D.I.Y. แอร์รถยนต์ด้วยตนเองคับ (ใครรถติดไฟแดงนานๆแล้วแอร์ไม่เย็น เข้ามาคับ)

ถ้าเคยใช้ 134a แล้วเปลี่ยนมาเติม R-12 ปกติน้ำมันคอมไม่ต้องเปลี่ยนเพราะส่วนมากน้ำมันคอม 134a จะดีกว่าของ R12 อยู่แล้ว

ถ้าต้องการเปลี่ยนเป็น cold12 ก็สามารถ ถ่าย R-12 ออกแล้วเติม cold-12 เข้าไปได้เลยครับไม่ต้องถ่ายน้ำมันคอมทิ้งครับ รอท่านอื่นมาช่วย confirm อีกทีแล้วกันครับ
รอพี่ชายผมทำแบบที่ผมบอกมาทั้งหมดแล้วครับ จากเดิมๆ R-134a -> R-12 -> Cold-12 โดยที่ไม่ต้องถ่ายน้ำมันคอมทิ้ง มีแต่เติมเพิ่มเข้าไปประมาณ 5 วินาที (น้ำคอมกระป๋องของคุณเตอร์ใช้ฉีดเหมือนสีเปรย์)

ตอนนี้ที่รอบเดินเบาถ้าเร่งพัดลมสูงสุด เทอร์โมเย็นสุด ได้กี่องศาครับ มีเทอร์โมมิเตอร์มาวัดลมเย็นบ้างไหมครับ

อยู่แถวลาดพร้าว แนะนำร้านคุณลีครับ อยู่ตรงแยกราม 1 ตัดกับพระราม 9 เค้ารับเติมทั้ง cold-12 cold-134

หรือเอามาให้ผมทดลองฝีมือเติมน้ำยาไหมครับ ถ้ากล้าพอ

 

แอร์รถไม่ถนัด แต่ถ้าแอร์บ้านก็อย่างที่คุณรุ่งว่านั่นแหละ แต่ผมปิดห้องทำนะ ไม่เปิดประตูหน้าต่าง เพราะขืนเปิดนี่ทำยังไงท่อดูดก็ไม่ได้ 7 องศาหรอก เริ่มวัดหลังจาก 30 นาที่ที่ห้องน่าเย็นได้ที่แล้ว ใช้ชั่งน้ำหนักเติมด้วย ห้ามวัดแรงดันอย่างเดียว

 

น้ำมันคอมเดิมใช้ได้กับ cold 12 ไม่ต้องถ่ายใหม่ เปลี่ยนน้ำยาอย่างเดียว
เรื่องร้านที่รับเปลี่ยน ลองไปติดต่อที่ www.coolmansale.com ดูเขาน่าจะแนะนำร้านได้

 

ต่อครับ .....
ผมเองส่วนตัวก็ยังไม่เคยลองนะครับ ถามป๋าผมแล้วว่าเคยลองเปล่า ป๋าบอกเคย
ผลเป็นไง.....

ถ้าแอร์บ้านลอง R12 เติมแล้วไม่เย็น (เพราะ เพรสเชอร์มันไม่ได้) กระแสไฟไม่ได้จับคับ
แต่ถ้าเป็นตู้แช่ เลยลอง R12 ใส่ในระบบที่เป็น R22 เคยลองก็เย็นดี กระแสไฟไม่ได้จับ
(ป๋าบอกว่าเคยลองตั้งแต่อายุ 19 ตอนนี้ป๋าก็อายุ 46 ละครับ)

 

พี่ยุทธคร้าบบบบ ไม่ช่าย coolmansale ครับ ตัวแทนรายนั้นผมยกเลิกไปแล้วคับ

ท่านใดสนใจก็ www.cold22.com มีบริการเติมแอร์รถนอกสถานที่ครับ

 

เมื่อเช้านี้แวะเดินเล่นตลาดนัดพฤกษา3 ก่อนที่จะมาเข้าเวรที่ทำงาน เดินได้สักพัก...เอ๊ะๆ!!!อะไรอ่ะนั่น
รีบเดินเข้าไปดู...โอ้แม่เจ้า!สิ่งที่เราต้องการ(หลายคนด้วยมั๊ง)คิดในใจมันจะราคาเท่าไรว่ะเนี๊ย...เลยถามพี่
เค้าไปว่า กระป๋องเท่าไรมีน้ำยามั๊ย?พี่เค้าหยิบยื่นมาให้ดู อ่ะน่ะมีน้ำยาด้วยนี่หว่า(ประมาณ80%)เท่าไรพี่
...พี่เค้าบอกราคาแบบไม่คิดมาก 100บาท(ตกกะใจเลยเรา)พี่ๆ80บาทได้ป่าวคือน้ำยามันน้อยแล้วอ่ะ...พี่
แกนิ่งอยู่พักหนึ่ง เอ้า..ประเดิมร้านก็แล้วกัน(ลองต่อเล่นๆดูเฉยๆนึกว่าจะไม่ให้ อิอิ)เสียดายมีป๋องเดียว
เลยสั่งพี่เค้าไปว่าถ้าหามาได้อีก เก็บไว้เลยน่ะรับซื้อหมด(กะว่าจะขายต่อในนี้แหละ55)
....ไม่รู้ว่าเหมือนกับของพี่จินนี่ที่เคยใช้ป่าวครับ....ผมลองฉีดดูนิ๊ดหนึ่งโอ้โห!แรงมากๆ สุดยอด....

 

แอบมาส่อง แอบมาส่อง อัพเดทกันใหญ่เลย

 

อัพเดทครับ คือผมมีเรื่องจะถามพี่ๆท่านท่านรวมทั้งท่านที่มีความเห็นทุกท่าน พอดีตะกี้ได้เติมน้ำยาcold 22 เข้าไปในเเอร์มิตซู เฮววี่ ดูตี้ 12000บีทียูครับ เติมเข้าไปเพิ่มอีกประมาณ 1.2 ขีดครับ ตอนแรกใช้R 22 เดิมแรงดัน 70ปอนด์กระแสประมาณ 5.9แอม ถึง 6.1 จะได้ 6.1 ตอนสตาร์ทใมห่ๆ แล้วจะลดลงมาหลังเปิดเคร่องได้ประมาณ 15 นาทีเหลือ 5.9 แต่ผมเปลี่ยนมาใช้Cold 22 ได้ปีกว่าๆแล้ว ตอนเปลี่ยนเป็ฯcold 22 นั้นเติมโดยไม่ได้ชั่งน้ำหนักดูแรงดดันอย่างเดียวซึ่งเป็ฯวิธีที่ไม่ถูกต้องครับ โดยกระแสลดลงมาเหลือ 4.6 แอม ตอนสตาร์ทประมาณ 4.7-4.8แอมเปิดได้สัก 5นาทีก้อลงมเหลือ 4.6 พอเปิดไปสัก 5ชั่วโมงจะเลหือ 4.5 เติมไว้เดิมแรงดันจะอยู่ประมาณ 70 ปอนด์ครับ พอีดเช็คหน้าแอร์ลมที่ออกมากลางวันได้ประมาณ 10.7 องศาซึ่งไม่ฉ่ำเท่าอีกตัวที่เติม เลยสงสัยว่าน้ำยาขาดนิดหน่อยแน่ๆจึงอัดเข้าไปอีกประมาณ 1.2 ขีด ทีนี้ปรากดว่าเกิดปรากดการณ์แปลกๆจึงต้องเข้ามาตั้งคำถามด่วนครับ
1. ตอนแรก กินกระแส 4.8 ลดมาเหลือ 4.6 แรงดันประมาณ 70 ปอนด์ อุณหภูมิท่อดูดประมาณ 8.2 องศา หน้าแอร์ 10.7องศาวัดตอนเที่ยง อุณหภูมห้อง 28.1 องษาครับ พอเติมcold 22 เข้าไปอีกทีนี้ 1.2 ขีด ชั่งตาชั่ง7โลเอาครับ ปรากดว่าตอนสตาร์ทแอร์ กินกระแสขึ้นไปถึง 5.2-5.3 แอมครับ งงมากๆ แต่แรงดันทอดูดเหลือ 62ปอนด์หลังเดินเครื่องไปได้ 10นาที กินไฟฟ้าเหลือ 4.7แอมครับ และอูรหุมิท่อดูดเหลือประมาณ 6.6 องศาครับ ลมที่หน้าแอร์ออกมาประมาณ 8.4 องศาครับจึงอยากรบกวนถามทุกท่านว่ามีความเห็ฯอย่างไรครับ ส่วนตัวผมค่อนข้างงงๆกับผลที่เกิดขึ้นครับ อัดน้ำยาเข้าไปอีกแต่แรงดันด้านlo ลดลง 8ปอนดด์ครับ ขอบคุณมากๆนะครับ

