เรื่องของแบตเตอรี่ครับ

การสนทนาใน 'NV Club' เริ่มโดย นายยุทธนา ประสาทสิทธิ์, 21 กรกฎาคม 2009

< Previous Thread | Next Thread >
    :D:D:Dอยากถามพี่ๆว่า ถ้าต้องการเปลี่ยนแบตซักลูกเนี่ยะ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง แล้วแบตลูกเล็ก/ลูกใหญ่ต่างกันอย่างไร แอมป์มาก/น้อย มีความสำคัญขนาดไหนครับ แบตแห้ง/ไม่แห้งอย่างไหนดีกว่ากัน รบกวน
    พี่ๆผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจหน่อยครับ ขอบคุณครับ:D:D:D
     
  1. maxturbo

    maxturbo New Member Member

    61
    0
    0
    ติดเครื่องเสียงเยอะไหม เพราะของเดิมมัน NS60

    ถ้าคุณไม่มีเครื่องเสียงเดิมๆก็ได้งับ

    แต่ถ้าใส่ลูกใหญ่ ถามว่าดีไหม มันดีกว่าเดิมแน่นอน มันจะทนงับ

    ถ้ามีเครื่องเสียง N50z อ่า


    ถ้ามีเครื่องเสียงมากๆๆๆๆ N120 ขึ้นไป ไปติดหลังกระบะเอา 55555+


    ราคาขึ้นอยู่แต่ละจังหวัด


    *** แบต ใช้ได้ 2ปี ขึ้นไปได้ ก็ ดีแล้วงับ สำหรับเครื่องเบนซิน


    ** เรื่องแบตแห้ง กับน้ำ นี่ แล้วแต่อ่า แต่ส่วนมาก แบตแห้งทนกว่า งับ แต่ไม่มากน้า
     
  2. slimant

    slimant New Member Moderator

    1,271
    4
    0
    เดิมๆ ดีที่สุด ประหยัดตังในกระเป๋า
    อิอิ

    ที่ผมเคยใช้
    แบตแห้งไม่ทนครับ ได้แค่ปีกว่าๆ
    แบตน้ำดูแลดีๆ มี 3 ปี ครับ
     
  3. virus_x

    virus_x New Member Member

    483
    3
    0
    ไดชาร์จเดิมแต่ใส่แบต Am มากขึ้นจะเป็นไง (แบตติดรถ 12V45Am)
    ข้อดี
    แบตจ่ายไฟได้นานขึ้น เปรียบเหมือน แท้งต์น้ำขนาด100ลิตร กับ200ลิตรแต่ใช้ก๊อกน้ำขนาดเท่ากัน ความจุมากกว่าก็ทำงานได้นานกว่าแต่จ่ายไฟ12V เท่าเดิม
    ข้อเสีย
    ไดชาร์จจะทำงานหนักขึ้น เพราะเมื่อไดชาร์จ ชาร์จไฟเข้าแบตขณะรถวิ่ง พอไฟเต็มแบต ไดชาร์จจะหยุดการทำงานแต่จะยังหมุนอยู่ซึ่งตอนนี้จะไม่หนักแรงเครื่องมากเพราะมันหมุนฟรี ตอนชาร์จมันจะหนักแรง เครื่องยนต์ด้วย ทำให้กินน้ำมันมากขึ้น และอายุของไดชาร์จก็จะสั้นลง

    ไดชาร์จ Am มากขึ้น แบต Am น้อยก็ชาร์จเต็มเร็ว ไดชาร์จก็ตัดการทำงานเร็ว แต่หนักแรงเครื่องยนต์มากขึ้นแต่เวลาการทำงานจะสั้นลง

    ดังนั้นการเลือกขนาดแบตต้องดู Am ของไดชาร์จด้วยครับ ขนาดแบต+-10% ของไดชาร์จครับ

    (copy มาจากกระทู้เก่าๆครับ)
     
  4. ดูแล้ว.....เดิมๆน่าจะดีที่สุดเนอะ

    พี่ๆคนไหนมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเชิญเลยครับ
     
  5. didomon

    didomon New Member Member

    2,380
    2
    0
  6. Sam_osk

    Sam_osk New Member Member

    61
    4
    0
    ถ้ารถเดิมๆแนะนำให้ใช้แบบเติมน้ำตามสเปคเดิมปกติ ประหยัดเงินดี

    นอกจากแอมป์ของแบตแล้วให้ดูขนาดกับทิศทางของขั้วให้ดีด้วยครับ

    ตอนนี้ราคาน่าจะถูกลงเยอะแล้ว ตอนเปลี่ยนแบตครั้งล่าสุดเทิร์นได้ตั้งหลายร้อยแน่ะ
     
  7. ขอบคุณครับ
     
  8. maxturbo

    maxturbo New Member Member

    61
    0
    0
    แต่ก่อน แบตแห้ง อ่ะไม่ทน


    แต่ตแนนี้เขาพัฒนาแล้ว


    แล้วแบตเก่า ตอนนี้ราคาก็ไม่เท่าไรแล้วงับ


    เมื่อ ปี สอง ปี ก่อนอ่ะ แพงได้ใจ
     
  9. green nv #032

    green nv #032 New Member VIP

    2,789
    89
    0
    แบตแบบน้ำขนาดเดิมติดรถละครับ ใช้ได้ดี สำหรับใช้งานแบบปกติ ประหยัดด้วย

    แบตกึ่งแห้ง มันก็มีน้ำละครับ แค่มีการระเหยออกของน้ำกลั่นน้อยกว่าแบตแบบน้ำปกติ ตามร้านบอกครึ่งปีพี่ไม่ต้องเช็คน้ำกลั่นเลยไม่มีแห้ง...จริงๆแล้ววันไหนล้างรถก็เปิดเช็คดูดีกว่า

    แบตแห้งจริงๆ เอาไว้ให้รถที่ชอบเครื่องเสียงชุดย่อมๆ-ใหญ่ๆเค้าไว้ใช้กัน...:D
     
  10. ขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลครับ
     
  11. โดนไปเรียบร้อยแล้วครับ เร็วกว่าที่คิดยังดีนะที่ไม่ไกลจากร้านมากมาย ไม่งั้นลำบากแน่เลย แบตลูกเก่าเทิร์นได้ 200 เองครับ ได้ขนาดเท่าเดิมมา(ของ 3k ) ต้องจ่ายเพิ่มไป 1500 ไม่รู้แพงหรือเปล่า

    รบกวนบอกวิธีดูแลรักษาหน่อยครับ อย่างเช่นว่ากี่วัน/กี่เดือน ดูน้ำกลั่นที แล้วเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องรบกวนหน่อยครับ
     
