The Miracle of Boxer Engine : ข้อได้เปรียบ 7 ประการ ของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์

การสนทนาใน 'Articles' เริ่มโดย RacingWeb, 20 มกราคม 2015

โดย RacingWeb เมื่อ 20 มกราคม 2015 เมื่อ 03:40
  1. RacingWeb

    RacingWeb Member Super Moderator

    41
    1
    8
    [​IMG]
    The Miracles of Boxer Engine
    The 7 advantages of Subaru Boxer Engine
    ข้อได้เปรียบ 7 ประการ ของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์

    เครื่องยนต์บ็อกเซอร์นั้นถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1896 โดยวิศวกรชาวเยอรมัน และได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีสมรรถนะสูงเทียบเท่ากับเครื่องยนต์แบบสูบเรียงทั่วไป เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ถูกนำมาใช้กับรถยนต์หลายรุ่นและหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งหรือรถโปรดัคชั่นคาร์ ยกตัวอย่างเช่น Alfa Romeo 33SC12 (1976-1977), Ferrari BB 512i (1981-1984), Porsche Boxster (1996-ปัจจุบัน), Subaru BRZ GT300 (2012-ปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้เราจะโฟกัสไปที่เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ของ "ซูบารุ" ค่ายดาวลูกไก่จากแดนอาทิตย์อุทัยซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องเครื่องยนต์บ็อกเซอร์มานานหลายทศวรรษ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    "ซูบารุ" เป็นค่ายรถยนต์ที่สามารถดึงเอาจุดเด่นของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์มาใช้ได้อย่างน่าสนใจและมีเอกลักษณ์ ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ทำให้ซูบารุสามารถสร้างเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่มีสรรถนะสูงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หลักฐานชี้ชัดของความสำเร็จก็คือ "รางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยม" (Best Engine Awards) ที่ซูบารุได้รับมาอย่างมากมาย ในปัจจุบัน ซูบารุได้พัฒนาเครื่องยนต์บ็อกเซอร์มาจนถึงเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว เพราะฉะนั้น เครื่องยนต์บ็อกเซอร์จึงเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของรถยนต์ซูบารุอย่างแยกจากกันไม่ได้

    นอกจากเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สมรรถนะสูงแล้ว รถยนต์ของซูบารุยังมีความโดดเด่นในเรื่องการควบคุมที่ยอดเยี่ยมตามสโลแกนที่ว่า "Confidence in Motion" แน่นอนว่าหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ได้มาซึ่งสมรรถนะในการควบคุมที่สุดยอดนั้น ก็คือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์อันโด่งดังนั่นเอง และในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับข้อได้เปรียบ 7 ประการที่ทำให้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ซูบารุได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้

    ข้อได้เปรียบประการที่ 1: เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Lower the Center of Gravity)
    การมีจุดศูนยต์ถ่วงต่ำนี้ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่นที่สุดของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ เพราะว่าเมื่อเครื่องยนต์มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำแล้ว จะส่งผลให้รถทั้งคันมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงเช่นกัน การที่รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ จะทำให้รถมีการตอบสนองต่อพวงมาลัยได้ดีและแม่นยำมากขึ้น เรียกได้ว่าผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ดั่งใจมากขึ้นนั่นเอง การที่เราสามารถควบคุมรถได้อย่างทันใจและแม่นยำนั้น จะเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ต้องหักเลี้ยวอย่างกระทันหัน รถจะตอบสนองได้ทันทีและไม่เสียการควบคุม

    [​IMG]

    นอกจากจะช่วยเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมแล้ว การที่มีเครื่องยนต์ที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำยังช่วยลดโอกาสที่รถจะพลิกคว่ำในกรณีที่เกิดการชนอีกด้วย เมื่อโอกาสที่รถจะพลิกคว่ำลดลงแล้ว ก็แน่นอนว่าผู้โดยสารจะได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับตัวรถอีกด้วย

    [​IMG]
    subarucalgary.ca​

    ข้อได้เปรียบประการที่ 2: เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีความสมดุลมากกว่า (More Balanced)
    นอกจากจะมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำแล้ว เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ยังมีโครงสร้างที่มีความสมมาตรซ้าย-ขวา ซึ่งทำให้สามารถกระจายน้ำหนักได้ลงสู่ล้อซ้าย-ขวาได้อย่างสมดุล การที่รถสามารถกระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุลนั้น จะส่งผลดีต่อการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง และยังเพิ่มความเสถียรในขณะวิ่งทางตรงอีกด้วย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ข้อได้เปรียบประการที่ 3: เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีแรงสั่นสะเทือนที่น้อยกว่า (More smoothness, Less Vibration)
    เนื่องจากการเคลื่อนที่ของลูกสูบของเครื่องยนต์ Boxer จะเป็นการเคลื่อนที่ในแนวนอน โดยที่ลูกสูบจะเคลื่อนที่ออกไปด้านข้างทั้งซ้ายและขวาพร้อมๆ กัน การเคลื่อนที่แบบสวนทางกันของลูกสูบทั้งสองนี้จะช่วยหักล้างแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นภายในเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องยนต์มีการสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนที่น้อยลง ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น

    [​IMG]

