@ ช่วยฟันธงครั้งสุดท้ายทีครับ MARCH VS BRIO @

ตอนแรกออกมาร์ช จะเอาประหยัด ไว้ขับก๊องแก๊งซื้อกับข้าว พอได้ขับจิงๆ มันเอาไว้ซื้อกับข้าวอย่างเดียวไม่ได้แล้ววุ้ย!........ส่วน BRIO ส่วนตัวผมชอบหน้าตาอ่ะคับ แต่ยังไม่เคยได้ขับ ไม่รู้ เทคเปิดจะ แซด.ด.ด แค่ไหน

 

สรุปไปดูตัวจริงมา จองBRIOแล้วครับ พอน้าเห็นBRIOคันเป็นๆ สีตะกั่วแล้วแกว่า...มันใช่ แม้จะไม่มีโปรโมชั่น หรือของแถมใดๆเลย ...นอกจาก กรอบป้ายทะเบียนที่มีโลโก้ศูนย์บริการ ...จบ. ><"

ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นมากนะครับ ^^

 

สุดท้ายแล้วอาจต้องกลับมาจบที่มาร์ชครับ เพราะตอนนี้ฮอนด้ามีปัญหาเรื่องการประกอบและส่งมอบรถ

ไม่สามารถกำหนดเวลาส่งมอบได้ เนื่องจากอะไหล่บางชิ้นไม่มา ไม่สามารถประกอบได้ตามกำหนดในทุกๆรุ่นครับ ติดต่อขอคืนเงินจองมา.

 

สุดท้ายตัดสินใจได้แบบไม่ต้องคิดมากเลย 555

 

ฟ้ากำหนด 5555+ ^^

 

march แน่นอน

Brio แอร์ตัวท็อปไม่ใช่ดิจิตอล เบาะคนขับปรัประดับสูงต่ำไม​่ได้ หมอนรองศีรษะปรับระดับไม่ได​้ ไม่มีไฟส่องแผนที่ ไม่มีที่ปัดน้ำฝนด้านท้าย ไม่มีไล่ฝ้าท้าย ฝนตกหนักๆทำงัย ที่สำคัญ ถ้าโดนชนท้ายประตูท้ายที่เป​็นกระจกทั้งบานต้องแตกล่ะทำ​งัย สำหรับเราถ้าจะซื้อขอคิดดูก​่อน ถ้าซื้อตัวท๊อปเลือก march ดีกว่าคะ options ครบคะ

 

จองไปยังครับ พอดีวันนี้คุยกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นมา เร็วๆนี้Mitsuก็จะออกECO CARครับ
น่าจะประชุมเรื่องพรีเซนเตอร์เสร็จแล้ว คงภายในปีนี้

 

