เครืองEvo2 ดังแค๊กๆๆ!!

การสนทนาใน 'Evolution Thailand' เริ่มโดย Hill Climb Evo, 4 กุมภาพันธ์ 2009

< Previous Thread | Next Thread >
  1. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    ไม่พังหรอกครับ
    ลองล้าง และ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องเบอร์ 5W ดูก่อนครับ
    ถ้าไม่หาย
    หาไฮดรอลิกส์วาวล์มือสอง สภาพสวย 1 ชุด ไม่น่าเกิน 3000 เปลี่ยนครับ
     
  2. aeo@scb

    aeo@scb New Member Member

    874
    6
    0
    ถ้าจำไม่ผิด ตัวเลขหลัง W คือ ความข้นใส หรือเปล่าครับ เช่น W 30 = ใส , W 50 = ข้น ส่วนตัวเลขหน้า W เป็นอุณหภูมิต่ำสุดเป็นองศาซีที่น้ำมันเครื่องยังคงมีประสิทธิภาพ.......ผิดถูกช่วยแนะนำด้วย.........:D



    [​IMG]
     
  3. smegal

    smegal New Member Member

    755
    9
    0
    เอาคร่าวๆน๊ะครับทั้งเลขตัวหน้าและตัวหลังมันเป็นตัวเลขเกรดค่าความหนืดที่ถูกกำหนดขึ้นมาไม่ใช่เลขของอุณหภูมิ โดย w = winter ถ้าตัวเลข ยิ่งต่ำน้ำมันจะมีค่าความหนืดตำ (ใสกว่า) โดยในการทดสอบหาเลขตัวหน้า w ของน้ำมันจะทดสอบความหนืดของน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันเครื่องยังสามารถดูดไหลเวียนในอุณหภูมิที่ติดลบมากๆ เช่น น้ำมันที่จะได้ 0w ต้องมีความใสพอที่ปั๊มจะดูดให้ไหลเวียนได้ที่อุณหภูมิถึง -40 5w น้ำมันจะยังคงใสพอที่จะไหลได้ที่ -35 10w ใสพอไหลได้ต่ำสุดที่ -30 15w ไหลได้ที่ต่ำสุด -25 20w ไหลได้ต่ำสุดที่ -20 ต่ำกว่านี้น้ำมันจะข้นจนไหลไม่ได้จะเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์มากๆเพราะปั๊มไม่สามารถดูดน้ำมันเครื่องขึ้นไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นถ้าน้ำมันที่ถูกส่งเข้าทดสอบเพื่อขอค่าความหนืดสามารถไหลเวียนได้ที่อุณภูมิต่ำสุดแค่ประมาณ -20 กว่าๆไม่เกิน -25 น้ำมันตัวนั้นจะได้เลขตัวหน้า 15w ครับ

    จริงๆถ้าจะลงลึกอีกหน่อยเราจะพูดถึง หน่วยของค่าความหนืด = cP (centipoise) น้ำมันที่ตัวเลขหน้า w ต่ำๆ จะมีค่า cP ที่ต่ำกว่า เช่น ทีอุณภูมิประมาณ -30 น้ำมัน 0w จะมีค่าความหนืดประมาณ 3,250 cP ส่วน 5w จะประมาณ 3.500 cP

