ตอนนี้เริ่มมีถังเปล่าน้ำยาcold 22 ละโปรเจคDIY ต่อไปคือเอาถังน้ำยาแอร์มาทำที่ถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ครับ ก่อนอื่นคงจะต้องถ่ายน้ำยาออกจนหมดจากนั้นแวกให้ติดลบ 30 แล้วก้อปล่อยอากาศเข้าไป แวกออกสัก2-3 ครั้งจนมั่นใจว่าไม่มีสารไวไฟในถังแล้ว จากนั้นจะเจาะรู ขนาด 3/4 นิ้ว ใส่ลดเหลี่ยมทองเหลือง 1/2 นิ้วและใส่บอลวาวเอาไว้ถ่ายน้ำมันออกจากถัง โดยจะติดหัวทองเหลืองทีี่สามารถใส่ท่อLLDPE ขนาด 6.1 มิลเอาไว้ดูดน้ำมันเกียนร์ออโต้ น้ำมันเกียร์น้ำมันเครื่องออกจากรถยนต์โดยใช้ปั้มแวกคัมแอร์ครับ และสุดท้ายกลึงทองเหลือเกลียวเดียวกับเกจน้ำยาฝังลงบนถังน้ำยาโคล 22 ก่อนครับ อิอิ เดี่ยวทำเสร็จจะถ่ายรูปมาให้ดูครับ ตอนนี้กำลังหาทางใช้น้ำยาที่เหลือในถังอีก 1ขีดให้มหดก่อนครับ
เครื่องเชื่อมกระแสตอนเริ่มจะสูงมาก เพราะเป็นกระแสลัดวงจร ต้องใช้เบรกเกอร์แบบหน่วงเวลาหรือ thermal ด้วย ปกติไม่มีใครเชื่อมติดต่อกันเป็นนาที มิเตอร์ไม่พัง ถึงกระแสจะวิ่งไปเป็น 3-4 เท่าของขีดจำกัด การต่อตัวเก็บประจุ ถ้าอยากหาอ่าน หาได้จากคำว่า power factor
งานเข้าแล้ว หุๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้เข้าที่ผมนะ http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V7919415/V7919415.html
ขอถามหน่อยครับ รถที่ไม่ได้ใช้แอร์มานาน หากต้องการกลับมาใช้อีกครั้ง ต้องทำอย่างไรบ้าง เปลี่ยนอะไหล่อะไรบ้างครับ ถ้าได้ราคาด้วยก็ดีครับ อีกข้อครับ แรงดันด้าน Hi /low ควรอยู่ประมาณกี่ Psi ครับ ตอนนี้รวบรวมเครื่องมือครบแล้วครับ จะลองทำเองแล้วครับ ขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าครับ
ไม่ได้ใช้มานาน นี่ระบบรั่วไหมครับ ถ้าระบบไม่ได้รั่วแค่แว็คเติมน้ำมันคอมนิดหน่อย เติมน้ำยาก็น่าจะเย็น แต่ถ้าระบบรั่วด้วย ทิ้งไว้นานๆ ผมว่าถอดออกมาเอา F11 ล้างระบบให้สะอาด เปลี่ยนดรายเออร์ใหม่ด้วยน่าจะดีนะครับ เอาแบบชัวร์ๆ ด้าน hi ประมาณ180 - 200 หรือไม่ควรเกิน 250 ด้าน lo ประมาณ 30ิ-40 หรือไม่ควรเกิน 50 รอท่านข้างล่างมาช่วยออกความเห็นด้วยครับ
.....แอร์ที่ไม่ได้ใช้มานาน มันก็เหมือนกับรถที่จอดทิ้งไว้เฉยๆอ่ะครับ อย่างแรกที่ ต้องเช็คก็พวกของเหลวน้ำมันคอมก่อนเลยถ้าเปลี่ยนได้เองเปลี่ยนน้ำมันใหม่ เลยครับ แล้วก็ใช้มือนั่นแหละหมุนหน้าคลัตคอมให้มันทำงานเพื่อให้น้ำมันคอม มันกระจายหล่อลื่นเต็มระบบภายในตัวคอมแอร์ (ความคิดส่วนตัวครับ)อิอิ.. ดรายเออร์และวาล์วฉีดน้ำยาแอร์เปลี่ยนใหม่ไปเลยครับเพื่องานจะได้จบในคราว เดียว ต่อจากนั้นก็ทำตามที่พี่รุ่งแนะนำไว้ครับ....
