*Los Angeles, California / Free Way, Interstate 5 / Sunday 3.30 am. พอร์ช 911 คาเรร่า 2 กำลังเร่งความเร็วแข่งกับนิสสัน 300 ZX อย่างดุเดือด การแข่งรถบนพรีเวย์ของคนแถบนี้ใช้ระยะทางยาวเกินกว่า 20 กิโลเมตรขึ้นไป รถคันไหนไม่เหนียวจริงจะทนต่อการใช้งานในสภาวะเช่นนี้ไม่ได้ คนที่โมดิฟายรถเองเท่านั้นที่จะรู้ดีว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในช่วงความเร็วขนาดนี้ 911 ยังคงนำหน้าอยู่สักครึ่งคัน 300 ZX ตีคู่ และมีท่าทีว่าจะแซงได้ แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องตกใจเมื่อขับลงเนินมาแล้วเห็นเหตุการณ์ข้างหน้า รถเทรลเลอร์แบบหัวลากพร้อมตู้พ่วงขนาด 24 ล้อพลิกตะแคงขวางถนน 8 เลนไปเกือบหมด พร้อมกับมีวัสดุคล้ายกล่องขนาดใหญ่ที่บรรทุกมาตกเกลื่อนถนน ดูแล้วคาดว่าเหตุการณ์คงเพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน เนื่องจากยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และป้ายให้สัญญาณไฟที่อยู่เหนือหัวยังไม่ได้มีข้อความว่ามีการเกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด ความเร็วเกิน 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง กับรถแข่งนอกกฎหมายสองคัน กับช่องการจราจรที่เหลือเพียงขอบทางเพียงด้านละ 1 เลน นักซิ่งทั้งสองยกคันเร่งเกือบจะพร้อมกัน เหมือนรู้หน้าที่ จากรถที่ขับเคียงคู่กันมาก็แยกออกเป็นคนละทาง ระยะห่างระหว่างรถที่เพิ่งเริ่มจะแตะเบรกกับรถเทรลเลอร์จอดขวางห่างกันประมาณ 300 เมตร แต่อุปสรรคมีเพิ่มอีกคือวัสดุขนาดใหญ่ที่กองอยู่เกลื่อนกลาด 911 เป็นรถสปอร์ตเต็มตัวมากับเบรกคุณภาพสูง เจ้าของจึงกดแป้นเบรกได้เต็มแรง แม้อาการของรถที่ความเร็วเกิน 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง นั้นไม่เคยมีนิตยสารเล่มใดทดสอบมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว เอียดดดดดดดดดด...เสียงยางเสียดสีกับผิวถนนดังลั่น ถึงแม้จะมี ABS แต่ความเร็วที่เกินธรรมดาบวกกับผิวถนนที่เปียกชื้นเพราะอากาศเย็น 911 จึงลื่นไถลถึงตอนนี้หน้ายางขนาด 275 มิลลิเมตร ดูจะเป็นตัวเพิ่มความอันตรายให้แก่ผู้ขับเสียแล้ว เพราะยางหน้ากว้างเมื่อตกอยู่ในสภาวะลื่นไถล จะออกอาการมากกว่ายางหน้าแคบที่มีผิวสัมผัสน้อยกว่า ใครที่คิดว่ายางหน้ากว้างๆ จะดีกว่าของเดิมติดรถในทุกๆ ด้านโปรดคิดใหม่ 300 ZX ดูออกอาการน้อยกว่า เพราะใช้ล้อและยางที่เพิ่มขนาดขึ้นไม่มากนัก หน้ายางที่กว้าง 225 มิลลิเมตร จะลื่นไถลน้อยกว่า 275 มิลลิเมตร มากอย่างเห็นได้ชัด เบรกที่ความเร็วเท่ากันบนผิวถนนลื่น 300 ZX จึงทรงตัวได้ดีกว่า เมื่อความเร็วลดลงจนอยู่ในย่านที่ผู้ขับคุมอยู่จึงสามารถบังคับให้ผ่านช่องทางเล็กๆ และหลุดรอดจากการชนไปได้ ส่วน 911 ยังคงลื่นไถลไปไกลว่า 50 เมตร รถมีอาการสไลด์แถเอาข้างไปอย่างไร้จุดหมายและท้ายรถแกว่งไปมาอยู่หลายเที่ยว ผู้ขับทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากรอเพียงโอกาสที่ความเร็วจะลดลงเท่านั้น และโชคจะเข้าข้างเท่านั้น