    ส่วนในการทดสอบเลขตัวหลัง w ของน้ำมันจะทดสอบหาค่า Low Shear ที่อุณหภูมิ 100 องศาและค่า High Shear ที่ 150 องศา ค่า Low Shear จะทดสอบหาความแข็งแรงและความหนืดของฟิล์มน้ำมันที่อุณภูมิใช้งานปกติโดยเฉลี่ยก็คือ 100 องศาเพื่อทดสอบว่าฟิล์มน้ำมันมีความหนาแน่นหรือบางแค่ไหนในขณะเครื่องยนต์ใช้งานปกติซึ่งการสึกหรอของเครื่องยนต์ที่อุณภูมิขนาดนี้จะต่ำมาก ส่วนค่า High Shear จะเป็นการทดสอบหาความแข็งแรงและความหนืดของฟิล์มน้ำมัน ที่ 150 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงที่เริ่มเกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ถ้าน้ำมันเครื่องอุณหภูมิขึ้นสูงขนาดนี้ฟิล์มน้ำมันจะบางมากๆชิ้นส่วนของเครื่องยนต์จะเสียดสีกันรุนแรงมากถ้าฟิล์มน้ำมันไม่แข็งแรงพอ ณ อุณหภูมิขนาดนี้ก็จะเกิดอาการไหม้บริเวณชิ้นส่วนที่เสียดสีกันโดยเฉพาะบริเวณชาร์ฟ ที่คุ้นๆกันเป็นอย่างดีก็คือชาร์ฟละลายนั่นเอง น้ำมันเลขตัวหลัง 30 จะมีค่าความหนืดประมาณ 9.3-12.5 cP ที่ 100 องศา และ 2.9 cP ที่ 150 องศา น้ำมันที่เลขตัวหลัง 40 จะมีค่าความหนืดประมาณ 12.5-16.3 cP ที่ 100 องศา และระหว่าง 2.9-3.7 cP ที่ 150 องศา ส่วนน้ำมันที่เลขตัวหลัง 50 จะมีค่าความหนืดประมาณ 16.3-21.9 cP ที่ 100 องศา และ 3.7 cP ที่ 150 องศา ดังนั้นถ้าน้ำมันที่ถูกส่งเข้าทดสอบเพื่อขอค่าความหนืดเลขตัวหลัง มีความหนืดอยู่มากกว่า 12.5 cP แต่ไม่เกิน 16.3 cP ที่ 100 องศา และ มากกว่า 2.9 cP แต่ไม่เกิน 3.7 cP ที่ 150 องศา น้ำมันตัวนี้จะได้เลขตัวหลังที่ 40 ครับ

    ถ้าดูจากตัวเลขที่ยกตัวอย่างขึ้นมา เวลาขับใช้งานปกติถ้าเครื่องยนต์ยังสภาพดีฟิตๆอยู่ น้ำมันเบอร์หลัง 30 จะใสและลื่นกว่า เบอร์ 40 และเบอร์ 40 ก็จะใสและลื่นกว่าเบอร์ 50 แต่ถ้าขับอย่างรุนแรงบูชหนักอัดแช่กันยาวๆหรือในสนามแข่งอุณภูมิน้ำมันสูงมากๆ เบอร์หลัง 30 ซึ่งมีค่าความหนืดน้อยฟิล์มน้ำมันจะบางมากๆการสึกหรอของเครื่องยนต์จะสูงกว่าและโอกาสเครื่องพังชาร์ฟละลายมีสูงกว่าเบอร์หลัง 40 และ 50 ตามลำดับ แต่ยังไงก็ตามน้ำมันเบอร์เดียวกันต้องดูค่าดัชนีความหนืด (Viscosity Index) ประกอบด้วย เครื่องอีโวยังไงพยายามเลือกเบอร์หลัง 50 เข้าไว้จะดีกว่าเพราะคนขับเท้าหนักไม่ค่อยได้ขับเบาๆกันซักเท่าไหร่

    ใครมีไรเพิ่มเติมก็โพสเข้ามาจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กัน ผมก็อธิบายเท่าๆที่พอรู้อาจจะมีผิดๆถูกๆบ้าง

    :):):)
     
  4. KONGKUB

    KONGKUB Active Member Moderator

    2,256
    14
    38
    อาจารย์อ๊อด ผู้รู้จริงเรื่องKY เอ๋ยสารหล่อลื่น
     
  5. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    จัด 5w30-40 พอก่อนครับ วาวล์ควรจะเงียบลงมาได้มาก
    0w40 ของ คาสตรอล มันใสเกินไป วาวล์เงียบจริง แต่ระเหยไวมาก ไม่แนะนำครับ
     
  6. aeo@scb

    aeo@scb New Member Member

    874
    6
    0
    จารย์อ๊อดครับ........ผมพอจะสรุปอย่างนี้ได้มั้ยครับ ว่า
    1.สำหรับบ้านเราที่อากาศไม่เย็นจัดถึงขั้นติดลบ....ดังนั้นตัวเลขหน้า W เท่าไหร่ก็ได้ น่าจะใช้ได้หมด
    2.ตัวเลขหลัง W อยู่ที่บุคคลิกในการขับขี่ของแต่ละคน เช่น W 30 สำหรับคนที่ขับแบบธรรมดาไม่เร็วเป็นส่วนใหญ่ W 40 สำหรับคนที่ขับไม่เร็ว แต่บางครั้งมีซัดบ้าง ส่วน W 50 เหมาะกับคนเท้าหนักเป็นส่วนใหญ่

