ไปรับรถมาแล้วครับ เครียดมากอยากปรึกษา

กลับไปอ่านใหม่ให้หมดนะครับ คุณรู้ได้ไงว่าผมไม่โมโห ณ ตอนนั้น ตอนออกจากอู่ผมไม่มีทีท่าไม่พอใจก็จริงเพราะผมให้แฟนผมไปรอที่เดอะมอล์ก่อน ตอนออกจากอู่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกครับ แต่พอไปถึงเดอะมอล์เท่านั้นแหละ แฟนผมด่าเละ ว่าทำไมตอนมาขับมาได้ ทำมขากลับเอากลับไม่ได้ แฟนผมบอกยังไงก็ต้องเอารถกลับให้ได้ ผมก็โทรไปหาคุณติ่งทันที ว่าขอให้ทำรถให้ขับได้เหมือนเก่าได้ไหม ซึ่งคุณติ่งคงยุ่งอยากที่บอกไว้ ซึ่งผมก็เข้าใจผิดต่างๆนาๆ ว่าเขาไม่พอใจถึงวางโทรศัพท์ใส่ผม
(ผมนั่งรถตู้ลูกก็ขี้แตกอีกใส่ผ้าอ้อมเด็กก็จริงแต่ก็เหม็นมากมาย)


กับคุณติ่งผมไม่มีอะไรติดค้างแล้วนะครับ และขอบคุณสำหรับความรับผิดชอบ เรื่องสายหัวเทียนไม่ต้องครับรถผมเสียจริงๆครับขั้วหลุด ส่วนเรื่องหัวฉีดผมเข้าใจผิดเองที่คิดว่าคุณงัดหรือกระแทกมัน
แค่คุณติ่งออกมารับผิดชอบแค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ

และที่ผมไม่กลับไปแก้มีสาเหตุเดียวตอนนี้ ไม่ใช่ผมไม่กล้าไป แต่ผมตั้งใจว่าจะไม่เก็บรถคันนี้ไว้อีกแล้ว ตั้งแต่รับรถคันนี้มาผมก็มีแต่เรื่องราวร้ายๆ ไม่ว่าช่างคนไหนจับรถผมชิบหายหมด ผมขอพูดหยาบๆเลย

อย่างแรก ผมให้ช่างแถวบ้านโป่งถอดเสาอากาศมาฉีด Sonax ทำความสะอาดให้ผมหน่อย ช่างก็ทำเสาอากาศพังเลย เพราะช่างถอดไม่เป็น สายพานขาดเอย และไอ้ตรงครอบเสาช่างก็หมุนเละหมด มีแต่รอยคีมบีบเละเทะ สุดท้ายต้องตัดสายมอเตอร์ทิ้งอีกเพราะเสาขึ้นไม่ได้

อย่างที่สองผมไปซื้อฝากระโปงใหม่เนื่องจากถอยรถชนเสา ทางเค้าก็บอกสาพ 99% ซึ่งผมก็ไม่ได้เช็คของเพราะมันห่ออยู่จึงเชื่อใจเพราะคนขายอายุรุ่นพ่อเลย แต่พอมาถึงร้านทำสีเท่านั้นหละ ไฟก็แตก (ก็ใช้ไฟเก่าผมไปเนื่องจากไม่แตก) สปอยเลอร์ก็แตกอีกช่างก็บอกทำให้ได้ เมื่อวานมาเอายางอะไหล่ออกเท่านั้นหละงานเข้ามีน้ำขังอยู่ในที่ใส่ยางอะไหล่ ทำเอาผมมึนไปเลย ว่าจะแก้ไขยังไงหาที่น้ำไหลมาก็ยังไม่เจอ ว่าจะให้ช่างทำสีดูหน่อย

อย่างที่สาม ก็มางานเข้าที่ร้านคุณติ่งอีก ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลานั้นต่างคนต่างเครียด ถึงได้เข้าใจผิดขนาดนี้

