สภาพภายในหลังประกอบกลับที่เดิม ผ้าเบรกชุดใหม่ พร้อมสยบฝูงม้า(แกลบ) ที่ความเร็ว ร้อยแปด..ให้อยู่หมัดได้ เป็นอย่างดี... สังเกตขนาดดรัมเบรกของรถสมัยก่อน ใหญ่เกือบเท่าปิกอัพสมัยนี้เลย ในขณะที่รถเก๋งสมัยนี้ดรัมเบรกใหญ่กว่ากะลามะพร้าวนิดเดียว...หุหุหุ
ขอบคุณ คุณ rung_nu ครับ.. ตอบคุณ เจนศึก ถ้าจะโหลดให้เตี้ยลง ด้านหน้าตัดสปริง ด้านหลังรองกล่องโหลด+เปลี่ยนสาแหรก ครับ แต่อย่ามาก เพราะจะทำให้ช่วงชักของโช้คอัพมีปัญหา ตัววาวล์ที่แกนอาจพังก่อนเวลาอันควร..จากความรู้สึกผมว่า รุ่นนี้มันเตี้ยอยู่แล้วนี่ครับ เตี้ยกว่านี้คงขับยากนะครับ.. ......วันนี้เริ่มด้วยการเจียรจานเบรกหลัง เพราะเป็นรอยลึกมาก เนื่องจากผ้าเบรกหลุด แล้วตัวก้ามเข้าไปสีกับจานโดยตรง
ถอดชุดดิสเบรกหน้ามาเช็ค ผ้าเบรกเหลืออีกเยอะ สภาพจานเบรกยังโอเค. งานนี้แค่ ขัดลบมุมผ้าเบรก หล่อลื่นสไลด์คาลิปเปอร์ แค่นี้ก็น่าจะแจ่มแล้ว..สังเกตที่ดุมรองสเปเซอร์ไว้ เนื่องจากล้อ กว้าง 5.5นิ้ว ยาง185 และออฟเซ็ทบวก ถ้าไม่รองจะทำให้ ขอบกระทะล้อด้านในสีกับตัวคันชักนอกได้...:sad:
ดรัมเบรคหลังรถเก่า ๆ ใหญ่จริงๆ ครับน้า อิอิ แล้วถ้าผมจะรองสเปเซอร์ล้อหลังให้ยื่นออกมาพอดีขอบล้อมันจะมีปัญหาเรื่องสั่นมั้ยครับ ปล. น้าเหลิมพอจะหาคอม้าหน้าของ RT 81 ได้มั้ยครับ หรือยกทั้งชุดช่วงล่างหน้าเลยก็ได้ พอดีมีสมาชิกหาอยู่
ตอบกอฟ...รองสเปเซอร์หลัง ถ้าหนามาก มีโอกาสสั่นได้มาก ถ้าจะทำจริงๆควรทำสเปเซอร์แบบ ตรงกลางมีปลอกยื่นออกมาให้พอดีกับรูกลางของล้อแม็ก เพื่อจะได้เป็นตัวรับน้ำหนักของรถ(ถ้าไม่พอดี น้ำหนักจะไปตกอยู่ที่น๊อตล้อ..อันตราย) .เพราะส่วนใหญ่ล้อแม็กจะมี ขนาดรูกลางใหญ่ เพื่อให้ใส่ได้กับรถหลายๆรุ่น เพราะฉนั้นตอนทำสเปเซอร์ เอารถไปด้วยให้คนทำวัดขนาดรูกลางของล้อด้วย..ทำเสร็จแล้ว ถ่วงล้อก็น่าจะหาย...แต่ที่แน่ๆ อายุของลูกปืนล้อสั้นลงแน่นอน.. ส่วนเรื่องคอม้า RT81 เสียหายขนาดใหนเหรอถึงจะเปลี่ยน..เพราะถ้าไม่ชนหนัก หรือกระแทกแรงจริง มันคงไม่หักง่ายๆ ถ้าแค่งอบิดเบี้ยวนิดหน่อยดัดได้นะไม่ต้องกลัว ขนาดแกนลูกปืนเป็นรอยเพราะลูกปืนแตกแล้วละลายติด ยังพอกแล้วกลึงใหม่ ใช้ได้เหมือนเดิมเลย ที่แนะนำให้ซ่อมเพราะคิดว่าคงหาของยาก..แต่ถ้าหาได้ก็เปลี่ยนเลยดีกว่า ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด.. .......จากรูป....กระจกส่องข้าง ถอดมาดูแล้ว เป็นไฟฟ้าจริงๆ ต้องไล่สายไฟใหม่ จริงๆอยากได้เดิมๆ แต่อาจจะหายาก ก็เลยคิดว่าจะใช้อันนี้เพราะถึงจะไม่ตรงรุ่นแต่สไตล์ก็คงเหมือนเดิม และเป็นไฟฟ้าคงใช้งานได้สะดวกกว่า(ตอนปรับ)...