แต่ทว่าระยะห่างระหว่างรถที่พลิกตะแคงนั้นกระชั้นมากขึ้น การปล่อยให้รถตัวเองช้าลงดูจะไม่ทันการเสียแล้ว ความเร็วบนหน้าปัดยังชี้เกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนคันเกียร์ยังอยู่ที่ตำแหน่งสูงสุดคือเกียร์ 6 เวลาไม่มีเหลือพอให้ตัดสินใจอะไรมากนัก รถที่ลื่นไถลค่อยๆ เข้าใกล้วัตถุจอดนิ่งมากยิ่งขึ้นทุกทีๆ ขณะนี้ผู้ขับ 911 ดูจะเรียกสติกลับคืนมาได้แล้ว จากเกียร์ 6 ลดลงเหลือ 2 ทันที พร้อมกระแทกคันเร่งให้ล้อหลังหมุนฟรีเพื่อปรับการกระจายน้ำหนักของรถให้ไปอยู่ด้านท้ายอีกครั้ง ทันทีที่เข็มวัดรอบกวาดถึงเลข 6000 รถที่ไถลไม่รู้ทิศทางก็กลับนิ่ง เปลี่ยนเป็นคนละบุคลิกกับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ผู้ขับเพียงแค่เลี้ยงพวงมาลัยประคองแต่งเท่านั้น พอคุมรถได้แล้ว ก็สามารถใช้เบรกเพื่อลดความเร็วได้อีกครั้ง และ 911 สามารถหยุดรถได้ก่อนที่จะพุ่งชนเพลาท้ายรถเทรลเลอร์เพียงไม่ถึง 4 ฟุต ไม่มีใครลงมาดูรถตัวเองขณะอยู่บนฟรีเวย์ ผู้ขับ 911 ถอยรถและหาช่องทางเดินหน้าต่อ และพอพ้นจากสิ่งกีดขวางก็เห็น 300 ZX จอดติดเครื่องรออยู่ด้านขอบทางด้านขวา รถ 911 ขับช้าๆ ขึ้นไปเทียบข้าง แต่รถยังไม่เคลื่อนไปถึงดี 300 ZX ก็เร่งเครื่องเบิร์นยางจนควันขาวคลุ้งไปหมด "ได้เลยเพื่อน" เจ้าของ 911 รำพึงในใจ กดเร่งรอบเครื่องยนต์จนท่อไอเสียแผดเสียงแตกพร่า ไม่กี่อึดใจ รถสปอร์ตทั้งสองคันก็เริ่มการแข่งกันต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลืมเรื่องราวที่เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ เสียสนิทใจ หารู้ไม่ว่าถลำเข้าใกล้ความตายเข้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว * * * * * * * * * * * Los Angeles, California / Free Way, Interstate 5 / Sunday 4.30 am. พอร์ช คาเรร่า 2 ยังคงกดคันเร่งแช่จนสุด ทางด้านนิสสัน 300ZX แม้จะแพ้ด้านอัตราเร่ง แต่ท๊อปสปีดนั้นกลับทำได้สูงกว่าเพราะเป็นรถที่โมดิฟายมามาก เสียงเวสเกตท์ระบายไอเสียดังลั่นตลอดทางที่รถทั้งสองคันขับผ่าน รถทั้งสองคันขับเคี่ยวกันมากว่า 20 กิโลเมตรแล้ว แม้เข็มความร้อนไม่ชี้ว่าผิดปกติ แต่เข็มวัดแรงดันและอุณหภูมิน้ำมันเครื่องต่างหากที่กำลังจะฟ้องเตือน หากไม่มีเรื่องผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นเสียก่อน เครื่องยนต์รหัส VG30DETT ปริมาตร 3000 ซีซี 6 สูบ รูปตัว V อัดอากาศเข้าห้องเผาไหม้ด้วยเทอร์โบขนาดย่อมสองตัวที่ทำงานแยกกันอย่างอิสระคนละพากของเสื้อสูบ การระบายความร้อนของตัวเทอร์โบอาศัยเพียงน้ำมันเครื่องที่ไหลผ่านแกนเทอร์ไบน์ ยิ่งขับแช่นานๆ น้ำมันเครื่องก็ยิ่งร้อน ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตัวเทอร์โบเลยแม้แต่น้อย ผู้ขับคงคิดไม่ถึงว่าโข่งหลังของเทอร์โบได้เปลี่ยนจากสีเดิมที่เป็นโลหะกลายเป็นสีเหลืองออกไปทางส้ม ความร้อนที่ตัวเทอร์โบผลิตออกมาคือต้นเหตุที่ทำลายคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่ไหลผ่าน