คือ....หลายคันนะครับที่มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องเสียงในรถคือ เป็นเสียงหวีดหวิวที่ขึ้น-ลงไปตามรอบเครื่องอ่ะครับ และตามอัตราการกินกระแสของระบบไฟ คือ..ยิ่งมีการใช้กระแสมากก็ยิ่งมีโอกาสเกิดเสียงรบกวนลักษณะนี้ เช่น ในกลางคืนที่ต้องทั้งเปิดไฟหน้า, เปิดแอร์ สาเหตุอาจมาจากการกราวน์ที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ดีพอ การเลือกขนาดสายไฟ/การเดินสายไฟไม่ถูกต้อง การปรับระดับสัญญาณไม่ถูกต้อง(Lever Matching) เสียงรบกวนจากตัวไดร์ชาร์จจะผ่านเข้ามาในระบบเสียงได้ 3 ทางนะครับนั่นก็ อันได้แก่ ผ่านเข้ามาโดยตรง: แก้ไขได้ดังนี้ 1.1 ทำการกรองเสียงรบกวนทิ้ง(ที่ตัวปั่นไฟ) โดยใช้คาปาซิเตอร์(เกรดที่ใช้ในคอมพิวเตอร์)ขนาด 6,000 ไมโครฟารัดขึ้นไป 50 โวลท์ หรือมากกว่านั้นต่อ จาก ขั้วบวก + ของตัวปั่นไฟลงกราวน์ 1.2 ทำการกรองเสียงรบกวนทิ้ง(ที่ตัวปั่นไฟ) โดยใช้ฟิลเตอร์ชนิด PI ที่ประกอบด้วยคาปาซิเตอร์ 2 ตัว และคอยล์ชนิดเทอร์รอยด์ 1.3 ย้ายตำแหน่งการติดตั้ง และการเดินสายต่างๆ ให้ห่างจากตัวปั่นไฟหรือสายไฟหลักของระบบเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้อแนะนำนะครับ : พยายามวางตัวคาปาซิเตอร์ให้อยู่ใกล้ตัวปั่นไฟมากที่สุด และจุดที่ต่อลงกราวน์(ตัวถังรถ)นั้นจะต้องสะอาดที่สุด หากมีสีหรือความสกปรกอยู่ ให้ทำการขัดออกจนเห็นเนื้อตัวถังรถที่เป็นโลหะ เพื่อให้มีค่าความต้านทานน้อยที่สุด หากมี VOM ก็ให้ทำการวัดค่าความต้านทานระหว่างตัวคาปาซิเตอร์กับจุดที่ต่อลงกราวน์นั้น โดยจะต้องมีค่าความต้านทานกว่า 0.3 โอห์ม ผ่านเข้ามาทางสายไฟหลักของระบบเสียง: แก้ไขได้ดังนี้ 2.1 ทำการกรองเสียงรบกวนทิ้ง(ที่ตัวปั่นไฟ)โดยใช้หลักการในข้อที่ 1 2.2 ทำการกรองเสียงรบกวนที่สายไฟหลักทิ้ง โดยใช้คาปาซิเตอร์ขนาด 500 ไมโครฟารัด 50 โวลท์หรือมากกว่าต่อที่ไฟบวก + ไปลงกราวน์ 2.3 ใช้คอยล์ขนาดค่า 1 mH หรือมากกว่า ต่ออนุกรมเข้ากับสายไฟหลักช่วงก่อนเข้าระบบ 2.4 ใช้คอยล์ขนาดค่า 1 mH และคาปาซิเตอร์ค่า 500 ไมโครฟารัด ร่วมกันในการขจัดเสียงรบกวน ผ่านเข้ามาทางวงรอบกราวน์(Ground Loop): แก้ไขได้ดังนี้ 3.1 เดินสายไฟกราวน์ให้สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 3.2 ให้เดินสายไฟลงกราวน์ด้วยขนาดความยาวเท่าๆกัน และลงกราวน์ในตำแหน่งเดียวกัน 3.3 