รถคันนี้กับผมไม่ถูกชะตากัน ผมจึงตัดสินใจขายไปแล้วครับ รถคันนี้มันทำให้ผมเชื่อเรื่องดวง แล้ว แฟนผมบอกว่าตอนออกรถใหม่ให้หลวงพ่อแถวบ้านไปดูวันเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งสีที่เหมาะกับตัวผมด้วย

ผมก็ต้องขอโทษคุณติ่งด้วยละกันที่เอามาโพสแบบนี้ เรื่องเงินผมไม่รับละกันครับ ไม่แน่รถคันใหม่ผมอาจได้ใช้บริการร้านคุณติ่งก็ได้ถ้าคุณติ่งกล้าต้อนรับอะนะ 555+ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ลบกระทู้ผมทิ้งไปเลยเพราะผมคงลาบอร์ดนี้ไปแล้ว คงไม่ได้เข้ามาตั้งคำถามกวนใจอีกแล้ว ขอบคุณ คุณ Diamond.. มากมายที่ตอบคำถามผมทุกกระทู้เลย และคนอื่นๆด้วยครับ

 

ท่านSlick รบกวนถ่ายภาพตำแหน่งของสายหัวเทียนที่ออกจากจานจ่ายหน่อยสิครับ..ระบุด้วยน่ะครับว่าสายไหนไปสูบไหน....ใจเย็นครับใจเย็น

 

อ้าว.......................

 

ขออภัยแล้วกันครับ พอดีผมไม่ทันได้สังเกตุ ว่าคุณ โมโห ถ้าคุณคิดว่าปัญหาของรถคุณมันมากมาย ดวงไม่ได้กัน การซื้อรถใหม่ คงจะถูกทางแล้ว แต่อย่างน้อย เรื่องราวพวกนี้ มันก็เป็นประสบการณ์ของคุณไป เพราะวันนึง รถที่คุณซื้อมามันก็ต้องเก่า ต้องซ่อม ต้องเจอช่างอีก อยู่ดี อย่างน้อย เรื่องนี้ น่าจะสอนให้คุณใจเย็นลงบ้าง โลกอินเตอร์เน็ต มันกว้างขวางกว่าที่คุณคิดครับ โพสดี ก็ เป็นศรีแก่ตัวไป อย่างน้อยๆถ้าคุยกันดีๆตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมาเข้าใจผิดกัน มองหน้ากันไม่ติด เรื่องเราบานปลาย ไปซะเปล่าๆ เอาเป็นว่า ยินดีกับรถคันใหม่ ด้วย แล้วกันนะครับ
ปล.ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย อะไร กับทางอู่ทั้งสิ้นนะครับ ไปทำรถ ก็ต้องเข้าคิวรอเหมือนคนอื่น จ่ายตังค์ก็เท่ากับคนอื่น ฉะนั้น เรื่องนี้ เป็นเหตุผลส่วนตัว ล้วนๆครับ

 

รถเก่า หรือ รถใหม่ ก็ต้องซ่อมอยู่ดีนะครับ ทุกปัญหามีทางแก้นะครับ ใจเย็นๆๆ +++ รถผม เพิ่งได้มา ก็ซ่อม ไปเยอะเหมือนกัน เสียมันทุกอย่าง เสาอากาศไฟฟ้า ก็เสีย ก็หาซื้อมาเปลี่ยน ไม่กี่ร้อย เข้าใจความรู้สึกนะครับ

 

แวะมาดูครับ...สิ่งที่ผมไม่อยากให้หายไปต่อจากนี้คือมิตรภาพของ2คลับนี้ยังไงเราก็ชาวนิสสันกานนะครับผ่านแล้วก็ผ่านกันไปสำหรับความไม่เข้าใจกัน ผมเองก็เป็นลูกค้าคนนึงของร้านพี่ติ่งไปเปลั่ยนผ้าเบรคกับหาอะไหล่ที่ร้านพี่เขา

 

