา คือมีน้ำยาซึมที่หัวศร มันซึมมานานแล้ว
เลยใช้ช่างปล่อยน้ำยา เปลี่ยนหัวศร แว็ค เติมน้ำมันคอม เติมน้ำยาแอร์ ก็ปกติไม่มีอะไร แต่มาถึงบ้านลองจับท่อ low ดู
มันไม่ค่อยเย็นเลยครับ แต่แอร์ในรถก็เย็นปกติครับ ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยครับ ผมปกติจะจับท่อ low ดูประจำ ถ้าแอร์เย็น
ท่อ low จะเย็นเป็นเหงื่อเกาะ แต่ตอนนี้แอร์เย็นปกติแต่ท่อ low ไม่ค่อยเย็นเลย อย่างนี้น่าจะเป็นที่อะไรครับ

 

ขยับตำแหน่งเทอร์โม รึป่าวครับพี่ยุทธ

 

แหม พี่เป้รู้จักแต่สาวๆ แถมสวยๆตั้งเยอะ ผมไม่ต้องจัดให้พี่ พี่ต้องจัดให้ผมแทนแล้วละครับ 555+

 

บ้างทีอาจจะมีสาเหตุมาจากดังนี้ก็ได้ เช่น แวคคัมไม่เพียงพอ , คุณภาพน้ำยา, วาล์ว ครับ

 

มีอะไรมาให้ทาย

ตอนนี้แอร์รถผมเย็นกว่าเดิมมากพอสมควร ผมไม่ได้เติมน้ำยา ไม่ได้ใช้ cold134 ไม่ได้ล้างคอล์ยร้อน

ทายสิว่าผมทำอะไร ใบ้ให้ว่าไม่เสียเงินเลย ทำเองง่ายๆ

.!!!!!!!...ผมว่าน่าจะเป็นการระบายความร้อนที่ตัวคอมแอร์รึป่าวครับ....!!!!!!

ผมมีไอเดียว่าจะหาท่ออะไรสักอย่างมาวางดักลมที่ด้านหน้ากันชนรถ(มุมล่างที่มีช่องว่าง)เพื่อที่จะให้แรงลมเวลาที่เราขับรถ มาเป่าที่ตัวคอมแอร์เป็นการระบายความร้อนได้อีกทางหนึ่ง เดี๋ยวทำเสร็จจะถ่ายรูปมาให้ดูครับ

 

ผมเคยใช้น้ำฉีดที่แผงคอล์ยร้อนหน้ารถ มันก็จะทำให้อุณหภูมิลดลงเร็วกว่าปกติ(เป็นเรื่องธรรมดา)แต่ก็ยังลงได้ไม่เยอะ...ก็เลยฉีดน้ำไปที่ตัวคอมแอร์เพื่อช่วยระบายความร้อนอีกทาง....มันได้ผลแหะอุณหภูมิลดลงได้อีกหลายองศา...จากนั้นมาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย

 

ขอบคุณน้องลี คุณจินนี่ คุณหนุ่มที่มาร่วมทายปัญหาครับ

เฉลยคือ ผมเอา idea คุณหนุ่ม บางบัวทองที่หุ้มท่อแอร์ มาจัดแจงเอาฉนวนยางที่เป็นท่อดำๆ หนาสักครึ่งนิ้ว มาหุ้มท่อแอร์ ทั้งหมดในห้องเครื่อง ทั้งท่อ hi, lo หุ้มตลอดแนวทั้งหมดในห้องเครื่อง ไม่ให้ความร้อนจากห้องเครื่องเข้าได้ ผลคือแอร์เย็นขึ้นมาก เปิด thermo ที่ 1 แก็ก คือระดับต่ำที่สุด กับพัดลมเบอร์ 2 กับอากาศร้อนกลางแดดเปรี้ยงตอน 9 โมงเช้านี่เล่นเอาคนขับหนาวครับ

ท่อยางดำๆที่หุ้มท่อแอร์นี่มีใครก็ไม่รู้เอามาโยนทิ้งข้างถนนกองเบ้อเริ่มเลย เราก็คัดเอาแต่อันดีๆมาใช้ เลยไม่เสียตัง