รถที่ขับใช้งานในลักษณะนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้บ่อยกว่าปกติ และเลือกเกรดให้เหมาะสมกับการใช้งาน เข็มในมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่องเริ่มลดต่ำลง แต่เจ้าของคงไม่รู้เรื่อง ยังคงกดคันเร่งแช่ แต่ที่อันตรายมากไปกว่านั้นกลับเป็นเรื่องของระบบเบรกที่เพิ่งผ่านการใช้งานหนักมา พอร์ช 911 ใช้ยางหน้ากว้าง 275 มิลลิเมตร แต่การที่รถลื่นไถลนั้นไม่ทำให้ยางเสียหายมากนัก ผิดกับ 300ZX ที่เบรกจนจานเบรกร้อนและเกิดรอยแตกที่รูเจาะแบบ Cross Drill ในจานเบรกหน้าที่เจ้าของโมดิฟายโดยการเจาะเอง หารู้ไม่มันคือดาบอีกคมหนึ่งที่กำลังจะหันมาฆ่าตัวเขาเอง ความเร็วเกิน 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะกำลังจะเข้าโค้งขวาก็พบรถโดยสารขนาดใหญ่ขับชิดขวา แม้ถนนจะกว้างถึง 8 เลน แต่ฝั่งซ้ายปิดการจราจรไปเสีย 2 เลน ผู้ขับไม่รู้ตัวล่วงหน้า ป้ายเตือนแบบเหนือศีรษะ (Over Head Sign) ก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแต่อย่างใด ถนนที่เหลืออีกมากถึง 5 ช่องการจราจร แต่รถทั้งคู่กล้าเสี่ยงเพราะมุมโค้งของถนนและรถโดยสารขนาดใหญ่ขับบังไว้เสียสนิท ไม่มีใครแน่ใจว่าการจราจรที่ปิดอยู่สองเลนซ้ายสุดจะมีวัสดุหรือสิ่งอื่นใดยื่นล้ำออกมามากกว่าที่เห็นหรือไม่ เพราะไม่มีการติดตั้งสัญญาณไฟกระพริบบอกแต่อย่างใดเลย รถแข่งนอกกฎหมายทั้งคู่ต้องเบรกกะทันหันอีกครั้ง คราวนี้ 911 ออกอาการน้อยกว่า เครื่องยนต์วางหลังทำให้น้ำหนักถ่ายมาทางด้านหน้าขณะเบรกได้น้อยกว่า ส่วน 300ZX ที่เครื่องยนต์วางด้านหน้า แถมต้องกดเบรกในโค้งเสียอีก ยังไม่พอ ปัจจัยสำคัญคือจานเบรกหน้าในด้านขวาที่เกิดรอยแตกแล้วต่างหาก การยึดเกาะและการตอบสนองของ 911 ดีกว่ามาก จึงขับขึ้นหน้าพุ่งทะยานออกจากโค้งไปได้ก่อน 300ZX เบรกสั่นมากจนจานแกว่ง ร่องคมของจานเบรกที่เป็นรอยแตกค่อยๆ หั่นเฉือนเนื้อผ้าเบรกจนหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เกิดความร้อนสะสมในระบบมากจนน้ำมันเบรก Dot 5 เดือด แป้นเบรกที่เคยตั้งอยู่สูงสามารถกดยุบได้จนติดพื้นรถราวกับแป้นคลัตช์ กลิ่นเหม็นไหม้คลุ้งเข้ามาในห้องโดยสาร ความเร็วลดจาก 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง เหลือเพียงแค่160 ระบบเบรกก็ตัดการทำงาน เพราะน้ำมันเบรกหมดคุณสมบัติในการส่งผ่านแรงดัน จานเบรกที่เกิดรอยแตกขนาดยาวกำลังจะแยกตัวหลุดออกเป็นชิ้นๆ ส่วนผ้าเบรกนั้นหลุดรุ่ยเป็นขุยหายไปหมดแล้วเหลือแต่เปลือกนอกด้านที่ติดกับคาลิเปอร์เท่านั้น ผู้ขับแม้จะตกใจแต่ยังดูจะมีสติดี ทำอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากปล่อยให้รถมีความเร็วน้อยลง ขณะนี้รถกำลังอยู่กลางโค้ง แต่สถานการณ์ข้างหน้าดูจะยิ่งแย่เสียยิ่งกว่า เพราะมองไปก็เห็นแต่ไฟท้ายสีแดงของรถขนส่งและรถโดยสารจอดเต็มไปหมด กลิ่นเหม็นไหม้ยังไม่จางหาย ลองแตะเบรกดูก็ยังมีอาการเหมือนเดิมคือ 'จม' พอร์ช 911 อาศัยความไวเล็ดลอดท้ายแถวที่จอดอยู่ของรถขนาดใหญ่ไปได้ แต่นิสสัน 300ZX ยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง แม้อยากเบรกแทบขาดใจ แต่ทำไม่ได้ ทุกครั้งที่กดแป้นเบรกก็ได้ยินแต่เสียงโลหะเสียดสีกัน แถมความเร็วก็ไม่ได้ลดลงไปสักเท่าไรเลย ไฟท้ายสีแดงสดจำนวนมากที่อยู่ด้านหน้าเริ่มมองชัดเจนมากขึ้นทุกที ผู้ขับต้องลดความเร็วลงให้ได้ หรือไม่ก็ต้องยืดระยะห่างระห่างรถตัวเองกับท้ายรถที่จอดอยู่เป็นจำนวนมากให้ยาวขึ้น ไม่มีช่องทางอื่นให้เล็ดลอดไปไหนเลยแม้แต่น้อย ระบบบังคับเลี้ยวยังคงเป็นปกติดี เบรกมือที่ใช้สายเคเบิลสั่งงานยังสามารถใช้ได้ ผู้ขับจะต้องตัดสินใจว่าจะทำอะไรโดยด่วนก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้น แต่ผู้ขับดูเหมือนจะใจเย็น ยังคงลองกดแป้นเบรกอยู่หลายครั้ง แม้ว่าอาการตอบสนองของรถยังคงเดิม เหยียบๆ ย่ำๆ อยู่นานจนจานเบรกที่แตกเกิดหลุดกระเด็นออกมาข้างนอก จานเบรกที่บิดเบี้ยวและแตกมีรอยคมบาดและเฉือนตัวคาลิเปอร์จนสึกไปถึงลูกสูบด้านใน ทำให้น้ำมันเบรกทะลักออกจากระบบทั้งหมด แป้นเบรกจมค้างสนิทกับพื้นรถไม่ยอมเด้งขึ้นทำให้ผู้ขับตกใจมากยิ่งขึ้น ไหนยังจะลนลานกับรถขนาดใหญ่ที่จอดเรียงแถวอยู่ด้านหน้าอีกหลายคัน ไม่มีเวลามากพอสำหรับความเร็วที่ยังเกิน 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง อีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนี้เลือกได้เพียงแค่ว่าจะ 'ชนตรงไหน' เท่านั้น ผู้ขับเปิดไฟสูง กดแตร แล้วจึงเลือกพุ่งเข้าชนท้ายรถขนส่งสินค้าคันหนึ่ง 'โครมมม.. ม .. ม เปรี้ยงง ..ง .ง.' ถุงลมนิรภัยทั้ง 2 ใบในรถพองตัวออกทันทีก่อนที่ใบหน้าจะฟาดลงไปบนด้านบนของวงพวงมาลัย แม้จะรู้ตัวผู้ขับจึงเอามือยันพวงมาลัยไว้แล้ว แต่ไม่อาจทานแรงปะทะมหาศาลนั้นได้ การพุ่งเข้าชนแบบไม่เบรกเลยทำให้รถบรรทุกพุ่งไปชนคันหน้าอีกทอดหนึ่งอย่างแรง ถึงแม้ว่าผู้ขับรถใหญ่จะเหยียบเบรกไว้แล้วก็ตามที การปะทะที่แรงมากทำให้พวงมาลัยอัดปะทะลำตัวท่อนบนของผู้ขับจนบิดเบี้ยวทั้งวง ถุงลมนิรภัยแตกและหลุดกระเด็นออกมานอกเบ้า เหลือเพียงแต่คอกับแกนพวงมาลัยที่ลักษณะคล้ายหอกทิ่มปักอยู่ที่หน้าอกผู้ขับ หน้ารถย่นยับยู่ กันชนหน้ามารวมกับแผงคอลโซลหน้าปัดและถูกอัดดันยกตัวขึ้นไปอยู่ติดบนหลังคาตอนหน้า รถมีสภาพไม่ต่างอะไรไปจากกองเศษเหล็ก เครื่องยนต์แตกกระจายไปซุกอยู่ใต้ท้องรถบรรทุก เรือนเกียร์ที่ฉีกขาดสองท่อนมาอยู่แทนที่ตำแหน่งผู้ขับ กระจกทุกบานแตกละเอียดเกลื่อนกระจาย พื้นรถตรงที่วางเท้าด้านหน้าฉีกขาดเป็นแนวยาว บานประตูย่นยู่จนเสียรูปและดีดเปิดออกอย่างแรง เสา A กับ B อัดบี้รวมกลายเป็นชิ้นเดียวกัน หลังคา พริ้วเป็นลอนก่อนที่จะบิดตัวเป็นรูปคลื่นขนาดใหญ่และเผยอตัวขึ้นที่ด้านหลัง ซุ้มล้อหลังทั้งสองข้างบิดและฉีกขาดจนหลุดรุ่ย ฝาท้ายบิดเบี้ยวจนไฟท้ายแตก แรงปะทะทำให้ท้ายรถลอยสูงขึ้นสัก 2 ฟุต และตกลงพื้นพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกลามมาจากทางด้านหน้า โครงรถแอ่นโค้งขึ้น ชิ้นส่วนทุกอย่างเสียหายหมด จะเหลือก็แต่เพียงแผ่นป้ายทะเบียนหลังที่สภาพยังพอดูได้ว่าเป็นทะเบียนอะไรอยู่เพียงชิ้นเดียว ผู้ขับเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ พอร์ช 911 ขับนำไปไกลมากแล้ว แต่ผู้ขับยังคงมองกระจกส่องหลังหาเพื่อนที่อัดรถด้วยกันมาตลอดทาง ชะเง้อมองผ่านกระจกหลังเท่าไรก็หาไม่เจอ แล้วจู่ๆ ก็พบรถนิสสัน 300ZX คันนั้นนำอยู่ข้างหน้า!
ล่า Los Angeles / California / U.S.A. "จะสู้กันแบบนอกเกม ก็ต้องแข่งกันเป็นผู้ควบคุมเกม หากทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องกระทั่งคิด เกมนี้เป็นของคนที่ไม่กลัวตาย" คำพูดของเคนแว่วขึ้นมาวูบหนึ่งขณะที่ 'ลี' กำลังขับรถตามล่ากับพวกค้ายาเสพติดบน Highway สายหนึ่ง "หัวใจสำคัญก็คือต้องเป็นผู้ควบคุมเกมให้ได้ คุณต้องรู้ทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว รู้ถนน รู้รถ และรู้ใจตัวเอง" ลีนึกถึงคำพูดของเคนที่สอนมาต่างๆ นานา รุ่นพี่คนนี้แม้จะไม่ได้พบกันหลายปี แต่ความรู้สึกผูกพันยังคงมีให้อย่างเต็มเปี่ยม หากถ้าวันนี้มีเคนอยู่ด้วย ลีก็คงไม่หนักใจเช่นนี้ ขับรถไล่กันเกือบ 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่มีโอกาสจะหยุดรถคนร้ายได้หลายครั้ง แต่หน่วยเหนือก็ยังไม่สั่งให้ลงมือปฏิบัติ จนเริ่มกระวนกระวาย เพราะอีกไม่ถึง 10 ไมล์ ก็จะพ้นเขตพื้นที่รับผิดชอบของเขา "ตามล่ามา 130 ไมล์ ผ่าน 5 เมือง จะให้หลุดมือไปง่ายๆ อย่างนี้น่ะหรือ" ลีคิดในใจ หัวโขมยอยู่ในรถ Chevrolet Camaro สีบรอนซ์ เป็นรถที่ขโมยรถมาเพื่อปล้นธนาคาร พร้อมที่จะขับชน หนี หรือทิ้งรถได้ตลอดเวลา สายรายงานมาว่าขับหนีขึ้นมาจากนอกเมืองทางใต้แถบ Orange County / Anaheim เฮลิคอปเตอร์ตามติดอยู่เหนือขึ้นไปด้านบนเพื่อสร้างแรงกดดันให้กับผู้ร้ายในรถ การที่ลีถูกหัวหน้าสั่งให้ทิ้งระยะห่างไว้ให้มาก ก็เพราะไม่อยากให้ผู้ร้ายรู้สึกว่าถูกตามจี้จนเกินไปนัก ใครก็ตามที่ถูกบีบคั้นมากเข้าก็ต้องเพิ่มความเร็ว และนั่นคือที่มาของเรื่องร้ายๆ ที่มักจะเกิดขึ้นกับคนดีๆ ที่อยู่บนท้องถนน พวกเขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเลย ลีตามหลังรถของผู้ต้องสงสัยเป็นคันแรก ใช้ความเร็วราว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทิ้งระยะห่างเกินกว่า 800 เมตร ส่วนเฮลิคอปเตอร์ยังคงบินอยู่ด้านบนและส่องไฟไปยังรถของผู้ต้องสงสัย พร้อมกับถ่ายทอดสดออกอากาศทาง TV เจ้าหน้าที่สั่งปิด Highway สายนั้นนานแล้ว ถนนด้านหน้าของรถผู้ต้องสงสัยโล่งมาก ไร้ซึ่งรถยนต์ของประชาชนที่อาจเกิดเหตุร้าย หรืออาจถูกจับเป็นตัวประกันได้ การประสานงานระหว่างทุกหน่วยเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นตำรวจท้องที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ งานนี้ยังไม่มีหน่วยงานใหญ่อย่าง FBI เข้ามาด้วย แต่อนาคตไม่แน่ เพราะยังไม่ทราบว่าผู้ร้ายในรถคือใคร "ลี ตามไปเรื่อยๆ อย่าไปกดดันเขา เชื้อเพลิงในรถของเขาใกล้หมดแล้ว ไปต่อได้อีกไม่ไกลนักหรอก" เสียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงสั่งผ่านทางวิทยุสื่อสาร