เรื่องหัวพ่นหมอกนั้น ตอนนี้คิดว่าตัวเดียวขนาด 9ลิตรต่อชั่วโมงนั้นไม่ได้ช่วยให้กระแสลดสักเท่าไรครับ ตอนนี้กะจะใส่ สัก2-3 หัวเพื่อทำให้แอร์เย็นไปเรยแต่คิดอีกทีไม่รุ้จะคุ้มค่าน้ำไหมเนี่ยยังไงพี่ๆช่วยออกความเห็นด้วยครับ
เมื่อวานลองเติมน้ำยาแอร์บ้านแล้วครับ (R-22) อยากถามว่า เปิดซัก 30-60 นาที แล้ววัดลมออก (พัดลมแรงสุด)ได้ประมาณ 13-14 องศา นี่มันเย็นน้อยไปไหมครับ ถ้าเปิดนานๆซัก 2-3 ชม ก็น่าจะลงเรื่อยๆ แต่ไม่รอนานขนาดนั้น อันนี้เติมจนกระแสตาม name plate แรงดันประมาณ 65-70 psi แล้วก็ลองปิดแอร์เปิดใหม่ซัก 2-3 รอบ ดูว่าคอมแอร์มัน start ได้ปกติ ไม่มีเสียงครางเหมือนสตาร์ตไม่ขึ้น แต่โดยรวมก็เย็นขึ้นกว่าตอนยังไม่เติมนะครับ แต่ไม่รู้ว่ามันเต็มหรือยังแค่นั้นเอง (ตัวแรกเติมไปเรื่อยๆ เห็นมันยังเย็นลงอยู่ พอปิดเปิดใหม่เท่านั้นแหละ คอมสตาร์ทแล้วเสียงดังแก๊กๆ เลยต้องปิดแล้วปล่อยน้ำยาออกจน star ไม่ดัง)
ฉีด 3 หัวก็ยังคุ้ม น้ำ 1000 ลิตร ราคา 10 บาท ถูกกว่าไฟเยอะ ถ้าจะประหยัดเห็นชัดๆ ต้องแอร์เล็กกว่าขนาดห้อง แผงระบายความร้อนจะร้อนจัดตลอดเวลา ฉีดน้ำเข้าไปเย็นๆ ประหยัดไฟวูบเลย กรณีปกติแผงระบายความร้อนไม่ร้อนจัด แค่อุ่นๆ ฉีดน้ำแล้วเลยลดไม่เยอะ
หายไปนานครับ มีเรื่อง update มาหลายเรื่องครับ เอาเรื่องใหม่ๆ ก่อนนะครับ เรื่องเก่าๆ เช่น แปลเอกสารของ R12 ใช้ในระบบ R22 ,ตอบคำถามบางท่าน ยังคับยังไม่ลืม เดี๋ยวเอาเรื่องที่เพิ่ง update มาคับ 1. เมื่อวานนี้ (วันอาทิตย์) พี่ผดุงสิน เป็นตัวแทนจำหน่าย Cold ในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียว พี่เขาเพิ่งออกรถมาใหม่ Mitsubishi spec wagon แล้วเมื่อวานเสาร์ พี่เขาลองให้เด็ก เปลี่ยนเป็น cold134 แล้วปรากฎว่า เย็นได้ 8 องศา พี่เขาก็ ok พอวันอาทิตย์เอารถออกมาใช้ แล้ว แอร์ตู้หน้าเย็นดี แต่ แอร์หลังไม่เย็นมีแต่ลม พี่เขาส่งสัยเลยโทรหาผม ผมก็ฟันธงไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ลงมือเติมเอง พี่เขาเลยเข้ามาหาผมที่โรงงานตอนบ่าย 2 ผมก็เริ่มปล้ำเลย หาสาเหตุ หาไม่เจอ (เอาไงดีว่ะ) โทรหาป๋าดู ป๋าอยู่ไหน ....อยู่หน้าปากซอย ok ป๋ารีบเข้ามาดูให้หน่อย ป๋าก็ยัง งง งง เลยปล่อยน้ำยาแอร์ทิ้งแล้ว ป๋าผมลงมือเองคนเดียวเลยโดย เริ่มเติมใหม่ดู ใช้ Cold134 เติมใหม่ทั้งระบบ ปรากฎว่า..... ตามภาพเลยครับพี่ๆ เพื่อน ๆ ส่วนตัวผมเลยนะครับ โคตรรรรเย็นเลยทั้งแอร์ตู้หน้าตู้หลัง (เทพ ลงมือทำเอง ทีเดียวจบ เย็นโคตรร)