เสียเวลาไปชั่วโมงกว่าในการหุ้มทั้งหมด ท่อแอร์มันอยู่ลึก มีทั้งใต้หม้อน้ำ ใต้แท่นวางแบต ใต้กรองอากาศ อยู่ในซอกลึกๆทั้งนั้น แล้วไม่หุ้มฉนวนเลย มันก็รับความร้อนห้องเครื่องไปเต็มๆ แถมท่อแอร์บางส่วนอยู่ใกล้คอท่อไอเสียแบบห่างแค่ครึ่งนิ้ว ตรงนี้ผมทั้งหุ้มท่อยาง แล้วเอาแผ่นฟอล์ยห่อไก่ย่างที่เก็บๆไว้มาหุ้มหลายๆชั้น กันความร้อนจากท่อไอเสียเต็มที่

ผลที่ได้พอใจมากครับ ไม่เสียตัง แต่เย็นขึ้นเยอะ

ส่วนเรื่องเอาท่อยางไปอุดร่องตรงแผงแอร์กับหม้อน้ำ ยังดูๆอยู่ แต่ยังไม่ลงมือทำ

เรื่องเป่าลมเข้าคอมแอร์ผมว่ามันได้ไม่คุ้มเหนื่อยนะ ปกติเขาออกแบบแผงคอล์ยร้อนมาเผื่อให้ระบายความร้อนได้มากแล้ว โดยเฉพาะ tota แผงใหญ่เต็มหน้ารถเลย แค่หุ้มท่อให้หมดน่าจะดีแล้ว ผมว่าคุณหนุ่มก็หุ้มหมดอยู่แล้ว แต่ถ้าจะลองก็รายงานผลด้วยครับว่าได้ผลเป็นไง

 

ถามคุณเตอร์ครับ ผมอยากเปลี่ยนมาใช้ Cool 134

ผมใช้รถ SUZUKI VITARA 1.6 5D Auto ระบบแอร์ตอนนี้ปกติดีครับ แต่อยากเปลี่ยนมาใช้ Cool 134 ที่รถผมติดลาเบลกำกับไว้ว่าให้เติมน้ำยา 134a .55 Kg.
เข้าคำถามเลยนะครับ... ตามขั้นตอนที่ผมได้อ่านจากที่คุณเตอร์บอกไว้ถึงการเปลี่ยนน้ำยาแอร์มาเป็นCool 134 (ถ้าผิดตรงไหนบอกด้วยนะครับ)
1. ต่อสายสีเขียวเข้ากับหัวชาร์จน้ำยา(L) หาภาชนะไว้รองรับน้ำมันคอมฯ ที่ปลายสายสีเหลือง
2. ค่อย ๆ เปิดวาล์วด้านสายสีเขียวให้น้ำยาแอร์ออกช้า ๆ (น้ำมันคอมจะได้ไม่ตามออกมา หรือไม่ออกมาเลย) จนน้ำยาแอร์ออกมาจนหมด
3. นำสายสีเหลืองต่อเข้ากับเครื่องแวคคัม เปิดสวิทช์ให้เครื่องแวคคัมทำงานไม่น้อยกว่า 30 นาที
4. หักสายสีเหลือง (ไม่ให้อากาศเข้าไปค้างในสาย) แล้วปลดสายออกจากเครื่องแวคคัม แล้วเอาปลายสายจุ่มลงในน้ำมันคอมที่เตรียมไว้แล้วในปริมาณที่มากกว่าที่ไหลออกมาตอนปล่อยน้ำยาแอร์ ( มากกว่าสัก 20 CC. ถูกต้องมั้ยครับ) น้ำมันคอมจะไหลเข้าไปเอง
5. พอน้ำมันคอมใกล้หมดให้หักสายสีเหลือง แล้วเอาไปต่อเข้ากับหัวจุกของกระป๋องน้ำยาแอร์Cool 134a
6. คว่ำหัวกระป๋องลง แล้วกดปล่อยน้ำยาเพื่อให้เข้าไปในระบบ (กรณีรถผมน่าจะหมดกระป๋องเลย...ถูกไหมครับ)
7. ปิดวาล์วด้านสีเขียว จากนั้นติดเครื่องรถ เปิดแอร์เร่งให้เย็นสุด เปิดพัดลมให้แรงสุด
8. ให้ดูที่ตาแมวว่ามีฟองอากาศมาก หรือน้อย ถ้าเห็นว่ามีมากก็ต้องเติมเข้าไปอีก แต่ให้เติมทีละน้อย โดยเปิดวาล์วด้านสีเขียว แล้วกดปล่อยน่ำยาที่กระป๋องทีละนิด ๆ
** ถูกต้องไหมครับ และขั้นตอนไหน ต้องติดเครื่องยนต์ เปิดแอร์ ขั้นตอนไหนไม่ต้องติดเครื่องยนต์ ไม่ต้องเปิดแอร์ ช่วยอธิบายหน่อยนะครับ วันหยุดสงกรานต์นี้ ผมจะไปซื้ออุปกรณ์ และน้ำยาที่อมรครับ และจะลงมือทำเองเลยครับ
ท่านอื่น ๆ ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
ขอบคุณครับ