    พอจะเป็นแนวทางในการเลือกใช้น้ำมันเครื่องได้มั้ยครับ...................:confused:
     
  7. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    สำคัญทั้ง สองตัวครับ
    ตัวหน้า เกี่ยวข้องกับ อัตราการไหล และมีผลกับความไวในการระเหย
    / ตัวเลขยิ่งต่ำ น้ำมันจะใสมาก อัตราการไหลดี เครื่องยนต์จะลื่น แต่น้ำมันจะระเหยไว ถ้าซัดบ่อยๆน้ำมันเครื่องขาด ก็พังได้เช่นกัน
    อย่างเมื่อก่อนเบอร์ 0w30 ของคาสตรอล ใช้ดีมาก แต่ถ้าไม่หมั่นเช็คนมค. เช้าซ้อม บ่ายก็พัง เพราะนมค.ขาด ครับ

    ตัวหลัง เกี่ยวข้องกับ การทนและรักษาสภาพฟิลม์ของน้ำมันเครื่อง ครับ
    / ตัวเลขยิ่งสูง การรักษาสภาพฟิลม์ของน้ำมัน จะทนอุณหภูมิที่สูงกว่าได้ แต่น้ำมันจะหนืดมากกว่า ต้องมีการวิ่งวอมม์เพื่อให้อุณห๓ุมิน้ำมันเครื่องร้อนขึ้น ถ้าไม่วอมม์จะอืดมาก แต่ตัวเลขตัวหลังยิ่งสูงยิ่งเหมาะแก่การปกป้องเครื่องยนต์ในรอบสูงๆครับ แค่มันหนืดต้องวอมม์ให้ร้อนก่อน ผู้ผลิตพยายามจะทำตัวเลขหลังๆให้สูงทั้งนั้นแต่บางยี่ห้อไม่สามารถทำได้ครับ
    เช่น SUNNOCO 0W50 ตัวนี้เป็นน้ำมันรถแดร๊กที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีเงินซื้อมาใช้ ลิตรละ 1800 บาท เท่านั้นครับ 5 ลิตร ก็ต้องมีครึ่งหมื่น ต้องเอารถไปวิ่งวอม์ นมค. ซัก 5-6 รอบ แล้วถึงเอามาจอดเข้าจุดสตาร์ท ใช้ดีมาก ลื่นไม่พัง ด้วย
     
  8. aeo@scb

    aeo@scb New Member Member

    874
    6
    0
    ขอบคุณมากๆครับทั้ง จารย์อ๊อด และ ท่านประธาน.....ได้ความรู้อีกเพียบ....เพิ่งเปลี่ยนคาสตรอล 0W40 ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน....ตั้งหมั่นเช็คบ่อยๆแล้วเนื่องจาก ใส + ระเหยไว......คราวหน้าอยากได้ 10W40 หรือ 15W40 มียี่ห้ออะไรให้ใช้บ้าง......TOTAL มีแต่ 10W50.....รถผมนานๆ....ซัดที.....ใช้เบอร์ 50 น่าจะไม่เหมาะ..........:confused:
     