เมื่อมีการใช้อุปกรณ์ปรับแต่งเสียงอื่นๆ(Signal Processor) ระหว่างเฮดยูนิทและเพาเวอร์แอมป์ ให้ลงกราวน์อุปกรณ์แต่งเสียงนี้ที่ตำแหน่งเดียวกับเฮดยูนิท 3.4 ให้เลือกใช้อุปกรณ์ปรับแต่งเสียง และเพาเวอร์แอมป์ที่มีกราวน์แยกอิสระจากกันระหว่างอินพุทและเอาท์พุท 3.5 ใช้สายที่มีคุณภาพเป็นสายนำสัญญาณเสียง อาทิ สายนำสัญญาณแบบถักเกลียว รวมถึงขั้วต่อสายไฟต่างๆด้วย และต้องให้มั่นใจว่าขนาดของสายไฟที่ต่อ ไปยังเพาเวอร์แอมป์ มีขนาดเพียงพอที่จะรองรับกับความต้องการทางกระแสของเพาเวอร์แอมป์ ทั้งสายไฟหลักและสายไฟกราวน์ 3.6 เลือกใช้ชิ้นอุปกรณ์ภายในระบบเพียงน้อยชิ้น โดยเลือกที่มีฟังค์ชั่น ใช้ งานตามต้องการ และมีคุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
อาการเสียงวี๊ดที่รบกวนในย่านความถี่สูง สาเหตุหลัก ๆ มาจาก ทางร้านเครื่องเสียงเดินสายทุกชนิดรวมกัน เพราะมันขี้เกียจ หรืออาจจะเป็นเพราะอยากขายตัวลดเสียงรบกวน วิธีแก้ไขก็คือ ให้เดินสายดังต่อไปนี้ 1. สายไฟแบตให้เดินตรงมาจากแบตเลย ขนาดเส้นตามแต่ เพาเวอร์ ถ้ามีเพาเวอร์ 2 ตัว กรณี 1 ตัวขับซับ อีกหนึ่งขับกลางแหลม ให้เดินมาคนละเส้นเลย เพื่อป้องกันไฟตกให้เดินสายฝั่งเดียวกับแบต และให้ใส่ฟิว ไม่ควรห่างเกิน 1 ฟุต จากตัวแบต 2. สายกราวด์ ให้เดินแยกอุปกรณ์เลยก็คือเพาว์เวอร์ 1 ตัวลงกราวด์ 1 จุด โดยลงจุดที่ใกล้ที่สุด ขนาดของสายกราวด์ พอ ๆ กับสายไฟ 3. สายสัญญาณ ให้เดินกลางรถผ่านคอลโซนกลางทุกเส้น (รวมถึงสาย รีโมตด้วย) 4. สายลำโพงให้เดินฝั่งเดียวกันทั้งหมด ห้ามเดินรวมกับสายสัญญาณ และสายแบต 5. การต่อสาย ถ้าต่อจุด แบต หรือลงกราวด์ให้บัตกรี่ด้วย ตะกั่ว แต่ถ้าต่อลำโพงไม่ควรบัตกรี่ให้ต่อเข้าช่องเพาเวอร์โดยตรง ปล. อาการเสียงวีด ถ้าทำได้ตามนี้ก็จะหายครับ อนึ่งถ้ายังไม่หาย อันนี้ก็เกิดจาก ฟร้อน หรือว่า ปรี ที่ไม่ได้มาตราฐาน แก้ได้โดย เปลี่ยนฟร้อนใหม่อย่างเดี่ยวครับอิอิ ถ้าฟร้อนดี (อย่างของผมอิอิ ) เดินสายรวมกันยังไม่วีดครับ อิอิ วิธีการเลือกหรือติดตั้งเครื่องเสียง(ตามความคิดส่วนตัว) 1. การเลือกซื้อฟร้อน หรือซีดี อันนี้ต้องเลือกดีหน่อย ความคิดส่วนตัว ถ้ามีตังค์หน่อยให้เลือกรุ่นที่สูง ๆ หน่อย เพราะเสียงจะดีไม่ดี ตัวนี้คือต้นกำเนิดเสียงครับ(สำคัญอันดับ 1) 2. ลำโพง ตัวนี้ก็สำคัญ เพราะเป็นตัวส่งเสียงครับ เลือกที่ดีหน่อยครับ รับรองได้ถึงคุณภาพเสียง ครับ (สำคัญอันดับ 2 ) 2.1 ลำโพง แยกชิ้น เหมาะสำหรับอนาคตที่จะขยายระบบ 2.2 ลำโพง แยกชิ้นคู่หน้า 6*9 คู่หลัง เหมาะสำหรับผู้ที่จบระบบ แค่นี้ไม่เพิ่มซับ อาจจะมีเพาเวอร์หรือไม่มีก็ได้ 3. ลำโพงซับวูปเฟอร์ 3.1 ซับบ๊อกซ์ ตอนนี้กำลังฮิต เนื่องจากใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย แนะนำให้ใช้สินค้าที่มีแบรนด์ ถ้าเป็นสินค้าบ้านหม้อ ซับจะลงต่ำมากไม่ได้เสียงไม่เพราะ 3.2 ซับ 10 12 15 นิ้ว อันนี้แล้วแต่จะพิจารณา การเลือกซื้อให้เลือกซื้อที่มีความไว ต่ำๆ (ส่วนมาก ตั้งแต่ 90 db ขึ้นไป ) ยิ่งต่ำก็ยิ่งเปลืองกำลังขับ เปลืองไฟน้อย ราคามีให้เลือกมากมาย คุณภาพ ตามราคา 4. เพาว์เวอร์ มีตั้งแต่ 2 4 5 6 ch อันนี้แล้วแต่ชอบ ถ้าเลือก 2 ch ก็ใช้หลายตัว เปลืองอุปกรณ์ต่อพ่วง แต่ได้เสียงแต่อยู่ในเกณฑ์ดี ดังได้ไม่มีจำกัด ถ้า เลือก 5 6 ch ตัวเดียว จบ ได้ แยกชิ้น 2 ชุด ซับ 1-2 ดอก แต่ เสียงจำกัด เนื่องจาก กำลังขับน้อย 5 ปรี ตัวนี้สำคัญมาก บอกตามตรง ตั้งแต่ดูเครื่องเสียงในรถหลาย ๆ คัน เสียงควรจะดีกว่านี้ แต่ที่ไม่ดีเพราะเลือกให้ปรีคุณภาพไม่ดี ปรีอาจจะดีตรงที่สามารถปรับเสียงได้ตามต้องการ แต่จะดีต้องมีคุณภาพดีด้วย การเลือก ให้ดูที่ฟร้อน เป็นหลัก ราคาควรจะเท่ากับฟร้อน หรือราคาสูงกว่าฟร้อน์ ครับ (แต่ถ้าฟร้อนดีๆ ที่มี line out ที่สามารถควบคุมซับด้วยก็จะดีเราจะได้ไม่ต้องใช้ปรี) ที่นี้มาดูตู้กันครับ มีซับแล้วทีนี้ก็ตู้ 1. ตู้เปิด ปริมาตรมากหน่อย แต่ให้คุณภาพเสียงที่อัดได้ ใช้เพาเวอร์ที่กำลังขับไม่มากก็ขับได้ ข้อเสียคือ การที่จะทำให้เสียงเบสลอยมาตกหน้ารถทำได้อยากต้องอาศัยการจูนเสียงของช่าง ที่มีฝีมือ + กับเพาร์เวอร์ที่ดี 2. ตู้ปิด ใช้ปริมาตรน้อยแต่คุณภาพเสียงแน่นเสียงเบสตกหน้ารถได้ดี แต่ดังไม่ค่อยไกล(ไม่ลอย) และต้องใช้เพาเวอร์กำลังขับสูงหน่อย จึงจะขับออก 3. ตู้แบนพาส เสียงแน่น ลอย อัดได้เต็มที่ อุปกรณ์ตีตู้ ตู้ไม้ดีที่สุดครับ อาจจะไม่สวย เท่าตู้อะกรีลิค จบแล้วครับ อิอิ ยาวหน่อยนะคับ สงสัยโทรถามได้นะครับ พอช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อย