ขอบคุณ คุณ Diamond.. มากมายที่ตอบคำถามผมทุกกระทู้เลย และคนอื่นๆด้วยครับ

ด้วยความยินดีครับ...
ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่อ่านกระทู้นี้...และจะไม่แสดงความเห็นในกระทู้นี้อีกแล้ว...
แต่ดันอดไม่ได้...อาจด้วยเพราะความสนใจ...และอยากรู้ว่าท่าน slick จะทำยังไงต่อไป...
ผมคงไม่แสดงความเห็นอะไรอีก...แต่อยากจะเล่าประสบการณ์การใช้รถมาร่วมยี่สิบปีให้ฟัง...
อาจจะยาวหน่อย...ยังไงต้องขออภัยด้วยถ้ามันยาวไปจนขี้เกียจอ่าน...แฮ่ ๆ

ยี่สิบปีที่ผ่านมา...ผมใช้รถมาสามคัน...มือสองล้วน ๆ ไม่มีวาสนาได้ขับป้ายแดงกับเขา...
บ้านผมจนครับ...ไม่มีปัญญาซื้อรถป้ายแดง...อิอิอิ
คันแรก...รถพี่ชาย...โตโยต้าโคโรน่า...รุ่นหน้าแหลม...เก่าซะ...
ผมรับมรดกพี่ชายมาใช้อยู่เกือบปี...ซ่อมจนขี้เกียจ...ป่วยลามมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ
ช่วงที่ผมใช้อยู่มีสองครั้งที่ซ่อมแล้วมีอาการลามไปหาอย่างอื่น...
ครั้งแรก...เปลี่ยนแบตเตอรี่...ใช้ไปไม่ถึงสามวัน...ต้องวิ่งเข้าร้านไดนาโม...
ให้เค้าเช็คไดชาร์จ...เพราะไดชาร์จไม่ทำงาน...ทำให้แบตฯ ลูกเก่าที่เปลี่ยนออกไปเสียไปด้วย...
ความจริง...ไดชาร์จมันเสียอยู่แล้ว...แต่เราคิดว่าแบตฯ เสื่อมสภาพอย่างเดียว...เปลี่ยนแล้วคงหาย...
แต่พอเปลี่ยนแบตฯ ไดชาร์จเลยออกอาการให้เห็น...ผมเลยได้ประสบการณ์ว่า...
ทุกครั้งที่เปลี่ยนแบตฯ ต้องเช็คไดชาร์จด้วย...มันอาจไม่ใช่แบตฯ เสียเพียงอย่างเดียว...
ครั้งที่สอง...ผมเอาเจ้าโคโรน่าคันนี้ไปเปลี่ยนแร็ก...คุยกันกะอู่อย่างดี..ตกลงราคาสั่งอะไหล่เรียบร้อย...
ไม่เกิน 2500...ทำเสร็จ...ผมต้องควักตังจ่ายไปเกือบ 7000 เพราะเปลี่ยนแร็กเสร็จ...เอาไปลองขับ...
อย่างอื่นเสียตาม...ลูกปืน...บูธกันโคลง...อะไรอีกหลายอย่างที่จำชื่อมันไม่ได้...เปลี่ยนเกือบยกชุด...
แล้วมันก็ทำให้ผมหงุดหงิดที่สุด...เพราะตังที่เก็บไว้หมื่นนึงกะว่าจะซื้อของเล่นเพื่อความบรรเทิงส่วนตัว...
ต้องหมดไปกับการซ่อมรถ...สุดท้าย...เหลืออยู่สามพัน...เลยไปได้ยางเปอร์เซ็นสภาพดีมาสองเส้น ๆ ละ 1200
เปลี่ยนซะให้รู้แล้วรู้รอดไป...ตังหมดเกลี้ยง...เหลือซื้อขนมหกร้อยบาท...แล้วพี่ชายผมก็ขายรถไป...หุหุ

