เรื่องไม่ลับของ b20 ใครอยากจะทำมาอ่านก่อน

ขอบคุณคับ ปัญหานี้เพิ่งมาเปนตอนหลังๆนี้เองคับ น่าจะตอนที่เปิดฝามาทำครั้งสุดท้ายนี่ล่ะ แรกๆยังร่อนไปโน่นนี่สบายเลย

ตอนนี้ก็สั่งหม้อน้ำใหม่ไปละรอของเข้าแล้วจะเปลี่ยนมันทีเดียวยกระบบเลย ปั๊มน้ำ สายพาน หม้อน้ำ พัดลม10ใบ2เสต็ป

ปล.วันนี้ผีซ้ำกรรมซัดอีก จะเอาหมาไปโรงพยาบาล ปั๊มครัชดันรั่วกลางทางอีก เปลี่ยนใหม่มันซะทั้งตัวบนตัวล่างเลย โดนไปอีกเกือบ3พันT-T

เท่านั้นยังไม่พอ เบรกหลังซ้ายติดอีก .... เชื่อแล้วกับคำว่า "ออกจากอู่สีมันจะมีเรื่องให้เก็บอีกเยอะ"

 

เยี่ยมคับ

 

รบกวนหน่อยคับ ระหว่างโอเวอร์ฮอลเครื่องเดิม (B16 เกียร์ธรรมดาของ B20) กับประกบท่อนล่าง B20 อย่างไหนจะดีกว่ากันครับ
ปกติขับในเมือง ซัดบ้าง ลากประมาณ 7000-7500 ขับทางไกลเดือนละครั้ง (ใช้แก๊สทางไกล ในเมืองใช้น้ำมัน ตอนซัดใช้น้ำมัน)
อยากได้แบบใช้ในชีวิตประจำวัน (โดนVolvo วาง J สวนมาอ่ะ (T_T)

 

ประกบท่อนล่าง b20 ดีกว่าแน่นอนครับ ได้เรื่องของแรงบิดที่เพิ่มขึ้น วิ่งทางไกลสบายๆ ไม่ต้องเค้นรอบมาก เพราะโอเวอร์ฮอลเครื่องเดิม ก็ได้แบบเดิมๆ ยิ่งเป็นเกียร์ของ b20 ด้วยแล้วไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะอัตราทดมันค่อนข้างห่าง ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเครื่องเล็กรอบจัดอย่าง b16a ครับ

 

รบกวนอีกเรื่องคับ ปกติเกียร์ธรรมดาของ B20 มันเข้ายากป่าวคับ (เหมือน D16Y8 ป่าวคับ) ของผมมันเข้าค่อนข้างยาก ต้องแก้ไขยังไงคับ (เปลี่ยนคลัช+หวีแล้ว)

 

เช็คปั๊มคลัชท์ บน-ล่างครับ ถ้าปกติ แสดงว่า ซิงโครเมตในเกียร์มีปัญหาครับ

 

สวัสดีครับ จำได้หละ เมื่อ กลางปีก่อนวางเครื่องบี 16เอ ออโต้
รุ่นน้องที่คลับ เอจี ลิงค์เวป มาให้ดูเรื่อง ตระกูลบี ข้อมุลดีมาก ๆ
เลยครับ ขอชมเชยไม่ห้วงความรู้เลยครับ

วันนี้มีคำถามเรื่อง ตอนนี้ใช้ท่อเฮดเดอร์เดิม ปลายทรงมุเก้นครับ
วิ่งดี ไม่ดัง ดีกว่าเมื่อก่อนที่เป็นไส้ตรง ไฮเปอร์ ..จะถามว่า ถ้า
จะเปลี่ยนเฮดเดอร์ เป็น 421 จะดีขึ้นไหมครับ หรือ เท่าเดิม หรือ
แย่กว่าเดิมครับ จริง ๆ อยากเอามาประดับห้องเครื่อง และ เสียง
มันเพราะดีครับ ปัจจุบันมันเงียบไปหน่อย ทำให้เหยียบแล้ว ไม่ค่อย
รุ้ตัวว่า เราอัดรอบสุงแล้ว (เกียร์ ออโต้ครับ)

