เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Team and group
>
Team and Group
>
DNA Racing Club
>
อ่านสักนิดก่อนทำอะไรกับระบบเบรค
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="oat_dna, post: 250251, member: 19085"]<img src="styles/default/xenforo/clear.png" class="mceSmilieSprite mceSmilie8" alt=":D" unselectable="on" unselectable="on" /> ระบบเบรค เป็นสิ่งจำเป็น มาก สำหรับรถยนต์ คงไม่มีใคร เถียงว่า ไม่จริงนะครับ เพราะถ้ารถยนต์ ไม่มีเบรคแล้ว ก็คงไม่มี ใครกล้าขับ หรือถ้าใครไม่เชื่อ ก็ลองขับ ที่ความเร็ว 80 km/h เข้าเกียร์ว่าง ปล่อยให้รถไหลไปเอง รถจะเคลื่อนที่ไปได้ ไกลมาก เลยทีเดียว คงเห็นแล้วว่า ระบบเบรค มีความสำคัญ เพราะฉะนั้น เรามา ทำความรู้จัก กับมันหน่อย ดีกว่า อิอิ</p><p><br /></p><p>1. ระบบเบรค มีหน้าที่ ทำให้รถ วิ่งช้าลง หรือหยุด และใช้หยุด (จอด) รถบน ที่ลาดเอียง รถยนต์เคลื่อนที่ ได้โดยพลังงานกล การจะหยุดรถ ก็ต้องทให้ พลังงานกล นั้นหายไป แต่พลังงาน ทุกชนิด ไม่มีทางสูญหาย ไปได้ แต่เปลี่ยนพลังงานกล เป็นพลังงานความร้อน โดยใช้ ความฝืด ระหว่างจานเบรค กับผ้าเบรก ความร้อน ที่เกิดขึ้น จะสะสมอยู่ ในจานเบรค และผ้าเบรค และจะ มีบางส่วน ระบายออกสู่ อากาศ </p><p><br /></p><p>2.ระบบเบรค ที่ดี จะต้องหยุดรถ ในระยะทาง ที่สั้น หรือใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่ใช่ การหยุดล้อ ไม่ให้หมุน อย่างที่เราทราบ กันอยู่ว่า ถ้าออกรถ โดยเร่งเครื่อง ให้มีกำลังมาก ๆ จนเกิน ความสามารถ ของยาง ที่จะรับได้ ทำให้ล้อ หมุนฟรี เป็นการสูญเสีย กำลัง ของเครื่องยนต์ ในระบบเบรค ก็เช่นเดียวกัน ถ้าออกแรง เหยียบเบรคมาก ทำให้ความฝืด ของ ผ้าเบรค กับจานเบรค มีมากกว่า ความฝืดของยาง กับพื้นถนน จะทำให้ ล้อล็อค ยางก็จะไถล ไปกับพื้นถนน ทำให้สูญเสีย ประสิทธิภาพ การเบรค </p><p><br /></p><p>3.