เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
HILUX Club
>
ของฝาก ช่วยในการตัดสินใจ ในภาวะน้ำมันแพง
>
ตอบกลับหัวข้อ
ชื่อ:
การตรวจสอบ:
กรุณาเปิดใช้งานจาวาสคริปต์เพื่อดำเนินการต่อ
กำลังโหลด...
ข้อความ:
<p>[QUOTE="Reloaded, post: 673417, member: 30843"]2nd step : Boost Up</p><p><br /></p><p>ใช้เทอร์โบเดิมให้เต็มกำลัง เพื่อให้ได้มากว่า 300ps.</p><p><br /></p><p>ในสเต็ป Light Tune อีกอันหนึ่งของรถเทอร์โบ ก็คงจะหนีไม่พ้นการปรับบูตส์เพิ่ม ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เดิม เทอร์โบเดิม แต่ถ้าปรับบูตส์เพิ่มเข้าไป ก็ยังสามารถเพิ่มความแรงได้อีก และการเตรียมสำหรับปรับบูตส์เพิ่มนี้ จำเป็นต้องทำระบบไอดี(กรองเปลือย) ไอเสีย(ท่อไอเสีย) แล้ว เพราะถ้าได้ลดความต้านทานในการดูดไอดีแล้ว ก็จะสามารถลดภาระของเทอร์โบได้ด้วย ตอนนี้ก็สามารถปรับบูตส์เพิ่มได้แล้ว</p><p>ตัวปรับบูตส์นี้จะถูกแบ่งใหญ่ได้ 2 อย่าง คือแบบกลไก(ปรับบูตส์มือ) กับ แบบไฟฟ้า แต่ในปัจจุบันนี้ แบบไฟฟ้าจะสามารถควบคุมบูตส์ให้นิ่งกว่า</p><p><br /></p><p><br /></p><p>สิ่งจำเป็นสำหรับปรับบูตส์เพิ่มนี้ อันแรกเลยก็เป็นตัวปรับบูตส์(ไฟฟ้า) ตัวปรับบูตส์นี้ เป็นตัวที่สามารถปรับบูตส์ได้ตามใจชอบ ถ้าไม่มีตัวนี้จะไม่สามารถปรับบูตส์ได้อย่างที่ต้องก ารเลย แน่นอน ถึงแม้จะบอกว่าติดตัวปรับบูตส์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปรับบูตส์เท่าไหร่ก็ได้ เพราะว่าถ้าปรับบูตส์มากเกินไป อาจจะทำให้เครื่องพังได้ เพราะฉะนั้นควรจะปรึกษาร้านหรือผู้รู้ว่าควรจะปรับได ้สูงสุดถึงเท่าไหร่ดี เท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย และสำหรับเครื่อง 1J-GTE เดิมจะมีบูตส์อยู่ที่ประมาณ 0.8 kg/cm2 ถ้ายังเป็นเทอร์โบเดิม แต่ว่าต้องการปรับบูตส์เพิ่มเข้าไปอีก ก็น่าจะประมาณ 1.0 - 1.2 kg/cm2 ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงปลอดภัย เพราะอาจจะมีบางจังหวะที่ขึ้นไปถึง 1.3 kg/cm2 ได้</p><p><br /></p><p>ดังนั้น ในการควบคุมบูตส์นี้ พยายามปรับให้บูตส์นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัวปรับบูตส์แบบกลไกก็มีแต่ว่าแบบไฟฟ้าจะดีกว่า ปลอดภัยมากกว่า อีกอย่าง ในการปรับบูตส์ให้ถูกต้องนั้น จำเป็นต้องมีเกส์วัดบูตส์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าตามีให้เลือกมากมาย แต่ควรจะหาตัวที่มีความเที่ยงตรงมากที่สุดจะดีกว่า และควรจะติดตั้งไว้ที่ที่ดูได้ง่ายด้วย</p><p>เวลาที่ปรับบูตส์เพิ่ม จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ค่าบูตส์ เนื่องจากอันตรายจากการปรับบูตส์ที่เกินไป