อีกข้อนะครับ ของผม เครื่อง รหัส 5601600 ควรหา บี 20 บีปี
อะไร มาประกบดีครับ

ขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

เปลี่ยนเฮดเดอร์ ช่วยได้ครับ ขอให้ได้มาตรฐานหน่อย ถ้าหาของนอกได้ยิ่งดีครับ แต่อย่าคาดหวังมากนัก เพราะโดยปกติแล้วเฮดเดอร์เพิ่มแรงม้าได้อย่างมาก็ราว 7-8 ตัว ก็พอรู้สึกได้ครับ หากจะให้ได้ผลเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น การจูนกล่องให้เหมาะสมจะช่วยได้มากครับ

เครื่อง b20b หาปีใหม่สุด สภาพดีสุดเท่าที่จะหาได้ครับ ราคาอาจจะแพงขึ้นอีก 2-3พัน แต่คุ้มกว่าครับ

 

ถามต่อครับ อย่างเรื่อง จูนกล่อง กับ อุ่ดัง ....โปร เรียลทาม
จะวิ่งดีกว่าเดิม มากไหม และพวก เกียร์ออโต้ ทำให้ เทคเปิด
เร็วขึ้น จะดีไหม ใช้ในเมือง ช่วงที่ใช้บ่อย 60- 120 ครับ
อยากได้ช่วงนี้ เร็วขึ้นครับ

และ อีกข้อ เคยได้ยินมาว่า จะทำกล่องพ่วง กล่องแต่ง จะต้อง
ไปจัด การ กับระบบ อากาศให้ คล่องขึ้นก่อน ถ้าไม่ทำจะไม่ได้
อะไรมาก คิดอย่างไรครับ

ขอบคุณมาก ๆ ครับผม

 

ผมแนะนำอีกทีนึงนะ โดยส่วนตัวแล้วผมว่าดูจะ work กว่า ลองดูsearchที่ balloon .com ติดต่อ บอล บอกว่าผมแนะนำมา ครับ

เกียร์ออโต้ใช้ในเมือง ให้เทคเปิดเร็วขึ้นนิดหน่อยก็ช่วยให้ขับได้สนุกขึ้น แต่ถ้าเปิดเร็วมากไป แรงก็ตกเหมือนกันครับ ส่วนจัดการระบบอาการให้คล่องขึ้นถ้าทำได้ก็ทำครับ ถ้าทำทีหลังก็ควรจะจูนใหม่จึงจะได้ประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ไม่จูนก็ได้ไม่เต็มร้อยครับ

 

B18C ยัดลูก 85mm. มันน่าจะทนกว่า B20 ป่าวครับ แล้วถ้าผมทำ B18C ยัดลูก 85 จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมบ้างป่าวครับ หรือจุดควรระวังที่สำคัญ

แถมนิดนึง แล้วเรื่อง 4 ลิ้นเนี่ย พอดีผมมีตรงรุ่น ของ oer อะไรนี่แหล่ะ 50mm/ลิ้น กะเอาแคม Toda c2 พร้อมสปริงของมัน คุณก้องว่าผมหาลิ้นเดี่ยว หรือเอา 4 ลิ้นดีครับ ถ้าเอาลิ้นเดี่ยวเอาสักกี่มิลดีครับ เครื่องทำทุกอย่างอ่ะครับที่ทำได้ บาลานซ์ ทำพอร์ท ขัดลื่น อะไรประมาณนี้ครับ

ยังไงวานคุณก้องช่วยแนะนำหน่อยครับ ขอบคุณครับ

 

