• 
  
  ติดต่อลงโฆษณา [email protected] หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

ชื่อ:

การตรวจสอบ:

กำลังโหลด...

ข้อความ:

<p>[QUOTE=&quot;kengss, post: 729490, member: 3879&quot;]ได้ข่าวมาแบบนี้ จะถามว่าถ้า ปตท. เกิดน้อยใจไม่นำเข้าLPG แล้วจะมีครายกล้านำเข้ามาบ้างอ่ะครับ<img src="styles/default/xenforo/clear.png" class="mceSmilieSprite mceSmilie9" alt=":eek:" unselectable="on" unselectable="on" /></p><p>\/ \/ \/</p><p>\/ \/ \/</p><p><br /></p><p>แต่ไม่มีใครยอมนำเข้า ทำให้ ปตท. ต้องรับภาระส่วนต่างของราคานำเข้ากับราคาขายในประเทศแทนผู้ค้ามาตรา 7 แล้วกว่า 6,000 ล้านบาท ยืนยันทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp; จากกรณีที่ผู้ค้ามาตรา 7 บางราย ให้ข่าวว่า ปตท. ควรเพิ่มศักยภาพ (Capacity) ของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ และโรงกลั่นน้ำมัน เพื่อขยายกำลังการผลิตก๊าซแอลพีจีให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ นั้น&nbsp; นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)&nbsp; ชี้แจงว่า ปตท. ได้ดูแลหน่วยผลิตทุกหน่วยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่แล้ว โดยคำนึงถึงประชาชนและประเทศ&nbsp; รวมทั้งได้ทำหน้าที่บริษัทพลังงานแห่งชาติของคนไทยอย่างดีที่สุด&nbsp; โดยเฉพาะในยามที่ประเทศมีวิกฤติพลังงาน&nbsp; ซึ่งทำให้มีความต้องการใช้ก๊าซแอลพีจีในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดิมในปีที่ผ่านมา ประมาณ 3 ล้านตัน เพิ่มเป็น 3.5 ล้านตันในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นถึง 14.2% ซึ่งส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการใช้ในรถยนต์ ถึง 22.7%&nbsp; กระทรวงพลังงานึงได้มอบหมายให้ ปตท. ดำเนินการนำเข้าก๊าซแอลพีจีแทนผู้ค้ามาตรา 7 ทุกราย เพื่อสำรองใช้และป้องกันการขาดแคลนในประเทศ&nbsp; ล่าสุดในเดือนกรกฏาคมนี้ ปตท. ต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีมาถึง&nbsp; 109,800 ตัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 37%&nbsp; และยังมีภาระต้องนำเข้าตลอดทุกเดือนจนถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งคาดว่าปริมาณการนำเข้าจะประมาณ&nbsp; 60,000&nbsp; 100,000 ตัน / เดือน&nbsp; ในขณะที่คลังเก็บสำรองผลิตภัณฑ์และท่าเทียบเรือของ ปตท. จ.ชลบุรี ที่มีศักยภาพดีที่สุด สามารถเก็บบรรจุก๊าซแอลพีจีได้ 32,000 ตัน ซึ่งเต็มขีดจำกัดของการรองรับในปริมาณดังกล่าว</p><p>อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประเทศเราเป็นการค้าเสรี กระทรวงพลังงาน ได้เปิดกว้างให้ผู้ค้าตามมาตรา 7 ทุกรายมีสิทธิ์ที่จะนำเข้าก๊าซแอลพีจี และควรช่วยเหลือประเทศในยามที่เกิดภาวะวิกฤตพลังงาน เพื่อให้มีก๊าซแอลพีจีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ&nbsp; ดังนั้นผู้ค้ามาตรา 7 ทุกบริษัทควรนำเข้าก๊าซแอลพีจีเพื่อดูแลลูกค้าของตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ ปตท. นำเข้าแทนแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งไม่เป็นธรรมแก่ ปตท. ที่จะต้องมาแบกภาระให้กับลูกค้าของผู้ค้ามาตรา 7 ซึ่งมีจำนวนสถานีบริการจำหน่ายก๊าซแอลพีจีมากที่สุด ไม่นับรวมถึงลูกค้ารายอื่นๆ ของผู้ค้ามาตรา 7 (ทั้งประเทศมีปั๊ม 444 แห่ง เป็นของ ปตท.เพียง 27 แห่ง เท่านั้น) การที่ให้ ปตท. รับภาระจากต้นทุนที่สูงขึ้นแทนประมาณกว่า 600 เหรียญสหรัฐต่อตัน </p><p>อนึ่ง นับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน ปตท.นอกจากช่วยรับภาระแทนผู้บริโภคในส่วนที่ไม่ได้ปรับราคาน้ำมันขายปลีกขึ้นตามต้นทุน เป็นเงินกว่า 6,000 ล้านบาท และรับภาระขาดทุนจากการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีต่ำกว่าต้นทุนแทนประชาชนประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท แล้ว ปตท. ยังต้องรับภาระในส่วนของก๊าซแอลพีจีอีก รวมมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท อีกด้วย ซึ่งหากประชาชนยังคงใช้ก๊าซแอลพีจีในปริมาณที่สูงมากเช่นนี้ ปีหน้าคาดว่าไทยคงต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีจากต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน จึงขอให้ทุกฝ่ายใช้เชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับพาหนะและการใช้งาน รวมทั้ง คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยด้วย นายชัยวัฒน์ กล่าวตอนท้าย//[/QUOTE]</p><p><br /></p>

• เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
• เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
• เข้าสู่ระบบด้วย Google

ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:

คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?

• ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
• มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
• ลืมรหัสผ่านของคุณ?

อยู่ในระบบตลอดเวลา

• X