อาการวี้ด 1.จากปรี ฟร้อน พาวเวอร์ไม่ดี วิธีแก้ใส่ตัวกรองได้ บางครั้งใส่แก้ไม่ได้ อาจจะเปลี่ยนฟร้อนหรือปรี หายเลย วิธีเช็คอุปกรณ์ เช็คปรีก็ไม่ต้องต่อค่อมปรี ถ้าเงียบ ปรีเสีย หรือไม่ต่อพาวเวอร์ แล้วหาลำโพงบ้านตัวเล็กๆวัตต์เล็กๆมาลองต่อฟัง ถ้าไม่มีก็พาวเวอร์เสีย ส่วนฟร้อนก็เอาเครื่องเสียงพาววอร์คแมนต่อกะสายเข้าปรีเลย ถ้าเงียบ ก็แสดงว่าฟร้อนเสีย 2. กราวด์ไม่ดี แก้โดยเปลี่ยนสายกราวด์ให้ใหญ่ขึ้นหรือทำความสะอาดขั้ว แต่ถ้าไม่มีพาวเวอร์เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง สายเล็กๆก็ไม่เป็น มันไม่ได้กินกระแสเยอะ 3.สายแบตไม่ดี ถ้าสายแบตไม่ดี มันจะดังเหมือนเราต่อลำโพงคอมหรือเวลาต่อลำโพงกะเครื่องดนตรีแล้วแจ็คมันไม่ดีคับ 4. จากจานจ่าย จริงๆเป็นที่คอยล์คับ วิธีแก้ก็ สายแบตแบบมีคาร์บอน อันนี้เสียงจะดังตามรอบเครื่องเลย ใส่ตัวกรองก็ไม่หายคับ ถึงช่วยก็ไม่ได้มากคับ การต่อกราววายโวลเทจสเตบิไลเซอร์ ก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยได้ผลน่ะคับ เพราะถ้ากราวมันดีอยู่แล้ว หมายถึงกระแสในวงจรมันเพียงพอ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสำหรับกราววาย และโวลเทจสเตบิไลเซอร์ ก็แค่ตัวกรองสัญญาณคับ ในรถเรา ออกจากโณงงานมา ตัวกรองสัญญาณมีมากพอแล้วคับ ในห้องเครื่องก็หลายแล้ว ---------- เพิ่มกระทู้เมื่อ 01:17:44 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 01:16:48 ---------- ตัวคอนเดนเซอร์ที่อยู่ในจายจ่ายก็มีผลครับ เพราะทำหน้าที่กรองกระแสไฟในจานจ่าย ถ้าตัวนี้ใกล้เสียจะดังมากขึ้น รถผมตะก่อนจะเสียงหวีดรบกวนมาก ยิ่งเร่งเครื่องยิ่งดังกวนมาก ไปแก้หลายๆ ร้าน เปลี่ยนสายไฟ สายลำโพง เดินสายแยกกัน ติดโช๊ค ทำมาหมด ไม่หาย สุดท้ายอยู่ดีๆ เครื่องดับ จานจ่ายเสีย เปลี่ยนคอยด์กะคอนเดนเซอร์ใหม่ ตอนนี้ไม่มีเสียงมารบกวนแล้วครับ เรียกว่า หายขาดเลย
เสียง..........วี้ดดดดดดดดดด..........วิ้ววววววว..........เอาไว้แซวสาวไงเสี่ย ( วี้ดดดด...วี้ววววว...ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ)
เขาว่าน่าจะเป็นกะฟร้อนนะ.........โดยเฉพาะอาการเนี๊ยเฉพาะตัว Pioneer เลย อาการนี้เรียกกราวด์สายสัญญาณขาด
ตีสาม ..................เมาวววววววววววตามสไตลเค้าหละ........ m16 บ่แม่น ga16 เด้อ อย่าลืมเอาพวงติดรถไว้เด้อเสี่ยเฮง อยากดูสภาพ
ถ้าว่างผมก็ไปหาทำการบ้าน(.......)ส่งอาจารย์ ( สาว )ทุกวันครับ ต้องแสดงวธีทำอย่างละเอียดด้วยนะไม่งั้นไม่ได้กลับบ้าน ช่วงตะกี๋ไม่ค่อยได้ทำส่งคาแต่เมา สงสัยต้องไปทำการบ้านส่งย้อนหลังแน่เลย ......เหนื่อยครับๆๆๆๆๆ