  9. smegal

    smegal New Member Member

    755
    9
    0

    1. คนส่วนใหญ่มักจะคิดแบบนี้ที่ว่าเลขตัวหน้าไม่สำคัญเพราะเมืองไทยอากาศไม่ได้ติดลบแต่อย่าลืมซิครับไม่ว่าที่อุณภูมิเท่าไหร่ 5w ใสกว่า 10w ใสกว่า 15w ใสกว่า 20w สมมติอุณภูมิขณะเครื่องเย็นตอนเช้าๆซัก 20 กว่าองศาที่อุณภูมิขนาดนี้ทันทีที่เครื่องยนต์สตาร์ทน้ำมันเครื่อง 5w ซึ่งใสกว่าก็จะไหลไปเลี้ยงเครื่องยนต์ได้ทั่วถึงและไวกว่า 15w ซึ่งข้นกว่าและไหลได้ช้าต้องรอจนกว่าจะร้อนถึงไหลได้ไวขึ้น แล้วที่นี้เครื่องยนต์ทั่วๆไปมันจะสึกหรอมากที่สุดก็ตอนสตาร์ทนี่แหล่ะครับเพราะน้ำมันยังข้นไม่ได้ขึ้นไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆทันทีที่สตาร์ทดังนั้นจะมีช่วงเวลาสั้นๆนี่แหล่ะที่เครื่องยนต์เสียดสีกันโดยปราศจากการหล่อลื่นที่ดีพอ การสตาร์ทตอนเครื่องเย็นหนึ่งครั้งจะสึกหรอมากกว่าการวิ่งทั่วๆไปหลายร้อยกิโลครับ ถ้าผมเปรียบเทียบน้ำเปล่าเท่ากับ 5w และน้ำเชื่อมเท่ากับ 15w เราใช้หลอดดูดน้ำเปล่าน้ำจะไหลเข้าปากได้เร็วและเยอะกว่าน้ำเชื่อมแต่ถ้าน้ำเชื่อมนั้นถูกนำไปอุ่นให้ร้อนขึ้นก็จะใสขึ้นและสามารถดูดเข้าปากได้ไวขึ้น ดังนั้นน้ำมันเลขเบอร์หน้าที่น้อยและใสกว่าก็จะมีประโยชน์ตอนสตาร์ทตอนเครื่องเย็นนี่แหละครับ เพราะปกป้องได้ทันทีที่สตาร์ททำให้เครื่องยนต์ไม่สึกหรอง่าย รถเมืองหนาวถึงต้องใช้นำมันตัวเลขหน้าต่ำๆไงครับเพราะถ้าติดลบขนาด -40 ขืนไปใช้ 15w หรือ 20w ซึ่งแข็งและเหนียวหนืดจนปั๊มดูดไม่ไปเครื่องยนต์เดินไม่กี่นาทีก็คงพังเพราะไม่มีน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงเครื่องยนต์ ในเมืองร้อนอาจจะไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นแต่ยังไงใสกว่าก็ปกป้องตอนสตาร์ทได้ดีกว่าอยู่ดีครับ ลองสังเกตุอีกอย่างซิครับถ้าใช้น้ำมันเบอร์หน้าใสกว่าเวลาสตาร์ทตอนเช้าเสียงวาลว์ดังจะแป๊ปเดียวก็เงียบแล้ว แต่ถ้าใช้เบอร์หน้าสูงกว่าก็จะดังนานกว่าจะเงียบ

    2. ในการเลือกเบอร์เลขตัวหลังของน้ำมันเครื่องสิ่งที่ต้องคำนึงคือสภาพของเครื่องยนต์ ชนิดของเครื่องยนต์และลักษณะการใช้งานหรือนิสัยของคนขับ

    2.1ถ้าเครื่องยนต์ใหม่ๆเป็นระบบหัวฉีดธรรมดาทั่วๆไปไม่มีโบ การใช้น้ำมันเบอร์ 30 จะเหมาะกว่าเบอร์ 40 และ 50 ตามลำดับเพราะอุณภูมิความร้อนในเครื่องไม่สูงมากถึงจะขับรุนแรงบ้างก็ตาม ขณะใช้งานอุณภูมน้ำมันเครื่อง ก็คงราวๆ 90 องศากว่าๆไม่เกิน 100 ซึ่งน้ำมันเบอร์ 30 จะใสลื่นกำลังพอดี แต่ถ้าเราไปใช้น้ำมันเบอร์ 40 หรือ 50 ในขณะขับใช้งานน้ำมันมันจะยังข้นไปหน่อยทำให้มีความหนืดสูงกว่าและต้านการหมุนของข้อเหวี่ยงและชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวต่างๆทำให้วิ่งไม่ลื่นและไม่ประหยัดเชื้อเพลิงเท่าที่ควร แต่ยังไงก็ตามถ้าเครื่องยนต์เริ่มเก่าหลวมแล้วก็ไม่ควรใช้เบอร์ 30 เพราะถึงมันจะลื่นกว่าแต่ด้วยความที่เครื่องหลวมระยะห่างระหว่างชิ้นส่วนต่างๆรวมทั้งแหวนจะมีมากกว่าทำให้เกิดเสียงดังและเวลาร้อนๆกำลังจะตกเพราะน้ำมันใสๆเล็ดลอดออกจากแหวนลูกสูบเข้าห้องเผาไหม้ได้เยอะจึงไม่ได้ช่วยซีลระหว่างแหวนกับผนังเสื้อสูบกำลังอัดจึงรั่วไหลกำลังเครื่องเลยตกและทำให้ควันไหลและกินน้ำมันเครื่อง ซึ่งจริงๆน้ำมันเครื่องมันไม่ได้ระเหยออกไปหรอกครับแต่เพราะมันเล็ดลอดเข้าไปในห้องเผาไหม้จึงโดนความร้อนเผาไหม้ออกไปพร้อมกับไอเสีย รถผมเมื่อก่อนใช้น้ำมันเบอร์ 5W30 เวลาเครื่องเย็นๆจะวิ่งลื่นดีแต่เวลาร้อนๆจะตื้อๆและมีอาการกินน้ำมันเครื่อง แต่พอเปลี่ยนมาใช้ 10W50 เวลาเครื่องเย็นๆจะวิ่งหนืดๆขึ้นหน่อยแต่เวลาร้อนๆรถมีกำลังดีกว่าเดิมไม่ค่อยตื้อและอาการน้ำมันหายก็ลดลง