ลียืดระยะห่างให้เพิ่มมากขึ้นเป็นประมาณ 1000 เมตร แต่ก็ยังคงมองเห็นไฟท้ายรถของผู้ต้องสงสัยอยู่ลิบๆ โชคดีที่ได้เฮลิคอปเตอร์ช่วยส่องไฟ และชี้เป้าหมายให้ แต่แล้วจู่ๆ รถ Chevrolet Camaro ที่กำลังจะผ่านเข้าไปยังทางโค้งขนาดใหญ่ที่อ้อมภูเขาก่อนเข้าตัวเมือง Los Angeles ก็พบวัตถุบางอย่างขวางอยู่ข้างหน้า ทำให้รถของผู้ต้องสงสัยเบรกอย่างกระทันหัน ท่ามกลางกลุ่มควันหนาทึบ มันคือรถ Nissan 300ZX สีดำจอดขวางทแยงอยู่กลางถนน เร่งเครื่อง เบิร์นยางจนควันไหม้สีขาวคลุ้งไปหมด ยิ่งมีแสงไฟจากเฮลิคอปเตอร์ช่วยส่องด้วยแล้ว ผู้ที่อยู่ข้างหลังคือลี จะมองไม่เห็นอะไรได้เลย นอกจากกลุ่มควันขนาดยักษ์ เอี๊ยดดด...... กดเบรกพร้อมกับการหักหลบอย่างรุนแรงเกินกว่าเหตุของคนประสพการต่ำ ทำให้รถ Chevrolet ของผู้ต้องสงสัยลื่นไถลเสียการทรงตัว ท้ายรถแกว่งไปมาอยู่หลายครั้ง ผู้ขับควบคุมรถไม่อยู่เสียแล้ว แรงเฉื่อยที่ส่งมาจากทางตรงมีสูงมากเกินกว่าที่จะรับมือได้ แรงยึดเกาะของหน้ายางเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน การตอบสนองของพวงมาลัยจะไม่คมกระชับดังเช่นตอนที่รถทรงตัวดีอยู่ ลักษณะเช่นนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการหักพวงมาลัยแบบเผื่อเข้าไว้ แต่อนิจา..โจรมือใหม่แถม ฝีมือขับน้อย จึงพารถเก๋งสีบรอนซ์คันงามพุ่งชนเข้ากับรั้วกั้นขอบทาง แรงปะทะทำให้แผงด้านขวาฝั่งผู้โดยสารหมุนกลับไปฟาดกำแพงอย่างแรง เสียงดังสนั่นจนได้ยินไปไกล เครื่องยนต์ดับสนิท รถหมุน 180 องศาในลักษณะกลับหลังหัน กันชนหน้า และวัสดุที่หลุดออกง่ายกระจายเกลื่อนเต็มถนน ผู้ต้องสงสัย 4 คนพากันคลานออกมาจากรถ และพยายามที่จะวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง แต่คงไปไม่ได้ไกลนัก เพราะทุกคนล้วนบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เนื่องจากไม่มีใครในรถใส่เข็มขัดนิรภัยเลย อีกไม่กี่วินาทีถัดมา ลีก็มาถึงที่เกิดเหตุเป็นคนแรก เฮลิคอปเตอร์รายงานการเคลื่อนไหวของคนร้ายอย่างละเอียดและต่อเนื่อง การมองจากมุมสูงด้วยกล้อง Infrared ช่วยให้เห็นทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวยามค่ำคืน ตำรวจท้องที่คอยประสานงานเรื่องนี้อยู่แล้ว แถมเตรียมพร้อมสุนัขดมกลิ่นไว้ต้อนรับผู้ร้ายข้ามแดนอีกด้วย ลีเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุด้วยกล้องบันทึกเทปหน้ารถ แต่เมื่อหันไปมองรถ Nissan 300ZX คันดังกล่าว ก็ไม่พบร่องรอยใดเหลือทิ้งไว้เลย ยกเว้นคราบยางไหม้ติดผิวถนน "คุณเห็นเหมือนกับที่ผมเห็นไหม" ลีถามเพื่อนตำรวจที่เพิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ "เห็นอะไรหรือ ผมก็เห็นแต่คุณนั่นแหละ ที่ขับตามเป็นคันหน้าสุด จนรถพวกมันหมุนเสียหลักเอง" "ก็รถ Nissan 300ZX ไง รถสีดำน่ะ ผมว่าเป็นคันที่ผมเคยเล่าให้ฟังเมื่ออาทิตย์ก่อนเลยนะ" "อ๋อ เรื่องรถ Nissan 300ZX น่ะจำได้ แต่สักครู่นี้ผมไม่เห็นอะไรเลยจริงๆ นะ จะมีก็แค่รถคุณเพียงคันเดียว" ลี นิ่งเงียบ พลางเดินกลับเข้าไปดูบริเวณพื้นถนนที่รถ Nissan 300ZX คันดังกล่าวเบริร์นยางอีกครั้ง ก้มลงนั่งพร้อมกับเอานิ้วแตะคราบยางที่ยังคงติดอยู่บนพื้นถนนขึ้นมา ลีฉุกคิดถึงอะไรสักอย่าง แล้วจู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดของเคนอีกครั้ง "สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณคือ Midnight Racing ที่แท้จริงก็คือ การขับรถอย่างมีมารยาทบนท้องถนน คนจริงมักจะไม่เผยตัวให้ใครเห็นง่ายๆ แต่ถ้าเป็นสถานการณ์คับขันล่ะก็ เป็นได้พบกันแน่" "Free Racer น่ะหรือ ก็คือพวกที่แข่งรถกันระยะทางยาวไงล่ะ พวกนี้ไม่ได้สนใจเรื่องจะโชว์ออฟอะไรมากนักหรอก แต่ละคนมักจะชอบปิดตัวเอง ออกมาข้างนอกก็เพื่อลองเครื่องยนต์อย่างแท้จริงเท่านั้น คนพวกนี้เล่นรถจริงจังเลยแหละ" "หรือว่าเจ้าของรถคันนั้นจะเป็นพี่เคน" "ไม่ใช่แน่ พี่เคนไม่ได้อยู่ที่นี่" ลีคิดในใจ ขณะขับรถกลับบ้าน ลียังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างสม่ำเสมอ พยายามผูกเรื่องต่างๆ เข้าด้วยกัน แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ารถ Nissan 300ZX สีดำคันนั้นโผล่ขึ้นมาได้อย่างไร แถมกลิ่นของคราบยางก็แปลกไปกว่าที่เคยได้กลิ่น ไม่ได้มีเฉพาะกลิ่นเหม็นไหม้แบบยางถนนทั่วไป น่าจะเป็นเนื้อยางชนิดพิเศษ รู้สึกคุ้นกลิ่น แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก ลียังคงสับสน สีหน้าเคร่งเครียด บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการหาข้อมูลเรื่องรถ Nissan Z ให้ได้มากกว่านี้ เรื่องโจรผู้ร้ายเป็นหน้าที่ของคนอื่นไปเสียแล้ว แต่ภาระอีกอย่างของลีกำลังเริ่มต้น ลีตัดสินใจขับรถวกกลับไปที่ทำงานเพื่อค้นหาบันทึกคำให้การเรื่องอุบัติเหตุบน Freeway เมื่อ 3 เดือนก่อนที่เขาจำได้ว่ารถที่พังยับเยินจนผู้ขับเสียชีวิตคาที่เป็นรถ Nissan Z เช่นเดียวกัน คุยตู้เอกสารไม่นานก็พบแฟ้มที่ต้องการ ลีหยิบออกมานั่งอ่านอีกครั้ง พบว่าสำนวนขาดรายละเอียดไปมาก เจ้าหน้าที่สรุปเพียงสั้นๆ ว่าอุบัติเหตุเกิดจากผู้ขับดื่มมากเกินไป "จอร์จ ช่วยอะไรผมอย่างสิ" ลีเรียกเพื่อนทางวิทยุสื่อสาร "ว่าไงหนุ่มน้อย มีอะไรว่ามาเลย" "ผมอยากทราบว่าในเขต Los Angeles เรานี้มีรถ Nissan 300ZX สีดำทั้งหมดกี่คัน" "เฮ้ย เพื่อน เห็นฉันว่างมากนักหรือไงวะ แม้ว่าจะเรียกข้อมูลจาก DMV - Department of Motor Vehicle ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยนะ ลูกน้องผมไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก" จอร์จ เจ้าหน้าที่จาก DMV ตอบ "เอาล่ะๆ ผมเข้าใจว่ากำลังหาเรื่องยุ่งยากมาให้คุณ แต่ฟังนะ จอร์จ จำตอนที่ผมพบรถคันนี้เมื่อเดือนก่อนได้ไหม ที่ Highway 405 น่ะ" "อ๋อ เจ้ารถคันนั้นนี้เอง มันก่อเรื่องอีกแล้วหรือ" "เปล่าๆ มันไม่ได้ก่อเรื่อง แต่คราวนี้มันช่วยผมจับคนร้ายให้" ลีนิ่งเงียบสักครู่ ก่อนจะพูดต่อว่า "เคนบอกว่าถ้าผมต้องการความช่วยเหลือให้ถามหาคุณได้ สงสัยผมจะฟังเขาผิด" จอร์จชะงักทันทีเมื่อได้ยินชื่อเคน และคว้าไมค์ขึ้นมาตอบทันทีว่า "อ้อ ..