คันที่สอง...อีซูสุมังกรทอง...รถปิคอัพในดวงใจอีกคัน...ซ่อมจนขี้เกียจอีกเหมือนกัน...
คันนี้ผมเข้าศูนย์ฯ ที่เพชรบูรณ์ตลอด...จนพี่ที่ทำงานหัวเราะ...รถเอ็งเก่าขนาดนี้ก็ซ่อมศูนย์เร๊อะ..?
ผมชอบของผม...ผมรักของผม...อาการลามน่ะเหรอ...มีเหมือนกัน...เปลี่ยนลูกปืนล้อ...ลามไปถึงคันชักคันส่ง...
กระปุกพวงมาลัยเพาเวอร์...ฯลฯ มีครั้งนึง...เปลี่ยนฐานออยคูลเลอร์...มันรั่ว...แล้วทำให้น้ำมันเครื่องเข้าไปปนกับน้ำในหม้อน้ำ...
ทิ้งรถไว้ศูนย์สองวัน...รออะไหล่แล้วก็ถอดเปลี่ยน...เสร็จเรียบร้อยจ่ายตังไปสามพันสอง...
รับกุญแจ..กำลังจะเดินมารับรถ...ดันมองไปเห็นน้ำจากหม้อน้ำหยดแหมะ ๆ เลยให้ช่างเช็คดูหม้อน้ำอีกที...
ครั้งนั้นเล่นเอาผมระเบิดอารมณ์ใส่ผู้จัดการศูนย์ฯ (พอดีรู้จักกัน) ว่าช่างทำยังไง ตอนถอดออยคูลเลอร์...
เอาไขควงรึอะไรไปโดนหม้อน้ำด้วยรึปล่าว...ผู้จัดการศูนย์ฯ เลยต้องให้ทิ้งรถไว้อีกวันเพื่อถอดหม้อน้ำไปซ่อม...
สุดท้าย...ได้คำตอบ...หม้อน้ำรั่วอยู่แล้ว...แต่ตรงรูที่รั่ว...มันดันมีเขม่ากับคราบน้ำมันเหนียวติดกันไปอุดอยู่...
พอช่างซ่อมฐานออยคูลเลอร์เสร็จเอารถไปล้างให้อย่างดี...เลยฉีดน้ำไปโดนเจ้าก้อนเขม่าก้อนนั้นหลุดออก...
รูเลยเปิด...น้ำจากหม้อน้ำเลยหยดแหมะ ๆ นี่ขนาดซ่อมศูนย์ฯ นะ

คันที่สาม...เจ้า P11 คันนี้แหละ...รถในดวงใจอีกคัน...ชอบมาตั้งแต่ตอนนำเข้ามาใหม่ ๆ ...
ตอนนั้นพึ่งเริ่มทำงานกับบริษัทในเครือที่นำเข้ารถรุ่นนี้แหละ...เดินผ่านหน้าโชว์รูมทุกวัน...
เหลียวมองทุกวัน...แต่ไม่มีปัญญาซื้อ..เพราะพึ่งเริ่มทำงาน...ตังไม่พอส่งค่างวด...
คันนี้ผมได้มาเพราะเอาอีซูสุคันเมื่อกี้นี้แหละไปแลกมา...เป็นหนี้อีกแสนกว่าบาท
วันแรกที่ขับ...ผมบ่นมาตลอดทางจนถึงเพชรบูรณ์...อะไรมันดังวะ...ช่วงล่างแข็งชิบเป้ง...
เด้งยังกะกบกระโดด...เข้าร้านทำช่วงล่าง...ร้านยาง ร้านซ่อมโช๊คมาสามสี่ที่...กว่าจะแก้ช่วงล่างจบ...
โชคดีที่ยังไม่มีอาการซ่อมหนักแล้วลามให้เห็น...แต่ผมได้ประสบการณ์เกี่ยวกับรถรุ่นนี้จากบอร์ดนี้แหละ...
ถึงผมจะชอบรถรุ่นนี้มาสิบปีก็จริง...แต่ประสบการณ์ในการใช้รถรุ่นนี้...ผมไม่มีเลย...