การเบรคที่ดี ควรให้แรง เบรคสูงสุด ก่อนที่ล้อ จะล็อค อันนี้ คงต้องใช้ความคุ้นเคย กับรถ แต่ละคันว่า ใส่แรงที่เท้า ไปแค่ไหน แล้วจะไม่ล็อค ใส่เพิ่ม ไปอีกหน่อย แล้วจะล็อค ซึ่งถ้าเบรค แล้ว ล้อหน้าล็อค ได้ทันที ก็แสดงว่า ระบบเบรคนั้นดี เกินกว่า ยางอยู่แล้ว การปรับปรุงเบรค ให้มีประสิทธิภาพ มากขึ้น กลับยิ่งอันตราย เพราะถ้า ล้อหน้าล็อค คุณจะ ไม่สามารถ ควบคุมรถได้เลย รถจะไถล ไปทางที่หน้ารถ หันไปอย่างเดียว เพราะฉะนั้นก่อน ตัดสินใจ ทำอะไร กับระบบเบรค ตรวจสอบดู ก่อนว่ายาง ที่เรามี สามารถรับ การเบรค ได้หรือไม่ และประสิทธิภาพ ในการเบรค เพียงพอ กับกำลัง ของเครื่องยนต์ หรือยัง </p><p><br /></p><p>ใช้การเปรียบเทียบ อัตราเร่ง และอัตราหน่วย หรืออัตราเบรค จับเวลา หรือวัดระยะทาง ก็ได้ (แต่จับเวลา จะง่ายกว่า) โดยจับเวลา 0-100 km/h และ 100-0 km/h ทำหลาย ๆ ครั้ง แล้วเอาครั้ง ที่ดีที่สุด มาเปรียบเทียบกัน เช่น 0-100 km/h ดีที่สุด เป็น 10 วินาที 100-0 km/h ดีที่สุด เป็น 5 วินาที แสดงว่า เบรคดีกว่า เร่งอยู่ 2 เท่า ถ้าได้อย่างนี้ ก็ไม่ต้อง ไปเสียเงิน ทำอะไร กับเบรคแล้ว แต่ถ้าเวลา ใกล้เคียงกัน หรือเวลาเบรคมากกว่า นั่นก็คงหมายถึง เสียเงิน ถ้าจะต้องเสียเงิน กันแล้ว เรามาดูกันว่า เสียเงินอย่างไร แล้วจะคุ้ม</p><p><br /></p><p>ระบบเบรค ที่ใช้อยู่ ในรถยนต์ อาศัยหลักการ ของของไหล คือของไหล ไม่สามารถอัดตัวได้ และความดัน ของของไหล จะถ่ายทอด ไปในทุกทิศทาง มาช่วย ในการผ่อนแรง ในการเบรค ถ้าพื้นที่ หน้าตัด ที่ลูกสูบของปั๊ม ตัวบน (ที่เท้า)มีพื้นที่ 20 cm2 ส่วนลูกสูบ ที่แคลิปเปอร์ มีพื้นที่ 100 cm2 เหยียบเบรค ด้วยแรง 100 kg จะมีแรงกด ที่ผ้าเบรค 500 kg </p><p><br /></p><p>การเปลี่ยน แม่ปั๊มตัวบน ให้เล็กลง หรือเปลี่ยนแคลิปเปอร์ ให้ใหญ่ขึ้น ก็จะช่วย ให้ผ่อนแรง ได้มากขึ้น และจะทำให้ ระยะ ในการเหยียบ เพิ่มมากขึ้น ส่วนแคลิปเปอร์ ที่มีลูกสูบ หลายลูก ก็เหมือนมี ลูกสูบใหญ่ ๆ แต่สามารถ กระจายแรง ได้ทั่ว ผ้าเบรค กว่าลูกสูบใหญ่ ๆ ลูกเดียว </p><p><br /></p><p>อุปกรณ์ผ่อนแรง อีกอย่างหนึ่ง ที่นิยม เปลี่ยนกัน อย่างมากคือ หม้อลมเบรค (Brake Booster) ซึ่งใช้ ประโยชน์ จากสูญญากาศ (Vacuum) จากท่อร่วมไอดี มีประโยชน์ก็คือ ทำให้ผู้ขับ ไม่เมื่อยล้า ขณะขับรถ ยิ่งในสภาพ การจราจร ที่ติดขัดมาก ๆ แต่ ก็มีข้อเสียคือ ไม่สามารถ เพิ่มแรงที่เท้า ได้ทีละน้อย เนื่องจาก ความแตกต่าง ของความดัน ในหม้อลมเบรค จะช่วยเบรค ไปเอง เมื่อวาล์วเปิด เป็นเหตุผล ที่รถแข่ง ทำไม ไม่มีหม้อลมเบรค</p><p><br /></p><p>ถ้าพูดถึงประสิทธิภาพ ในการ ห้ามล้อนั้น ดรัมเบรค ดีกว่าดิสก์เบรค ที่มีขนาดเท่ากัน แต่ทำไมดิสก์เบรค ถึงมาอยู่ในรถ ที่เป็น Hi Performance Car ก็เพราะดิสก์เบรค ระบายความร้อน ได้ดี ไม่เป็นโรคกลัวน้ำ ระยะห่าง ระหว่างผ้าเบรค กับจานเบรค แทบจะไม่มี จึงมีความไว ในการทำงานมากกว่า ดรัมเบรค เปลี่ยนผ้าเบรค และดูแลรักษา ง่ายกว่า ดีออกขนาดนี้ แล้วดรัมเบรค ยังมีอยู่ในโลกนี้ ได้ไง </p><p><br /></p><p>ที่ยังอยู่ได้ก็ เพราะทั้งโลกนี้ ไม่ได้ มีแต่รถแข่ง มีรถ อีกหลายประเภท ที่ต้องการ ประสิทธิภาพ ในการเบรค ที่ดี ของดรัมเบรค เช่นรถบรรทุก ที่วิ่งไม่เร็ว และบรรทุก ของหนัก ๆ โมเมนตั้ม มาก ๆ </p><p>การเบรค คือการเปลี่ยน พลังงานกล เป็นพลังงานความร้อน ที่เกิดขึ้น ก็จะสะสม อยู่ในจานเบรค กับผ้าเบรค ถ้าขับไป เบรคไป เหมือนกับ รถแข่ง ความร้อนที่เกิดขึ้น จะมาก จนจานเบรค กับผ้าเบรค ทนไม่ได้ แล้วก็เริ่ม ที่จะเบรค ไม่อยู่ จานเบรค จึงต้อง มีการระบาย ความร้อน ที่ดีด้วย แต่ก่อน ที่จะระบาย ความร้อนได้ดี ก็ต้อง เก็บความร้อนได้ </p><p><br /></p><p>ในส่วนที่ จะเก็บ ความร้อน ก็คือมวล (Mass) ของเนื้อโลหะ ที่ใช้ ทำจานเบรค ถ้ามีมวลมาก (จานเบรคหนา) ก็ร้อนช้า และเก็บได้มาก ในส่วนนี้ เปรียบเสมือน ถังพัก ความร้อน เพื่อให้จานเบรค ระบายความร้อน ได้ทัน จานเบรค ก็จะไม่ร้อนมาก สามารถเบรคแรง ๆ ซ้ำ ๆ ได้ แต่ถ้า เป็นรถที่ใช้ บนถนนทั่วไป ถึงจะเบรคบ่อย แต่ก็เบรค ไม่รุนแรง ความร้อนก็น้อย จอดเดี๋ยวเดียว ก็เย็น ก็ไม่ต้อง ใช้จานเบรค ที่มีมวลมาก (จานเบรคบาง) หรือแม้แต่ รถแข่ง Drag ก็เหมือนกัน แข่ง 1 รอบเบรค 1 ครั้งแล้ว ก็ต้องมาจอดรอ กว่าจะได้ แข่งอีก จานเบรคก็เย็นแล้ว แล้วจะใส่ จานเบรคหนา ๆ ไปทำไม ให้หนักรถ </p><p><br /></p><p>ส่วนขนาด ของจานเบรค อันนี้ ก็คงทราบกันดี อยู่แล้วว่า จานเบรค ที่มีเส้นผ่า ศูนย์กลางมาก ก็ย่อมเบรค ได้ดีกว่า จานเบรค ที่มีเส้นผ่า ศูนย์กลางน้อย ถ้ารถ ของคุณทดสอบ แล้วว่า อัตราเบรค ไม่น่าพอใจ คุณ ก็เปลี่ยนจานเบรค ให้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง มากขึ้น แต่ก็ต้อง ไม่ใหญ่มาก จนเกินไป เดี๋ยวยาง จะรับไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ ยางที่ใช้กันทั่วไป ก็มักจะ รับไม่ได้ อยู่แล้ว สรุปแล้ว ถ้าเบรคไม่อยู่ ใช้จานเบรค ที่มี เส้นผ่า ศูนย์กลางมาก ถ้าเบรคแรง ๆ บ่อย ๆ ใช้จานเบรคหนา ถ้าค่อย ๆ เบรก หรือนาน ๆ เบรคที ไม่ต้อง ใช้หนา </p><p><br /></p><p>ผ้าเบรคทุกชนิด ทุกยี่ห้อ มีอุณหภูมิใช้งาน เป็นช่วงเช่น 50-300c ถ้าเย็นกว่า 50c หรือร้อนกว่า 300c ประสิทธิภาพ จะต่ำลง ผ้าเบรค ที่ทนอุณภูมิสูง ย่อมมีราคาแพง การเลือกซื้อ มาใส่กับรถ ของท่าน อย่าดู ที่ทนอุณหภูมิ ได้เท่าไร ควรเลือก ดูที่ช่วงอุณหภูมิ ใช้งาน และลักษณะ การขับของแต่ละคน ถ้าชอบเบรคแรง ๆ ก็เลือก ผ้าเบรคที่มี ช่วงอุณหภูมิ ใช้งานสูง สักเล็กน้อย แต่ถ้า เป็นคุณแม่บ้าน ขับรถ ไปจ่ายตลาด ก็ไม่ต้องเสียเงิน ไปเปลี่ยนผ้าเบรค ให้เสียเงิน หรอกนะครับ</p><p><br /></p><p>การปรับปรุง ระบบเบรค ควรคำนึง ลักษณะการขับขี่ และรูปแบบ การใช้งาน ของแต่ละคน รวมไปถึง การบำรุงรักษา เช่น ตรวจสอบ ความหนาของผ้าเบรค ระดับน้ำมันเบรค เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเบรค บ้าง เพราะเมื่อใช้ ไปนาน ๆ ความชื้น จะรวมตัวกัน จนเป็นน้ำ อยู่ในระบบ แต่ถึงจะ มีระบบเบรคที่ดี เพียงใด การขับรถ ก็ควรที่จะ อยู่ในความ ไม่ประมาท เพราะอุบัติเหตุ เกิดได้ทุกเมื่อ ไม่เว้นแม้ แต่รถเบรคดี..</p><p> </p><p>ขอขอบคุณ นิตยสาร Car Performance ที่ให้ ความอนุเคราะห์ ในเรื่องของ บทความ[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="oat_dna, post: 250251, member: 19085"]:D ระบบเบรค เป็นสิ่งจำเป็น มาก สำหรับรถยนต์ คงไม่มีใคร เถียงว่า ไม่จริงนะครับ เพราะถ้ารถยนต์ ไม่มีเบรคแล้ว ก็คงไม่มี ใครกล้าขับ หรือถ้าใครไม่เชื่อ ก็ลองขับ ที่ความเร็ว 80 km/h เข้าเกียร์ว่าง ปล่อยให้รถไหลไปเอง รถจะเคลื่อนที่ไปได้ ไกลมาก เลยทีเดียว คงเห็นแล้วว่า ระบบเบรค มีความสำคัญ เพราะฉะนั้น เรามา ทำความรู้จัก กับมันหน่อย ดีกว่า อิอิ 1. ระบบเบรค มีหน้าที่ ทำให้รถ วิ่งช้าลง หรือหยุด และใช้หยุด (จอด) รถบน ที่ลาดเอียง รถยนต์เคลื่อนที่ ได้โดยพลังงานกล การจะหยุดรถ ก็ต้องทให้ พลังงานกล นั้นหายไป แต่พลังงาน ทุกชนิด ไม่มีทางสูญหาย ไปได้ แต่เปลี่ยนพลังงานกล เป็นพลังงานความร้อน โดยใช้ ความฝืด ระหว่างจานเบรค กับผ้าเบรก ความร้อน ที่เกิดขึ้น จะสะสมอยู่ ในจานเบรค และผ้าเบรค และจะ มีบางส่วน ระบายออกสู่ อากาศ 2.