ขอโทษครับที่ทำให้รอ ผมดูตามเอกสารแล้ว ไม่น่าจะใช้ได้ครับ อีกอย่าง ผมเองยังไม่เคยลองด้วยตนเองเลยครับ ถ้าผมมีโอกาศได้ลองเองกับมือแล้วจะมาอธิบายให้ฟังอีกทีครับ
สงสัยคุณเตอร์จะเจอน้ำยาแอร์ที่เติมรถคุณผดุงศิลแบบเดียวกับน้องแจ๊สผมแน่ๆ อิอิ แต่ทุกวันนี้ยอมรับแล้วว่าเจ๋งจริงเพราะว่าไปลองกับรถกะบะครับ
คุณรุ่งครับ ทำไมไม่ลองเติมน้ำยาตามน้ำหนักที่ระบุบนเนมเพลทล่ะครับ เติมโดยดูแต่กระแสมันไม่ค่อยเวิร์คครับ คุณยุทธเป็นผู้บรรลุสัจธรรมข้อนี้เป็นคนแรก ผมเป็นคนที่สอง ไม่อยากให้มีคนที่ 3 เลย ผมปล่อย cold22 ทิ้งไป 1 รอบแล้วเพราะเติมเข้า-ออกโดยดูแต่แรงดันกับกระแส ซึ่งเสียเวลาและเสียดายน้ำยามากครับ ล่าสุดผมเติมโดยชั่งน้ำหนัก แต่ใจร้อน ไม่รอให้แอร์ปรับตัวกับน้ำยาแบบใหม่ ดันทะลึ่งไปเติมเพิ่มเข้าไปอีกนิดนึง ตอนนี้ยังไม่อยากปล่อยน้ำยาทิ้งทั้งระบบอีกรอบ แต่ค่อย ๆ ปล่อยออกทีละนิด ซึ่งดีกว่าเก่ามาก แต่ก็ยังไม่ 100 % ใครจะเติมน้ำยาแอร์บ้าน ไม่ว่า cold22 หรือ R22 แนะนำให้ชั่งน้ำหนักตามที่ระบุในเนมเพลทนะครับ จะได้ไม่ปวดหัวเหมือนผม
สำหรับ cold-22 คิดว่าจะใช้ชั่งน้ำหนักเหมือนกันครับพี่กบ แต่อันนี้เป็น R-22 และเป็นการเติมเพิ่มจากเดิมที่น้ำยาขาด จึงใช้วิธีชั่งน้ำหนักไม่ได้ ถ้าถ่ายออกทั้งหมดเพื่อเติม cold-22 คงต้องชั่งน้ำหนักเหมือนกัน น่าจะง่ายที่สุด แต่ก็มีปัญหาอีกอย่างครับ แอร์ที่ผมจะเปลี่ยนน้ำยาบางตัว มันไม่มี name plate บอกว่าใช้น้ำยาแอร์กี่ kg (แอร์เก่ามาก) แต่มันเป็นระบบธรรมดาไม่ใช่ inverter คงจะไม่ยุ่งยากเท่าไหร่ใช่ไหมครับ กะว่าใช้ดูกระแสให้น้อยกว่าR-22 แล้วจะดูอุณหภูมิลมเย็นเอาให้ได้น้อยที่สุด คล้ายๆกับตอนเติมแอร์รถ แต่เนื่องจากแอร์บ้านพื้นที่ห้องใหญ่กว่าในรถ ทำให้ต้องใช้เวลารอนานกว่าจะรู้ว่าอุณหภมิยังลงได้หรือไม่ ถามอีกอย่างครับ น้ำมันคอมของแอร์บ้าน R-22 ใช้แบบไหนครับ เวลาที่ถ่ายน้ำยา R-22 ออก ต้องเติมเพิ่มไหมครับ ใช้แบบกระป๋องสีเขียวของคุณเตอร์ได้ไหมครับ ??