  12. slimant

    slimant New Member Moderator

    1,271
    4
    0
    จัดไป ครับ

    การบำรุงรักษาแบตเตอรี่
    แบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงานจากปฏิกิริยาทางเคมี เป็นพลังงานไฟฟ้า ประกอบด้วย
    - เปลือกหม้อที่ผลิตจากวัสดุที่บอบบาง
    - แผ่นธาตุประกอบด้วยแผ่นตะกั่วบริสุทธิ์ และแผ่นตะกั่วอ๊อกไซด์ มีแผ่นฉนวนกั้น
    ระหว่างแผ่นธาตุ
    - น้ำยา หรือ Electrolyte ซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำกรดกำมะถันกับน้ำกลั่น ให้ได้ ถพ. ตาม
    ที่ต้องการประมาณ 1,250
    สรุปแล้วแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์ที่บอบบางแต่ราคาแพง หากไม่ได้รับการเอาใจใส่หรือบำรุงรักษาให้ถูกวิธี ก็จะทำให้อายุการใช้งานสั้น ไม่คุ้มค่า เนื่องจากชำรุดเสียหายได้ง่ายจากการกระทบกระแทกของแข็ง หรือใช้งานผิดวิธี
    ข้อควรระวัง
    1. เวลาใส่ขั้วแบตเตอรี่อย่าใช้โลหะหรือของแข็งตอกอัดขั้วลงไป เพราะจะทำให้ขั้ว
    แบตเตอรี่ชำรุดและแผ่นธาตุภายในหลุดร่วง เกิดการชอร์ทในช่องของแบตเตอรี่ ควรใช้มือกดหมุนลงไปเท่านั้น ถ้าขั้วสายเล็กกว่าให้หใช้ไขควงถ่างรอยผ่าเสียก่อน แล้วขันน๊อตให้แน่นพอสมควร เสร็จแล้วใช้จาระบทาบาง ๆ เพื่อป้องกันซัลเฟสเกาะที่ขั้วแบตเตอรี่
    2. เวลาถอดขั้วสายออกจากแบตเตอรี่ห้ามใช้ไขควงหรือของแข็งงัดออก จะทำให้ฝา
    แบตเตอรี่ชำรุดเสียหายได้ ต้องกระทำโดยวิธีคลายสกรูออกให้หลวมเสียก่อน แล้วใช้ไขควงกดปิดรอยแตกแยกให้ถ่างออกแล้วใช้มือหมุนออกเช่นเดียวกับข้อ 1
    3. อย่าสตาร์ทเครื่องยนต์ให้นานเกินควร หรือสตาร์ทติดต่อเป็นเวลานานเกิน 10 วินาที
    ถ้ายังขืนสตาร์ทเครื่องยนต์ต่อไปอีก จะทำให้แผ่นธาตุแบตเตอรี่ชำรุด หรือมอเตอร์สตาร์ทไหม้ได้
    4. ให้เปิดฝาตรวจดูระดับน้ำยาที่อยู่ในช่องแบตเตอรี่แต่ละช่องทุกสัปดาห์ ถ้าระดับน้ำยา
    ลดลงให้เติมเฉพาะน้ำกลั่นเท่านั้น และควรสูงท่วมแผ่นธาตุประมาณ 1 ซม.
    5. อย่าปล่อยแบตเตอรี่ไว้โดยไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานเป็นอันขาด ต้องนำมาชาร์ทไฟ
    อย่างน้อย 15 วันต่อครั้ง ครั้งละไม่น้อยกว่า 30 นาที
    6. ไม่ควรชาร์ทแบตเตอรี่ด้วยกระแสไฟที่สูงเกินไป จะทำให้แผ่นธาตุทำปฏิกิริรยากับน้ำ
    ยาอย่างรวดเร็ว เกิดความร้อนสูง ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลดลงกว่ากำหนด
    7. หมุนฝาปิดน้ำยาให้แน่นและรูระบายอากาศต้องไม่อุดตัน เพื่อระบายแก๊สขณะแผ่น
    ธาตุทำปฏิกิริยากับน้ำยาในแบตเตอรี่ จะเกิดความร้อนและแก๊สขยายตัว อาจทำให้แบตเตอรี่บวมหรือระเบิดได้
    8. หมั่นเช็คทำความสะอาดฝาแบตเตอรี่ อย่าให้มีสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น น้ำมัน และ
    ความชื้น เป็นต้น หรือใช้น้ำอุ่นล้างถ้ามีซัลเฟสเกาะที่ขั้วสาย
    9. อย่าวางเครื่องที่เป็นโลหะบนหม้อแบตเตอรี่ จะทำให้เกิดการลัดวงจร ขั้วแบตเตอรี่จะ
    ชำรุดเสียหายได้
    10. การติดตั้งแบตเตอรี่ต้องติดตั้งกับแท่นยึดที่แข็งแรงและแน่น ไม่สั่นสะเทือนมากใน
    ขณะปฏิบัติงานสะดวกต่อการบริการ ไกลจากความชื้น และอุณหภูมิไม่สูงเกินไป
    11. ในการเคลื่อนย้ายแบตเตอรี่ให้ใช้วิธียก อย่าลากหรือดึง หรือปล่อยลงกระแทกพื้น
    แรง ๆ เพราะอาจจะทำให้เปลือกหม้อแบตเตอรี่ทะลุได้
    12. แบตเตอรี่ใหม่หลังจากเติมน้ำยาแล้วจะเกิดกระแสไปขึ้นเอง ทางด้านเทคนิคห้ามไม่
    ให้นำไปใช้งาน เพราะจะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นหรือเสื่อมสภาพเร็วผิดปกติ จะต้องนำไปชาร์ทไฟเสียก่อนด้วยกระแสไฟอัตราไม่เกิน 2 – 3 แอมแปร์ ประมาณ 72 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปใช้งานก็จะทำให้ได้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
    13. แบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานและมีประสิทธิภาพดีที่สุด แบตเตอรี่นั้นจะต้องได้รับการ
    ประจุหรือชาร์ทไฟเต็ม (Full charge) อยู่ตลอดเวลา
    14. แบตเตอรี่ทั่วไปมีอายุการใช้งานระหว่าง 6 เดือน ถึง 2 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับการใช้และ
    บำรุงรักษาที่ถูกวิธี ถ้าบำรุงรักษาไม่ถูกวิธีจะมีอายุการใช้งานต่ำกว่า 6 เดือน หรือถ้าใช้และบำรุงรักษาให้ถูกวิธีอายุการใช้งานจะได้ไม่น้อยกว่า 2 ปี จะเห็นได้ว่าการใช้และบำรุงรักษาแบตเตอรี่ให้ถูกวิธี อายุการใช้งานจะต่างกันหลายเท่าตัว
     
    สุดๆเลยครับ

    คงไม่ต้องเพิ่มเติมแล้วครับ

    ขอบคุณครับ

    ใครอยากได้ความรู้ดีๆ เข้ามาอ่านนะครับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้