    2.2 ถ้าเป็นเครื่อง NA รอบจัดๆโดยส่วนตัวผมว่าใช้เบอร์หลังที่เป็นเลข 40 น่าจะเหมาะกว่าเพราะเครื่องจะมีอุณภูมิสูงกว่าเครื่องทั่วๆไปเพราะกำลังอัดสูงกว่า แรงม้าเยอะกว่า เวลาอัดแป๊ปเดียวด้วยความที่รอบจัดกว่าความร้อนของน้ำมันเครื่องก็จะขึ้นสูงได้ไวและมากกว่าเครื่องหัวฉีดธรรมดาทั่วๆไปดังนั้นในช่วงซัดๆความร้อนพีคแบบชั่วครู่ก็อาจจะทำให้น้ำมันเลขตัวหลังเบอร์ 30 ใสไปเครื่องจะสึกหรอเยอะกว่าผมจึงคิดว่าเบอร์ 40 น่าจะเหมาะและปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่าแต่ก็ต้องยอมรับว่าในขณะขับใช้งานทั่วๆไปรถติดๆอาจจะลื่นสู้เบอร์ 30 ไม่ได้ แต่เวลาซัดปกป้องได้ดีกว่าแน่นอน
    ในกรณีที่เป็นเครื่องเทอร์โบความร้อนปกติภายในเครื่องยนต์ก็จะสูงกว่าเครื่องธรรมดาอยู่แล้วดังนั้นน้ำมันเบอร์ ที่สูงกว่าก็อาจจะไม่ได้หนืดกว่ามากมายนักเพราะด้วยความร้อนภายในเครื่องที่สูงกว่าน้ำมันที่วิ่งวนอยู่ในเครื่องถึงเบอร์หลังจะเป็น 50 ก็ค่อนข้างจะใสและไหลลื่นได้ดีพอควร (อย่างน้อยๆก็ใสกว่าน้ำมันเบอร์เดียวกันที่วิ่งวนอยู่ในเครื่อง NA) เครื่องเทอร์โบเวลาอัดแป๊ปเดียวความร้อนภายในสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมากยิ่งบูชเยอะยิ่งร้อนเร็วถึงนานๆจะอัดทีก็ตามเบอร์ 30 จึงไม่ควรใช้เลยเพราะช่วงพีคแป๊ปเดียวน้ำมันเบอร์ 30 คงใสและฟิล์มน้ำมันบางมากจนไม่แข็งแรงพอที่จะหล่อลื่นปกป้องหรือคายความร้อนบริเวณของชิ้นส่วนที่เสียดสีกันได้ ถ้าเครื่องเทอร์โบไม่ค่อยได้อัดก็พอใช้เบอร์หลังที่เลข 40 ได้ แต่ถ้าไม่ค่อยได้อัดยังมีอาการน้ำมันหายบ่อยๆแสดงว่าสภาพเครื่องยนต์น่าจะเหมาะใช้เบอร์หลังที่เลข 50 มากกว่า