    ข้อได้เปรียบประการที่ 4: เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีประสิทธิภาพการส่งกำลังมากกว่าเครื่องยนต์ปกติ (Higher Efficiency of Power Transfer)
    เนื่องจากเครื่องยนต์บ็อกเซอร์สามารถส่งกำลังไปชุดเกียร์โดยที่ไม่ต้องมีการเปลี่ยนทิศทางในการส่งกำลังเลย จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการส่งกำลังที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์ที่มีการติดตั้งในแนวขวางตัวรถ (Transverse Engine) นอกจากนั้น การส่งกำลังแบบเป็นเส้นตรงตามแนวแกนรถ ยังช่วยให้รถมีความสมดุลและเสถียรภาพมากขึ้น และเมื่อประสิทธิภาพในการส่งกำลังสูงขึ้นแล้ว อัตราเร่งก็จะดีขึ้น และยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกด้วย

    [​IMG]

    ข้อได้เปรียบประการที่ 5: เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีน้ำหนักน้อยกว่า (Lighter Engine = Easier to turn)
    ถ้าเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์สูบเรียงแล้ว เครื่องยนต์บ็อกเซอร์จะมีขนาดกระทัดรัดและเล็กกว่ามาก ส่งผลให้มีน้ำหนักน้อยกว่า สำหรับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์อยู่ที่ตำแหน่งด้านหน้ารถแล้ว การที่เครื่องยนต์มีน้ำหนักเบาจะส่งผลให้รถสามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ทำให้ผู้ขับไม่ต้องออกแรงมากในการหักเลี้ยว ซึ่งจะช่วยให้สามารถหักหลบสิ่งกีดขวางได้อย่างทันที

    [​IMG]

    ข้อได้เปรียบประการที่ 6: มีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นขณะสตาร์ทดีกว่า
    เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า การสึกหรอของเครื่องยนต์จะเกิดขึ้นมากที่สุดในตอนที่เริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ด้วยเหตุที่ว่าน้ำมันเครื่องไม่สามารถไปหล่อลื่นพื้นผิวของกระบอกสูบได้อย่างทันท่วงที ทำให้ลูกสูบเสียดสีกับผนังกระบอกสูบโดยตรง จึงเกิดการสึกหรอภายในกระบอกสูบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์นั้น ลูกสูบทั้งสี่จะนอนระนาบไปกับแนวพื้นโลก ถึงแม้ว่าจะดับเครื่องยนต์เป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังคงมีน้ำมันเครื่องบางส่วนเคลือบอยู่ที่บริเวณผนังกระบอกสูบ เพราะฉะนั้น ในทางทฤษฎีแล้ว เครื่องยนต์บ็อกเซอร์จึงมีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นในขณะสตาร์ทดีกว่าเครื่องยนต์โดยทั่วไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์มีอายุการใช้งานที่นานกว่าเครื่องยนต์ปกติ

    [​IMG]

    ข้อได้เปรียบประการที่ 7: ช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับห้องโดยสารในกรณีที่เกิดการชนด้านหน้า
    เทคโนโลยีนี้เรียกว่า “เบรก อเวย์ เอนจิน” (Break Away Engine) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพที่สุดของซูบารุ โดยที่เทคโนโลยีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะลดความเสียหายกับห้องโดยสารในกรณีที่เกิดการปะทะด้านหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารที่อยู่ภายในห้องโดยสาร

    หลักการของเทคโนโลยีนี้ อยู่ที่การออกแบบให้เครื่องยนต์สามารถหลุดออกจากแท่นเครื่องยนต์ได้ในขณะเกิดการปะทะ เนื่องจากเครื่องยนต์บ็อกเซอร์เป็นเครื่องยนต์ที่ถูกติดตั้งในตำแหน่งที่ต่ำมากๆเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์โดยทั่วไป เพราะฉะนั้นเมื่อเครื่องยนต์หลุดออกมาแล้ว ตัวเครื่องยนต์จะไม่เคลื่อนที่มาปะทะกับห้องโดยสารโดยตรง แต่จะมุดลงไปที่ด้านล่างของตัวรถ ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดกับห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    [​IMG]

    "ความสมดุล" หรือ "Balance" ถือเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นทุกคัน วิศวกรของซูบารุมีความเชื่อว่า ถ้ารถคันไหนมีเครื่องยนต์ที่แรง แต่ปราศจากซึ่งความสมดุลและความเสถียรแล้ว รถคันนั้นจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น "รถที่ดี" เพราะฉะนั้น ซูบารุจึงเป็นค่ายรถยนต์ที่เน้นความสมดุลของตัวรถเป็นหลัก

    นิยามของคำว่า "ซูบารุ" ก็คือ การนำเครื่องยนต์ที่มี "ความสมดุล" มาประกอบกับตัวรถที่ถูกเซทอัพช่วงล่างมาอย่าง "สมดุล"

    [​IMG]

    อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ของซูบารุจะมีข้อได้เปรียบมากมายหลายประการ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีข้อเสียใดใดเลย เพียงแต่ในบทความนี้ ผมมีความตั้งใจที่จะนำเสนอด้านบวกของเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ทำความรู้จักกับเครื่องยนต์ซูบารุบ็อกเซอร์กันมากขึ้น

    ที่มา: http://johsautolife.com
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'Articles' เริ่มโดย RacingWeb, 20 มกราคม 2015

แบ่งปันหน้านี้