ปัญหาอยู่ตรงที่กระบอกสูบครับ ถ้าเราเอาลูก 85 มม. ใส่เข้าไปใน B18c โดยคว้านกระบอกสูบเดิม อย่างนี้มีปัญหาแน่ๆ เพราะผนังกระบอกสูบจะบางมาก และส่วนที่ชุบแข็งเคลือบผิวที่กระบอกสูบจะถูกกว้านหายไป ทำให้กระบอกสูบไม่แข็งแรงครับ ทางแก้ไขให้มีความทนทานก็คือการเปลี่ยนกระบอกสูบใหม่ครับ

ข้อเสียเปรียบของเครื่อง B20b ในเรื่องของความทนทาน อย่างที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ (หรือเปล่าหว่า....?) อยู่ที่ ไม่มี oil jet กับ block gridle เหมือนกับของ b18c เรื่องของความยางช่วงชัก หรือ rod ratio ก็ไม่ต่างกันมากนัก

เรื่องของลิ้น หากเป็นผม ผมคงเลือก 4 ลิ้น ด้วยเหตุผลในเรื่องการไหลของอากาศ ที่มันจะไหลเท่ากันแต่ละสูบได้ดีกว่า (ถ้าจูนให้เท่ากันทุกสูบนะครับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหน่อยถ้าไม่มีประสพการณ์ , เครื่องมือ หรือความรู้ในการปรับตั้ง) แต่ว่าขนาดของลิ้นก็มีความสำคัญเช่นกัน ใหญ่ไปก็ไม่ดี เล็กไปก็ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ความจริงมันมีสูตรคำนวนอยู่ (จากคาร์บูเรเตอร์แบบ 4 ลิ้น) แต่ผมคงหาไม่เจอเพราะอยู่ในหนังสือเก่าๆ ที่มีอยู่เยอะมากๆ ในเวปนอกน่าจะมี แต่ก็ยังไม่ได้หา โดยประมาณเท่าที่จำได้ เครื่อง 1600 ประมาณ 40-45 มม. แล้วแต่การโมดิฟาย เครื่อง 2000 ประมาณ 45-50 มม.

การเลือกลิ้นนี่ก็คล้ายๆ กับการเลือกเทอร์โบเหมือนกันครับ ถ้าเล็กๆ หน่อย วิ่งรอบต้นๆ ดี รอบปลายๆ แรงก็หดหายไปหน่อย ถ้าเลือกใหญ่ๆ ปลายๆ ดี แต่ต้นๆ อาจจะมีฟอด เพราะความเร็วอากาศในช่วงแรก จะไหลชนกันเองจากที่มันใหญ่ไปหน่อย ทำให้อาอากาศไหลเข้าไม่ได้มากเหมือนกับลิ้นเล็กๆ ต้องอาศัยการปรับจูนปากแตรเพื่อจัดเรียงอากาศให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้นครับ

หากจะเป็นลิ้นเดียว ก็หาแบบที่ใหญ่สุดเท่าที่คอไอดีจะรับได้ครับ ถ้าหาท่อไอดีที่มีความจุเยอะๆ ก็จะดี จะได้มีอากาศสำรองในระบบมากขึ้น จะลดความแตกต่างของอากาศที่จะเข้าแต่ละสูบได้น้อยลง แต่ก็มีข้อเสียตรงที่การตอบสนองของคันเร่งในช่วงแรกๆ จะช้า เพราะกว่าอากาศจะบรรจุเข้าเต็มท่อแล้วไหลเข้าไปในพอร์ทไอดีต้องใช้เวลามากกว่าของเดิมๆ และลิ้นเดียวใหญ่ๆ มันก็มีข้อเสียของมันตรงที่มันจะขับยากหน่อย เพราะว่าลิ้นมันใหญ่ เปิดนิดเดียวอากาศมันก็เข้าไปเยอะแล้ว ทำให้เลี้ยงคันเร่งได้ยากขึ้น เหยียบมากไปก็ฟอด น้อยไปรอบก็ไม่ขึ้น ต้องเลือกเอาครับ ได้อย่างเสียอย่าง เป็นเรื่องปกติธรรมดา

 