หรือบูตส์ผิดปกติ อาจจะทำให้เครื่องพังได้</p><p><br /></p><p><br /></p><p><br /></p><p>เปลี่ยนหัวเทียน เป็นเมนูหลักอีกอันหนึ่ง</p><p>แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ การเปลี่ยนหัวเทียน ในระดับ Light Tune อย่างเช่นเปลี่ยนท่อไอเสีย กรองเปลือย ECU นั้น ถ้าเป็นคนที่ใช้รอบสูงเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องปรับบูตส์เพิ่มก็จำเป็นต้องใช้หัวเทียน เย็น (เบอร์สูง) จะดีกว่า แล้วถ้าจะปรับบูตส์เพิ่มอันนี้แน่นอนเลยต้องเปลี่ยน โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเป็น NGK ก็อยากจะให้ใช้สักเบอร์ 7</p><p><br /></p><p>ช่วงนี้ หัวเทียนเดิมที่ติดรถมาส่วนมากจะเป็นหัวเทียน ทองขาว (Platinum) ซึ่งพูดกันว่าสามารถใช้ได้ถึงแสนกม. แต่ถ้าเป็นรถแต่งแล้ว ไม่ควรจะใช้ถึงขนาดนั้น เพราะว่าหัวเทียนนี้เป็นตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่งของเคร ื่องยนต์เลยก็ว่าได้ การจุดระเบิดที่ดีจะทำให้สุขภาพของเครื่องดีไปด้วย ดังนั้นแนะนำให้เช็คอยู่เสมอๆ</p><p><br /></p><p>แล้วในกรณีที่ปรับบูตส์เพิ่มให้กับ 1J-GTE นี้ จะสามารถเพิ่มความแรงได้สักแค่ไหน ?? ยกตัวอย่างเช่น GT-R แค่ปรับบูตส์เพิ่มอย่างเดียวก็ 100 แรงม้าแล้ว ซึ่งใครๆ ก็คงจะเคยได้ยินมาบ่อย แต่ในกรณีของ 1J ที่มีเทอร์โบเดิมเล็กๆ นี้ ไม่สามารถจะหวังขนาด GT-R เพราะว่า เครื่องเดิมที่ออกจากโรงงานนั้น จริงๆ แล้วมีไม่ถึง 280 แรงม้า ซึ่งพอวัดกันจริงๆ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ประมาณ 250 แรงม้าเท่านั้น</p><p><br /></p><p>อีกอย่างคือ 1J-GTE ของพวกรุ่น 100 ถูกตั้งให้บูตส์สูงสุดอยู่ที่แถว 4000 รอบ มากไปกว่านั้นบูตส์จะไม่ขึ้นแล้ว และพอเกิน 6000 รอบ บูตส์ก็จะตกลง ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเครื่องรุ่นนี้ ดังนั้น ทอร์คในรอบต่ำกลางจะมีเยอะมาก แต่พอวิ่งยาวๆ จะไม่ค่อยยืดสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เวลาที่ทำการเซ็ต ECU ก็ไม่ค่อยจะสามารถหวังอะไรมากในรอบสูง อย่างดีก็ทำให้บูตส์สูงสุดอยู่แถวๆ 5000 รอบ ก็เลยทำให้เวลาปรับบูตส์เพิ่มให้กับ 1J นี้ อาจจะทำให้ทอ้ใจกันสักหน่อย</p><p><br /></p><p>ปัญหานี้ เกิดขึ้นจากเฮดเดอร์ที่มีขนาดเล็ก ทำให้พอรอบเกิน 5000 ไปแล้ว แรงดันของไอเสียจะสูงขึ้น ทำให้วาล์วของ Actuator (เวสเกสกระป๋อง) ถูกดันจนเปิดออก ให้บูตส์นั้นรั่วออกไป ดังนั้น เวลาที่ปรับบูตส์เพิ่มไปแล้ว ถึงแม้จะขึ้นไปถึง (0.8 kg/cm2 เดิม) 1.0kg/cm2, 1.1kg/cm2 แต่พอรอบถึง 5000 บูตส์ก็จะตกมาเหลือแค่ 0.8kg/cm2 เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น ถ้าไม่แก้ปัญหาตรงนี้แล้วปรับบูตส์เพิ่มเข้าไป ทอร์คที่รอบต่ำจะสูงขึ้นก็จริง แต่รอบปลายก็ยังเหมือนเดิมคือไม่ยืด</p><p><br /></p><p>ในการแก้ไขปัญหานี้ โดยตัวอย่างจาก ร้าน I MAC จะทำการเพิ่มความแข็งให้กับ Actuator เข้าไป ซึ่งได้ผลทีเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ เปลี่ยนสปริงวาล์วใน Actuator ให้แข็งขึ้น เพื่อไม่ให้เปิดเร็วเกินไป หลังจากที่ทำอย่างนี้แล้ว คราวนี้รอบถึง 5000 นอกจากบูตส์จะไม่ตก บูตส์ในรอบปลายขึ้นไปถึง 1.2 kg/cm2 เลยทีเดียว หรือบางทีอาจจะขึ้นไปถึง 1.3 kg/cm2 ก็เป็นได้เช่นกัน</p><p>หน้าที่ของโบล์ออฟวาล์วนี้ จะทำงานเมื่อมีการถอนคันเร่ง เนื่องจากเวลาถอนคันเร่งบูตส์ที่ถูกดันมาจากเทอร์โบ จะตีกลับจากการปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ และโบล์ออฟวาล์วนี้จะเป็นบายพาสให้ อากาศไม่ไหลย้อนกลับไปที่เทอร์โบโดยตรง จากตรงนี้ จะสามารถทำให้การบูตส์ครั้งต่อไปเป็นไปอย่างรวดเร็วข ึ้น</p><p><br /></p><p>สำหรับรุ่น 100 ปั่นให้ได้แรงม้าสัก 310 ก็เต็มที่แล้ว</p><p>มาถึงตรงนี้แล้ว เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขขนาดของเทอร์โบได้ ในรุ่น 100 นี้ พอเอาไปวัดแรงม้าก็จะออกมาประมาณ 310 บวกลบ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น MAX ของรุ่นนี้แล้ว อีกด้านหนึ่งสำหรับ 1J-GTE ของรุ่น 90 เทอร์โบเดิมที่ติดมานั้นไม่เรียกว่าลูกใหญ่ก็จริง แต่ว่าต่างกับรุ่น 100 ตรงที่ มีถึง 2 ลูก ซึ่งสามารถจะปั่นให้ได้แรงม้าเต็มที่กับเทอร์โบเดิมน ี้ออกมาได้ถึงประมาณ 380 แต่ถ้าจะทำให้ถึงขนาดนี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่รอบๆ เครื่องเข้าไปด้วย แต่ถ้าพูดกันรวมๆ แล้ว ความสามารถในการเพิ่มความแรงกับเครื่องเดิมนี้ รุ่น 90 เป็นต่อรุ่น 100 อยู่พอสมควร</p><p><br /></p><p>พอพูดถึงอะไหล่รอบๆ เครื่อง อินเตอร์คูลเลอร์ก็เป็นหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจ แต่ในระดับแค่ปรับบูตส์เพิ่มอินเตอร์คูลเลอร์เดิมก็ย ังถือว่าพอไปได้ แต่ทว่าในกรณีที่ยังใช้อินเตอร์คูลเลอร์เดิมอยู่ เวลาปรับบูตส์เพิ่ม อุณหภูมิของไอดีจะสูงขึ้น และความร้อนตรงนี้อาจจะไปทำให้ท่อไอดีหลุดเอาได้ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ควรจะเพิ่มความแข็งแรงให้กับท่อไอดีด้วย</p><p><br /></p><p>อีกอย่างหนึ่ง การปรับบูตส์เพิ่มกับการจูน ECU นี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งจะสามารถทำให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่สำหรับก ารปรับบูตส์เพิ่ม เพราะอยู่ดีๆ จะเอาตัวปรับบูตส์มาติดแล้วปรับเพิ่มไปเลยทีเดียว อันนี้ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะว่าน้ำมัน กับไฟ จำเป็นต้องปรับให้สมบูรณ์ที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วนอกจากจะไม่แรงแล้วยังอาจจะทำให้ เครื่องพังอีกด้วย ส่วนหัวฉีดของเดิมที่ติดเครื่องมาจะเป็น 380 cc. สำหรับเครื่อง 6 สูบ 1J นี้ คงจะไม่มีปัญหาว่าหัวฉีดเล็กเกินไป แต่ก็ต้องไม่เกิน 380 แรงม้า</p><p><br /></p><p>การปรับบูตส์เพิ่มให้กับ 1J นี้ ถึงแม้จะไม่สามารถทำกำลังที่ออกมาเป็นตัวเลขให้ตกใจก ็ตาม แต่อัตราเร่งถึง 180km/h สามารถดีขึ้นอย่างที่สามารถรู้สึกได้</p><p><br /></p><p>สำหรับคราวต่อไปเรามาเริ่มกับการจูนที่หนักขึ้น เริ่มด้วยการเปลี่ยนเทอร์โบ ทำไส้ในเป็นต้น แล้วติดตามชมตอนต่อไป[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="Reloaded, post: 673417, member: 30843"]2nd step : Boost Up ใช้เทอร์โบเดิมให้เต็มกำลัง เพื่อให้ได้มากว่า 300ps. ในสเต็ป Light Tune อีกอันหนึ่งของรถเทอร์โบ ก็คงจะหนีไม่พ้นการปรับบูตส์เพิ่ม ถึงแม้ว่าจะเป็นเครื่องยนต์เดิม เทอร์โบเดิม แต่ถ้าปรับบูตส์เพิ่มเข้าไป ก็ยังสามารถเพิ่มความแรงได้อีก และการเตรียมสำหรับปรับบูตส์เพิ่มนี้ จำเป็นต้องทำระบบไอดี(กรองเปลือย) ไอเสีย(ท่อไอเสีย) แล้ว เพราะถ้าได้ลดความต้านทานในการดูดไอดีแล้ว ก็จะสามารถลดภาระของเทอร์โบได้ด้วย ตอนนี้ก็สามารถปรับบูตส์เพิ่มได้แล้ว ตัวปรับบูตส์นี้จะถูกแบ่งใหญ่ได้ 2 อย่าง คือแบบกลไก(ปรับบูตส์มือ) กับ แบบไฟฟ้า แต่ในปัจจุบันนี้ แบบไฟฟ้าจะสามารถควบคุมบูตส์ให้นิ่งกว่า สิ่งจำเป็นสำหรับปรับบูตส์เพิ่มนี้ อันแรกเลยก็เป็นตัวปรับบูตส์(ไฟฟ้า) ตัวปรับบูตส์นี้ เป็นตัวที่สามารถปรับบูตส์ได้ตามใจชอบ ถ้าไม่มีตัวนี้จะไม่สามารถปรับบูตส์ได้อย่างที่ต้องก ารเลย แน่นอน ถึงแม้จะบอกว่าติดตัวปรับบูตส์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปรับบูตส์เท่าไหร่ก็ได้ เพราะว่าถ้าปรับบูตส์มากเกินไป อาจจะทำให้เครื่องพังได้ เพราะฉะนั้นควรจะปรึกษาร้านหรือผู้รู้ว่าควรจะปรับได ้สูงสุดถึงเท่าไหร่ดี เท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย และสำหรับเครื่อง 1J-GTE เดิมจะมีบูตส์อยู่ที่ประมาณ 0.8 kg/cm2 ถ้ายังเป็นเทอร์โบเดิม แต่ว่าต้องการปรับบูตส์เพิ่มเข้าไปอีก ก็น่าจะประมาณ 1.0 - 1.2 kg/cm2 ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงปลอดภัย เพราะอาจจะมีบางจังหวะที่ขึ้นไปถึง 1.3 kg/cm2 ได้ ดังนั้น ในการควบคุมบูตส์นี้ พยายามปรับให้บูตส์นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัวปรับบูตส์แบบกลไกก็มีแต่ว่าแบบไฟฟ้าจะดีกว่า