ขอบคุณครับน้าเหลิม เรื่องสเปเซอร์ต้องคิดอีกทีแล้วล่ะกลัวสั่น ส่วนเรื่องคอม้านั้นของเดิมพี่เค้ามันดัดซะจนไม่ได้ค่ามันแล้วอ่ะครับ เลยจะหาใหม่เลย แถมอีกนิดกระจกมองข้างเดิม ๆ แบบในรูปผมไปเจอที่ตลาดรัชดาไนท์ขายกันเยอะอยู่ครับ ถ้าไปอีกจะลองดูให้ครับ เผื่อจะหาได้ตรงรุ่น แจ๋วกว่า อิอิ
เรื่องคอม้า...นอกจากดัดแล้ว ยังสามารถปรับมุมแคสเตอร์-แคมเบอร์ได้ ด้วยการรองชิมที่ตัวปีกนกบน เพราะฉนั้น เท่ากับว่า ถ้าดัดแล้วค่ามุมยังไม่เข้าที่เข้าทาง เราก็สามารถปรับได้อีกทางนึงเพื่อชดเชยค่ามุมให้มันถูกต้อง ว่างเอาเข้ามาวัดค่าดูก่อนก็ได้ แล้วถึงจะบอกได้ว่า จะปรับด้วยชิมพอหรือป่าว ถ้าพอจะได้ไม่ต้องซื้อ..(ประหยัดไว้ก่อน).. ส่วนเรื่องกระจกมองข้าง ตลาดรัชดาไนท์ พี่เคยได้ยินเค้าพูดกันหลายคน อยากไปแต่ไม่เคยไป เห็นคอรถคลาสสิคในเวป บางกอกคลาสสิคคาร์พูดกันเยอะ...ถ้ากอฟเจอก็ฝากจัดมาให้ด้วยแล้วกัน ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ (จัดมาก่อน ตังค่อยมาเอาที่หลัง จ่ายดอกให้ด้วยไม่ต้องห่วง จ่ายดอกเป็นชาเขียว(ไฮเนเก้น) สนป่าว....หุหุหุ ตอนนี้ ถอดปั๊มคลัช บน-ล่างออกมาชำระร่างกาย ก็ยังคงมุขเดิม(เหมือนกระบอกเบรก) กระบอกเหล็กหล่อไม่เป็นรอย เปลี่ยนแค่ลูกยางแค่นั้น งานนี้คงหมดอีกหลายสิบบาท..
ต่อไป....เป็นปั๊มเอซี มีอาการรั่วที่หน้าแปลน คิดว่าจะถอดออกแล้ว ใช้ปั๊มติ๊กแทน เนื่องจาก ตัวนี้ปั๊มเอซี ชุดทางเดินน้ำมันเป็นแป๊บเหล็กไปยังตัวคาร์บู ไม่เหมือนปั๊มเอซีอื่นๆ ใช้สายยางเป็นตัวนำน้ำมันไปคาร์บู..ส่วนตัวชอบสายยางมากกว่า ให้ตัวได้ดีกว่า ดูแลและซ่อมแซมง่ายกว่า งานนี้จึงมีการถอดออก......