 

ว่าแล้วเชียว....หลักการระบายความร้อนและการป้องกันความร้อน...ใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกอย่างทั้งเครื่องจักรกล-เครื่องยนต์-เครื่องใช้ไฟฟ้าและยิ่งพวกอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ล่ะก้อสำคัญเป็นอย่างมาก......

.....มีไอเดียปิ๊งขึ้นมาอีกว่า....ทำไมไม่มีบริษัท/โรงงานหรือใครลองเอาคอมแอร์บ้านมาดัดแปลงใช้ในรถบ้างน่ะ...คิดเล่นๆน่ะครับว่าเราถอดเอาคอมแอร์ตัวเก่าออกไป แล้วหาไดนาโมหรือไดชาร์จอีกตัวที่แปลงไฟออกจากเดิม12v.เปลี่ยนพันขดลวดใหม่ให้ไฟออกมาเป็น220v.AC นำมาใส่แทนที่ตรงคอมแอร์เก่า ทีนี้เราก็จะได้ไฟ220v.ที่พร้อมจะจ่ายให้แก่คอมแอร์ตัวใหม่ได้แล้ว ส่วนคอมแอร์ตัวใหม่เราก็หาที่วางในตำแหน่งที่เหมาะสมสักแห่ง( อาจจะเป็นที่ท้ายรถ) จัดแจงเดินท่อน้ำยาใหม่ แค่นี้ก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย
1.คอมแอร์บ้านเอามาใช้ได้เลยหรือป่าวหรือว่าต้องดัดแปลงอะไรเพิ่มเติม รึว่าใช้ไม่ได้เลย
2.ถ้าได้...เครื่องยนต์ก็ทำงานไม่หนักเพราะเอาคอมแอร์ออกไปแล้ว กลายมาเป็นเครื่องปั่นกระแสไฟแทน
3.ถ้าได้...ส่วนเรื่องการต่อไฟ220v.นั้น ไม่มีปัญหา...การตัดต่อของเทอร์โมมิเตอร์เพื่อที่จะให้คอมแอร์ตัดนั้นก็ไม่มีปัญหา...ใส่รีเลย์เพิ่มตัวเดียวเพื่อใช้คอนแท็คมาตัดต่อไฟที่ไปจ่ายให้คอมแอร์บ้าน
...............คิดเล่นๆน่ะครับ...........อากาศมันร้อนนนนนนนน555

 

...ถ้าทำได้น่ะ...ปัญหาคือ
1.ใช้เครื่องยนต์มาปั่นกระแสไฟไม่ได้ เพราะว่ารอบเครื่องยนต์มันไม่คงที่ ทำให้ได้ไฟฟ้าที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น รอบต่ำ/รอบสูง

....น่าจะเปลี่ยนมาเป็นใช้เครื่อง inverter แปลงไฟจาก12v.เป็น220v. โดยใช้ไฟเลี้ยงวงจรจากBattery12v.

 

idea นี้ไม่น่า work เพราะ
1. เครื่องยนตร์มาปั่นไฟ เสียพลังงานในการแปลงแรงเครื่องมาเป็นไฟฟ้า 1 เด้ง
2. คอมแอร์บ้าน ใช้ไฟฟ้าที่ปั่นได้ มาหมุนคอม สูณเสียพลังงานในการแปลงจากไฟฟ้ามาเป็นพลังงานกลอีก 1 เด้ง