ระบบเบรค ที่ดี จะต้องหยุดรถ ในระยะทาง ที่สั้น หรือใช้เวลาน้อยที่สุด ไม่ใช่ การหยุดล้อ ไม่ให้หมุน อย่างที่เราทราบ กันอยู่ว่า ถ้าออกรถ โดยเร่งเครื่อง ให้มีกำลังมาก ๆ จนเกิน ความสามารถ ของยาง ที่จะรับได้ ทำให้ล้อ หมุนฟรี เป็นการสูญเสีย กำลัง ของเครื่องยนต์ ในระบบเบรค ก็เช่นเดียวกัน ถ้าออกแรง เหยียบเบรคมาก ทำให้ความฝืด ของ ผ้าเบรค กับจานเบรค มีมากกว่า ความฝืดของยาง กับพื้นถนน จะทำให้ ล้อล็อค ยางก็จะไถล ไปกับพื้นถนน ทำให้สูญเสีย ประสิทธิภาพ การเบรค 3.การเบรคที่ดี ควรให้แรง เบรคสูงสุด ก่อนที่ล้อ จะล็อค อันนี้ คงต้องใช้ความคุ้นเคย กับรถ แต่ละคันว่า ใส่แรงที่เท้า ไปแค่ไหน แล้วจะไม่ล็อค ใส่เพิ่ม ไปอีกหน่อย แล้วจะล็อค ซึ่งถ้าเบรค แล้ว ล้อหน้าล็อค ได้ทันที ก็แสดงว่า ระบบเบรคนั้นดี เกินกว่า ยางอยู่แล้ว การปรับปรุงเบรค ให้มีประสิทธิภาพ มากขึ้น กลับยิ่งอันตราย เพราะถ้า ล้อหน้าล็อค คุณจะ ไม่สามารถ ควบคุมรถได้เลย รถจะไถล ไปทางที่หน้ารถ หันไปอย่างเดียว เพราะฉะนั้นก่อน ตัดสินใจ ทำอะไร กับระบบเบรค ตรวจสอบดู ก่อนว่ายาง ที่เรามี สามารถรับ การเบรค ได้หรือไม่ และประสิทธิภาพ ในการเบรค เพียงพอ กับกำลัง ของเครื่องยนต์ หรือยัง ใช้การเปรียบเทียบ อัตราเร่ง และอัตราหน่วย หรืออัตราเบรค จับเวลา หรือวัดระยะทาง ก็ได้ (แต่จับเวลา จะง่ายกว่า) โดยจับเวลา 0-100 km/h และ 100-0 km/h ทำหลาย ๆ ครั้ง แล้วเอาครั้ง ที่ดีที่สุด มาเปรียบเทียบกัน เช่น 0-100 km/h ดีที่สุด เป็น 10 วินาที 100-0 km/h ดีที่สุด เป็น 5 วินาที แสดงว่า เบรคดีกว่า เร่งอยู่ 2 เท่า ถ้าได้อย่างนี้ ก็ไม่ต้อง ไปเสียเงิน ทำอะไร กับเบรคแล้ว แต่ถ้าเวลา ใกล้เคียงกัน หรือเวลาเบรคมากกว่า นั่นก็คงหมายถึง เสียเงิน ถ้าจะต้องเสียเงิน กันแล้ว เรามาดูกันว่า เสียเงินอย่างไร แล้วจะคุ้ม ระบบเบรค ที่ใช้อยู่ ในรถยนต์ อาศัยหลักการ ของของไหล คือของไหล ไม่สามารถอัดตัวได้ และความดัน ของของไหล จะถ่ายทอด ไปในทุกทิศทาง มาช่วย ในการผ่อนแรง ในการเบรค ถ้าพื้นที่ หน้าตัด ที่ลูกสูบของปั๊ม ตัวบน (ที่เท้า)มีพื้นที่ 20 cm2 ส่วนลูกสูบ ที่แคลิปเปอร์ มีพื้นที่ 100 cm2 เหยียบเบรค ด้วยแรง 100 kg