 

ผมใช้เทอร์โม วัดอยู่ครับความเย็นช่องแอร์ที่ได้11.5cคอมตัดครับ(พัดลมเบอร์1 ปรับอุณหภูมิประมาณ1/3ส่วนครับ
แต่ในกรณีที่ผมจะเติมcold12เอง แล้วจะเติมน้ำมันคอมซัก50ccแบบที่พี่แนะนำแต่ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ในระบบเป็นน้ำมันของตัวไหน(R12-134a)ก็เลยอยากจะถ่ายของเก่าออกครับรบกวนขอวิธีถ่ายน้ำมันคอมด้วยครับ

 

เมื่อกี้พี่หน่อยเรียกผมทาง msn ใช่ไหมครับ พอดีผมเปิดคอมไว้แล้วไม่ได้อยู่บ้านคับ

จากที่อ่านแล้วผมเข้าใจว่า .....
---- พี่หน่อยถามว่า ทำไมเติมน้ำยาแอร์ cold22 เพิ่มไปแล้ว ทำไมด้าน Lo มันถึงลดลงไม่เพิ่มขึ้น
และทำความเย็นได้ดีกว่าเดิม == =ผมเข้าใจถูกไมครับที่มีจะถามมา= ==

- ผมคิดว่าการเติม สารทำความเย็นทุกตัว R12,R22,R134a ,R290
แบบช่างกิโลนั้น เป็นวิธีที่ถูกต้องครับ

ซึ่งเป็นมาตาฐานของวิศวกรที่ได้คำนวนให้ เหมาะสมสำหรับระบบแอร์แต่ละรุ่น ที่ผลิตออกมาจำหน่าย
ซึ่งการคำนวนสารทำความเย็นตามน้ำหนักที่สำคัญ ต้องให้สัมพันธ์กับความยาวของท่อ
ในการติดตั้งคลอย์เย็นและคลอย์ร้อน

ซึ่งส่วนมากในความเป็นจริงของช่างบ้านเราแล้ว ระบบแอร์มันรั่ว แล้วน้ำยาแอร์ขาด
จะเติมเพิ่มแบบช่างกิโลก็ไม่ได้ ก็ต้องเอา แรงดันเป็นหลัก ซึ่งวิธีนี้ก็เลยเป็นเหมือนมาตาฐาน
ของช่างแอร์เมืองไทยครับ และอีกอย่าง ค่าแรง ครับ ต่างประเทศเขาเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์กันที
มากกว่า 3 ชั่วโมงด้วยมั่ง และค่าแรงก็นับเป็นชั่วโมง ขั้นตอนก็คงละเอียดมากๆๆ

แต่เมืองไทยมันไม่ได้นะสิคับ ก็เลยต้องเอาแบบง่าย มาตาฐานระดับหนึ่ง คือเติมแล้วเย็น สัมพันธ์กับค่า amp ที่แปะบอกที่คลอย์ร้อนของแอร์แต่ละยี่ห้อ

มาเข้าเรื่องกันเลยคับ
- ทำไมเติมเพิ่มแล้วความเย็นได้ดีกว่าเดิมแล้วเกร์ด้าน Lo มันลดลงอีก
= เพราะห้องมันเย็นเร็วขึ้น (กลับไปดู 3 -4 หน้าที่ผมถ่ายภาพให้ดูเกร์ในห้องนอนผมคับ)
เกร์ด้าน lo มันก็ลดลง แต่ถ้าอากกาศมันร้อน เกร์ด้าน Lo มันก็เพิ่มขึ้นไปถึง 90Psi
== สถานะของ Cold22 มันเป็นของเหลวครับ มันไม่ใช้เป็นสถานะแก๊สเหมือนพวก CFC,HCFC
ตามที่ผมเข้าใจคือ Cold มันเป็นสถานะของเหลว วิ่งทั้งระบบ
(เหมือนรถพี่จินนี่ไงครับ ท่อที่ออกมาจากคลอย์เย็นวิ่งเข้าคอม มันเป็นน้ำแข็งได้ยังไงขนาดนั้น)

ถ้าเป็น R12,R22,R134, มีหลอครับ ที่ท่อทางวิ่งกลับไปยังคอมจะมีน้ำแข็งเกาะได้
เต็มที่มันก็กลั่นตัวเป็นแก๊สเย็น ได้เต็มที่ก็แค่ไอน้ำเกาะรอบๆ ท่อทางกลับ

R22, R134a, R12 มันจะผ่านคลอย์เย็นแล้วจะต้องระบายตัวเองออกให้กลับไปที่คอมแอร์เป็น
สถานะแก๊ส สถานะสารทำความเย็นมันคนละประเภทกันคับ

เดี๋ยวคืนนี้มา update ต่อครับ เดี๋ยวออกไปธุระข้างนอกก่อนครับ

 

น้ำยาแอร์ คูล12 แบบกระป๋องที่บางใหญ่ข้างร้านพิซซ่ายังมีขายไหมครับ

 

อาการเหมือนตอนที่ผมเจอตอนเติมน้ำยาแอร์ในรถเลยครับ ที่บอกว่าถ้าน้ายาแอร์ยังไม่เต็มระบบ แรงดัน lo กับ hi จะสูง แต่พอเติมเพิ่มเข้าไป อุณหภูมิลมเย็นจะค่อยๆลดลงกว่าเดิม และแทนที่แรงดัน lo hi จะสูงขึ้น กลับต่ำลงมาอยู่ในเกณฑ์ ซึ่งพอรู้พฤติกรรมของแอร์แบบนี้แล้ว จะเติมน้ำยาได้ดีขึ้น (เมื่อก่อนเติมแล้วแรงดันสูงขึ้นเรื่อยๆก็หยุดเติม กลัวว่าจะพัง)

่เติมน้ำยาแอร์รถ สามารถดูน้ำยาที่ตาแมวของดรายเออร์ได้ ส่วนแอร์บ้าน คงต้องวัดอุณหภูมิของหน้าแอร์กับ ท่อดูด กับจับกระแส อันนี้ผมว่ายากเหมือนกันครับ (เพราะยังไม่เคยเติม)

 

R12 น้ำมันที่ใช้จะเป็น (Mo) Mineral Oil
R134a น้ำมันใช้เป็น (POE) POLYOL ESTER

อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ.... น้ำมัน 2 ชนิดนี้ แตกต่างกันที่ การกั่นความบริสุทธิครับ
ถ้าเป็นไปได้ใช้ POE ไปเลยครับ แต่หาของแท้ยากมากๆ ยิ่งตามร้านอะไหล่แอร์ทั่วไป
ไม่ค่อยไม่ร้านไหนเอาของแท้ลง เพราะราคามันสูง ช่างแอร์ไม่นิยมคับ มันแพง

วิธีถ่าย ก็ปล่อยน้ำยาแอร์ออกจากระบบ โดยหมุนเกร์เปิดน้ำยาแอร์ออกให้สุดเลย
น้ำมันก็จะออกมาปริมาณหนึ่ง ถ้าจะเอาออกให้หมดเลย เหนื่อยคับ (รื้อออกมาล้างทีละชิ้น)

เทอร์โมตัดเร็วไป ถ้าจะให้เย็นกว่านี้ก็คือ ย้ายโทโมสตาด์ ออกจากจุดเดิมครับ
(หลอกเทอร์โมสตาดร์ ให้มันคิดว่าห้องโดยสารยังไม่เย็น คอมแอร์ก็ไม่ตัดคับ)

 

ตอนนี้ร้านนี้ย้ายแล้วครับ ..
ขับตรงไปจากร้านเดิมอีกประมาณ 2 - 3 กิโลครับ ตึกแถวตรงสะพานเกือกม้าคับ
หน้าร้านเด็นๆๆ เลย มีโครงหลังคาสีฟ้า เด็นอยู่ร้านเดียวของตึกแถวคับ
(โครงหลังคา เหมือนกับบ้านไร่กาแฟอ่ะคับ)

ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ที่ร้านยังมีของอยู่เปล่า ลองโทรไปถามดูคับที่ 0813412561
(ผมทะเลาะกับแม่อยู่ ไม่ได้คุยกันเกือบ 2 เดือนละ ลองโทรไปถามดูละกันนะครับ)

 

คุงเตอร์ จายเย็นๆทะเลาะกะแม่มิดีน้า ใจเย็งๆๆๆนะ เอารวบรวมสติให้พร้อมๆๆ เป็นกำลังใจให้ครับ เดี่ยวพุ่งนี้จะลองอัดน้ำยาเข้าไปอีกสัก 50 กรัมดูว่าจะเย็นขึ้นแค่ไหนครับ ถ้าไม่ดีค่อยๆปล่อยออกได้ครับ เหตุผลคือว่าตอนกลางวันอากาศร้อนมากกระแสขึ้นไปถึง 5.1-5.2 แอมพอกลางคืนเย็นมันวิ่งแค่ 4.6 เองงะไม่ขึ้นถึง 5 แอมเรยครับ

 

555555555 แหมม พี่จินนี่ก็....
ผมก็คิดคล้ายๆ พี่จินนี่นะ ตอนเด็กๆ อายุ 12 - 15 ได้มั่ง
ตอนนั้นที่บ้านออกรถ benz 230E ป้ายแดงเลยยย
ใช้ไม่ถึงเดือน .... ชิบหาย ถังน้ำมันแตก ทำเรื่อง เคลมถังน้ำมันใหม่ ตั้ง 5 ลูก
และก็ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ป.6 แถวๆ จรัญสนิดวงค์ ป๋าไปรับกลับบ้าน
พอวิ่งซักพักก็ งง ทำไมแอร์ร้อนจัง ป๋าบอกว่าเครื่องยนต์ร้อนมาก หม้อน้ำระบายไม่ทัน
ป๋าเปิด heatter เพื่อช่วยหม้อน้ำระบายความร้อน .... กูนั่ง benz เปิดกระจกตอนรถติด...
พอถนนว่างป๋าก็กดซะมิดคันเร่งเลย พยายามทำให้ลมเข้ามาระบายหม้อน้ำ เครื่องยนต์จะได้เย็นลง
แล้วแก้ปัญหากันยังไงไม่รู้ จำไม่ได้เพราะยังเด็กอยู่

และอีกคัน benz E220 1996 ป้ายแดงอีก ช่วงนั้นเศรษฐกิจดีมาก ออกรถใหม่ทุก 3 เดือนเลย
จอดเต็มบ้านไปหมด ตอน ม.3 มีคนขับรถไปรับที่โรงเรียนทุกวัน (เตรียมอุดมบางใหญ่)
พอกลับมา ผมก็ต้องขับรถไปรับน้อง แถวๆ วงค์แหวนฉิมพลี
(วงแหวนแยกไป บางบัวทอง,ปิ่นเกล้า,นครปฐม,พระราม 2)

วันนั้นป๋าเอา s class ออกไปติดต่องาน ก็เหลือ Toyota SR5, Land Rover,E220
ผมก็คึกจัด เอา E220 ออกมาขับ ตอนนั้นอายุ 16 -17 เองมั่ง รีบขับมาที่โรงเรียน
เพื่อมารับแฟน แล้วก็ไปส่ง แล้วก็รีบขับรถไปรับน้องชายที่เรียนอยู่อนุบาล

พอมีความรู้เครื่องหน้าปัดมั่งนิหน่อย ขับๆ อยู่สังเกตุเกร์หม้อน้ำ เฮ้ยทำไมเกร์มันสูงขึ้นวะ
อื่ม.... จำได้เลย เครื่องยนต์ร้อน ต้องกดคันเร่งอีก ขับให้เร็ว ลมจะได้ระบายหม้อน้ำดีขึ้น
เออ จริงด้วย ขับช้าเครื่องยนต์ร้อนเกร์มันขึ้นสูง ผมก็กดบ้าเลือดเลย พอรับน้องเสร็จ

ขับออกมาจากโรงเรียนน้อง ครึ่งทางแล้ว เฮ้ย เหยียมไม่ออกว่ะ ซักพักฝากระโปรงรถ
ควันขึ้นท่วมหน้ารถเลย ผมก็ตกใจ เลยดับเครื่องบอกน้องให้รีบลงจากรถ (นึกว่ารถจะระเบิด)

โทรบอกป๋า....:sad::sad: ซักพัก ป๋าก็มารับ แล้วเรียกช่างศูนย์ benz มาลากไปซ่อม
หุหุหุ .... เปลี่ยนฝาสูบใหม่ 6 หมื่น ป๋าบ่นนิดหน่อย

ผมเลยไม่ชอบรถยุโรปตั้งแต่นั้นมา เพราะเข้าใจว่า รถป้ายแดง ใช้ไม่ทนเลย
ผมเลยคิดว่าอีกหน่อย จะไม่ซื้อเลยรถ ยุโรปเนี่ย ขับรถญี่ปุ่นดีกว่า ทนกว่าเยอะ

พอ ปวชปี 1 เศรษฐกิจไม่ดี ก็ขายรถทิ้งไป เหลือรถเต่า ที่ป๋าผมทำเก็บไว้ซื้อ 5 หมื่น
ยกกระดองทั้งคันหมดไป 2 แสนกว่า ป๋าให้เอาเต่าไปใช้ขับไป st.john
ใช้แล้วก็นะ.... ตีนเด็กวัยรุ่น ผมเอาไปโหลด เจอโค้งไม่ได้ ขับมาเร็วแล้ว Drift โดยดึงเบครมือ
มันชิบ... ปีกว่า รถเต่าก็ เริ่มเสียนู่นเสียนี้ เลยต้องขายทิ้งไป

จากนั้นก็รถญี่ปุ่นมาตลอดเลย คันสุดท้ายก็เป็น Toyota Lavin 101 ที่เพิ่งขายไปต้นปีที่แล้ว
ตอนนี้ก็ BMW ซ่อมฟรีทุกอย่าง 5 ปี หรือ 1 แสนกิโล ( BSI )
E60 ทีใช้อยู่ทุกวัน ขับแล้วไม่คิดจะกลับไปขับรถญี่ปุนเลย ช่วงล่างนี้ คนละโลกเลย
อัดตราการทำงานเครืองยนต์ก็ มันกว่าเยอะ เบครก็ไม่ต้องห่วง ผมเลยบ้าแต่ Euro Car เลย
รถทุกคันมันมีอายุการใช้งาน เพราะถ้าถึงอายุการใช้งานของมัน ก็ต้องเปลี่ยนอะไหล่
และมันไม่ใช่อะไหล่แค่ชิ้น 2 ชิ้น แม่งค่อยๆ เริ่มเสียทีละชิ้น ซ่อมนี้เสร็จ ตรงนู่นฟังอีก
ป๋าผมโดนค่าซ่อม Land Rover + S320 + E30 ไปเยอะมากๆ
จากเคทรนั้น รถที่บ้านถ้าใช้เกิน 5 ปีก็จะขายทิ้งหมด กลัวเรื่องอะไหล่เนี่ยคับ

พี่จินนี่ ..นู๋พิมพ์เพลินไปเยอะเลย แหะๆๆ

 