แต่ที่ผ่านมาร่วมยี่สิบปีที่ใช้รถมือสองล้วน ๆ ผมเรียนรู้ว่า...ทุกครั้งที่เข้าซ่อม...
อย่าไปคิดว่าจะซ่อมจบในครั้งเดียว...อย่าคิดว่าอะไหล่ที่เสียมันจะเสียแค่อย่างเดียว...
มันอาจมีอย่างอื่นที่มันต้องทำงานร่วมกันเสียอยู่ด้วย..แต่เราอาจจะไม่รู้...
ช่างจะเก่งมาจากไหนก็ตาม...ถ้าเราบอกอาการป่วยของรถไม่ถูก...รับรองซ่อมไม่ได้แน่...
ที่สำคัญ...ช่างทุกคนไม่รู้หรอกว่า...สภาพเดิมของรถเราเป็นอย่างไร...โดยเฉพาะ...
ช่างที่พึ่งเคยเห็น...พึ่งเคยจับ...พึ่งเคยซ่อมรถเราครั้งแรก...เพราะฉะนั้น...
เมื่อซ่อมเสร็จ...ผมจะต้องลองขับดูก่อน...แล้วกลับไปบอกช่างว่า...มันดีกว่าเดิม...
ห่วยกว่าเดิม...หรือมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมกว่าตอนก่อนที่เราเอาเข้ามาซ่อมอย่างไร...
โดยเฉพาะเจ้า P11 ผมบอกเลย...หาช่างที่รู้จักมันได้น้อย...ครั้งแรกที่ผมเอามา...
ผมไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง...น้ำมันเกียร์...ที่ศูนย์ฯ ยังมีช่างศูนย์บางคนคุยกะผม...
"รถพี่รถนำเข้าเหรอพี่...? ผมไม่เคยเห็นเลยอ่ะ...ซันนี่รุ่นไหนอ่ะพี่..?"
"ซันนี่" ช่างศูนย์นะครับที่ถามแบบนี้...แต่คงไม่ผิด...เพราะดูอายุอานามคงประมาณยี่สิบต้น ๆ

กรณีของท่าน slick ที่ถามเอาไว้ว่า...แค่เปลี่ยนหัวเทียน...ทำไมถึงไปถึงหัวฉีด...
ผมเข้าใจเอานะครับว่า...เจ้าสองตัวเนี่ย...เค้าต้องทำงานร่วมกัน...มันอาจจะเสียอยู่ทั้งสองอย่าง...
แต่ไม่ออกอาการให้เห็น...หัวฉีดเสียแค่หนึ่งหัวรถยังวิ่งได้แน่นอน...เราเลยไม่รู้ว่ามันเสีย...
เมื่อเปลี่ยนหัวเทียนให้ดีขึ้น...หัวฉีดตัวที่เสียเริ่มจะทำงานไม่สัมพันธ์กัน...เลยออกอาการให้เห็น...
ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถอายุสิบปี...แม้กระทั้งรถป้ายแดงก็มีโอกาสเป็นแบบนี้เหมือนกัน...
และแน่นอน...ช่างไม่รู้หรอก...ถ้าไม่มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน...
ต่อให้เก่งขนาดไหน...ก็ต้องซ่อมบนพื้นฐานของการเดาอาการก่อนทั้งนั้น...
เหตุการณ์ที่ท่าน slick เจอ...มันก็คงคล้าย ๆ กับผมที่ซ่อมแร็กลามไปหาอย่างอื่น...
ซ่อมออยคูลเลอร์...ลามไปหาหม้อน้ำ...ทั้ง ๆ ที่ดูแล้วมันไม่น่าจะเกี่ยวกันเท่าไร...
(นี่ว่าจะไม่แสดงความเห็นแล้วนะ...จนได้...แหะ ๆ)

เมื่อท่าน slick ตัดสินใจเช่นนี้...ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของท่าน...
แล้วผมก็เชื่ออย่างท่าน slick นะ...รถเมื่อไม่มีชะตาต้องกัน...ก็คงต้องแยกทางหย่าร้างกันไป
แต่ผมเชื่อว่า...มิตรภาพและความสัมพันธ์บนโลกอินเตอร์เน็ตของเราชาว PP และซันนี่ ยังคงอยู่แน่นอน...
ยังไงขอให้ได้รถที่ถูกใจ...และมีชะตาต้องกันนะครับ...