ขอบคุณมากเลยครับคุณก้อง คงจบที่ 4 ลิ้น + โมรอมกล่องเดิมไปก่อน (หมดดาก)

ขอถามนิสนึงครับ สปริงวาล์ว ของตัว B16A ทั้งของเดิมๆ หรือของแต่ง มีแบบเป็นชั้นเดียวด้วยหรอครับ

 

งงงง......ท่านเดียวกันหรือเปล่าครับ? Ton_Ac กะ Ton_Subframe

สปริงวาวล์ของ B16A ด้านไอดีเป็นแบบสองชั้นครับ ด้านไอเสียแบบชั้นเดียว ส่วนของแต่ง เท่าที่รู้มีแต่แบบ 2 ชั้นครับ

เรื่อง 4 ลิ้น ลองถามร้านเหรียญชัยดูครับ เป็นอลูมิเนียมหล่อ พร้อมปากแตรกับรางหัวฉีด ราคาหมื่นห้า ถ้าไม่เอาลิ้น (เค้าบอกว่าหาไม่ค่อยได้) ก็หมื่นสอง ลิ้นก็เป็นของ 4a-20v ครับ ราคาย่อมเยาว์กว่าของ toda เยอะเลย เรื่องงานที่นี่ถือว่าใช้ได้ครับ เพราะอดีตเคยหล่อโข่งไอดี-ไอเสียของเทอร์โบใช้เอง ทำเวสเกตแยกเอง งานเนียนดีครับ

เรื่องจูนรอม ถ้าไม่เกี่ยงว่ายังเป็นมือใหม่ (แต่ไฟแรง เครื่องมือพร้อม backup เพียบรวมทั้งผมด้วย) ลองดูที่ balloon.com ครับ

 

งงงง......ท่านเดียวกันหรือเปล่าครับ? Ton_Ac กะ Ton_Subframe

สปริงวาวล์ของ B16A ด้านไอดีเป็นแบบสองชั้นครับ ด้านไอเสียแบบชั้นเดียว ส่วนของแต่ง เท่าที่รู้มีแต่แบบ 2 ชั้นครับ

เรื่อง 4 ลิ้น ลองถามร้านเหรียญชัยดูครับ เป็นอลูมิเนียมหล่อ พร้อมปากแตรกับรางหัวฉีด ราคาหมื่นห้า ถ้าไม่เอาลิ้น (เค้าบอกว่าหาไม่ค่อยได้) ก็หมื่นสอง ลิ้นก็เป็นของ 4a-20v ครับ ราคาย่อมเยาว์กว่าของ toda เยอะเลย เรื่องงานที่นี่ถือว่าใช้ได้ครับ เพราะอดีตเคยหล่อโข่งไอดี-ไอเสียของเทอร์โบใช้เอง ทำเวสเกตแยกเอง งานเนียนดีครับ

เรื่องจูนรอม ถ้าไม่เกี่ยงว่ายังเป็นมือใหม่ (แต่ไฟแรง เครื่องมือพร้อม backup เพียบรวมทั้งผมด้วย) ลองดูที่ balloon.com ครับ

 

คนเดียวกันครับ....หุหุ

ขอบคุณครับที่ให้คำแนะนำอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสมอมา

 

เพิ่มเติมอีกนิดคับ ตอนเช้าสตาร์ทเครื่องใหม่ๆเข้าเกียร์ก็ง่ายปกติ แต่พอวิ่งไปซักพักใหญ่ๆ (เครื่องร้อนแล้ว) มันจะเข้ายากมากเลยคับ น่าจะเป็นที่อะไรคับ

 

ให้ดู 2 จุดครับ ที่คลัชท์ กับที่เกียร์

- เช็คแม่ปั๊มคลัชท์ บน-ล่าง มีรั่วหรือไม่
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันคลัชท์พร้อมไล่ลมใหม่
- ลองปรับตั้งระยะคลัชท์ ให้สูงขึ้นอีกนิดนึง แล้วดูว่าอาการหายไปหรือไม่
- เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ ใช้ให้ถูกเบอร์ครับ รู้สึกว่าของเกียร์ธรรมดาจะใช้เบอร์ SAE 40 ครับ
- ดูพวกบูชคันเกียร์ด้วยนะครับ

