เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
RacingWeb Community
>
Racing Forum (Cars Forum)
>
STREET WEAPON: The God of Wind, สตรีทเว็พพอน: เทพเจ้าแห่งสายลม
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="RacingWeb, post: 2031240, member: 9984"]<p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/KEcylDQ.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><b>Street Weapon: The God of Wind</b></p> <p style="text-align: center"><b>สตรีทเว็พพอน: เทพเจ้าแห่งสายลม</b></p><p><br /></p><p><b>"Street Weapon" (สตรีท เว็พพอน)</b> เป็นชื่อเรียก <b>"สไตล์ของการแต่งรถ"</b> รูปแบบหนึ่ง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ขาซิ่ง ไม่เฉพาะที่บ้านเราไทยแลนด์เท่านั้น ประเทศในแถบเอเชียหรือยุโรปเองก็กำลังได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน จุดเด่นของรถสายนี้ก็คือ แอโรพาร์ทขนาดใหญ่ทรงดุดันน่าเกรงขาม นอกจากนั้นยังต้องมีล้อน้ำหนักเบาที่รัดด้วยยางสมรรถนะสูง (High Grip) และบนแก้มยางจะมีการพ่นสีเป็นตัวอักษรซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของรถสายนี้</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/opPskHR.png" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/nHl00mV.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ตามความเข้าใจของผมแล้ว คำว่า <b>"Street Weapon"</b> น่าจะมาจากคำว่า <b>"Track Weapon" (แทร็ค เว็พพอน)</b> ซึ่งหมายถึงรถแข่งที่ถูกปรับแต่งอย่างเต็มรูปแบบเพื่อใช้ลงแข่งในอีเวนท์ประเภท <b>"Track Day" (แทร็คเดย์)</b> ถ้าพูดถึง Track Day แล้ว ส่วนใหญ่จะหมายถึงอีเวนท์การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่จัดขึ้นในสนามแข่งที่มีมาตรฐาน เพราะฉะนั้น รถประเภท <b>Track Weapon</b> ก็คือรถแข่งเซอร์กิตประเภทหนึ่งนั่นเอง เนื่องจาก <b>Track Weapon</b> คือรถที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวิ่งบนสนามแข่งโดยเฉพาะ รถประเภทนี้จึงมีการอัพเกรดเครื่องยนต์และเซ็ทอัพช่วงล่างอย่างมืออาชีพ เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อแข่งเซอร์กิตโดยเฉพาะ</p><p><br /></p><p>รถประเภท <b>Track Weapon</b> ยังสามารถแบ่งเป็นอีกหลายสาย เป็นต้นว่า <b>"Street-used Weapon"</b> หรือ <b>"Track-focused Weapon"</b> แต่ถ้าหากจะพูดถึงสุดยอดของรถประเภท <b>Track Weapon</b> หรือสุดยอดรถแข่งสายเซอร์กิตก็คงต้องยกให้กับ <b>"Time-Attack Weapon" (ไทม์-แอทแทค เว็พพอน)</b> รถแข่งประเภท <b>Time-Attack Weapon</b> ก็คือ <b>Track Weapon</b> ประเภทหนึ่งซึ่งมีสมรรถนะที่สูงมากๆ รถประเภทนี้เป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ลงแข่งในรายการประเภท <b>"Time Attack"</b> โดยเฉพาะ การแข่งขันประเภทนี้ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อแย่งลำดับเข้าเส้นชัย หากแต่เป็นการแข่งขันเพื่อทำเวลาต่อรอบให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/1wE4M45.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Scion TC : รถแข่งประเภท Time Attack</p><p><br /></p><p>รถประเภท <b>Time-Attack Weapon</b> จะให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทเป็นอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากรถประเภทเซอร์กิตที่จะเน้นหนักไปทางเครื่องยนต์และช่วงล่างเป็นสำคัญ ที่ต้องให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทก็เพราะว่า เนื่องจากการแข่งขันประเภท Time Attack นั้น จะปล่อยรถแข่งทีละคัน ไม่ได้ปล่อยพร้อมกันเหมือนการแข่งขันประเภทเซอร์กิต ทำให้มีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะเบียดกันหรือปะทะกัน เพราะฉะนั้น รถแข่งแต่ละคันจึงออกแบบชุดแอโรพาร์ทให้มีขนาดใหญ่และยื่นออกมาจากตัวรถมากกว่าปกติ เพื่อให้รับลมได้มากและสามารถสร้างแรงกด (Downforce) ให้ได้มากที่สุด</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/n2bX4nu.