มีสมาชิกท่านนึงเอาคำพูดมาจากหนังเรื่องนึง...(อิอิ...ขออนุญาตพาดพิงท่านบอย...The Crow)
แต่ผมก็ชอบนะ..."คนน่ะไม่ได้เลือกรถหรอก...รถต่างหากที่เลือกคน...สายใยอันลี้ลับระหว่างคนและเครื่องจักร"

 

อีกนิดนึงนะครับ...เรื่องผู้หญิงกับรถเนี่ย...มันมักจะสวนทางกันเสมอ...หล่อนมักจะไม่เข้าใจว่า...ทำไมซ่อมแค่นี้ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น...
ซ่อมอันนี้แล้วทำไมอันนั้นถึงเสีย...ยิ่งอย่างท่าน slick ที่เล่ามา...ผมมองเห็นภาพเลยครับ...อาการหงุดหงิดและถูกกระทบชิ่งแบบนี้...
เกิดขึ้นได้แน่นอน...ผมเชื่อว่าท่าน slick คงอารมณ์ขึ้นพอสมควรในขณะนั้น...รถเสีย..เมียบ่น..ลูกขี้แตก...คนในรถตู้มองแปลก ๆ...
ความจริงก็น่าเห็นใจอยู่ไม่ใช่น้อย...หวังว่าพี่ติ่งก็คงจะเข้าใจ...

ผมใช้เวลาเป็นปีเหมือนกันครับ...กว่าจะคุยเรื่องรถกับเมียรู้เรื่อง...มันต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกัน...
ทุกวันนี้ผมสบายใจขึ้นมาก...เมื่อเมียผมเริ่มเข้าใจเรื่องรถบ้าง...ตอนนี้เจ้าหล่อนเริ่มจะฟังเสียงความผิดปกติของรถได้บ้างแล้ว...
และทุกวันนี้ผมจะถูกด่าทุกครั้ง...ถ้าเจ้าหล่อนคิดว่ารถต้องมีอะไรผิดปกติแน่ ๆ แต่ผมไม่ยอมเอาไปให้ช่างดูซะที...

แต่มีอยู่อย่างนึงครับ...ที่เมียผมกะรถผมเหมือนกัน..."ห้ามใครยืมขี่ครับ" แฮ่ ๆ

 

ชอบใจจังครับ

 