หลังจากอัญเชิญ ปั๊มเอซีขึ้นหิ้ง(เก็บ)ไว้เรียบร้อย...คราวนี้ก็มาจัดการกับช่องว่างที่เสื้อสูบกันแหละ โดยการตัดแผ่นเหล็กทำให้เหมือนรูป หน้าแปลนของตัวปั๊มเอซี พร้อมเจาะรู ใส่ประเก็น ทากาวกันรั่ว ให้เรียบร้อย..
ขอบคุณคับที่ตอบ น้าเหลิมคับผมมีปัญหาคับคือผมเปลี่ยนปั๊มเอซีและกรองเบนซินแล้วน้ำมันไม่ขึ้นคาร์บูเลยต้องทำงัยคับ
ดีจังเลยครับน้าเหลิม อ่านแล้วเพลินดีจริงๆ เดี๋ยวผมจะเอารถไปให้ที่ร้านตั้งศูนย์ให้นะครับ อาทิตย์นี้แหละ แต่วันไหนยังไม่แน่ใจครับ
ตอบคุณ earth_sdu...ครับผม คงต้องอัพเรื่อยๆแหละครับ ทำไปอัพไป ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์กันครับ รถคันนี้ไม่ได้ทำไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็คงไม่เดือดร้อน ไม่รีบทำ ทำไปเรื่อยๆ อีกทั้งรองบประมาณด้วย คาดว่า กว่าจะไปโชว์ได้ ก็คงอีกเป็นปีแหละครับ.. ตอบคุณ เจนศึก...ลองเช็คดู ว่าถังตันเหรือป่าวนะครับ ถอดสายนำมันที่วิ่งเข้าปั๊มเอซีออก ส่วนด้านหลัง มุดเข้าไปถอดแป๊บน้ำมันที่ออกมาจากถัง แล้วลองเป่าลมแรงๆจากหน้าไปหลังหรือหลังไปหน้าก็ได้เพื่อเช็คว่า แป๊บน้ำมันที่เดินจากถัง มาหน้ารถมันตันหรือป่าว..ถ้าโล่งดีก็ลองถอดถังไปล้างดูครับ อาจตันด้านในก็ได้ (ตอนนี้ผมก็ไปล้าง+ปะอยู่ ถ้าเสร็จจะเอามาให้ดูครับ อาการเดียวกันคือน้ำมันไม่ไปหน้ารถ)..ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเช็คปั๊มเอซีก่อนนะครับว่าแรงดูดมันยังดีหรือป่าว ถ้าเป็นของใหม่คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นของเก่า ตัวปั๊มอาจไม่มีแรงก็ได้.. ตอบคุณ ngernthong...ยินดีครับ เข้ามาได้เลย ตั้งศูนย์เดี๋ยวแถม ไนโตรเจนให้ฟรี 4 ล้อครับ พิเศษสำหรับชาว RT ... ต่อครับ......ปั๊มคลัชบน-ล่าง หลังตรวจสอบกระบอกแล้ว โอเคยังดีอยู่เรียบกริบไม่มีรอยแม้แต่น้อย แต่ต้องขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 1000 ซะหน่อย ส่วนตัวลูกสูบ เป็นรอยเยอะมากๆ คิดอยู่ในใจว่าจะมีของหรือป่าว พอไปซื้อ แทบช๊อค ของตรงรุ่นมีครบ ลูกยางชุดซ่อม พร้อมลูกสูบ ในปั๊ม บน-ล่าง (ตรงกับรุ่น RT40 )..สนนราคา ถามแล้วต้องถามซ้ำ ทั้งสองชุดรวมกัน 300 บาทมีทอน คิดในใจว่าเป็นของขโมยมาหรือป่าวว่ะ(ถูกโคตรๆ) ถามย้ำแล้ว ยังคงบอกราคาเดิม...ไมรอรี..จัดมาซะ..