    2.3 ถ้ารถขับขี่แบบรุนแรงเหยียบแช่รอบสูงๆตลอดทางยาวๆหรือรถแข่งใช้ในสนามที่ความร้อนสะสมในเครื่องยนต์สูงเป็นเวลานานๆ ถ้าเป็น NA น่าจะเลือกเลขตัวหลังที่ 40 หรือ 50 แต่ถ้าเป็นรถมีโบคงต้องใช้เลขตัวหลัง 50 อย่างเดียวดีกว่าครับเพราะรถที่ใช้ขับหรือแข่งขนาดนี้เบอร์ 40 ถึงไม่พังก็สึกหรอเยอะกว่า 50 มากมาย
    :):):)


    ถ้าให้เลือก 0W40 10W40 และ 15W40 ผมจะเลือก 0W40 เพราะเบสออยล์บริสุทธิกว่าเวลาเย็นๆน้ำมันใสกว่าเวลาสตาร์ทตอนเช้าจะปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีและเวลาร้อนๆก็ทนความร้อนได้ดีพอๆกันเพราะความหนืดเบอร์ 40 เหมือนกับอีก 2ตัวที่เหลือ ส่วนเบอร์ 15W40 ผมคงไม่เลือกใช้แน่เพราะเบสออยล์ไม่บริสุทธิ์เท่า เสื่อมสภาพไวกว่า เวลาเครื่องเย็นๆก็จะข้นกว่าทำให้ปกป้องเครื่องยนต์เวลาสตาร์ทได้ไม่ดีและเวลาร้อนๆก็หนืดพอๆกับสองตัวแรกสรุปก็ไม่ได้มีไรดีกว่าเลย แต่ใน 3ตัวนี้ 0W40 จะราคาสูงที่สุดเพราะต้นทุนการผลิตสูงกว่า น้ำมันที่เลขตัวหน้ากับเลขตัวหลังห่างกันไม่เยอะ เช่น 10W30 หรือ 15W40 ต้นทุนการผลิตจะถูกกว่าและคุณภาพจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่โดยมากราคามักจะถูก ยกเว้นเลขตัวหน้าจะเป็น 0W หรือ 5W ถึงแม้ตัวหลัง จะแค่ 30 ราคาก็ยังแพงเพราะเลขตัวหน้าที่ต่ำหมายถึงเบสออยล์ที่มีคุณภาพสูงกว่า ผลิตยากกว่าราคาจึงแรงกว่า

    น้ำมันประเภทเบอร์ 0W50 หรือ 0W60 แบบนี้แพงมากมายแน่นอนเพราะเบสออยล์บริสุทธิ์มากทั้งใสดีต่อเครื่องยนต์เวลาสตาร์ทใหม่ๆและเวลาร้อนๆก็ยังรักษาความข้นและฟิล์มน้ำมันได้ที่เบอร์ถึง 50 และ 60 แต่เอามาใช้งานทั่วๆไปดูราคาแล้วอาจจะไม่คุ้ม

    รถพี่โอ๋เทอร์โบ เวสเกตแยกเวลาเมาๆเท้าก็หนักผมว่า 10W50 ดีกว่า ใช้งานทั่วๆไปไม่ได้หนืดกว่า ตัวหลัง 40 เท่าไหร่ แต่เวลาร้อนๆหรือซัดขึ้นมา ปกป้องได้ดีกว่าเยอะ อาการน้ำมันหายก็น้อยกว่าไม่ต้องเติมกันบ่อยๆ
    :):):)
     
  10. 4G63T

    4G63T New Member VIP

    298
    1
    0
    ความรู้เต้มๆ
     
  11. aeo@scb

    aeo@scb New Member Member

    874
    6
    0
    โอ้โห........น้ำมันเครื่อง........เป็นมากกว่า.......น้ำมันหล่อลื่น......จริงๆ.......ขอบคุณมากๆครับ......ความรู้ที่ไม่เคยรู้ละเอียดมากขนาดนี้มาก่อน........น่าจะติดหมุดหน่อยคับ ท่านประธาน....พร้อมกับเพิ่งชื่อหัวข้อว่า.....วิธีเลือกใช้น้ำมันเครื่องให้เหมาะสมที่สุด............................:thumbs_up:
     