แบบที่พี่ professor บอกครับ ถ้าเรียนด้านไฟฟ้ากระแสสลับมา จะมี 3 เหลี่ยมกำลัง Watt , VA, VAR ในไฟฟ้ากระแสตรง(DC) กระแสกับแรงดันไหลพร้อมกันทำให้ไม่เจอปัญหาเรื่องการวัดกระแส เนื่องจาก power factor เป็น 1 P = E x I x power factor แต่ power factor เป็น 1 P จึงเท่ากับ E x I แต่ในไฟฟ้ากระแสสลับ AC ถ้าเป็น load พวกที่เป็นขดลวด เช่นมอเตอร์ หม้อแปลง หรือบัลลาสของหลอดไฟ จะเจอปัญหาของค่า power facter ไม่เป็น 1 แต่จะเป็น 0.8 0.9 ตามชนิดของ load P = E x I x 0.8 ทำให้เวลาทีวัดกระแสออกมา ถ้าเครื่องวัดไม่ได้ออกแบบมาให้วัดกระแสจะทำให้วัดค่าออกมาผิดพลาด ส่วน Capacitor จะมีค่า power factor มากกว่า 1 จึงเป็นอุปกรณ์ที่นำมาต่อขนานเข้าในวงจรเพื่อใช้ชดเชยค่า power factor ให้กับอุปกรณ์ที่เป็นขดลวด เรียนจบมานาน วิชาคืนอาจารย์ไปเกือบหมดแล้วครับ ถ้าได้พี่ professor มาอธิบายตรงๆ (พูด) น่าจะง่ายกว่าพิมพ์แน่ๆ
มาแล้วๆๆ DIY ถังแวกคัมดูดถ่ายน้ำมันเครื่อง เกียร์ออโต้ ของเหลวทุกชนิด ทำมาจากถังน้ำยาcold 22 ต้องขอบคุณคุณเตอร์มากๆที่มีผลิตภัณฑ์ดีๆออกสู่สังคมทำให้ผมทำถังขึ้นมาโดยดัดเเปลงถังน้ำยาคุณเตอร์ครับ วิธีทำถัง เร่ิมจาก 1. ปล่อยน้ำยาให้หมดถังก่อนครับ พยายามทำให้แน่ใจว่าในถังไม่มีก๊าชหลลงเหลือยู่ 2. ถอดวาว หัวถังโดยใช้ประแจปากตายเบอร์ 17 3. เจาะรูฝังลดเหลี่ยมทองเหลืองขนาด 6หุนลด 4หุนเพื่อใส่บอลวาวสามทางใช้การดูด1ทางอีก 1ทางใช้ถ่ายน้ำมันที่อยู่ในถังออกครับ 4. เชื่อมทองเหลืองบริเวณลดเหลี่ยม 5.พ่นสีให้มันดูน่ากัวเข้าไว้ใครจะได้ไม่มายุ่งกับถังเรา อิอิ
มีข้อสงสัยเรื่องการเติมน้ำมันคอมแอร์ครับ เรื่องมีอยู่ว่า 1. น้องชายเอารถไปเติมน้ำยาแอร์เนื่องจากมันบอกว่าแอร์ไม่ค่อยเย็น จากนั้นเกิดอาการติดไฟแดงตอนอากาศร้อนแล้วแอร์ไม่ทำงาน คือตัดแล้วต่อและตัดอีกไวมาก(เป็นเฉพาะตอนรถติดๆ เครื่องร้อน) อาการคือมีแต่ลมออกมา แต่หากสตาร์ทใหม่ๆ หรือเวลารถวิ่งแอร์ก็จะเป็นปกติ แอร์ยังเย็นเหมือนเดิม 2. เอารถไปให้ช่างแอร์ที่ร้านนึงเช็คให้ เขาก็ไม่ทราบอาการแต่ดันเปลี่ยน relay มาให้ผม ซึ่งผมมาทราบทีหลังว่า relay ผมม่ะได้เสีย เข้าอีกร้านนึง ช่างรื้อหน้าคลัชมาดูบอกว่าสึก ผมก็เลยไปหามาเปลี่ยน แต่อาการติดไฟแดงตอนอาการศร้อนแล้วแอร์ตัดไม่ทำงาน ก็กลับมาอีก 3. ผมชักสงสัยว่าตอนน้องชายเติมน้ำยาแอร์ในครั้งแรก เติมมาเยอะเกินไปหรือป่าว