ก่อนอื่นทำให้มันเย็นเหมือนตอนป้ายแดงก่อนครับ ซึ่งตอนนี้คุณรุ่งทำให้อ.แอ้มบรรลุจุดนั้นไปแล้วครับ แรกทีเดียวของเดิมจากโรงงานมันเย็นจัดแม้ไม่ติดฟิมล์ ทั้งที่ระบบออกแบบมาแตกต่างจากระบบของญี่ปุ่น แผงร้อนมันก็รุ่นคุณโบ เป็นท่อทองแดงกลมๆแต่น่าจะมีสองหรือสามชั้นนะหนาปึก แต่ญี่ปุ่น(เทียบกับสามห่วง) ดันเป็นท่อเหลี่ยมๆเฉย แค่ชั้นเดียว แถมยังมีพัดลมทำงานสองจังหวะอีกต่างหากคอนโทรลพร้อมกันทั้งสองตัวเลย แต่ยุโรป(เจ้าจินนี่) มันมีแค่พัดลมไฟฟ้าสปีดสูง(กินไฟสุดๆอีกต่างหาก) อยู่หลังหม้อน้ำแค่ตัวเดียว เปิดแอร์เจ้าพัดลมนี้ถึงค่อยทำงาน หากร้อนถึงจุดมันก็ทำงานเหมือนกัน แล้วมีแค่สปีดเดียวด้วย(สูงสุดสปีดเดียวเลย) อันนี้เป็นข้อแตกต่างพื้นฐานเบื้องต้นของระบบที่ถูกออกแบบมาจากโรงงาน

พอทำให้เย็นกลับคืนได้แล้ว ผมก็เริ่มสงสัยว่าการออกแบบมันมีจุดบอดพอสมควรนะ เมื่อเทียบกับระบบอื่น ทีนี้ก็เป็นแรงบันดานใจให้โมดิฟรายงัยครับ แรกเริ่มก็ลองเอาน้ำจากสายยางฉีดแผงร้อนดู รู้สึกว่ามันเย็นขึ้นนะ จึงเป็นที่มาของการเพิ่มพัดลมหน้าอีกตัวในตอนแรกๆ และเพิ่มเป็นสองตัวในตอนหลังครับ ผลปรากฎว่า มันเย็นเร็วขึ้นตัดเร็วขึ้นครับ แสดงว่ามาถูกทางแล้ว แล้วก็ทำการพัฒนาสั่งการโดยใช้ระบบอีเลคทรอนิคง่ายๆคอนโทล ..................ซึ่งผมออกแบบง่ายๆแค่ใช้ไดโอดกะรีเลย์ควบคุมมันแยกจากระบบระบายความร้อนพัดลมหลัก ซึ่งเดิมมีแค่ตัวเดียว พัดลมสองตัวจะทำงานแค่ช่วงที่คอมทำงานเท่านั้นครับ วงจรไม่ทราบว่าอยู่หน้าที่เท่าไร เคยโพสต์ไว้ตั้งแต่เริ่มเข้ามาใหม่ๆโน่น ......งานนี้คงย้อนกลับไปเปิดดูกันจนตาลายล่ะครับ............ ที่เล่าเนี่ยผมพัฒนาอยู่เป็นปีนะ ลองผิดลองถูกไปเรื่อยล่ะ แต่สุดท้ายแล้วจบอย่างที่บอก เป็นอันว่าเรียนลัดเลยนะ พอเริ่มเป็นระบบมาตรฐานใหม่ ซึ่งประสิทธิภาพสูงกว่าที่โรงงานออกแบบมา ทีนี้อะไรๆมันก็ง่าย หากเราประสงค์ที่จะโมดิฟรายมันต่อ

พอมาเจอเวปนี้ ซึ่งตอนนั้นมีแค่ ๓๘ หน้า พบโดยบังเอิญ จำได้ว่าผมเข้าไปในคูเกิลแล้วพิมพ์คำว่าคอมแอร์เก่า แล้วมันขึ้นเวปนี้ขึ้นมา เมื่อคลิกเข้ามาก็โป๊ะเช๊ะเลย ตกลงงานนั้น ผมนั่งอ่าน นอนอ่าน ทำสมาธิอ่านติดต่อกันรวดเดียวทุกตัวอักษรทั้ง ๓๘ หน้า แถมยังกินข้าวหน้าโน๊ตบุ๊คอีก กว่าจะอ่านหมดทุกตัวก็ประมาณ ทุ่มของวันเดียวกัน หากจาว่ากันในภาษาธรรมะ ก็อาจบอกได้ว่า จากตีห้าถึงหนึ่งทุ่มนั้น ได้เกิดดวงตาเห็นธรรมเลยครับพี่น้อง ผมก็เลยสมัครสมาชิก แล้วเข้ามาเรียนรู้จากอาจาร์เตอร์ อาจารย์ยุทธ อาจารย์กบ อาจารย์ลี แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ วันหนึ่งคุณยุทธของขึ้น ยุคุณเตอร์ให้แจกของรางวัล ทำแอร์แข่งกัน เหอะๆๆๆๆ ไม่มีรัยทำมั๊ง เย็นจนหนาวทุกคัน แต่ดันบอกให้แข่งกันว่าใครจาเป็นตู้แช่แข็งมากกว่ากัน แค่ผมเห็นเจ้าอี๓๐ มันทำความเย็นระดับ - ๓๔ องศา ผมก็อึ้ง งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว คุณเตอร์ก็รับลูกทันที เหอะๆๆๆๆๆ งานนั้นผมก็ทดลองฝีมือด้วย แต่ป่าวจะไปแข่งเด้ แบบว่ามีคนเดียวที่ผมเต็มใจแข่งด้วย คือแสงแดดครับ ทำไงก็ได้ให้แอร์เย็นเจี๊ยบ เมื่อแดดจัด ต่อให้ข้างนอกมันร้อนจนเกินสี่สิบองศา ในรถผมต้องเย็นเจี๊ยบเสมอ เป็นอะไรประมาณนี้เลย ซึ่งผมก็พูดได้เต็มปากว่าสามารถปราบแสงแดดจัดหรือพระอาทิตย์ได้อย่างสงบราบคาบไปนานแล้ว

วันหนึ่งก็ได้ไปแวะอมรโคราช ซื้อเทอร์โมฯพร้อมกันสี่ห้าตัวเลยมั๊ง อ้อ....ไม่ใช่สิ เจ็ดตัวครับ เหอะๆๆๆๆๆ ใส่เจ้าจินนี่สาม ให้พี่ชายไปสอง วัดลมเย็นในห้องนอนหนึ่ง อีกตัวใส่เจ้าเจดีย์(สามห่วง) มีอยู่วันไปนอนที่รีสอร์ทที่เมืองพล(ขอนแก่น) เช้าก็อุ่นเครื่องเปิดแอรไว้ เริ่งเทอร์โมสุด อยู่ๆคอมดันตัดเฉย นั่นล่ะเป็นที่มาของจุดเริ่มต้นให้ทำตู้แช่แข็งครับ หากลองย้อนกลับไปดู มีปรากฎในเวปนี้ทั้งหมด หรือหากใครความจำดี ก็จะจำได้ว่ามีที่มาแบบนี้ครับ ประเด็นก็คือ ระบบผมมันสมบูรณ์ตลอดอยู่แล้ว แค่ผมเปลี่ยนจากอาร์๑๒ มาเป็นคูล ก็เลยได้เห็นเลขติดลบครับ แต่ผมเล่าข้ามไปนิด เพราะความอยากรู้อย่าเห็นประสิทธิภาพสูงสุดของมัน ผมถึงกับลงทุนใส่เสื้อหนาว(ที่ใช้ในต่างประเทศตอนที่หิมะตกนั่นล่ะ) เข้าไปขับทดสอบกันเลย หากย้อนกลับไปดูนะ ฝ้ามันเกาะกระจกทุกบานเลย ซึ่งจริงๆแล้วอันตรายมากครับ ยิ่งโดยเฉพาะการขับรถในยามค่ำคืนต่อเนื่องเป็นระยะทางไกลๆ ระบบของยุโรป เขาเผื่อไว้เยอะพอควร เมื่อผมรีดประสิทธิภาพของมันให้เกินขีดจำกัดที่โรงงานออกแบบมา ผลก็คือได้ลมเย็นออกมา - ๑๕.๕ องศา C คอนโทลอุณหภูมิภายในห้องโดยสารได้ประมาณ ๑๑ - ๑๕ องศา เรียกว่าต้องห่มผ้านั่งกันไปเลยล่ะ คุยกันในรถ ไอน้ำออกมาทางปากเห็นๆเลยครับ มันเย็นได้จัยวัยรุ่นรอบห้าจริงๆ คริ คริ