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">Nissan Silvia S13 : รถแข่งประเภท Time Attack</p><p><br /></p><p>เนื่องจากกฎกติกาของการแข่งขันประเภท <b>Time Attack</b> จะไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก จึงถือเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างเปิดกว้าง โดยเฉพาะรถแข่งรุ่นพี่เบิ้มอย่าง <b>"Professional Class"</b> หรือ <b>"Super Open Class"</b> นั้น เป็นคลาสที่แทบจะไม่มีการจำกัดแรงม้าหรือขนาดของแอโรพาร์ทเลยทีเดียว เรียกได้ว่ามีปัญญาทำรถให้แรงแค่ไหนก็เอาเลย ขอให้ผ่านเรื่องเซฟตี้เป็นพอ จุดนี้เองที่เป็นเสน่ห์ของการแข่งขันประเภท <b>Time Attack</b> และกติกาแบบเปิดนี้เองที่ทำให้รถแข่งประเภทนี้ถูกโมดิฟายแบบสุดขั้ว ถึงขั้นที่ว่า สุดยอดรถแข่งทางเรียบอย่าง <b>Super-GT Series</b> ของญี่ปุ่น ที่แต่ละทีมมีแบ็คอัพเป็นสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่ อาจจะโดนรถปีศาจ <b>Time Attack</b> ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่นด้วยซ้ำ</p><p><br /></p><p>ด้วยสมรรถนะที่สุดยอดของรถ <b>Time Attack</b> ทำให้รถแข่งประเภทนี้ได้รับความนิยมภายในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะสาวกขาซิ่งทั้งหลายที่ชื่นชอบในความสุดยอดของรถ <b>Time Attack</b> ต่างก็พากันโมดิฟายรถของตัวเองให้กลายเป็นรถ <b>Time Attack</b> ในแบบฉบับของ <b>"รถซิ่งวิ่งถนน"</b> หรือที่เรียกว่าสไตล์ <b>"Street Use"</b> และพร้อมกันนั้นก็ได้นิยามคำศัพท์ขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เรียกสไตล์การแต่งรถแนวนี้ว่า <b>"Street Weapon"</b> นั่นเอง เพราะฉะนั้น มันคงจะไม่ผิดนักถ้าเราจะพูดว่า</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><b>"Street Weapon เป็นรถที่สืบสายเลือดมาจาก Time-Attack Weapon"</b></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center">[MEDIA=youtube]W3yxEvSjvHQ[/MEDIA]</p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/hlyNHBi.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/vMnIt8O.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><b>"เราแต่งรถตามหลักการ ไม่ใช่ตามจินตนาการ" : Street Weapon Thailand</b></p><p><br /></p><p>อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่ารถแข่งประเภท <b>Time Attack</b> นั้นจะให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทเป็นพิเศษ แอโรพาร์ประสิทธิภาพสูงจะถูกติดตั้งไว้รอบบริเวณตัวรถราวกับว่าเป็นชุดเกราะของนักรบ และธรรมเนียมการใส่แอโรพาร์ทนี้ก็ได้ถูกส่งต่อไปยังรถสาย <b>Street Weapon</b> อย่างไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใด แอโรพาร์ทเหล่านี้ทำให้รถสาย <b>Street Weapon</b> ที่ถึงแม้จะเป็นแค่รถซิ่งวิ่งถนน แต่ก็เป็นรถซิ่งที่มีแอโรไดนามิคส์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แอโรพาร์ทรอบคันที่ถูกติดตั้งเข้าไปนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อจัดเรียงการไหลของกระแสอากาศเพื่อที่จะให้สามารถไหลผ่านตัวรถไปอย่างราบเรียบ เพราะฉะนั้น รถสาย <b>Street Weapon</b> จึงเปรียบได้กับ <b>"เทพเจ้าแห่งสายลม" (The God of wind)</b> ที่สามารถบังคับทิศทางของลมได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/2EPT1Gf.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ว่าแต่ว่า...ทำไมต้องให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทขนาดนั้น? แอโรไดนามิคส์มันสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอ?</p><p><br /></p><p>หน้าที่หลักๆ ของแอโรพาร์ทที่ติดตั้งเข้าไปนั้นก็คือ <b>"สร้างแรงกด"</b> ให้กับรถ หรือที่เรียกว่า <b>"Downforce"</b> นั่นเอง แรงกดที่สร้างได้จะกดลงไปที่ยางทั้งสี่เส้น ทำให้ยางมีแรงยึดเกาะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้น วัตถุประสงค์หลักๆของแอโรพาร์ทก็คือ <b>"สร้างแรงกดเพื่อทำให้รถสามารถเข้าโค้งได้เร็วขึ้นนั่นเอง"</b> ไม่เพียงเท่านั้น แรงกดที่สร้างได้ยังช่วยทำให้รถมีความเสถียรมากขึ้นในขณะที่วิ่งทางตรงอีกด้วย</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/E9c9GFv.