จะเห็นว่ามีการสูญเสียพลังงาน 2 เด้ง แต่วิธีปัจจุบันเครื่องยนตร์ปั่นคอมแอร์ตรงๆเสียพลังงานแค่ 1 เด้ง แถมจำนวนอุปกรณ์ในระบบก็น้อยลงด้วย
-------------------------------------
การเปลี่ยนรูปพลังงานทุกครั้ง จะเกิดการสูญเสียเสมอ พลังงานความร้อนจากการเผาไหม้ 100% แปลงเป็นพลังงานกลที่เครื่องได้ไม่เกิน 13% ที่เหลือคายทิ้งเป็นความร้อน

ใน 13% ที่เป็นพลังงานกล จะสูญเสียไปกับความฝืดต่างๆในเครื่องยนตร์ ความสูญเสียจากการการถ่ายทอดกำลังในเกียร์ เสียไปกับคอมแอร์อีก 10-15% (ของ 13% )เสียไปกับไดชาร์จอีกเกือบ 10% (ของ 13%) เหลือเป็นพลังงานลงล้อ ไม่ถึง 10%

 

งานเยอะคับ ไม่ได้อยู่หน้าคอมเลยฮะ

ตอบเลยนะคับ

 

ตอบเลยนะครับ
- ข้อ 4คับ ถ้ามีน้ำมันคอมออกมาเท่าไรก็เติมกลับไปเท่านั้นครับ หรือถ้าไม่มี
น้ำมันคอมออกมาเลยถ้าเป็นไปได้ก็หาน้ำมันเติมเข้าไปซัก 20 cc, ครับ
- ข้อ 6 เติมน้ำยา Cold134 เข้าไปหน่อยแล้วก็ติดเครื่องยนต์เปิดแอร์สุด
แล้วก็เติมน้ำยาแอร์ไปเรื่อยๆ ค่อยดู ตามแมวด้วยครับ
- ถ้ามองแล้วตาแมวยังมีฟองขาว ยังเยอะอยู่ก็ค่อยๆ เติมเพิ่มเข้าไปทีละนิดครับ
โดยการใช้การบังคับปริมาณโดย กดที่หัวกระป๋องเอาครับ

ถ้า งง ก็ถามมาอีกทีนะครับ หรือไม่ก็โทรหาผมก็ได้ครับ

 

แจ่มเลยครับพี่ยุทธ

 

น่าอิจฉาจิงๆ ขับรถยาวเลย ผมนี้ชอบขับรถมากๆๆๆๆ เลยครับพี่จินนี่

 

เจอทริกแบบนี้ต้องขอตัวไปหุ้มท่อแอร์บ้างแล้วซิเรา อิอิ

 

มีคำถามครับ คือว่าแอร์ก็เย็นดีอยู่แต่ คอมฯ มันมีเสียงดังนะครับ
น้ำยาพล่องนิดหน่อย มีพี่ที่รู้จักเขาบอกว่าให้ลองเดิมน้ำมันคอมฯ
เข้าไปอีกหน่อยจะช่วยได้เยะแต่แอร์จะเย็นน้อยลงนิดหน่อยเพราะ
น้ำมันคอมฯไปแทนที่น้ำยาแอร์ อันนี้ไม่รู้ว่าจริงไหม?
1.ถ้าจะเติมน้ำมันคอมเพิ่มไปจะบอกที่ร้านแอร์ว่ายังไงครับถึงเหตุที่จะเติมนะครับ
2.ถ้าจะให้ร้านเขาแวคคัมระบบแอร์ใหม่จะบอกเขาให้เข้าใจว่าไงครับ

 

ถ้าน้ำมันคอมขาดจริง เติมเข้าไปในปริมาณพอดี ก็ไม่ได้ทำให้ความเย็นนั้นลดลงครับ
- บอกช่างว่าน้ำมันคอมขาด ช่วยเติมให้หน่อย
- เวกและเติมน้ำมันคอมใหม่ กับน้ำยาแอร์ใหม่ให้ด้วยคับ

 

น่าคิดแหะ ถ้าลองทำระบบแอร์รถโดยใช้ Heat Exchanger จะเป็นไงเน๋อ

 

idea นี้ไม่น่า work เพราะ
1. เครื่องยนตร์มาปั่นไฟ เสียพลังงานในการแปลงแรงเครื่องมาเป็นไฟฟ้า 1 เด้ง
2. คอมแอร์บ้าน ใช้ไฟฟ้าที่ปั่นได้ มาหมุนคอม สูณเสียพลังงานในการแปลงจากไฟฟ้ามาเป็นพลังงานกลอีก 1 เด้ง