เคลดลับที่ไม่ลับ ก็คือ ทำเองด้วยมือ ทำด้วยใจ ทำด้วยความมุ่งมั่น ทำด้วยความสะอาดฝุ่นผงแม้แต่น้อยไม่มีสิทธิเข้าไปในระบบได้ ถอดออกมาล้างทุกชิ้น จนคอมซันเดน ๕๐๘ ผมหลับตาถอดได้เลยมั๊งตอนนี้ แหะๆๆ (อันนี้โม้นะ) ใช้เอฟ๑๑ ล้างระบบ ทั้งหมด ลองอ่านทุกตัวอักษรดูครับ งานนี้มีติดลบชัวร์ บอก อ.แอ้ม เอารถฟุนโต้ มาเป็นหนูลองยาได้เลย บอกว่าพี่ตะเกียงฯ บอกมาจะได้สมดังปรารถนาที่เขาเคยบอกผมไว้ในเวปแก๊สไทยโน่น.......รึว่า แค่นั้นก็พอใจแล้ว ก็โอเคครับ


แหะๆๆ ทำแต่แอร์รถ แอร์บ้านสี่ตัว ไม่ค่อยไปยุ่งกะมันเท่าไรครับ เลยต้องฟัง อ.ยุทธ กะ อ.กบ อ.เตอร์ แล้วก็อ.โปร ถกกัน แล้วเราก็เก็บเกี่ยวฟามรู้ครับ อิอิอิ แบบว่าเป็นผู้ฟังที่ดีงัยครับ งานนี้คุณรุ่งเปิดร้านแอร์แน่ๆ อิอิอิ

 

นี่มันของเทพเลยนะคร๊าบ........ ของผมก็ยังใช้งานอยู่ในรถครับ ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่บึ้มอยู่บายพาสสระบุรี(แหะๆ ท่อมันเย็นจัดหักพ่นคูลใส่ไดชาร์ท เลยบึ้นจร้า.....) ถ้าไม่มีเจ้าเนี่ยสงสัยงานนั้นคงเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปแว้ว......คริ...คริ..... อายุก็น่าจะเกินสิบปีไปมากแระ แต่ทำไมมันยังใช้งานได้ดีเหมียนเดิม เก็บรักษาไว้นะครับ สลักที่มีมาอยู่ให้หลุดนะระวังหน่อย ดวงดีจริงๆคุณหนุ่มเนี่ย.........ที่คุณโปรให้มา ผมติดต่อไม่ได้เลยอยู่นครสวรรค์โน่น แต่เวปก็เปิดเฉย ถ้ามีสงสัยคงซื้อไว้สี่ห้ากระป๋องแหง๋ม วันนี้ก็ยังใช้ของเดิมที่เหลืออยู่ประมาณเกือบครึ่งกระป๋องครับ ทีนี้.......เจ้ากระป๋องสีเขียวๆมันเวร์คป่าวครับ หากหาไม่ได้ก็คงใช้เจ้านี่แทน เห็นยี่ห้อเดียวกันอีกครับ ว่างลองติดเตาแก๊สแล้วเปิดให้เปรวไฟลุกสุดๆดูดิ แล้วเอาเจ้าเนี่ยที่เพิ่งไปสอยมาในราคา ๘๐ เล่งดีๆนะ แล้วกด(เหมือนเหนี่ยวไกปืนล่ะ แหะๆงานถนัดอิอิ) แล้วจะรู้ว่ามันเทพขนาดไหน ไปลองเลย แล้วมาโพรสบอก งานนี้ ได้มีการงมหาเจ้าเนี่ยยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกนะ สิบอกไห่

 

นั่นล่ะที่มันต่างกัน จนกว่าผมจะทำใจได้ก็หลายเดือนครับ ญี่ปุ่นทำให้ตายยังไงก็ไม่มีทางเทียบยุโรปได้ครับ ยกเว้นลักซัสเด้ออันนี้มันเทพจิงๆ ผมเพิ่งกลับมาจากร้อยเอ็ด(ไปส่งหลวงปู่ที่สำนักปฏิบัติธรรม) ตีไปกลับเลยสี่ร้อยกว่ากิโล ผมเช็ครถครั้งสุดท้ายวันที่ ๒ นี้ ตอนนี้วิ่งเลยระยะที่จะต้องเช็คอีกครั้งไปแระ สิบสี่วันวิ่งเกินหกพันกิโล เหอะๆๆๆ หากเป็นเจ้าจินนี่ก็เอา๑.๕ คูณ คำตอบก็คือค่าดูแลมันกะระยะทางนี้ แต่แลกกับความต่างที่ว่า ตอนนี้รับได้สบายครับ แต่ว่า ผมเคยไล่บี้ ๕๒๕ ไอ ป้ายแดง จากสุรินทร์กลับอุบลนะ คุณเตอร์ แบบว่าวันนั้ง่วงมากๆ ทีแรกนึกว่าวีโก้ แต่ที่ไหนได้เจ้าใบพัดฟ้าขาวใหม่เอียมสีดำมันรุ่นล่าเลย แถมป้ายแดงอีกต่างหาก ทางตรงยืดยังกะหนังกะติ๊กครับพี่น้อง(น่าจะมีกว่าสองร้อย) วันนั้นนึกถึงเจ้าจินนี่กะนางจิ๋วเลย หากเจอสองคันนี้ผมว่าเขาคงยืดไม่ขาดแบบนั้นนะ แต่เจ้าป้ายแดงที่ว่าเนี่ย ดันใจไม่ถึง แถมลีเวลแค่๒๕ แต่คนมันมีกะตางงัย เก่งแต่ทางตรงลูกเดว ผมก็วิ่งปลดเบรคดิ ทำความเร็วเฉลี่ยระดับ ๑๕๐-๑๖๐(วิ่งแก๊สเด้) แบบว่าผมถึงศรีสะเกษก่อนเกือบสามนาทีครับ ทางวงการเขาเรียกว่าทิ้งขาดเป็นทุ่งครับ จอดรอเติมแก๊สอยู่ที่ปั๊มศรีสะเกษ แบบว่าพี่แกวิ่งไปแตะเบรคไป เพราะรถช้ามันตรึมวันนั้น ผมยิ่งง่วงๆอยู่ด้วย เลยตามไปดูหน่อยให้หายง่วง เพื่อให้ต่อมอะลีนารีน หลั่งสารกระตุ้นออกมาครับ แหะๆๆๆ ได้ผลๆ หายง่วงเลย เห็นไหม เครื่องแค่พันสามคาบูร์ ยังไล่บี้เจ้ายักษ์สุดหรูได้เฉย งานนั้นผมบอกได้เลยว่าเขาไม่ยอมนะ แต่ประสาทในการตัดสินใจ การรวมตัวคนกะรถไม่เป็นหนึ่งเดียว ต่อให้รถมันแรงสุดขนาดไหน เจอถนนเมืองไทย กะสิบแปดล้อ ก็ตายน้ำตื้นทุกราย งานนั้นมีเฮกันตามประสาชาวเวปเออีจร้า.......แต่ป่าวว่าใครเด้.....เอามาเล่าให้ฟัง....เล่นๆ....สรุป มันอยู่ที่ลิงหลังพวงมาลัยจร้า......เหมือนกับกล้องถ่ายรูปนั่นล่ะ ลูกชายคนโตผม มันเอากล้องคอมแพ็ค ถ่ายเฉยจนเรียนจบแถมได้ที่หนึ่งของรุ่นอีกต่างหาก เพื่อนของลูกที่ไม่จบต้องกลับไปเรียนกะรุ่นน้อง สามปีใช้กล้องสามตัว แต่ลูกผมใช้แค่กล้องคอมแพ็คแค่ตัวเดียว วันนี้ยังใช้อยู่เฉย แถมมันส่งภาพเข้าประกวดระดับวิทยาลัย ยังได้รางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งเฉย แบบเดียวกันเลย กล้องราคาหลายแสนก็มีผลแค่สิบถึงยี่สิบเปอร์เท่านั้น ที่เหลือก็ลิงหลังกล้องล้วนๆจร้าฉันท์ใด รถยนต์ก็ฉันท์นั้นจร้า ตอนนี้ผมดวงตาเห็นธรรมแล้ว จึงจำเป็นต้องเก็บตังค์ไว้ใช้ในสิ่งอื่นที่จำเป็นกว่าครับ..........อันนี้ป่าวว่าใครเด้...... แต่ถ้าหากบทความนี้หากจะทำให้ใครรู้สึกไม่ดี ผมก็ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ เพียงอยากจะสื่ออีกมุมมองหนึ่ง อีกฝากหนึ่งของคนที่มีประสพการณ์อีกด้านหนึ่งเท่านั้น ขออโหสิกรรมให้ด้วยเด้อ อิอิอิ