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">NEMO RACING's Lancer Evolution VII</p><p><br /></p><p>เพื่อที่จะให้เห็นว่าแอโรพาร์ทนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด ผมจะขอแนะนำให้รู้จักกับสุดยอดของ <b>Time-Attack Weapon</b> ระดับ <b>World-Class</b> นั่นก็คือ เจ้าปลาการ์ตูน <b>"NEMO"</b> นั่นเอง <b>NEMO</b> คือรถแข่ง <b>Time-Attack</b> จากทีม <b>"NEMO Racing"</b> ประเทศออสเตรเลีย <b>NEMO</b> คันนี้มีพื้นฐานมาจาก <b>Mitsubishi Lancer Evolution VII (EVO7)</b> จุดเด่นของรถคันนี้ก็คงหนีไม่พ้นแอโรพาร์ทประสิทธิภาพสูงที่ถูกติดตั้งไว้รอบคัน แอโรพาร์ทเหล่านี้ทำให้ NEMO สามารถสร้างแรงกดได้มากถึง 600 กิโลกรัม (ที่ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งมากกว่า EVO7 เดิมๆ ถึง 13 เท่า! นั่นหมายความว่า <b>NEMO</b> จะสามารถเข้าโค้งได้เร็วกว่า EVO7 ประมาณ 1.4 เท่า สมมติว่า <b>EVO7</b> สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็ว 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยที่ยังไม่หลุดโค้ง แต่เจ้าปลาปีศาจ <b>NEMO</b> จะสามารถเข้าโค้งเดียวกันนี้ด้วยความเร็วมากกว่า 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ..อึ้งเลยล่ะสิ และนี่ก็คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า แอโรพาร์ทนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/WTQ6Jom.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p> <p style="text-align: center">เปรียบเทียบ Aero Part ระหว่าง Evo VII เดิมๆ กับ Evo VII ที่สร้างขึ้นมาเพื่อแข่ง Time Attack</p><p><br /></p><p>อย่างไรก็ตาม ในการติดตั้งแอโรพาร์ทนั้น ความเชื่อที่ว่า ถ้าอยากได้แรงกดมากๆ ก็ต้องใส่แอโรพาร์ทให้เยอะๆ ครบๆ อันนี้เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างแรง เหตุผลก็เพราะว่า แอโรพาร์ทแต่ละชิ้นนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญกว่านั้นก็คือว่า <b>"กระแสลมที่ไหลออกจากแอโรพาร์ทที่อยู่ด้านหน้าของตัวรถ จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของแอโรพาร์ทที่อยู่ด้านหลัง"</b> ยกตัวอย่างเช่น กระแสลมที่ไหลออกจากคานาร์ดจะไหลต่อไปยังสปอยเลอร์ เพราะฉะนั้น ถ้าหากคานาร์ดไม่ได้ถูกออกแบบมาอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงว่า กระแสลมที่ออกจากคานาร์จะกลายเป็นกระแสลมที่ปั่นป่วนและไม่เป็นระเบียบ กระแสอากาศที่ปั่นป่วนนี้จะไหลต่อไปยังสปอยเลอร์ ส่งผลให้สปอยเลอร์สามารถสร้างแรงกดได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และกลายเป็นว่าสปอยเลอร์สุดเท่ห์ที่เราอุตส่าห์ซื้อมาติดตั้งนั้น ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ</p><p><br /></p><p>เพราะฉะนั้น การติดตั้งแอโรพาร์ทจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและละเอียดอ่อน และเพื่อที่จะทำให้แอโรพาร์ทสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องมีการวิเคราะห์ทิศทางและพฤติกรรมของกระแสอากาศอย่างรอบคอบ ไม่ใช่สักแต่ว่าใส่เข้าไปให้เยอะๆ ครบๆ ดังนั้นในบทความนี้ ผมจึงอยากจะอธิบายถึงหลักการทำงานอย่างคร่าวๆ รวมไปถึงประโยชน์ของแอโรพาร์ทที่สำคัญๆ ซึ่งแอโรพาร์ทเหล่านี้ถือเป็นหัวใจของรถสาย <b>Street Weapon</b> อย่างแยกจากกันไม่ได้</p><p><br /></p><p><b>1.Rear Wing (เรียวิง)</b></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/sRQ970i.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>"Rear Wing"</b> หรือ <b>"Spoiler"</b> ถือเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับรถแนว <b>Street Weapon</b> หลักการทำงานของเรียวิงนั้นเหมือนกับหลักการของปีกเครื่องบินทุกประการ แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์เท่านั้น วัตถุประสงค์ของปีกเครื่องบินคือ <b>"สร้างแรงยก" (Lift force)</b> ส่วนวัตถุประสงค์ของเรียวิงคือ <b>"สร้างแรงกด" (Downforce)</b> นั่นหมายความว่าเรียวิงก็คือปีกเครื่องบินที่ถูกพลิกกลับด้านนั่นเอง (Inverted wing) แรงกดที่เกิดจากเรียวิงจะถ่ายทอดลงสู่ยางหลังเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นหมายความว่าการติดตั้งเรียวิงจะทำให้ยางหลังมีการยึดเกาะที่ดีขึ้น ท้ายรถจึงมีความเสถียรขึ้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง</p><p><br /></p><p><b>2. Splitter (สปลิตเตอร์)</b></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/8ib4OSM.