.................................................!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!.................................................
ถ้าใช้เครื่อง Inverter แทน...จะไม่มีการสูญเสียพลังงานเครื่องยนต์ครับ เพราะว่าเครื่องinverterใช้ไฟ12v.จากbattery เหมือนกับที่รถบัสหรือรถทัวร์ที่เอาตู้เย็น-เตาไมโครเวฟ-เครื่องทำน้ำอุ่นและอื่นๆที่ใช้ไฟ220v. และจะเป็นการประหยัดพลังงานอีกด้วยซ้ำไปเพราะว่าเราถอดเอาคอมแอร์ออกไปแล้ว(หรือไม่ก็เอาสายพานคอมแอร์ออก)...ส่วนเครื่องinverterนั้นหลักการทำงานคือ จะเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรง12v.ไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ220v. รูปร่างและขนาดของเครื่อง inverter จะขึ้นอยู่กับ load ที่เราจะใช้งานครับ อันนี้คงต้องสอบถามบริษัทที่เค้าขายเอาเอง ว่าคอมแอร์เรากินกระแสไฟฟ้าประมาณ 2 Amp. จะใช้เครื่อง inverter กี่วัตต์

 

ปรึกษาหน่อยครับ รถผมมีอาการดังนี้
ท่อ h ร้อนมาก ครับ ไปถึง ไดเออร์ ไปถึง ท่อวาล์ว คอมก็ร้อนมาก
ผมเติมน้ำยาเข้าไปเกือบ 50 ปอนด์ ไดเออร์ก็ยังขุ่นอยู่ครับ คอมตัดต่อเกินไปด้วย
ก็เลยปล่อยออก ยังไงก็ไม่ใส (อาการไดเออร์ตันเป้นอย่างไรครับ)
เวลาผมเปิดแอร์ในรถ จะมีเสียงฟี่ ฟี่ ที่คอยเย็นครับ คาดว่าเสียงวาล์วฉีดน้ำยา
แต่มันต้องมีเสียงด้วยหรอครับ (อาการวาล์วตัน เสื่อม เป็นอย่างไรครับ)
ผมทำการปล่อยน้ำยา 134 ที่อยู่ในระบบออก ลองเอามือไปอังที่ปลายสายที่ลมออกมา
ไม่รู้สึกว่ามันจะเย็นเหมือนน้ำยาแอร์เลยครับ ประมาณลมฝ่านน้ำแข็งหลอด ประมาณนั้น

รบกวนด้วยครับ

 

โดยปกติแล้วท่อ H ต้องร้อนครับ ส่วนที่ร้อนก็มี ท่อ discharge,คอนเดนเซอร์,ดรายเออร์,ท่อ liquid ส่วนที่ผมบอกไปต้องมีอุณหภูมิร้อนครับ อันนี้เป็นปกติครับ

ดรายเออร์ วิธีการเช็คจับที่ตัวดรายเออร์ครับ ต้องอุ่นๆ แต่ถ้าเย็นเลยแสดงว่ามันตันครับ ส่วนที่บอกว่ามันขุ่นนี้คือ Sight glass ช่ายไหมครับ ถ้ามันขุ่นมากจนไมสามรถมองเห็นได้ก็สมควรเปลี่ยนใหม่ครับ

เสียงฟี่ ฟี่ คือ เสียงวาล์วฉีดน้ำยาครับ อาการของวาล์วตันมีสาเหตุมาจาก ซิลิก้าเจล ภายในดรายเออร์แตกทำให้ซิลิก้าเจลมาอุดตันที่วาล์วจึงเกิดวาล์วตันครับ วาล์วเสื่อมมันก็จะไม่สามารถฉีดน้ำยาไม่เต็มที่ครับ เนื่องจากวาล์วมันเปิดมากเกินไป เช๊ควาล์วผมอาศัยดูเกจคอมปาวด์เอาครับ ถ้าเสียจะอยู่ประมาณ 40 - 50 PSI

ปล่อยน้ำยา แล้วรู้สึกมีน้ำมันคอมออกมาไหมคับหรือว่า มี แต่น้ำยาออกมาถ้ามีแต่น้ำยาออกมาเติมน้ำมันคอมเข้าไปด้วยนะครับ เดี๊ยวคอมพังเอา เติม 50 CC ครับ