จะมีแรงกด ที่ผ้าเบรค 500 kg การเปลี่ยน แม่ปั๊มตัวบน ให้เล็กลง หรือเปลี่ยนแคลิปเปอร์ ให้ใหญ่ขึ้น ก็จะช่วย ให้ผ่อนแรง ได้มากขึ้น และจะทำให้ ระยะ ในการเหยียบ เพิ่มมากขึ้น ส่วนแคลิปเปอร์ ที่มีลูกสูบ หลายลูก ก็เหมือนมี ลูกสูบใหญ่ ๆ แต่สามารถ กระจายแรง ได้ทั่ว ผ้าเบรค กว่าลูกสูบใหญ่ ๆ ลูกเดียว อุปกรณ์ผ่อนแรง อีกอย่างหนึ่ง ที่นิยม เปลี่ยนกัน อย่างมากคือ หม้อลมเบรค (Brake Booster) ซึ่งใช้ ประโยชน์ จากสูญญากาศ (Vacuum) จากท่อร่วมไอดี มีประโยชน์ก็คือ ทำให้ผู้ขับ ไม่เมื่อยล้า ขณะขับรถ ยิ่งในสภาพ การจราจร ที่ติดขัดมาก ๆ แต่ ก็มีข้อเสียคือ ไม่สามารถ เพิ่มแรงที่เท้า ได้ทีละน้อย เนื่องจาก ความแตกต่าง ของความดัน ในหม้อลมเบรค จะช่วยเบรค ไปเอง เมื่อวาล์วเปิด เป็นเหตุผล ที่รถแข่ง ทำไม ไม่มีหม้อลมเบรค ถ้าพูดถึงประสิทธิภาพ ในการ ห้ามล้อนั้น ดรัมเบรค ดีกว่าดิสก์เบรค ที่มีขนาดเท่ากัน แต่ทำไมดิสก์เบรค ถึงมาอยู่ในรถ ที่เป็น Hi Performance Car ก็เพราะดิสก์เบรค ระบายความร้อน ได้ดี ไม่เป็นโรคกลัวน้ำ ระยะห่าง ระหว่างผ้าเบรค กับจานเบรค แทบจะไม่มี จึงมีความไว ในการทำงานมากกว่า ดรัมเบรค เปลี่ยนผ้าเบรค และดูแลรักษา ง่ายกว่า ดีออกขนาดนี้ แล้วดรัมเบรค ยังมีอยู่ในโลกนี้ ได้ไง ที่ยังอยู่ได้ก็ เพราะทั้งโลกนี้ ไม่ได้ มีแต่รถแข่ง มีรถ อีกหลายประเภท ที่ต้องการ ประสิทธิภาพ ในการเบรค ที่ดี ของดรัมเบรค เช่นรถบรรทุก ที่วิ่งไม่เร็ว และบรรทุก ของหนัก ๆ โมเมนตั้ม มาก ๆ การเบรค คือการเปลี่ยน พลังงานกล เป็นพลังงานความร้อน ที่เกิดขึ้น ก็จะสะสม อยู่ในจานเบรค กับผ้าเบรค ถ้าขับไป เบรคไป เหมือนกับ รถแข่ง ความร้อนที่เกิดขึ้น จะมาก จนจานเบรค กับผ้าเบรค ทนไม่ได้ แล้วก็เริ่ม ที่จะเบรค ไม่อยู่ จานเบรค จึงต้อง มีการระบาย ความร้อน ที่ดีด้วย แต่ก่อน ที่จะระบาย ความร้อนได้ดี ก็ต้อง เก็บความร้อนได้ ในส่วนที่ จะเก็บ ความร้อน ก็คือมวล (Mass) ของเนื้อโลหะ ที่ใช้ ทำจานเบรค ถ้ามีมวลมาก (จานเบรคหนา) ก็ร้อนช้า และเก็บได้มาก ในส่วนนี้ เปรียบเสมือน ถังพัก ความร้อน เพื่อให้จานเบรค ระบายความร้อน ได้ทัน จานเบรค ก็จะไม่ร้อนมาก สามารถเบรคแรง ๆ ซ้ำ ๆ ได้ แต่ถ้า เป็นรถที่ใช้ บนถนนทั่วไป ถึงจะเบรคบ่อย แต่ก็เบรค ไม่รุนแรง