ทำให้เวลาอาการร้อนๆ ความดันสูงคอมแอร์เลยไม่ทำงาน (อุณหภูมิหม้อน้ำผมก็สูงกว่าปกติด้วย แต่พัดลมยังทำงานอยู่) 4. ลองเช็คดูว่าพัดลมหมุนปกติตอนเปิดแอร์ กับตอนปิดแอร์ ก็ยังหมุนอยู่ Vios มีพัดลมตัวเดียว จะทำงานตอนเปิดแอร์พร้อมจังหวะตัดต่อ(โหมดแอร์) และหากปิดแอร์เมื่ออุณหภูมิสูงมันก็จะหมุนเอง(โหมดหม้อน้ำ) 5. ผมมือซน ไปปล่อยน้ำยาแอร์เองตรงช่อง L ปล่อยมากเกินไป เวลาแอร์ทำงาน สังเกตุดูที่ตาแมว ฟองฟ่อดมาเลย จากตอนแรกใสไม่มีฟองเลย หลังจากปล่อยน้ำยาออก รู้สึกว่าแอร์เย็นน้อยลง แต่อาการจอดติดไฟแดง แล้วแอร์ไม่ทำงานไม่เจออีกเลย กลายเป็นเจอปัญหาแอร์เย็นน้อยลงแทน และเสียงตอนคอมแอร์ทำงานเบาลงด้วย 6. ด้วยความร้อนใจ เอารถเข้าร้านแอร์แถวแยกสุทธิสาร(ที่เลือกเพราะมีป้าย Denso กับเปิดมาเกิน 10ปี น่าจะเชื่อถือได้) เพื่อแวกซ์น้ำยาแอร์ (ถ่ายของเก่า และเติมใหม่) กับเปลี่ยนดรายเออร์ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 1200บาท ทีนี้มารู้ตอนเขากำลังถอดแผงคอยส์ร้อนมาเปลี่ยนเดรายเออร์ว่า เขาไม่สามารถเติมน้ำมันคอมแอร์ให้ หากจะเติมต้องรื้อถอดคอมแอร์ออกมาและต้องเสียเพิ่มค่าแรงกับค่าน้ำมันคอมแอร์ ผมก็งงไปเลย เพราะอ่านจากในกระทู้ว่ามันเติมน้ำมันพร้อมน้ำยาแอร์ กำลังคิดว่าร้านนี้มัน ชักจะยังงัยแต่ด้วยความที่นัดลูกค้าไว้ ผมตัดสินใจไม่ให้เขารื้อคอมแอร์ เขาก็ไม่เติมน้ำมันคอมแอร์ให้ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ขับรถออกมา คราวนี้รู้สึกเลยว่าแอร์เย็นน้อยกว่าเดิมมาก(ตอนที่ผมปล่อยน้ำยาแอร์ออกยังเย็นกว่าเลย) และคอมแอร์ก็ทำงานเสียงเบากว่าเดิม และดึงกำลังเครื่องมากขึ้น ผมควรจะทำยังงัยดีครับ เพราะตอนนี้ชักจะเริ่มสับสนแล้ว ไม่รู้ต้องแก้ไขตรงจุดไหน ข้อสงสัยของผมตอนนี้คือ เพราะไม่ได้เติมน้ำมันแอร์ ตอนแวกซ์ หากมีข้อแนะนำประการใดช่วยบอกด้วยครับ ร้อนใจมาก
อาจจะเกิดจากเติมน้ำยาแอร์มากเกินไป ตอนรถติดเครื่องร้อนมากๆ แผงร้อนระบายไม่ทันอาจะะทำให้แอร์ตัดการทำงานเพื่อป้องกันคอมเสียหาย แต่ที่เคยเจอกับรถตัวเอง แอร์มันจะหยุดไปนานพอสมควรเลยนะครับกว่าจะต่อใหม่ ไม่ใช่ตัดๆต่อๆติดๆกัน ถ้าอาการคอมแอร์ตัดๆต่อเร็ว อาจจะเป็นที่ตัว Relay ก็ได้ หรือครัชคอมแอร์ก็ได้นะครับ ตอนร้อนๆมันจะออกอาการรวน ตัดๆต่อๆ ทำให้แอร์ไม่เย็น น้ำมันคอมถ้ารั่วออกมาไม่เยอะตอนปล่อยน้ำยา