ขอเรื่องหัวฉีดอีกนิดนึงครับ

ขออณุญาติครับ.....
อยากจะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยเจอ...เผื่อเป็นประโยชน์ครับ...
คือส่วนตัวผมเป็นคนรักรถมากครับ ถ้าเอารถไปทำที่ไหน มักจะยืนดูช่างทำจนเสร็จ และไม่เคยทิ้งรถไว้ข้ามวัน
ถ้าไม่เสร็จ พรุ่งนี้ผมขับมาให้ใหม่ ไม่มีอะไหล่ ยังไม่ให้ถอด ไม่ต้องรีบ ใครรีบทำให้เค้าก่อนเลย
ส่วนหนึ่งที่ยืนดูเพื่อได้เรียนรู้ อีกส่วนเผื่อเจอช่างชุ่ยๆ กับพวกหลอกล่วง..หรือไม่ก็มั่วไปเลย
เมื่อยืนดูจึงรู้ว่าเนื่องมาจากรถเก่า และเจอช่างที่ซ่อมแบบไม่ใส่ใจ ทำให้อุปกรณ์ บางตัวเสียหายจากการถอด
เช่นพวกท่อยางต่างๆ หรือชิ้นส่วน บางชิ้นที่ต้องถอดออกเพื่อให้ทำงานสะดวก ช่างบางคนเลือกที่จะไม่ถอด
ใช้วิธีถ่างๆ เย่อๆเอา ผลลัพธ์ก็คือ แตกหักเสียหาย บางทีสายไฟทั้งมัด พวกจับหักพับไป เล่นเอาท่อที่หุ้ม ซึ่งกรอบเก่าอยู่แล้ว
แตก ถ้าแย่กว่านั้น อาจทำให้ระบบไฟรวน จากการช๊อท หรือสายหักใน หลายครั้งที่ผมต้องเข้าไปเตือน และอีกหลายครั้งที่เตือนไม่ทัน
ท่านเค้าทำพังไปซะก่อน บางครั้งเห็นคาตาว่าทำของเราหัก แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หมกเข้าไป ผมต้องไปบอกให้เปลี่ยนเลย เดี๋ยวผมจ่ายเงินให้
เพราะไม่งั้นมีปัญหาทีหลังไม่คุ้ม คือส่วนตัวผมก็ไม่ได้โทษช่างซะทีเดียวก็ต้องเข้าใจว่ารถใหม่มันไม่เป็นไร (แต่นี่มันรถเก่านี่หว่า)
อะไหล่บางชิ้นหายากเย็นกว่าจะได้ที่สมบูรณ์ท่านเค้าเย้อซะหัก อันนั้นยังไม่เท่าไหล่ เคยเจอหนักกว่านั้นคือ ช่างที่ทำก็ทำไป
ช่างที่ว่าง ไม่ช่วยงานดันมาหมุนโนนนี่เล่น ให้มันพังซะอีกคราวก่อนผมมัวดู ที่กระโปรงหน้าอยู่ เพื่อนรีบมาบอกว่า
ช่างอีกคน หมุนที่ปิดกุญแจกระโปรงหลังรถผมเล่นอย่างเมามันต้องรีบไปว่า ยังไม่ทันพี่ท่านหมุนซะรอบเลย (ปกติมันจะหมุนขึ้นได้ ครึ่งรอบ หมุนลงไม่ได้)
เลยว่ากันไปยกใหญ่ดีว่าไม่หักเลยกลับมาค่อยๆเอาไขควงเล็กง้างเขี้ยวขึ้นมาได้ แต่ก็หลายครั้งครับที่ช่างเค้าระวังอย่างที่สุดแล้ว แต่ด้วยอายุรถ
พอถอดตัวนั้นตัวนี้ก็หักไปด้วย อันนี้ต้องทำใจ หลายครั้งที่ใส่ของใหม่เข้าไปแล้ว ไม่พอดีกับของเก่าทำให้รวน
**** ขอเรื่องหัวฉีดอีกนิดนึงครับ พอดีผมเคยเปลี่ยนหัวฉีดเหมือนกัน เปลี่ยนแล้วรถอืดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดครับ
คือคงด้วยความที่เป็นของมือ2ซึ่งไม่ได้ใช้งานมานาน คงมีการอุดตัน ฉีดได้ไม่ดีเท่าของเราที่ใช้อยู่ทุกวัน ผมเลยลองซื้อน้ำยางล้างหัวฉีดมา
ผสมในน้ำมัน รู้สึกว่าอาการดีขึ้นครับ ลองดูเผื่อช่วยได้
เดี๋ยวนี้อะไรไม่ยากเกินไปจะพยายามทำเอง นอกจากงานที่ไม่มีเครื่องมือจริงๆ
หรือลึกจริงๆถึงเข้าไปให้อู่ประจำทำ แล้วก็จะนัดก่อนให้วันที่ช่างว่างจริงๆจะได้ไม่รีบๆ..มั่วๆส่วนอันไหนที่ต้องวัดค่าตั้งค่าก็จะเอาเข้าศูนย์
อย่างที่เคยบอกแหละครับไม่มีใครทำรถเราดีเท่าเราทำเองหลอกครับ(ถ้าทำได้นะครับ)
ใจเย็นครับค่อยแก้ทีละอาการ..เดี๋ยวก็หายเอาใจช่วยครับ........