ฟังไม่ผิดหรอกพ่อหนุ่มน้อย ผมจะช่วยให้ เคนเขาช่วยผมไว้เยอะ เรื่องแค่นี้เล็กน้อยมาก" จอร์จตอบ พลางหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ "ขอเวลาผม 2 นาที แล้วจะติดต่อกลับไปนะ ว่าแต่คุณรู้จักเคนด้วยหรือ" "อ๋อ ก็พอรู้จักครับ เขาเคยเป็น Partner กับผมขณะที่เข้ามาสืบคดีในเขต LA ขอบคุณล่วงหน้าครับจอร์จ Stand by" ลีขับรถช้าๆ มองนาฬิกาบนรถอย่างกระวนกระวายใจ ไม่กี่อึดใจถัดมา ก็ได้ยินเสียงเรียกจาก DMV "ลี เราเช็คของที่คุณต้องการให้แล้วนะ แต่..." "เกิดอะไรขึ้นหรือจอร์จ" "ไฟล์ของ DMV ทั่วทั้งรัฐ California มี Nissan 300ZX กว่า 300 คัน นับเฉพาะที่จดทะเบียนอยู่ในย่าน North Hollywood มีอยู่ราว 12 คัน แต่คุณสนใจคันที่เป็นสีดำใช่ไหม ไม่มีหรอกนะ ไม่พบรถสีดำในทะเบียนเลย อ้อ..เดี๋ยวๆ มีอยู่คันหนึ่ง แต่เพิ่งถูกลบชื่อออกไปเมื่อ 3 เดือนก่อนนี้เอง สงสัยจะแจ้งย้ายออกจากพื้นที่น่ะ" ลีหัวเสียกับข้อมูลที่ได้มา แต่ก็ต้องตกใจที่ได้ยินเสียงจากจอร์จที่เล่าต่อ "ลี ใจเย็นๆ นะ รถ Nissan 300ZX คันนั้นติดฟิล์มกรองแสงสีดำทั้งคันด้วยใช่ไหม คือเราได้รับแจ้งจากสายตรวจบน Freeway สาย Interstate 5 มาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับรถคันนี้ แต่ตรวจสอบเท่าไรก็ไม่เคยพบ แต่คราวนี้มาแปลกนะ ไปโผล่อยู่แถว Highway 405 โน่นแน่ะ" ลีนั่งฟังเงียบ "ลี ๆ คุณได้ยินเราไหม" จอร์จถามซ้ำ "ฟังอยู่ตลอดครับ ขอบคุณมากนะจอร์จ ช่วยผมอีกนิดนะ ช่วยดูว่า Nissan Z คันนั้นถูกลบข้อมูลหรือว่าแจ้งย้ายออกไป เพราะผมกำลังอ่านสำนวนเก่าๆ อยู่เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่มีรถชนกัน โดยมีรถ Nissan 300ZX คันหนึ่งชนยับ ผู้ขับเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จอร์จ..คุณช่วยจดเลขทะเบียนด้วยนะ มันคือ เออ.. อะไรเนี่ยะ อ่านยากจัง... G R P Z มีแค่ตัวอักษร 4 ตัวเท่านั้นเอง" "Copy ผมขอทวนหมายเลขทะเบียนนะ G R P Z แน่ใจนะว่ามีแค่นี้" "ผมคิดว่ามีเท่านี้แหละครับ เพราะเช็คดูจากหลักฐานพบว่าป้ายทะเบียนนี้เป็นเพียงชิ้นส่วนเดียวที่ยังคงสภาพดีอยู่หลังเกิดอุบัติเหตุ" "หาาา..ว่าไงนะ... อุบัติเหตุบน I 5 เมื่อหลายเดือนก่อนหรือเปล่า" ผมรู้สึกคุ้นๆ นะ จอร์จย้อยถาม พลางเปิดไฟล์เพื่อหาข้อมูลของบันทึกคำให้การจากสำนวนครั้งก่อน "ใช่ครับ จอร์จ คุณจำเรื่องอุบัติเหตุครั้งนั้นได้ด้วยหรือ" ลีถามกลับด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ "จำได้สิ ลืมไปแล้วหรือว่าผมทำงานที่ไหน DMV Head Office นะ เรื่องอุบัติเหตุร้ายแรงจนกระทั่งมีเหตุเสียชีวิตเกิดขึ้นพวกเรามักจะจำได้ขึ้นใจ แถมยังได้รับรายงานว่ามีรถแบบเดียวกันนี้ไปเพ่นพ่านเขตท้องที่ย่านอื่นอีกด้วย ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะช่วยสืบอีกแรง" "ขอบคุณมากจอร์จ ผมเป็นหนี้คุณแล้วนะ" "ผมก็เป็นหนี้เคนเขาเช่นกัน" + อ้างถึง ตอบกลับ