ก็ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหมดครับ ใช้เติมเพิ่มไปซัก 50 cc ก็น่าจะพอ ถ้าจะเปลี่ยนหมด มันก็ต้องรื้อออกมาแบบที่ร้านแอร์บอกแหละครับ ถ้ากรณีคอมน๊อคอาจจะต้องทำ แต่ของคุณไม่เป็นคิดว่าแค่เติมน้ำมันคอมเพิ่มแค่นั้นก็น่าจะพอครับ ตอนนี้ตอนติดเครื่องเดินเบาเปิดแอร์แรงสุดแล้วดูตาแมวสิครับว่าน้ำยามีฟองไหม หรือว่าเป็นน้ำใสๆไม่มีฟองเลย ถ้ามีฟองเยอะมากก็น้ำยาน้อยไป ถ้าไม่มีฟองเลยก็อาจจะน้ำยามากไปทำให้หนักเครื่องและไม่เย็นด้วย คิดว่าถ้าเติมน้ำยาแอร์ที่มีคุณภาพ แต่เติมพอดีๆ ก็น่าจะเย็นแล้วนะครับ อ้อลองล้างคอล์ยร้อนให้สะอาดด้วยครับ คิดว่าช่วยได้เยอะเลย ใช้น้ำยาล้างแผง หรือเป็ดขวดม่วง หรือน้ำยาล้างจานซันไลท์ หรือผงซักฟอกก็ได้ครับแค่น้ำเปล่าฉีดล้างแผงไม่พอครับ (ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่)
ลองปล่อยน้ำยา ออกทีละน้อย ให้ที่รอบเดินเบา มีฟองอากาศวิ่งน้อยๆ ดูครับ ทางที่ดี หาซื้อเทอร์โมมิเตอร์แบบ digirtal มาวัดอุณหภูมิลมเย็นที่ออกมา ว่าได้กี่องศา แล้วพอปล่อยน้ำยาออกที่ละน้อย อุณหภูมิลมเย็น ลดลงหรือเพิ่มขึ้น ปล่อยแล้วรอซัก 5 นาที ดูว่าถ้าอุณหภูมิยังลดลงอยู่แสดงว่าเติมน้ำยาเกิน อย่าใช้ความรู้สึกครับ ใช้เครื่องวัดนี่แหละครับ บ้านอยู่แถวไหนครับ ถ้าไม่ไกลกันวิ่งเอามาให้ดูก็ได้ครับ ผมอยู่ ถนนนวมินทร์ ใกล้ๆตลาดปัฐวิกรณ์
วันนี้แอบนอนตอนทำงานแล้วฝันอยากประดิษฐ์เครื่องมือ D.I.Y. OTOP มาใช้แบบคุณหน่อยบ้าง เลยอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันเสนอไอเดียเป็นแนวทางครับ คือผมอยากทำเครื่องอัดอากาศเข้าไปในระบบแอร์ เพื่อเช็คหารอยรั่วก่อนที่จะชาร์จน้ำยาเข้าระบบ อุปกรณ์ที่คิดได้ตอนนี้คือเครื่องสูบลมล้อรถแบบที่ต่อกับทึ่จุดบุหรี่ แล้วก็แมนนิโฟล์วเกจ์ธรรมดาที่เราใช้ชาร์จน้ำยาแบบธรรมดา ๆ นี่แหละครับ ปกติแวคคั่มปั๊มมันจะดูดอากาศออกอย่างเดียว แต่อัดอากาศเข้าไปเช็ครั่วไม่ได้ แต่ตามร้านแอร์ส่วนใหญ่เขาจะใช้คอมแอร์มาประยุกต์ทำได้ทั้งดูดและอัดอากาศ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะเอาหัวต่อสูบลมล้อรถไปเข้ากับเกจ์วัดยังไง หรือท่านใดมีวิธีที่ง่ายกว่านี้ ช่วยแนะนำด้วยครับผม...
ช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้ครับ ถ้าเสียหนักๆ หรือเสียแปลกๆ ก็ต้องให้คนเก่งๆหรือร้านเก่งๆทำเหมือนกันครับ + อ้างถึง ตอบกลับ