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>"สปลิตเตอร์"</b> หรือที่เรียกกันว่า <b>"ลิ้นหน้า"</b> เป็นแอโรพาร์ทที่ถูกติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของ <b>Bumper</b> มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบขนานไปกับพื้น อาจจะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์หรือวัสดุอื่นๆ ก็ได้ สำหรับรถแข่งที่มีสมรรถนะสูงๆ จะมีแท่งซัพพอร์ต (Support Rods) เพื่อยึดลิ้นหน้าไว้กับตัวถัง ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ลิ้นหน้าเสียรูปเมื่อรับแรงกดมากๆ นั่นเอง วัตถุประสงค์ของลิ้นหน้า คือ สร้างแรงกดให้กับด้านหน้าของรถ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะให้กับยางคู่หน้า ซึ่งจะช่วยลดอาการ "หน้าดื้อ" หรือ <b>"Under-steer"</b> ได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p><p><br /></p><p><b>3. Canard (คานาร์ด)</b></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/uerOwih.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>"คานาร์ด"</b> มีลักษณะเป็นแผ่นสามเหลี่ยม ถูกติดตั้งไว้บริเวณกันชนทั้งสองข้างของตัวรถ โดยมากคานาร์ดจะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ หน้าที่ของคานาร์ดก็คือสร้างแรงกดที่ด้านหน้ารถ โดยมีหลักการอยู่ว่า เมื่ออากาศไหลผ่าน ครีบทั้งสองอันจะเปลี่ยนทิศทางของการไหลอากาศให้ไหลขึ้นข้างบน โมเมนตัมของอากาศที่ไหลขึ้นจะทำให้เกิด <b>"แรงสุทธิ"</b> ซึ่งมีทิศทางลงสู่พื้นโลก นั่นก็คือ <b>"แรงกด"</b> นั่นเอง นอกจากนี้แล้ว ครีบทั้งสองอันนี้ยังสามารถสร้างลมหมุน (Vortex) ซึ่งลมหมุนนี้จะเกิดขึ้นที่ด้านข้าง หมุนวนไปตลอดความยาวของรถ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเหมือนผ้าม่าน เพื่อกั้นความดันระหว่างโซนความดันสูงกับโซนความดันต่ำ (กั้นระหว่างอากาศที่ไหลเหนือรถขึ้นไปกับอากาศที่ไหลใต้ท้องรถ) การทำเช่นนี้จะทำให้รถสามารถสร้างแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น</p><p><br /></p><p><b>4. Diffuser (ดิฟฟิวเซอร์)</b></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/YfrlyYj.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p><b>"ดิฟฟิวเซอร์"</b> ถือเป็นหนึ่งในแอโรพาร์ทที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ดิฟฟิวเซอร์จะถูกติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องรถด้านท้ายเพื่อเร่งให้อากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงมากขึ้น เมื่ออากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงขึ้นแล้ว จะส่งผลให้ความดันของอากาศบริเวณใต้ท้องรถมีค่าลดลง ความแตกต่างของความดันของบริเวณเหนือรถและใต้รถจะส่งผลให้เกิด "แรงกด" โดยที่แรงกดที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บริเวณที่มีดิฟฟิวเซอร์เท่านั้น (ไม่ได้เกิดขึ้นที่ท้ายรถเท่านั้น) แต่แรงกดนี้จะกระจายทั่วทั้งคัน (สำหรับรถ Formula1 แล้ว ดิฟฟิวเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์ที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 40% ของแรงกดทั้งหมดที่สร้างได้)</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/PkdlTCh.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>นอกเหนือจากการสร้างแรงกดให้กับรถแล้ว ดิฟฟิวเซอร์ยังช่วยลดแรงต้านอากาศอันเนื่องมาจากการไหลปั่นป่วนที่เกิดขึ้นบริเวณท้ายรถอีกด้วย (Turbulent flow at Rear-end) โดยที่ดิฟฟิวเซอร์จะช่วยจัดเรียงอากาศที่ไหลใต้ท้องรถให้ไหลออกมาอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น การทำเช่นนี้จะส่งผลให้แรงต้านอากาศลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิฟฟิวเซอร์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับแผ่นปิดใต้ท้องรถ หรือที่เรียกว่า <b>"Undertray"</b> แผ่นปิดใต้ท้องรถจะช่วยจัดเรียงการไหลของอากาศให้มีระเบียบมากขึ้นก่อนที่จะเข้าดิฟฟิวเซอร์ ส่งผลให้ดิฟฟิวเซอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง</p><p><br /></p><p style="text-align: center"><b>"Street Weapon ถือเป็นสายที่สามารถดึงเอาสมรรถนะของรถออกมาใช้ได้มากที่สุดอีกสายหนึ่ง"</b></p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center">[MEDIA=youtube]PxAlYlrE0BU[/MEDIA]</p> <p style="text-align: center"><br /></p> <p style="text-align: center"><img src="https://i.imgur.com/IwN0K5M.jpg" class="bbCodeImage wysiwygImage" alt="" unselectable="on" /></p><p><br /></p><p>ด้วยประสิทธิภาพเชิงแอโรไดนามิคส์ของรถสาย <b>Street Weapon</b> ประกอบกับการโมดิฟายเครื่องยนต์และช่วงล่างที่เน้นหนักไปทางการแข่งขันประเภทเซอร์กิต ทำให้ <b>Street Weapon</b> ถือเป็นรถที่สามารถดึงเอาสมรรถนะของรถมาใช้ได้มากที่สุดอีกสายหนึ่ง ด้วยการโมดิฟายอย่างมีหลักการและคำนึงถึง <b>Performance</b> ของรถเป็นหลัก ทำให้รถนี้เป็นรถซิ่งที่มีสมรรถนะที่สูงมากๆ เรียกได้ว่าสามารถเอาลงไปวิ่งแข่งขันในเซอร์กิตโดยที่แทบจะไม่ต้องโมดิฟายอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะฉะนั้น ถ้าหากจะเรียกรถสาย <b>Street Weapon</b> ว่าเป็น <b>"ศาสตราวุธที่พร้อมจะทำการศึกตลอดเวลา" (Ready-to-fire Weapon)</b> ก็คงจะไม่ผิดนัก...</p><p><br /></p><p>ที่มา: <a href="http://johsautolife.com/" target="_blank" class="externalLink ProxyLink" data-proxy-href="http://johsautolife.com/" rel="nofollow">http://johsautolife.com/</a>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="RacingWeb, post: 2031240, member: 9984"][CENTER][IMG]https://i.imgur.com/KEcylDQ.png[/IMG] [B]Street Weapon: The God of Wind สตรีทเว็พพอน: เทพเจ้าแห่งสายลม[/B][/CENTER] [B]"Street Weapon" (สตรีท เว็พพอน)[/B] เป็นชื่อเรียก [B]"สไตล์ของการแต่งรถ"[/B] รูปแบบหนึ่ง ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ขาซิ่ง ไม่เฉพาะที่บ้านเราไทยแลนด์เท่านั้น ประเทศในแถบเอเชียหรือยุโรปเองก็กำลังได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน จุดเด่นของรถสายนี้ก็คือ แอโรพาร์ทขนาดใหญ่ทรงดุดันน่าเกรงขาม นอกจากนั้นยังต้องมีล้อน้ำหนักเบาที่รัดด้วยยางสมรรถนะสูง (High Grip) และบนแก้มยางจะมีการพ่นสีเป็นตัวอักษรซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของรถสายนี้ [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/opPskHR.png[/IMG] [IMG]https://i.imgur.com/nHl00mV.jpg[/IMG][/CENTER] ตามความเข้าใจของผมแล้ว คำว่า [B]"Street Weapon"[/B] น่าจะมาจากคำว่า [B]"Track Weapon" (แทร็ค เว็พพอน)[/B] ซึ่งหมายถึงรถแข่งที่ถูกปรับแต่งอย่างเต็มรูปแบบเพื่อใช้ลงแข่งในอีเวนท์ประเภท [B]"Track Day" (แทร็คเดย์)[/B] ถ้าพูดถึง Track Day แล้ว ส่วนใหญ่จะหมายถึงอีเวนท์การแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่จัดขึ้นในสนามแข่งที่มีมาตรฐาน เพราะฉะนั้น รถประเภท [B]Track Weapon[/B] ก็คือรถแข่งเซอร์กิตประเภทหนึ่งนั่นเอง เนื่องจาก [B]Track Weapon[/B] คือรถที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อวิ่งบนสนามแข่งโดยเฉพาะ รถประเภทนี้จึงมีการอัพเกรดเครื่องยนต์และเซ็ทอัพช่วงล่างอย่างมืออาชีพ เรียกได้ว่าเกิดมาเพื่อแข่งเซอร์กิตโดยเฉพาะ รถประเภท [B]Track Weapon[/B] ยังสามารถแบ่งเป็นอีกหลายสาย เป็นต้นว่า [B]"Street-used Weapon"[/B] หรือ [B]"Track-focused Weapon"[/B] แต่ถ้าหากจะพูดถึงสุดยอดของรถประเภท [B]Track Weapon[/B] หรือสุดยอดรถแข่งสายเซอร์กิตก็คงต้องยกให้กับ [B]"Time-Attack Weapon" (ไทม์-แอทแทค เว็พพอน)[/B] รถแข่งประเภท [B]Time-Attack Weapon[/B] ก็คือ [B]Track Weapon[/B] ประเภทหนึ่งซึ่งมีสมรรถนะที่สูงมากๆ รถประเภทนี้เป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ลงแข่งในรายการประเภท [B]"Time Attack"[/B] โดยเฉพาะ การแข่งขันประเภทนี้ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อแย่งลำดับเข้าเส้นชัย หากแต่เป็นการแข่งขันเพื่อทำเวลาต่อรอบให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/1wE4M45.jpg[/IMG] Scion TC : รถแข่งประเภท Time Attack[/CENTER] รถประเภท [B]Time-Attack Weapon[/B] จะให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทเป็นอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากรถประเภทเซอร์กิตที่จะเน้นหนักไปทางเครื่องยนต์และช่วงล่างเป็นสำคัญ ที่ต้องให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทก็เพราะว่า เนื่องจากการแข่งขันประเภท Time Attack นั้น จะปล่อยรถแข่งทีละคัน ไม่ได้ปล่อยพร้อมกันเหมือนการแข่งขันประเภทเซอร์กิต ทำให้มีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะเบียดกันหรือปะทะกัน เพราะฉะนั้น รถแข่งแต่ละคันจึงออกแบบชุดแอโรพาร์ทให้มีขนาดใหญ่และยื่นออกมาจากตัวรถมากกว่าปกติ เพื่อให้รับลมได้มากและสามารถสร้างแรงกด (Downforce) ให้ได้มากที่สุด [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/n2bX4nu.jpg[/IMG] Nissan Silvia S13 : รถแข่งประเภท Time Attack[/CENTER] เนื่องจากกฎกติกาของการแข่งขันประเภท [B]Time Attack[/B] จะไม่ค่อยเข้มงวดมากนัก จึงถือเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างเปิดกว้าง โดยเฉพาะรถแข่งรุ่นพี่เบิ้มอย่าง [B]"Professional Class"[/B] หรือ [B]"Super Open Class"[/B] นั้น เป็นคลาสที่แทบจะไม่มีการจำกัดแรงม้าหรือขนาดของแอโรพาร์ทเลยทีเดียว เรียกได้ว่ามีปัญญาทำรถให้แรงแค่ไหนก็เอาเลย ขอให้ผ่านเรื่องเซฟตี้เป็นพอ จุดนี้เองที่เป็นเสน่ห์ของการแข่งขันประเภท [B]Time Attack[/B] และกติกาแบบเปิดนี้เองที่ทำให้รถแข่งประเภทนี้ถูกโมดิฟายแบบสุดขั้ว ถึงขั้นที่ว่า สุดยอดรถแข่งทางเรียบอย่าง [B]Super-GT Series[/B] ของญี่ปุ่น ที่แต่ละทีมมีแบ็คอัพเป็นสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่ อาจจะโดนรถปีศาจ [B]Time Attack[/B] ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่นด้วยซ้ำ ด้วยสมรรถนะที่สุดยอดของรถ [B]Time Attack[/B] ทำให้รถแข่งประเภทนี้ได้รับความนิยมภายในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะสาวกขาซิ่งทั้งหลายที่ชื่นชอบในความสุดยอดของรถ [B]Time Attack[/B] ต่างก็พากันโมดิฟายรถของตัวเองให้กลายเป็นรถ [B]Time Attack[/B] ในแบบฉบับของ [B]"รถซิ่งวิ่งถนน"[/B] หรือที่เรียกว่าสไตล์ [B]"Street Use"[/B] และพร้อมกันนั้นก็ได้นิยามคำศัพท์ขึ้นมาใหม่เพื่อใช้เรียกสไตล์การแต่งรถแนวนี้ว่า [B]"Street Weapon"[/B] นั่นเอง เพราะฉะนั้น มันคงจะไม่ผิดนักถ้าเราจะพูดว่า [CENTER][B]"Street Weapon เป็นรถที่สืบสายเลือดมาจาก Time-Attack Weapon"[/B] [MEDIA=youtube]W3yxEvSjvHQ[/MEDIA] [IMG]https://i.imgur.com/hlyNHBi.jpg[/IMG] [IMG]https://i.imgur.com/vMnIt8O.jpg[/IMG] [B]"เราแต่งรถตามหลักการ ไม่ใช่ตามจินตนาการ" : Street Weapon Thailand[/B][/CENTER] อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่ารถแข่งประเภท [B]Time Attack[/B] นั้นจะให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทเป็นพิเศษ แอโรพาร์ประสิทธิภาพสูงจะถูกติดตั้งไว้รอบบริเวณตัวรถราวกับว่าเป็นชุดเกราะของนักรบ และธรรมเนียมการใส่แอโรพาร์ทนี้ก็ได้ถูกส่งต่อไปยังรถสาย [B]Street Weapon[/B] อย่างไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใด แอโรพาร์ทเหล่านี้ทำให้รถสาย [B]Street Weapon[/B] ที่ถึงแม้จะเป็นแค่รถซิ่งวิ่งถนน แต่ก็เป็นรถซิ่งที่มีแอโรไดนามิคส์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แอโรพาร์ทรอบคันที่ถูกติดตั้งเข้าไปนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อจัดเรียงการไหลของกระแสอากาศเพื่อที่จะให้สามารถไหลผ่านตัวรถไปอย่างราบเรียบ เพราะฉะนั้น รถสาย [B]Street Weapon[/B] จึงเปรียบได้กับ [B]"เทพเจ้าแห่งสายลม" (The God of wind)[/B] ที่สามารถบังคับทิศทางของลมได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/2EPT1Gf.jpg[/IMG][/CENTER] ว่าแต่ว่า...ทำไมต้องให้ความสำคัญกับแอโรพาร์ทขนาดนั้น? แอโรไดนามิคส์มันสำคัญขนาดนั้นเชียวเหรอ? หน้าที่หลักๆ ของแอโรพาร์ทที่ติดตั้งเข้าไปนั้นก็คือ [B]"สร้างแรงกด"[/B] ให้กับรถ หรือที่เรียกว่า [B]"Downforce"[/B] นั่นเอง แรงกดที่สร้างได้จะกดลงไปที่ยางทั้งสี่เส้น ทำให้ยางมีแรงยึดเกาะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้รถสามารถเข้าโค้งด้วยความเร็วที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้น วัตถุประสงค์หลักๆของแอโรพาร์ทก็คือ [B]"สร้างแรงกดเพื่อทำให้รถสามารถเข้าโค้งได้เร็วขึ้นนั่นเอง"[/B] ไม่เพียงเท่านั้น แรงกดที่สร้างได้ยังช่วยทำให้รถมีความเสถียรมากขึ้นในขณะที่วิ่งทางตรงอีกด้วย [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/E9c9GFv.jpg[/IMG] NEMO RACING's Lancer Evolution VII[/CENTER] เพื่อที่จะให้เห็นว่าแอโรพาร์ทนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด ผมจะขอแนะนำให้รู้จักกับสุดยอดของ [B]Time-Attack Weapon[/B] ระดับ [B]World-Class[/B] นั่นก็คือ เจ้าปลาการ์ตูน [B]"NEMO"[/B] นั่นเอง [B]NEMO[/B] คือรถแข่ง [B]Time-Attack[/B] จากทีม [B]"NEMO Racing"[/B] ประเทศออสเตรเลีย [B]NEMO[/B] คันนี้มีพื้นฐานมาจาก [B]Mitsubishi Lancer Evolution VII (EVO7)[/B] จุดเด่นของรถคันนี้ก็คงหนีไม่พ้นแอโรพาร์ทประสิทธิภาพสูงที่ถูกติดตั้งไว้รอบคัน แอโรพาร์ทเหล่านี้ทำให้ NEMO สามารถสร้างแรงกดได้มากถึง 600 กิโลกรัม (ที่ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งมากกว่า EVO7 เดิมๆ ถึง 13 เท่า! นั่นหมายความว่า [B]NEMO[/B] จะสามารถเข้าโค้งได้เร็วกว่า EVO7 ประมาณ 1.4 เท่า สมมติว่า [B]EVO7[/B] สามารถเข้าโค้งด้วยความเร็ว 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยที่ยังไม่หลุดโค้ง แต่เจ้าปลาปีศาจ [B]NEMO[/B] จะสามารถเข้าโค้งเดียวกันนี้ด้วยความเร็วมากกว่า 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว ..อึ้งเลยล่ะสิ และนี่ก็คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า แอโรพาร์ทนั้นมีความสำคัญมากเพียงใด [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/WTQ6Jom.jpg[/IMG] เปรียบเทียบ Aero Part ระหว่าง Evo VII เดิมๆ กับ Evo VII ที่สร้างขึ้นมาเพื่อแข่ง Time Attack[/CENTER] อย่างไรก็ตาม ในการติดตั้งแอโรพาร์ทนั้น ความเชื่อที่ว่า ถ้าอยากได้แรงกดมากๆ ก็ต้องใส่แอโรพาร์ทให้เยอะๆ ครบๆ อันนี้เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างแรง เหตุผลก็เพราะว่า แอโรพาร์ทแต่ละชิ้นนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป และที่สำคัญกว่านั้นก็คือว่า [B]"กระแสลมที่ไหลออกจากแอโรพาร์ทที่อยู่ด้านหน้าของตัวรถ จะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของแอโรพาร์ทที่อยู่ด้านหลัง"[/B] ยกตัวอย่างเช่น กระแสลมที่ไหลออกจากคานาร์ดจะไหลต่อไปยังสปอยเลอร์ เพราะฉะนั้น ถ้าหากคานาร์ดไม่ได้ถูกออกแบบมาอย่างถูกต้องแล้วล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงว่า กระแสลมที่ออกจากคานาร์จะกลายเป็นกระแสลมที่ปั่นป่วนและไม่เป็นระเบียบ กระแสอากาศที่ปั่นป่วนนี้จะไหลต่อไปยังสปอยเลอร์ ส่งผลให้สปอยเลอร์สามารถสร้างแรงกดได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และกลายเป็นว่าสปอยเลอร์สุดเท่ห์ที่เราอุตส่าห์ซื้อมาติดตั้งนั้น ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น การติดตั้งแอโรพาร์ทจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนและละเอียดอ่อน และเพื่อที่จะทำให้แอโรพาร์ทสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องมีการวิเคราะห์ทิศทางและพฤติกรรมของกระแสอากาศอย่างรอบคอบ ไม่ใช่สักแต่ว่าใส่เข้าไปให้เยอะๆ ครบๆ ดังนั้นในบทความนี้ ผมจึงอยากจะอธิบายถึงหลักการทำงานอย่างคร่าวๆ รวมไปถึงประโยชน์ของแอโรพาร์ทที่สำคัญๆ ซึ่งแอโรพาร์ทเหล่านี้ถือเป็นหัวใจของรถสาย [B]Street Weapon[/B] อย่างแยกจากกันไม่ได้ [B]1.Rear Wing (เรียวิง)[/B] [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/sRQ970i.jpg[/IMG][/CENTER] [B]"Rear Wing"[/B] หรือ [B]"Spoiler"[/B] ถือเป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับรถแนว [B]Street Weapon[/B] หลักการทำงานของเรียวิงนั้นเหมือนกับหลักการของปีกเครื่องบินทุกประการ แต่ต่างกันที่วัตถุประสงค์เท่านั้น วัตถุประสงค์ของปีกเครื่องบินคือ [B]"สร้างแรงยก" (Lift force)[/B] ส่วนวัตถุประสงค์ของเรียวิงคือ [B]"สร้างแรงกด" (Downforce)[/B] นั่นหมายความว่าเรียวิงก็คือปีกเครื่องบินที่ถูกพลิกกลับด้านนั่นเอง (Inverted wing) แรงกดที่เกิดจากเรียวิงจะถ่ายทอดลงสู่ยางหลังเสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นหมายความว่าการติดตั้งเรียวิงจะทำให้ยางหลังมีการยึดเกาะที่ดีขึ้น ท้ายรถจึงมีความเสถียรขึ้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง [B]2. Splitter (สปลิตเตอร์)[/B] [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/8ib4OSM.jpg[/IMG][/CENTER] [B]"สปลิตเตอร์"[/B] หรือที่เรียกกันว่า [B]"ลิ้นหน้า"[/B] เป็นแอโรพาร์ทที่ถูกติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของ [B]Bumper[/B] มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบขนานไปกับพื้น อาจจะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์หรือวัสดุอื่นๆ ก็ได้ สำหรับรถแข่งที่มีสมรรถนะสูงๆ จะมีแท่งซัพพอร์ต (Support Rods) เพื่อยึดลิ้นหน้าไว้กับตัวถัง ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ลิ้นหน้าเสียรูปเมื่อรับแรงกดมากๆ นั่นเอง วัตถุประสงค์ของลิ้นหน้า คือ สร้างแรงกดให้กับด้านหน้าของรถ เพื่อเพิ่มการยึดเกาะให้กับยางคู่หน้า ซึ่งจะช่วยลดอาการ "หน้าดื้อ" หรือ [B]"Under-steer"[/B] ได้อย่างมีประสิทธิภาพ [B]3. Canard (คานาร์ด)[/B] [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/uerOwih.jpg[/IMG][/CENTER] [B]"คานาร์ด"[/B] มีลักษณะเป็นแผ่นสามเหลี่ยม ถูกติดตั้งไว้บริเวณกันชนทั้งสองข้างของตัวรถ โดยมากคานาร์ดจะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ หน้าที่ของคานาร์ดก็คือสร้างแรงกดที่ด้านหน้ารถ โดยมีหลักการอยู่ว่า เมื่ออากาศไหลผ่าน ครีบทั้งสองอันจะเปลี่ยนทิศทางของการไหลอากาศให้ไหลขึ้นข้างบน โมเมนตัมของอากาศที่ไหลขึ้นจะทำให้เกิด [B]"แรงสุทธิ"[/B] ซึ่งมีทิศทางลงสู่พื้นโลก นั่นก็คือ [B]"แรงกด"[/B] นั่นเอง นอกจากนี้แล้ว ครีบทั้งสองอันนี้ยังสามารถสร้างลมหมุน (Vortex) ซึ่งลมหมุนนี้จะเกิดขึ้นที่ด้านข้าง หมุนวนไปตลอดความยาวของรถ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นเหมือนผ้าม่าน เพื่อกั้นความดันระหว่างโซนความดันสูงกับโซนความดันต่ำ (กั้นระหว่างอากาศที่ไหลเหนือรถขึ้นไปกับอากาศที่ไหลใต้ท้องรถ) การทำเช่นนี้จะทำให้รถสามารถสร้างแรงกดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น [B]4. Diffuser (ดิฟฟิวเซอร์)[/B] [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/YfrlyYj.jpg[/IMG][/CENTER] [B]"ดิฟฟิวเซอร์"[/B] ถือเป็นหนึ่งในแอโรพาร์ทที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ดิฟฟิวเซอร์จะถูกติดตั้งไว้ที่ใต้ท้องรถด้านท้ายเพื่อเร่งให้อากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงมากขึ้น เมื่ออากาศที่ไหลผ่านใต้ท้องรถมีความเร็วสูงขึ้นแล้ว จะส่งผลให้ความดันของอากาศบริเวณใต้ท้องรถมีค่าลดลง ความแตกต่างของความดันของบริเวณเหนือรถและใต้รถจะส่งผลให้เกิด "แรงกด" โดยที่แรงกดที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บริเวณที่มีดิฟฟิวเซอร์เท่านั้น (ไม่ได้เกิดขึ้นที่ท้ายรถเท่านั้น) แต่แรงกดนี้จะกระจายทั่วทั้งคัน (สำหรับรถ Formula1 แล้ว ดิฟฟิวเซอร์ถือเป็นอุปกรณ์ที่สามารถสร้างแรงกดได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 40% ของแรงกดทั้งหมดที่สร้างได้) [CENTER][IMG]https://i.imgur.com/PkdlTCh.jpg[/IMG][/CENTER] นอกเหนือจากการสร้างแรงกดให้กับรถแล้ว ดิฟฟิวเซอร์ยังช่วยลดแรงต้านอากาศอันเนื่องมาจากการไหลปั่นป่วนที่เกิดขึ้นบริเวณท้ายรถอีกด้วย (Turbulent flow at Rear-end) โดยที่ดิฟฟิวเซอร์จะช่วยจัดเรียงอากาศที่ไหลใต้ท้องรถให้ไหลออกมาอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น การทำเช่นนี้จะส่งผลให้แรงต้านอากาศลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิฟฟิวเซอร์จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับแผ่นปิดใต้ท้องรถ หรือที่เรียกว่า [B]"Undertray"[/B] แผ่นปิดใต้ท้องรถจะช่วยจัดเรียงการไหลของอากาศให้มีระเบียบมากขึ้นก่อนที่จะเข้าดิฟฟิวเซอร์ ส่งผลให้ดิฟฟิวเซอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง [CENTER][B]"Street Weapon ถือเป็นสายที่สามารถดึงเอาสมรรถนะของรถออกมาใช้ได้มากที่สุดอีกสายหนึ่ง"[/B] [MEDIA=youtube]PxAlYlrE0BU[/MEDIA] [IMG]https://i.imgur.com/IwN0K5M.jpg[/IMG][/CENTER] ด้วยประสิทธิภาพเชิงแอโรไดนามิคส์ของรถสาย [B]Street Weapon[/B] ประกอบกับการโมดิฟายเครื่องยนต์และช่วงล่างที่เน้นหนักไปทางการแข่งขันประเภทเซอร์กิต ทำให้ [B]Street Weapon[/B] ถือเป็นรถที่สามารถดึงเอาสมรรถนะของรถมาใช้ได้มากที่สุดอีกสายหนึ่ง ด้วยการโมดิฟายอย่างมีหลักการและคำนึงถึง [B]Performance[/B] ของรถเป็นหลัก ทำให้รถนี้เป็นรถซิ่งที่มีสมรรถนะที่สูงมากๆ เรียกได้ว่าสามารถเอาลงไปวิ่งแข่งขันในเซอร์กิตโดยที่แทบจะไม่ต้องโมดิฟายอะไรเพิ่มเติมเลย เพราะฉะนั้น ถ้าหากจะเรียกรถสาย [B]Street Weapon[/B] ว่าเป็น [B]"ศาสตราวุธที่พร้อมจะทำการศึกตลอดเวลา" (Ready-to-fire Weapon)[/B] ก็คงจะไม่ผิดนัก... ที่มา: [URL]http://johsautolife.com/[/URL][/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
RacingWeb Community
>
Racing Forum (Cars Forum)
>
STREET WEAPON: The God of Wind, สตรีทเว็พพอน: เทพเจ้าแห่งสายลม
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...