ถ้ายังไม่หาย อาจจะต้องรื้อเกียร์ หรือชุดคลัชท์ครับ

 

การเปลี่ยนแคมจาก B16A เป็น B16B เวลาขับจะรู้สึกแตกต่างยังไงบ้างคับ แล้วจำเป็นหรือไม่ที่ต้องเปลี่ยนสปริงวาล์วกับรีเทนเนอร์ (ถ้าไม่เปลี่ยนจะมีผลเสียอะไรบ้างคับ) รบกวนด้วยคับ

 

ต่างกันครับ โดยเฉพาะรอบปลายๆ จะดีกว่า

แคม B16b นี่ก็เกือบๆ จะเท่ากับแคมสเต๊ปแรกๆ ของแคมแต่งแล้วละครับ

เรื่องสปริงวาวล์กับรีเทนเนอร์ สมควรที่จะเปลี่ยนครับ เพราะรอบเครื่องที่ทำได้จะสูงกว่าเดิม (กรณีที่ปลดล๊อกรอบเครื่อง) หากใช้รอบเท่าๆ กับแคมเดิมก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนครับ พอถูไถไปได้แต่ก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าองศาแคมมากกว่าเดิม โอกาสที่วาวล์ลอยที่รอบเท่าเดิมจะสูงกว่านิดหน่อย อีกอย่างหนึ่ง วาวล์ของ b16b จะเบากว่าของเครื่อง b16a โอกาสที่จะวาวล์ลอยก็น้อยกว่าด้วย

เดี๋ยวนี้การเปลี่ยนสปริงวาวล์ รีเทนเนอร์ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ยุ่งยากอีกแล้วครับ สมัยก่อนต้องยกฝาสูบออกมาใช้เครื่องมือบีบเอาสปริงออก แต่เดี๋ยวนี้มีเครื่องกดสปริงวาวล์โดยไม่ต้องเปิดฝาสูบ สะดวกรวดเร็ว แล้วก็ไม่ต้องเสียประเก็นอีกด้วย

 

ใช้ B20B AT ปี 97 จากออเทียร์ อยู่ครับกำลังจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ MT
โชคดีได้เครื่อง B16A MT เลข 55 มาทั้งตัวครับ ราคาไม่แรง กำลังจะเปลี่ยนเกียร์ MT ก่อน แล้วค่อยประกบฝาทีหลัง
การเปลี่ยนเป็นเกียร์ MT ต้องมีการแก้ไขกล่อง ECU ไหมครับ
การประกบฝาแล้วจำเป็นไหมจะต้องใช้ เกียร์ที่มี LSD ครับ (LSD โรงงานพอไหมครับ)
แล้วถ้าประกบฝา VTEC โดยยังต้องการใช้ LPG เป็นเชื้อเพลิงอยู่ สามารถทำได้ไหมครับ
ถ้าจะประกบฝาเมื่อไร แล้วจะมาถามต่อครับ ขอบคุณครับ

 

b18b จะเพิ่มสเต็ปยังมั้งครับ แล้วแต่ล่ะอย่างงบประมาณเท่าไหร่

 

เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ไหนๆ ก็ได้ เครื่องมาแล้วทั้งตัว ยกลงทั้งเครื่องเลยน่าจะดีกว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่อง ecu ด้วย หากต้องการ อัพสเต๊ปแล้วค่อยเอาเครื่อง b20b มาประกบอีกที

เรื่อง lsd ไม่เกี่ยกับการประกบฝาครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งานซะมากกว่า หากต้องการออกตัวแรงๆ ล้อไม่ฟรีมาก หรือเข้าโค้งแคบบ่อยๆ lsd ก็จะช่วยได้ครับ แต่ต้องสร้างความคุ้นเคยซะหน่อยก่อนที่จะเล่นกันแรงๆ นะครับ

ใช้ lpg กับประกบฝาได้ไม่มีปัญหาครับ ขอให้จูนแก๊สให้ได้พอเพียงกับความต้องการของเครื่องก็ใช้ได้แล้วครับ

ยินดีให้คำปรึกษาครับ.....