 

พาดพิงถึงผมต้องพาไปชมน้อง Co นะพี่อุ้ย (มาขอนแก่นจะพาไปฮาเร็ม)

 

จบ ลง แบบสวยงามแล้ว หวังว่าไม่มีใคร ต่ออีกแล้วนะครับ

ไอ้กระผม ก้อเกรงใจ บอร์ด PP เหลือเกิน ครับ กำลังหนุกๆ

ผม มาทำเสียบรรยากาศ หมดเลย อิ....อิ ว่าแต่ อย่าลืม วันที่

7 เดือนหน้านะครับ SR party ไปจอยกัน หากิจกรรมทำกัน

ดีกว่าพี่น้อง คร้าบบบบ

 

ที่ไหนอะคับพี่ติ่ง

 

Auto Car ศรีนครินทร์ ครับ

 

เห็นด้วยเลยครับ..พี่อุ้ย

 

เรื่องรถสำหรับผม คุณแฟน คุณลูก ห้ามยุ่งครับ 55

 

จัดปายคับ

 

Auto Car ศรีนครินทร์ ชวนเพื่อนๆ ไปด้วยกันนะ เครื่อง SR

มันเลิกผลิตไปแล้ว ต้องช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ มาดูกันว่า คนที่เค้า

นิยมเครื่องตัวนี้ มันก้อมีไม่น้อย รหัสนี้ จะเป็นตำนาน ต่อไปแน่นอน

 

ว้าอย่างนี้ก็หาเครื่องยากแล้วอะดิ:cry:

 

อ่านมาระยะหนึ่งแล้วสำหรับกระทู้ทั้งสอง

เอาเป็นว่าอยากจะแนะนำสำหรับ จขกท. เมื่อท่านมีรถคันใหม่ว่าสิ่งที่ควรทำ

เมื่อคุณไปซ่อมรถคือ

1. ไม่ควรนำสตรีและเด็กเล็กไปในการซ่อมรถด้วย

2. ไม่ควรทิ้งรถเอาไว้ แล้วไม่อยู่ดูช่าง เพราะการซ่อมรถจะมีขั้นตอนการวินิจฉัย ไปจนถึงช่วงรออะไหล่ ต้องรอให้ถึงช่วงรออะไหล่แล้วถึงจะทิ้งรถไว้ได้ และกลับมาอีกครั้งเมื่ออะไหล่มาถึงเพื่อดูขั้นตอนการใส่ประกอบ

3. ศึกษาหาความรู้ของอาการเสียเบื้องต้น มากกว่าการหาอู่แต่ไม่มีความรู้ติดกระเป๋าเข้าไป

4. ทำความเข้าใจว่ารถยนต์เป็นอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่มีการชำรุดเสื่อมโทรม ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอุดมคติ คงกระพัน และการเสียเป็นเหตุเป็นผลและสืบเนื่อง เสียจุดเดียว แต่อาจต้องเปลี่ยนอะไหล่หลายชิ้น ไม่ใช่เสียจุดเดียว เปลี่ยนอะไหล่จุดเดียว

5. ควรใช้เหตุผลมากกว่าความเชื่อและอารมณ์

6. จะเป็นรถป้านแดง หรือรถคาร้อยล้านอย่าง Maybach ก็ต้องเสีย ก็ต้องเข้าอู่ ก็ต้องไม่เข้าใจ งง ปานปลาย ฯลฯ สำคัญคือต้องใช้เหตุผลและการศึกษาหาความรู้ประกอบ

 

ใกล้บ้านดีครับ แล้วไปกันกี่ยามครับ งานSRอ่ะ