ความร้อนก็น้อย จอดเดี๋ยวเดียว ก็เย็น ก็ไม่ต้อง ใช้จานเบรค ที่มีมวลมาก (จานเบรคบาง) หรือแม้แต่ รถแข่ง Drag ก็เหมือนกัน แข่ง 1 รอบเบรค 1 ครั้งแล้ว ก็ต้องมาจอดรอ กว่าจะได้ แข่งอีก จานเบรคก็เย็นแล้ว แล้วจะใส่ จานเบรคหนา ๆ ไปทำไม ให้หนักรถ ส่วนขนาด ของจานเบรค อันนี้ ก็คงทราบกันดี อยู่แล้วว่า จานเบรค ที่มีเส้นผ่า ศูนย์กลางมาก ก็ย่อมเบรค ได้ดีกว่า จานเบรค ที่มีเส้นผ่า ศูนย์กลางน้อย ถ้ารถ ของคุณทดสอบ แล้วว่า อัตราเบรค ไม่น่าพอใจ คุณ ก็เปลี่ยนจานเบรค ให้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง มากขึ้น แต่ก็ต้อง ไม่ใหญ่มาก จนเกินไป เดี๋ยวยาง จะรับไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ ยางที่ใช้กันทั่วไป ก็มักจะ รับไม่ได้ อยู่แล้ว สรุปแล้ว ถ้าเบรคไม่อยู่ ใช้จานเบรค ที่มี เส้นผ่า ศูนย์กลางมาก ถ้าเบรคแรง ๆ บ่อย ๆ ใช้จานเบรคหนา ถ้าค่อย ๆ เบรก หรือนาน ๆ เบรคที ไม่ต้อง ใช้หนา ผ้าเบรคทุกชนิด ทุกยี่ห้อ มีอุณหภูมิใช้งาน เป็นช่วงเช่น 50-300c ถ้าเย็นกว่า 50c หรือร้อนกว่า 300c ประสิทธิภาพ จะต่ำลง ผ้าเบรค ที่ทนอุณภูมิสูง ย่อมมีราคาแพง การเลือกซื้อ มาใส่กับรถ ของท่าน อย่าดู ที่ทนอุณหภูมิ ได้เท่าไร ควรเลือก ดูที่ช่วงอุณหภูมิ ใช้งาน และลักษณะ การขับของแต่ละคน ถ้าชอบเบรคแรง ๆ ก็เลือก ผ้าเบรคที่มี ช่วงอุณหภูมิ ใช้งานสูง สักเล็กน้อย แต่ถ้า เป็นคุณแม่บ้าน ขับรถ ไปจ่ายตลาด ก็ไม่ต้องเสียเงิน ไปเปลี่ยนผ้าเบรค ให้เสียเงิน หรอกนะครับ การปรับปรุง ระบบเบรค ควรคำนึง ลักษณะการขับขี่ และรูปแบบ การใช้งาน ของแต่ละคน รวมไปถึง การบำรุงรักษา เช่น ตรวจสอบ ความหนาของผ้าเบรค ระดับน้ำมันเบรค เปลี่ยนถ่าย น้ำมันเบรค บ้าง เพราะเมื่อใช้ ไปนาน ๆ ความชื้น จะรวมตัวกัน จนเป็นน้ำ อยู่ในระบบ แต่ถึงจะ มีระบบเบรคที่ดี เพียงใด การขับรถ ก็ควรที่จะ อยู่ในความ ไม่ประมาท เพราะอุบัติเหตุ เกิดได้ทุกเมื่อ ไม่เว้นแม้ แต่รถเบรคดี.. ขอขอบคุณ นิตยสาร Car Performance ที่ให้ ความอนุเคราะห์ ในเรื่องของ บทความ[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Team and group
>
Team and Group
>
DNA Racing Club
>
อ่านสักนิดก่อนทำอะไรกับระบบเบรค
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...