 

เริ่มจากกรองอากาศโล่งๆ แนะนำของ K&N แบบแทนที่ของเดิมครับ ราคาน่าจะอยู่แถวๆ สองพัน ต่อมาก็พวกท่อไอเสีย-เฮดเดอร์ ถ้าได้ของนอกตรงรุ่นจะดีมากๆ ครับ ราคาก็แล้วแต่แบบ-ยี่ห้อ-รุ่น สูงสุดมือสองไม่น่าจะเกินหมื่นไปมากนัก

หรือ จะให้ได้ผลเยอะหน่อย เปลี่ยนกล่องเป็น obd-1 แล้วจูนเรียลไทม์กับผู้ชำนาญ ได้ผลเยอะขึ้นครับ ราคาจูนเรียลไทม์ มีตั้งแต่ 3500-5000 ค่ากล่อง ประมาณ 3500-5000 ค่าทำกล่อง 1000 ค่าทำสายไฟ 2-3000 ผลที่ได้คุ้มค่าครับ

 

ขอบคุณครับ

แล้วเกียร์ออโต้เนี๊ย ต้องเปลี่ยนไหมครับ ถ้าเปลี่ยนใช้อะไร ราคาเท่าไหร่ หรือรอประกบ B16A ก่อนครับ

แล้วถ้าประกบ B16A จะเลือกท่อนล่างเดิมหรือเปลี่ยนเป็น B20 ครับ:sad:

 

ต้องดูความต้องการเป็นหลักครับ ถ้าวิ่งสนุกก็เปลี่ยนเป็นเกียร์ธรรมดา อยากสบายก็เป็นเกียร์ออโต้ เดิมก็ใช้ได้ครับ เพราะเครื่อง b16a (ek), b18b, b18c, b20b นี่เกียร์ออโต้ลูกเดียวกันครับ

เรื่องประกบฝา ก็แล้วแต่สะดวกครับ เพียงแต่ว่าถ้าเริ่มจาก b16a, b18c เต็มตัวก่อน มันจะง่ายกว่าการเอาเครื่องไม่มีเทคมา แล้วหาฝามาประกบทีหลัง เพราะของมันจะหายากกว่าครับ อย่างเช่น ฝาสูบ , แคม, ฝาครอบวาวล์, ท่อไอดี, หัวฉีด, รางหัวฉีด , สายไฟ, จานจ่าย บางทีไม่ได้มาครบชุด หาทีละชิ้นจะราคาสูงกว่าด้วยครับ

 

ต้องขอโทษครับผมให้ข้อมูลไม่ครบ เครื่องที่ได้มา ท่อนล่าง พังมาครับ ก้อเลยกะจะเปลี่ยนเกียร์ก่อน เกียร์ AT B20B ไม่ค่อยดีแล้ว
แล้วค่อย หาท่อนล่างปีใหม่ๆมาประกบเพื่อได้กำลังอัด แล้วค่อนขายเครื่อง B20 B เดิมต่อไปครับ ทั้งเครื่องครับ

 

ถ้างั้นก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณตอนนี้แหละครับ ถ้างบน้อย เปลี่ยนเกียร์ไปก่อนก็ได้ ถ้าพอมีงบหน่อย เอา b20b เดิมประกบฝาไปเลย (ถ้าเครื่องยังดีอยู่) หรือ งบเยอะหาท่อนตรงปีใหม่ๆ ประกบเลยทีเดียว เสียเวลาครั้งเดียว ประหยัดเงินได้มากกว่าเพราะไม่ต้องยกขึ้นลงสองครั้งครับ

 