แหะๆๆๆ................ ถือโอกาสแนะนำเวปส่วนตัวของลูกชายคนโตผมเลยนิ.......เชิญเข้าไปเยี่ยมชมหน่อยนะครับ เขาเรียนถ่ายภาพครับ ตอนนี้กาลังเรียนระดับปริญญาอยู่ครับ ฝากเนื้อฝากตัวลูกชายคนโตพ้มโหน่ยเด้อ ยังต้องเรียนรู้จากอาวุโสอีกมากครับ

http://mastergolfubon.multiply.com/photos

 

รบกวนพี่ๆอีกที ถ้าผมทำอย่างที่พี่เตอร์ว่าเนี่ยผมต้องเติมน้ำมันคอมเพิ่มอีกเท่าไหร่ครับ แล้วถ้าใช้เป็นแบบกระป๋องต้องใช่เท่าไหร่

 

ตกลงว่าไม่ได้เปิดพัดลมแรงสุดใช่ไหมครับ เทอร์โมก็ไม่ได้ปรับที่เย็นสุด แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าแอร์คุณทำความเย็นได้มากน้อยแค่ไหน

ที่บอกให้วัดอุณหภูมิลมแอร์ ตอนที่เปิดพัดลมแรงสุด เทอร์โมเย็นสุด ก็เพื่อจะดูว่าแอร์ของรถคุณสามารถทำความเย็นได้ต่ำสุดกี่องศา ที่ load สูงที่สุด

ถ้าวัดได้ 11 องศาแล้วคอมตัดก่อน แสดงว่าตัวตั้งอุณหภูมิมันตัดเร็วไป ทำให้รถไม่เย็น จริงๆคือแอร์มันอาจจะทำความเย็นได้ แต่เทอร์โมสั่งตัดเสียก่อน อย่างนี้แก้อย่างไรก็ไม่เย็นเพราะพอกำลังจะเย็นคอมก็หยุดทำงาน
เห็นด้วยกับที่คุณเตอร์บอกมาครับว่าเทอร์โมตัดเร็วไป

เรื่องน้ำมันคอมก็แบบที่คุณเตอร์บอกครับ ปล่อยน้ำยาเร็วๆ น้ำมันคอมจะออกมาด้วย แต่ก็ไม่หมด ถ้าอย่างให้หมด ก็ต้องถอดทุกชิ้นออกมาล้างด้วย F11 ครับ (แต่ทำแล้วคุ้มหรือไม่คุ้ม ก็แล้วแต่วิจารณญาน)

 

พี่เวปลูกพี่ทำ.... ถ่ายรูปยังไงฟะ สวยมากๆ มุมดี ภาพออกมาน่าดูคับ ตอนนี้ผมกะลังศึกษาเรื่องกล้องอยู่
ทีแรกผมดูไว้จะเอา sony คุยกับหลายๆ คนบอกให้เล่น nikon หรือ canon พี่จินนี่มีความเห็นว่าไงคับ
แนะนำผมมั่งคับพี่

ขับ BMW ถ้าใจแบบพี่จินนี่นะ ...มันโคตรคับพี่ สาดโค้งที ...แม่เจ้าาา
พี่จินนี่ต้องลองคับ พี่คันนั้นอยู่ช่วง รันอิน เปล่าคับ (ล้อเล่นคร้าบ)

 

พี่ๆๆ ผมก็มี เห็น update เรื่องนี้กัน
เคยซื้อมาลอง อยากรู้ว่ามันเป็น gas อะไร ...แล้วทิ้งไว้ 5 ปีแล้วมั่ง พอดีไปเจอในห้องเก็บของ
เลยถ่ายรูปมา update มั่ง

แต่........ผมไม่อยากใช้มันนะ

 

55555555 วันนี้อย่ามายุให้ยากเลย ผมพอแระ ลองขับมาหมดละแม้แต่เฟอร์ฯ(แหะๆขับในเกมส์เพลย์ทูคร๊าบ อิอิอิ) รถมันก็แค่ยานพาหนะที่พาเราไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยปลอดภัย วันนี้เลิกขับรถเร็วโดยเด็ดขาดแล้ว เคยสัมผัสอะไรๆที่คุณเตอร์บอกมาพอสมควร พรรคพวกผมที่อยู่ต่างประเทศ ก็ชอบแบบคุณเตอร์บอกนั่นล่ะรถของเขาทุกคันใช้ยี่ห้อเดียวคือบีเอ็มดับบริว วิ่งทีไมล์ไม่เคยต่ำกว่า ๒๒๐ ครับ(ในรถบีเอ็มดับบริวรุ่นล่า(เปลี่ยนใหม่ทุกปีไม่เคยใช้อะไรที่เกินหนึ่งปี)) หลังสุดผมถามข่าวกับพรรคพวกที่บินมาเมืองไทยว่าเจ้าหมอนี่ยังซาบายดีอยู่หรอ ก็.....ปรากฎว่า..มันกลับบ้านเก่าไปแระ...แบบว่า.มีอยู่วันหนึ่งมันเกิดพลาดขึ้นมา หลุดโค้งที่ความเร็วสูง(ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเท่าไร แต่ที่ทราบมันเข้าโค้งที่ ๒๐๐ เฉยล่ะไอ้หมดนี่) ทั้งรถทั้งคนเละ แล้วเขาก็ทิ้งเงินอีกเปงพันล้าน(ยูเอสนะ) ไว้ให้ภย.เลี้ยงสามีใหม่ต่อ เหอะๆๆๆ(นึกถึงเรื่องนี้แล้วเสียวแทนภย.เขาจิงๆ) ผมพอแล้วจร้า....ขี่โตต้ามันก็ดีแระ พลาดมาไม่มีโอกาสแก้ตัวหรอก เหลือแต่เรื่องเก่าๆมาเล่าให้ฟังนานๆ(ร้อยปีที อิอิ)

ส่วนเรื่องของกล้องนั้น ณ วันนี้ คงบอกได้ว่า แทบทุกยี่ห้อได้พัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาแทบจะเรียกว่าใกล้เคียงกันมากๆครับ กล้องมืออาชีพในอดีต(สี่ห้าปีก่อนซึ่งราคาระดับแสนอั๊พๆ) กลายเป็นกล้องเด็กเล่นไปแระครับ เห็นปล่อยกันเป็นของมือสองแล้วหดหู่แทนเสียดายแทน แค่กล้องคอมแพ็คดีๆยังพัฒนาได้ใกล้เคียง(ในบางอ็อฟชั่น หรือเหนือกว่าด้วยซ้ำครับ) ย้อนหลังไปสองปีหรือห้าหกเดือนที่แล้ว ผมกะลูกชายมานั่งวิเคราะห์กันว่า ในวงเงินสองหมื่นต้นๆเนี่ย กล้องรุ่นไหนคุ้มที่สุด ก็ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า ฟูจิ เอส ๑๐๐ เอฟเอส แต่วันนี้มันตกรุ่นไปแระครับ ชั่วโมงนั้นมีคู่แข็งคือ แคนนอน ๔๐๐ ดี กะนิคอน ดี ๔๐ ซึ่งราคาใกล้เคียงกันมาก แต่เป็นคนละประเภทกัน ฟูจิเป็นประเภท คอมแพ็ค(เปลี่ยนเลนส์ไม่ได้) แต่สองตัวหลังเป็นเอสแอลอาร์(เปลี่ยนเลนส์ได้) แต่ราคาที่ใกล้เคียงนั้น มันแถมแค่เลนส์คิทเท่านั้น หากจาซื้อเลนส์เพิ่มเพื่อทำงานให้ครอบคลุมหมดทุกอย่าง ก็ต้องมีงบอย่างน้อยห้าหมื่นครับ พอจาไปถอยเข้าจริงๆ โอเลมปัส ดันออกรุ่นใหม่(คอมแพ็คระดับอาชีพ) ทำให้เกิดการลังเลอย่างหนัก เพราะประสิทธิภาพมันสูงกว่าเอส๑๐๐ ไปหลายขุมเหมือนกัน และผมก็ยังเกิดข้อกังขาว่า เอสร้อยเนี่ยภาพมันยังให้ประสิทธิภาพได้ไม่โดนใจนัก เด๋วดูลิงค์นี้นะคุณเตอร์ ดูภาพนาฟิกาของผม ซึ่งลูกชายผมเป็นคนค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ในกล้องเอส๕๕๐๐ ที่ผมใช้มาห้าปี ถ่ายเป็นฟายลอว์นะ ขนาดภาพสี่ล้านพิเซล แต่ที่โพสต์ย่อลงมาเยอะเลย มันละเอียดและคมกว่าเอส๑๐๐ มากเอาเรื่องทีเดียวเชียวนะ ถ่ายมาโคร(ไม่ใช้แฟลต) เปิดหน้ากล้องไอเอสโอ ๖๔ ปรับโฟกัสแมนวลนะ ผลก็คือเห็นกระทั่งเม็ดฝุ่นและรายละเอียดแทบทั้งหมด ผมเลยเกิดความลังเลว่าตกลง เอส๑๐๐ มันดีจริงหรือเปล่าฟ่ะ ลิ้งค์นี้ครับ พิจารณาดูเอง เลยชะลอการถอยกล้องใหม่จนวันนี้ครับ