เดี๋ยวถ้าไปรัชดาไนท์อีกเมื่อไรจะดูให้นะครับ ผมว่ารถน้าเหลิมนี่จะต้องเป็นสุด ๆ ของรุ่นแหงๆ เลย กระทู้นี้ได้ความรู้มากครับ
ต่อครับ.... 1. ถังน้ำมันปะผุเรียบร้อย หลายแผลเหมือนกัน บางแผลก็ใช้ทองเหลือง บางแผลก็ใช้ตะกั่ว บางแผลก็ต้องปะก่อน เสร็จแล้วเทสรั่วด้วยการใส่น้ำให้เต็มแล้วอัด ผลออกมาโอเคไม่มีที่รั่ว หลังจากนั้นล้างด้านในให้สะอาด...แล้วทำให้แห้ง (ไม่รู้ทำยังไง สงสัยตากแดดเฉยๆมั๊ง ไม่ได้อยู่ดู).... 2. เชลล์ฟริ้นโค๊ต..น้ำยากันสนิท อัมตะตลอดกาล กระป๋องนี้ 80บาท น่าจะทาได้ประมาณ 3รอบ.. 3.เที่ยวแรกผสมน้ำ มากหน่อย เอาแบบใสๆ จะได้เข้าถึงเนื่อใน พื้นผิว.. 4.ทาทั่ว ได้สามรอบ(หมด) ดำดีสะใจ น่าจะกันสนิมได้ดีไปอีกหลายปี....
หลังจากทากันสนิมเสร็จ..ได้เวลาอัญเชิญ ลงไปสถิตในท้ายรถที่เดิม..ลูกลอยเกจ์ยังคงใช้ไม่ได้ แต่ไม่ได้ไปหาซื้อ เลยใส่ปิดรูไว้ก่อน งวดหน้าค่อยว่ากัน...เดี๋ยวจะลองเติมน้ำมัน แล้วให้ปั๊มติ๊กดูดดู คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา...
ตอบคุณ nonghin.. ลูกลอย ถอดออกมาแล้ว วัดที่ขึ้วบวก สำหรับ RT60 ทั้งหมดจะมีอยู่ขั้วเดียว (บางรุ่นจะมีลบด้วย)..ก็วัดขึ้วบวกเทียบกับกราวด์ เอามือดึงลูกลอยให้อยู่ระดับน้ำมันเต็มถัง ความต้านทานจะวัดได้ประมาณ 3-5โอห์ม หลังจากนั้น ดึงลูกลอยให้กลับมาอยู่ระดับน้ำมันหมดถัง จะวัดความต้านทานได้ประมาณ 100กว่าโอห์ม ขณะที่ดึงลูกลอยให้เปลี่ยนตำแหน่งให้สังเกตุค่าความต้านทานด้วย ว่าค่อยๆเปลี่ยตามระดับของลูกลอยหรือไม่ เพราะบางทีขดอาจขาด ตำแหน่งกลางๆอาจ ค่าความต้านทานหายไปได้ ก็จะเจอปัญหา เข็มน้ำมันอยู่ดีๆตกเป็น 0 วิ่งไปซักพักกลับขึ้นมาปกติ..สรุปว่าถ้าตอนหมดความต้านทานมาก ตอนเต็มความต้านทานน้อย และจากหมดไปเต็ม ความต้านทานต้องเปลี่ยนแปลงแบบลิเนียร์ปกติ ห้ามขาดหาย..ถ้านอกเหนือจากนี้ เป็นอันว่า อัญเชิญ ออกนอกถัง...ได้เลย
แล้วรถผมเกจ์น้ำมันมันไม่นิ่งอ่ะครับ เวลาโค้งขวาแรงๆ แล้วเกจ์น้ำมันจะตกลงไปเยอะครับ แต่พอวิ่งตรงๆ สักพักมันก็จะมาอยู่ที่ปกติเม่าเดิมครับ มันเพราะอะไรกันหว่า
กรณ๊ของก๊อฟ น่าจะเป็นที่ขดลวดความต้านทานของลูกลอยไม่ค่อยดี..ทดสอบได้ด้วยการถอดมาวัดแบบที่บอกไปครับ...