  12. 4G63T

    4G63T New Member VIP

    298
    1
    0
    ตามนั้นครับอิอิอิ
     
  13. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    เยี่ยมครับ

    เพิ่มเติม จาก ปสก. ผม 0W40 ของ Cartral ทั้งตัว RS กับ EDGE ผมใช้สมัยคันเหลือง 93T พอว่าเพียงพอสำหรับการแข่งขันและซัดยาวๆต่อเนื่องครับ แต่ต้องหมั่นตรวจเช็คระดับ นมค. เช่นวิ่งกลับโรงงานที่บางสะพาน 420 กม. จะหายไปประมาณ 0.5 ลิตร

    ส่วนพอมาถึงยุดคันขาว 63T 400กว่าม้า เคยลอง 0W40 อยู่พักหนึ่ง พบว่าไม่พอครับระเหยไวมากวิ่งซัดบนทางด่วนจากบางนากลับบ้านที่งามวงศ์วาน ก็ระเหยเกือบๆ ครึ่งลิตรแล้ว ขนาดลูกใหม่+แหวนใหม่ ก็ยังระเหยได้ไวกว่าอยู่มาก เนื่องจากความร้อนของตัวเครื่องที่มากกว่านั้นเอง เคยวิ่งซ้อมพีระ 4 รอบ กลับเข้ามาหายไปเกือบ 0.5 ลิตร เช่นกัน
    สรุปคือ 0W40 CASTROL RS และ EDGE ตัวนี้ ราคาย่อมเยาว์ ใช้ดี ไม่ค่อยเจอของปลอม วาวล์เงียบ ไม่เคยพังเพราะน้ำมันตัวนี้ แต่ต้องหมั่นเช็คระดับนมค. ครับ แต่ถ้าจะวิ่งพีระซัก 10 รอบสนามต่อเนื่อง แนะนำมองหาตัวอื่นใช้ดีกว่าครับสำหรับเครื่อง 63T
     
  14. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    น้องๆที่เป็น Mod ติดหมุดไว้เลยก็ได้ครับ :cool:
     
  15. polototo

    polototo New Member Member

    761
    5
    0
    ปักหมุดเลยครับ แจ่มมากๆกระทู้นี้
     
  16. -DeW-(RR)

    -DeW-(RR) Active Member Moderator VIP

    1,492
    21
    38
    พี่อ๊อด เจ๋ง จิงอย่างที่ ก้อง บอก

    เก่งจิงเรื่อง สารหล่อลื่น แล้ว ky เบอร์อาไรคับ พี่อ็อด

    อิอิ
     
  17. smegal

    smegal New Member Member

    755
    9
    0
    เวงกำ ky ไม่เคยใช้อ๊ะ ใช้แต่สารหล่อลื่นธรรมชาติที่มีอยู่ในเครื่องยนต์แล้วเลยไม่รู้เบอร์อะไร แต่เท่าที่จับเช็คดูบางเครื่องมันก็ข้นเหนียว บางเครื่องมันก็ขาวใส แต่ระบุเบอร์ไม่ได้:D:D:D:p:p
     
  18. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    เฮ่อ.. คนมีแฟนแล้ว เสียงดัง อิอิ...
     
  19. toku

    toku New Member Member

    1,101
    4
    0
    แล้ว จขกท...... ใช้น้ำมันเครื่องอะไรอ่ะครับ แนะนำไม่กี่ยี่ห้อที่ดีต่อเครื่องความร้อนสูงๆอย่างอีโวน่ะ....... mobil 1 total Castrol
     
  20. KONGKUB

    KONGKUB Active Member Moderator

    2,256
    14
    38
    แล้วเคยมีสีเหลืองอ่ เหลืองเข้ม บ้างหรือเปล่าพี่
     
  21. smegal

    smegal New Member Member

    755
    9
    0
    สีแบบนั้นแสดงว่าการอ๊อกซิเดชั่นกับความร้อนและอากาศสูงมากเลย น่าจะเสื่อมหมดสภาพแล้วก้องอย่าเสี่ยงใช้เป็นอันขาดเวลาร้อนๆหล่อลื่นไม่ดีเดี๋ยวชาร์ฟ(ส่วนตัว)ละลาย อิอิ:D:D:D
     
  22. toku

    toku New Member Member

    1,101
    4
    0
    โห.....สมองผมมันกลวงมานานเลยเนี่ย
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้