ได้ตัว TOP มาครับ ไม่ผิดหวัง วงเลี้ยงแคบดี ขับง่ายมาก ๆ แฟนผมขับรถไม่เป็น เคยเอา FD สอนขับ สองสามครั้ง ก็กลัวรถ แต่พอมาตัวนี้ สอนแค่สองวัน ขับได้เลยครับ ถอยเข้าถอยออกง่ายมาก
คันใหญ่ใช้ Honda มาก่อน แต่พอมาคันเล็ก ซื้อให้แฟนใช้ ผมกลับไปเลือก March (แทนที่จะเข้าข้าง brio) เพราะ ดูจากราคา และความคุ้ม และก็ ดูตรงที่เราได้อะไรมาบ้างมันก็ต่างเหมือนกัน Option ในรถ ได้เยอะกว่า FD อีก TOP (E-AT-AS) นะ ปัดน้ำฝนหลัง กระจกมองข้างไฟฟ้าพับเก็บเองแบบออโต้(ไม่ต้องมาคอยกดปิดเอง ตั้งได้สองแบบ) ปุ่มสตาทเครื่อง เซ็นเซอร์ถอยหลัง แถมยังมีระบบโอเวอร์ไดรว์ ให้อีกตางหาก มันมาก กดปุ๊บ พุ่งปรีด เรื่องความประหยัดน้ำมัน ผมก็ชอบเพราะ ไปออกทิปใกล ๆมาแล้วครั้งนึงครับ ระยะทางไปกลับประมาณ 230กิโล เกจ์วัดน้ำมัน บอกว่าน้ำมันยุบไป 1/4 ถังเอง แต่ FD หายไปเกือบครึ่งถุง คนนั่ง March เยอะกว่าอีกนะ ผมชอบระบบเกรียทำงานยังไงก็ไม่รู้เหมือนมันฉลาดดี คือช่วงที่ขับช้า ๆ เราแตะ ๆมันก็วิ่ง รอบเดินน้อยมาก จนรู้สึกแปลก ๆ รอบอยู่เฉย ๆ แต่ความเร็วค่อย ๆเพิ่มขึ้น เร็วขึ้นทีละนิด แต่รอบอยู่เท่าเดิมในช่วงควมเร็วที่ไม่มาก ระบบเกียร์ สุดยอดจริง ๆ ครับ ขับที่ 90 ความประหยัดอยู่แถว ๆ 20โลลิตร (มาตรวัดการกินน้ำมันบอกไว้ตลอดเวลาที่ขับกดหนักระทางจะลดลงกดเบาระยะทางจะเพิ่มขึ้น) โดยรวม ถูกใจครับ ซื้อมาแล้วไม่เสียใจ

เรื่องเครื่องยนต์ 3 กับ 4 สูบ ตามความคิดผมชอบ 4 มากกว่า เพราะ 3สูบ รู้สึกเหมือนมันไม่ครบยังไงก็ไม่รู้ คิดไปเอง
แต่ ที่ 0 เขาให้เหตุผลมาว่าใช้ 3 สูบ ก็เพราะ เครื่องยนต์มันความจุน้อยมาก การใช้ 3 สูบ จะได้ลูกสูบที่ใหญ่ และได้แรงบิดในรอบต่ำที่ดีกว่ากัน อย่าง 4 สูบ 1200 ก้ได้ลูกละ 300 แต่ 3 สูบ จะได้ลูกละ 400 เท่ากับเครื่อง 1600 แต่ตัดทิ้งไป 1สูบ เหมือนเอา เครื่องทีด้า มาตัดออก 1สูบ ครับ

 

ส่วนน้าผมตัดใจจากมาร์ชและบริโอที่ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องการประกอบ ไปลงตัวที่สวิฟท์มาครับ เพราะแกบอกว่าหน้าตาน่ารักดี ^^

 

อ้าว ซะงั้น กำลังจะมาเชียร์March

 

เคยอ่านในพันทิพ มีการคำนวนเปรียบเทียบออกมาว่า มาร์ช ยาริส วีออส แจส (ตอนนั้นบริโอ้ยังไม่ออก) ระยะเวลาที่คำนวนใช้รถคือ10ปี
เงื่อนไขที่เปรียบเทียบคือ ราคารถ ของแถม ส่วนลด (ในช่วงเวลานั้น) และค่าน้ำมันที่ต้องเติมตลอดระยะ10 ใช้รถประมาณปีละ20,000กม. (ไม่รวมค่าซ่อม)
ราคาขายหลัง10ปี ราคาขายต่อที่ลดลงไป ใช้วิธีประมาณการเทียบจากรถแต่ละยี่ห้อในปัจจุบันหลังจากใช้มา10ปี
ความเร็วที่ใช้คำนวนค่าน้ำมันคือความเร็วใช้งานจริง100-110กม/ชม (ไม่ใช่60-70กม/ชม เพื่อให้วิ่งได้20โลลิตรตามโฆษณา)

คิดตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ จนถึงวันที่ขาย สรุปว่าสุดท้ายแล้ว ทุกคันจ่ายเงินพอๆกัน อยู่แค่ที่ว่า 10ปีนี้ จะเลือกใช้รถคันไหน