ไปถามราคาค่าประกบเจ้าดังมาฝั่งสมุทรปราการครับ 75000 บาท มีทำคราวๆที่จำได้ หาท่อนล่าง balance ข้อเหวี่ยง เปลี่ยนแหวน
เปลี่ยนseal เช็คเคลียร์แลนซ์ ขัดฝา ปาดเสื้อ เว้าหัวลูกสูบหลบวาล์ว เปลี่ยนหัวฉีดของ 1J ทำตัวบิดองศาแคม รวมจูน อื่นๆอีกจำไม่ได้
เครมที่แรงม้า ประมาณ 210 ที่แรงบิด 19 ตัดรอบเครื่องที่ 8700 rpm ทำไมราคาแรงจัง เดี่ยวจะลองถามเจ้าอื่นเทียบดูครับ
แต่ฝาผมแคมเป็น B16B ด้วยนะครับ แล้วก้อที่ยังเหลือทำเพิ่งอีก ครัช เฮดเดอร์ ช่วงล่าง มันแพงจัง แต่ก้อต้องทำครับ

ขอถามอีกข้อครับ ท่อนล่างถ้าไม่เน้นเรื่อง CC ตัวเครื่อง B18C น่าสนใจกว่าไหมครับ เน้นเหนียว แล้วราคาประมาณเท่าไร
แพงกว่า B20B มากไหม ทั้งฝาดำกับฝาแดงครับ ขอบคุณครับ

 

75k นี่ชุดใหญ่เลยนะครับ ราคารวมฝาสูบด้วยหรือเปล่าครับ แล้วเค้าเคลมแรงม้า 210 แรงม้านี่ที่ฟลายวีลหรือลงพื้นครับกับแคมตัวไหนครับ แรงบิด 19 นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าเกินกว่า 20 นี่ต้องเรียกว่าเทพตัวจริง

ผมประเมินให้คร่าวๆ นะครับ
- ท่อนล่าง b20b ไม่เกิน สองหมื่น (ราคาแบบไม่ต้องเปลี่ยนแหวน สภาพเยี่ยมๆ เลย และไม่จำเป็นต้องรื้อมาบาล้านซ์ใหม่ เปลี่ยนแบริ่งใหม่ ไม่ต้องปาดเสื้อ ถ้าจะทำใหม่ ผมให้เต็มที่ อีก 1.5 หมื่น)
- เพิ่ม block gridle ไม่เกินหมื่น
- ถ้าไม่ต้องเจียร์หลบวาวล์ เปลี่ยนลูกสูบใหม่เพิ่มกำลังอัดหลบวาวล์ในตัว พร้อมแหวน ให้อีก 1.5 หมื่น
- หัวฉีด j ทำปลั๊กทำสายด้วย อย่างแพงๆ เลย 5พัน
- เฟืองแคมปรับได้ otop ก็พันกว่าบาท ของมือสองประมาณ 4-5 พัน ของใหม่ไม่เกินหมื่น
- จูนเรียลไทม์ 3.5-5พัน บางครั้งจูนแพงก็ไม่แน่ว่าจะดีกว่าเสมอไป ขึ้นอยู่กับเครื่องมือ โปรแกรมจูน แล้วฝีมือคนจูน
นี่เป็นราคาอย่างแพงนะครับ ถ้าเกินกว่าที่ประเมินไว้ก็ไม่น่าทำแล้วครับ

ส่วนที่จะตัดออกได้นะครับ (แต่ก็ไม่ควรที่จะเล่นรอบกันหนักมากนัก ซัก 8-8500 รอบเป็นครั้งคราวสั้นๆ ก็น่าจะพอ) อย่างเช่น บาล้านซ์ข้อเหวี่ยง, เปลี่ยนแบริ่งล ปาดเสื้อ, เพิ่ม block gridle , หัวฉีด ,เฟืองแคม , เปลี่ยนลูกสูบ พวกนี้ก็จะประหยัดงบได้อีกเยอะครับ ลองบวกลบและหาราคาของเทียบดูก่อนครับ