http://www.fujifilm.co.th/forum/showthread.php?t=5702&page=64


พอมาวันนี้เจ้าลูกชายคนโตก็บอกผมอีกว่า ที่ป๋าให้งบสองกว่าๆเนี่ย นู๋ขอซักสามห้าได้ไหม จะไปถอยแคนนอน ๕๐๐ ดี รุ่นล่า แต่ก็อีหรอบเดิมอีก พอเข้าไปดูข้อมูล คู่แข็งมันก็มี นิคอน ดี๕๐๐ ลูกชายผมนั่งดูข้อมูลอยู่สามวันมั๊ง มะวานมันบอกว่า ป๋า งานนี้สงสัยแคนนอน กะนิคคอนมันฮั้วกันออกกล้องรุ่นใหม่แน่ๆ นู๋ชักไม่อยากได้แระ (อ้าว เป็นงั้นไป) ผมถึงได้บอกว่ากล้องหรืออุปกรณ์เนี่ยมันมีผลแค่สิบหรือยี่สิบเปอร์เท่านั้นครับ แต่คนที่ควบคุมมันหรือที่ในวงการเขาเรียกว่าลิงหลังกล้องนั่นล่ะ เป็นตัวแปรที่จะทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาดีหรือไม่ดีครับ ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมก็ดังที่บอกมาแต่ต้น กล้องที่ผมใช้มาห้าปีเนี่ย ตอนออกใหม่ๆผมจ่ายเงินถอยมันมาในราคา ๑๗๐๐๐ บาท(แค่กล้องคอมแพ็ค) แต่วันนี้ลูกชายผมรีดประสิทธิภาพสูงสุดของมันออกมา เขาเรียนมาทางนี้โดยตรงครับคุณเตอร์ วันนี้จบออกมาอ.ทั้งวิทยาลัยให้ความรู้เขาสูงกว่าที่ระดับปวส.ไปแล้วครับ แถมยังช่วยอาจารย์สร้างเวปและอะไรต่ออะไรอีกเยอะครับ ทั้งกล้องวีดีโอทุกระบบ คุณเตอร์ว่างลองเข้าไปคุยเลยครับ ผมว่าเขาคงให้ข้อคิดอะไรดีๆในการเลือกซื้อกล้องกับคุณเตอร์ได้อย่างกระจ่าง หากคิดจาถอยโซนี่ ตอนนี้นะ ผมคงบอกได้ว่าบริการหลังการขายยังกังขาอยู่นา แต่ทีวีที่บ้านผมโซนี่ทุกเครื่องนะ(ตอนนั้นภรรยาเปิดร้านวีดีโอเกมส์) วันนี้ชั่วโมงนี้ หากเล่นคอมแพ็คระดับเทพ ลูกชายผมเทคะแนนให้แคนนอนะ ลองไปศึกษาดู แต่ผมต้องคิดหนักและคิดนานในการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ให้ลูกผม เพราะตอนนี้ ฟูจิ มันก็เตรียมที่จะออกรุ่นใหม่มาฆ่าที่ผมบอกแต่แรกให้ดับรัศมีเลย แสบจริงๆในวงการเนี่ย หากถามส่วนตัว ผมชอบฟูจิครับ เทคโนโลยีมันเทพกว่าเยอะครับ ไม่งั้นคงไม่เป็นหนึ่งในสองของบริษัทที่ผลิตฟิมล์ขายแข่งกะโกดัก จริงไหม...............ผมชอบซีซีดีของมันครับ แคนนอนกะนิคคอน ใช้ซีมอสนะครับ ซึซึดี กะซีมอส นั้นต่างกันลิบนะ แถมซีซีดีของฟูจิยังเป็นแปดเหลี่ยมอีก มีอะไรดีๆซ่อนไว้เยอะครับ ต้องศึกษาลงลึกถึงกึ๋นจริงๆ ถึงจะรู้เท่าทันบริษัทเหล่านี้ แล้วเราได้ของดีที่สุดใช้งานสบายสบายต่ออีกสี่ห้าปีครับ ผมว่าอีกไม่นานอาจจะมีเซอร์ไพร์ส เอส ๒๐๐ เปิดตัวแหง๋ม แค่เอสห้าพันห้าผมว่ายังใช้งานได้สบาย ในวันนี้ แต่ความละเอียดมันน้อยแล้ว วันนี้กล้องมาตราฐานความละเอียดระดับสิบล้านขึ้นครับ เจ้า ๕๐๐ ดี สิบห้าล้านนะ เหอะๆๆๆๆๆๆ ตามดูห่างๆพอครับ อย่าตามติดเด๋วเจ็บตัว มันออกมาซักระยะ มันไม่บอกเราหรอกถึงข้อเสีย แต่รอสักนิดเด๋วก็มีคนบ่นให้ฟัง สุดท้าย.........ไม่มีอะไรดีที่สุด...แต่เราควรเลือกให้เหมาะกับเรา ณ วันนี้ แล้วใช้ให้คุ้มค่าต่ออีกหลายๆปีครับ

 

ถ้าเติมเพิ่ม ผมดูว่าให้กระแสน้อยกว่าเ้ดิม 15%, ท่อดูดสัก 7 องศา ตอนกลางวัน, น้ำหนักดูยากแล้วเพราะเติมเพิ่ม

ส่วนกลางคืน อากาศมันเย็นแอร์ระบายความร้อนได้ดี กระแสน่าจะลดอยู่แล้วครับ

 

ถ้าบรรลุเคล็ดวิชาแล้ว จอมยุทธไม่ต้องใช้กระบี่วิเศษครับ แค่เอากิ่งไม่มาใช้ก็สู้กับกระบี่ได้สบาย เมื่อก่อนก็บ้านกล้อง SLR หอบเลนส์ หอบขาตั้ง พอตอนหลังนี่ฝีมือก็ไม่ได้เก่งหรอก แต่ขี้เกียจแบกพะรุงพะรัง อุ้มลูกก็แย่แล้ว ใช้ compact ของ canon ตัวละไม่ถึงหมื่น ถ่ายออกมาก็ ok แล้ว รู้จักใช้สักหน่อย เข้าโหมดปรับรูปรับแสงเอง หรือปรับ shutter speed เองก็สวยแล้ว

 

ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำ

ขอบคุณ คุณเตอร์ที่ให้คำแนะนำทางโทรศัพท์ และท่านที่ตอบในกระทู้ วันนี้ผมได้ทำการแก้ไขน้ำมันฟรีปั้ม ล้างแผงคอยล์ร้อน ผลที่ได้ ด้านโล 55 ด้าน ไฮ 155 หลังจากนั้นเติมน้ำยา Cold เพิ่ม จนมีฟองนิดเดียวจริงๆ ผลอุณหภูมิจาก 17 เหลือ 13 แต่มองไดเออร์ใสแล้ว ผมก็ไม่เติมต่อ สังเกตุมีหยดน้ำที่คอมเพรสเซอร์ ตามต่อดูดมีหยดน้ำเยอะมากๆ ท่อตรงไดเออร์ก็ร้อน ผมลองปล่อยน้ำยาออก อุณหภูมิสูงขึ้น อัดน้ำยาเข้าอุณหภูมิลดลง แต่ก่อนลด จะขึ้นนิดนึงแล้วค่อยๆ ลง สังเกตุกระจกเป็นฝ้า ผมต้องแก้ไขอะไรอีกครับ ต้องล้างระบบใหม่เลยมั้ย (คอม sd 508 ) หรือจะเป็นเพราะช่วงนี้อากาศเย็น ฝนตกทำให้อุณหภูมิลด ขอรบกวนถามทุกท่านครับ ขอบคุณมากครับ tee777