ตอบก๊อฟ...ต้องถอดตัวลูกลอยออกมาจากถัง..แต่จะต้องถอดถังด้วยหรือป่าว ต้องดูที่ตำแหน่งของลูกลอยว่าอยู่ส่วนใหนของถังและตำแหน่งถังอยู่ส่วนใหนของรถ..บางคันอาจต้องยกถังลงจากรถแล้วถึงถอดลูกลอยได้ แต่บางคันอาจถอดได้เลยโดยไม่ต้องยุ่งกับตำแหน่งของถังน้ำมัน..แบบของ RT 60 ตำแหน่งของลูกลอยอยู่เหนือถัง และถังติดกับพื้นท้ายรถ จึงมองเห็นด้านบนของถัง จึงไม่ต้องถอดถัง ....ถอดลูกลอยออกมาได้เลย.
มาว่ากันต่อ เรื่องลูกลอย เพราะตอนนี้เข็มน้ำมันไม่ขึ้น...ถอดออกมาดูแล้วปรากฏว่าขดลวดความต้านทานขาดกระจุย.. 1 สภาพขดลวดภายในตัวลูกลอย สังเกต ช่วงกลางถึงริมด้านขวา ขาดหายไปหลายรอบ.. 2.จากการตามล่าหาอะไหล่แล้ว ตอนนี้ มีแต่ RT100 เลยต้องเอามา เทียบกันแล้ว หน้าแปลนบริเวณที่ใส่เข้าในถังเหมือนกันเป๊ะ แต่ ขาลูกลอย ความยาวและตำแหน่งลูกลอย ต่างกัน(อันบน RT60 อันล่าง RT100 )...ตอนแรกกะจะเอาตัวหน้าแปลนมาตัดต่อขาใหม่ แต่เพิ่งสังเกตว่า องศาการสวิง ระหว่างน้ำมันเต็มกับน้ำมันหมด มันต่างกันเยอะ ของ 60 น้อยกว่าของ 100 มากๆ อาจเนื่องมาจาก ขนาดถังที่ต่างกัน คาดว่าของ 60ถังตื้นกว่า ถัง100 จึงทำให้วงสวิงของแขน 60 ได้น้อยกว่า 100 อยู่มากโขทีเดียว... 3. เมื่อไม่ตัดต่อขา ก็มาถึงก๊อกสอง....คือถอดชุดตัวขดลวดของลูกลอย 100(อันใหม่) มาใส่ของ 60 โดยใช้ทุกอย่างของเดิมยกเว้นขดลวด ที่ขาดไป เอาของ 100 มาใส่แทน(ในรูปเป็นตัวขดลวดของตัวลูกลอย 100 ตัวใหม่ที่เพิ่งซื้อมา) 4. ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที ขดลวดถูกอัญเชิญออกมาด้านนอกซะแล้ว งานนี้ถ้าไม่สำเร็จก็คงเสียลูกลอยตัวใหม่ไปฟรีๆ แพงซะด้วย....ตั้ง 270 บาท หุหุหุ 5.เปรียบเทียบความยาวของขดลวดทั้งสองรุ่น ยาวต่างกัน งานนี้อาจมีปัญหา เร้นจ์การทำงานไม่เท่ากัน (ความยาวต่างกันแน่นอนเพราะวงสวิงของแขนลูกลอยมันต่างกัน) + อ้างถึง ตอบกลับ