 

hi 155 ยังถือว่าไม่สูงนะครับ ล้างแผงแอร์+ซ่อมฟรีปั๊มแล้วช่วยให้ hi ต่ำลงจริงๆ ลองเติม cold เพิ่มทีละนิด (นิดจริงๆ) แล้วดูว่าอุณหภูมิยังลงได้อีกไหม ถ้าเติมแล้วอุณหภูมิยังลงได้อีก ก็เติมไปเรื่อยๆที่รอบเดินเบา ลมแอร์แรงที่สุด (ทีละน้อย) แล้วดูจนอุณหภูมิไม่ลดแล้ว ก็หยุด จะเป็นจุดที่แอร์ทำความเย็นได้มากที่สุด ดูเกจด้าน hi อย่าให้เกิน 250 ครับ
ช่วงที่เติมน้ำยาเข้า อุณหภูมิจะมีสวิงขึ้นลง ให้รอจนกระทั่งนิ่งก่อนประมาณ 5 นาที ดูผลว่าขึ้นหรือลงแล้วค่อยเติมต่อ
ด้าน lo 55 ถือว่าสูงเหมือนกัน แต่บางครั้งพอเติมต่อแล้วอุณหภุมิยังลดอยู่ ท่อ suction จะเย็นขึ้นจะมีผลทำให้ lo ลดลงมาอีกครับ ลองดูก่อนครับ เติมเพิ่มที่ละนิด ถ้าเติมแล้วอุณหภูมิลมยังลดก็สามารถเติมได้เรื่อยๆครับ
เย็นจนได้เลขหลักเดียวก็ถือว่าพอใช้ได้แล้วครับ 13 ยังมากไปหน่อย เอาใจช่วยให้สำเร็จครับ ถ้าเย็นเป็นฝ้าได้ด้วยฝีมือเราเอง จะรู้สึกภูมิใจมากๆ

ปล. เติมน้ำยาช่วงฝนตกจะมีผลให้แอร์เย็นกว่าปกติอยู่แล้วครับเพราะอากาศชื้นทำให้แผงร้อนระบายได้ดีกว่าตอนฝนไม่ตก ถ้าเติมตอนแดดร้อนๆแล้วแอร์ยังทำความเย็นได้ดี อันนี้จะเป็นการวัดประสิทธิภาพของแอร์ได้ดีที่สุดครับ

 

พี่รุ่งครับ ผมกลับไปลองแบบที่พี่แนะนำแล้วเมื่อวานช่วงสายๆแดดร้อนๆ ได้อุณหภูมิช่องแอร์11-12องศา บางทีกระโดดลงไปที่10.5องศา แต่แอร์มันก็ยังไม่ตัด(ลองประมาณครึ่งชั่งโมง)ผมก็เลยหยุดเพราะคิดว่าแอร์ของเราคงทำความเย็นได้แค่นี้ ก้มมาดูที่ตาแมวแล้วปรากฎว่าฟองเยอะมาก ผมจึงคิดว่าจะเช็ครั่วแล้วจะปล่อยน้ำยาเก่าออกแล้วเติมR12แบบกระป๋องเข้าไปใหม่แต่ที่ยังไม่แน่ใจคือว่าน้ำมันคอมผมไม่รู้ว่าช่างเก่าเค้าเติมน้ำมันคอมของR12หรือR134A เพราะคอมผมเป็นคอมR134Aแต่เติมน้ำยาR12 ถ้าผมจะปล่อยน้ำยาเก่าออกโดยเปิดวาล์วที่เกจ์เยอะเพื่อให้น้ำมันคอมออกไปด้วยแล้วก็แวคระบบ แล้วเติมน้ำมันคอมแบบกระป๋องที่เป็นของR12เข้าไปเลยจะได้รึเปล่าครับ(คือว่าถ้าน้ำมันคอมที่ค้างอยู่ในระบบมันเป็นR134Aแล้วเราเติมR12 เข้าไปเลยมันจะมีผลอะไรรึเปล่า) หรือว่าจะให้ผมเติมน้ำมันคอมของR134A เข้าไปเลย(แต่ถ้าในระบบเป็นน้ำมันคอมของR12จะมีผลมั๊ย) รบกวนพี่ๆช่วยแนะนำด้วยครับ พอก่อนดีกว่าพิมพ์มากไปหน่อยผมชักเริ่มงงแล้วครับ

 

ok ครับแสดงว่าทำความเย็นได้ประมาณ 10-11 องศาไม่ต่ำกว่านี้แล้ว
ตาแมวมีฟองเยอะ อันนี้ซ่อมแอร์ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ครับ เพิ่งทำมา หรือว่าทำมานานแล้ว
ถ้าเพิ่งทำแล้วตอนแรกไม่มีฟองแอร์เย็นดี แต่ใช้ๆไปซัก 1-2 เดือนเริ่มไม่ค่อยเย็น และมีฟองเยอะอันนี้
น่าจะรั่วจริงๆ ต้องหาจุดรั่วก่อนโดยดูจากคราบน้ำมันคอมที่เปรอะที่ท่อ หรือใช้น้ำยาล้างจานบีลงไปที่จุดข้อต่อต่างๆที่สงสัยว่าจะรั่วได้ ถ้ามีฟองก็แสดงว่ารั่ว

ถ้าทำมาหลายเดือนหรือเป็นปีแล้ว อาจจะน้ำยาพร่อง หมายถึงรั่วน้อย อย่างนี้ใช้เติมน้ำยาเพิ่มก็ได้ไม่ต้องถ่ายทิ้ง

เรื่องน้ำมันคอม ตอนนี้คุณใช้น้ำยา R-12 แต่คอม 134 ได้ไม่มีปัญหาครับ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมัน ถ้าจะเติมน้ำมันคอมเพิ่มก็เลือกแบบที่เป็น 134 มาเติม (ส่วนตัวผมคิดว่าไม่มีผลมากถ้าจะเปลี่ยน) รอผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณเตอร์หรือคุณ professor มายืนยันอีกครั้งหนึ่งครับว่าถ้าเติมน้ำมันคอมผสมกัน จะได้หรือไม่ มีผลดีผลเสียอย่างไร

น้ายามีฟองเยอะ ยังได้ 10-11 องศา ถ้าเติมน้ำยาเพิ่มเข้าไปอาจจะเย็นกว่านี้ก็ได้ โดยไม่ต้องทำอะไรครับ (ถ้าไม่มีรั่วในระบบ) ของคุณมีเพิ่มแผงร้อนเป็น 2 แผงด้วยใช่ไหมครับ น่าจะยิ่งช่วยระบายความร้อนได้ดีกว่าแผงเดียว แต่ต้องเติมน้ำยาแอร์มากกว่าปกติ


พอดีรถผมและรถพี่ชายเดิมๆเป็น 134 มาเปลี่ยนน้ำยาเป็น R12 น้ำมันคอมผมก็ใช้ของ 134 อยู่ครับไม่ได้ถ่ายออก เพราะน้ำมันคอม 134 มันดีกว่า R-12 อยู่แล้ว แต่ถ้าระบบเดิมๆเป็น R-12 อยู่จะเปลี่ยนเป็น 134 อันนี้งานหนักเพราะต้องถ่ายน้ำมันคอม R-12 ออก ซึ่งส่วนมากจะไม่มีใครทำกัน ส่วนมากจะมีแต่เดิมๆ 134 แต่เปลี่ยนน้ำยาเป็น R-12 ซึ่งไม่ยุ่งยากแค่ถ่ายน้ำยาเก่าออก vac แล้วก็เติม R12 เข้าไปได้เลยครับ