ปลอดภัยมากกว่า อีกอย่าง ในการปรับบูตส์ให้ถูกต้องนั้น จำเป็นต้องมีเกส์วัดบูตส์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าตามีให้เลือกมากมาย แต่ควรจะหาตัวที่มีความเที่ยงตรงมากที่สุดจะดีกว่า และควรจะติดตั้งไว้ที่ที่ดูได้ง่ายด้วย เวลาที่ปรับบูตส์เพิ่ม จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรู้ค่าบูตส์ เนื่องจากอันตรายจากการปรับบูตส์ที่เกินไป หรือบูตส์ผิดปกติ อาจจะทำให้เครื่องพังได้ เปลี่ยนหัวเทียน เป็นเมนูหลักอีกอันหนึ่ง แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ การเปลี่ยนหัวเทียน ในระดับ Light Tune อย่างเช่นเปลี่ยนท่อไอเสีย กรองเปลือย ECU นั้น ถ้าเป็นคนที่ใช้รอบสูงเป็นประจำ ไม่จำเป็นต้องปรับบูตส์เพิ่มก็จำเป็นต้องใช้หัวเทียน เย็น (เบอร์สูง) จะดีกว่า แล้วถ้าจะปรับบูตส์เพิ่มอันนี้แน่นอนเลยต้องเปลี่ยน โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเป็น NGK ก็อยากจะให้ใช้สักเบอร์ 7 ช่วงนี้ หัวเทียนเดิมที่ติดรถมาส่วนมากจะเป็นหัวเทียน ทองขาว (Platinum) ซึ่งพูดกันว่าสามารถใช้ได้ถึงแสนกม. แต่ถ้าเป็นรถแต่งแล้ว ไม่ควรจะใช้ถึงขนาดนั้น เพราะว่าหัวเทียนนี้เป็นตัวแปรสำคัญอย่างหนึ่งของเคร ื่องยนต์เลยก็ว่าได้ การจุดระเบิดที่ดีจะทำให้สุขภาพของเครื่องดีไปด้วย ดังนั้นแนะนำให้เช็คอยู่เสมอๆ แล้วในกรณีที่ปรับบูตส์เพิ่มให้กับ 1J-GTE นี้ จะสามารถเพิ่มความแรงได้สักแค่ไหน ?? ยกตัวอย่างเช่น GT-R แค่ปรับบูตส์เพิ่มอย่างเดียวก็ 100 แรงม้าแล้ว ซึ่งใครๆ ก็คงจะเคยได้ยินมาบ่อย แต่ในกรณีของ 1J ที่มีเทอร์โบเดิมเล็กๆ นี้ ไม่สามารถจะหวังขนาด GT-R เพราะว่า เครื่องเดิมที่ออกจากโรงงานนั้น จริงๆ แล้วมีไม่ถึง 280 แรงม้า ซึ่งพอวัดกันจริงๆ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ประมาณ 250 แรงม้าเท่านั้น อีกอย่างคือ 1J-GTE ของพวกรุ่น 100 ถูกตั้งให้บูตส์สูงสุดอยู่ที่แถว 4000 รอบ มากไปกว่านั้นบูตส์จะไม่ขึ้นแล้ว และพอเกิน 6000 รอบ บูตส์ก็จะตกลง ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเครื่องรุ่นนี้ ดังนั้น ทอร์คในรอบต่ำกลางจะมีเยอะมาก แต่พอวิ่งยาวๆ จะไม่ค่อยยืดสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น เวลาที่ทำการเซ็ต ECU ก็ไม่ค่อยจะสามารถหวังอะไรมากในรอบสูง อย่างดีก็ทำให้บูตส์สูงสุดอยู่แถวๆ 5000 รอบ ก็เลยทำให้เวลาปรับบูตส์เพิ่มให้กับ 1J นี้ อาจจะทำให้ทอ้ใจกันสักหน่อย ปัญหานี้ เกิดขึ้นจากเฮดเดอร์ที่มีขนาดเล็ก ทำให้พอรอบเกิน 5000 ไปแล้ว แรงดันของไอเสียจะสูงขึ้น ทำให้วาล์วของ Actuator (เวสเกสกระป๋อง) ถูกดันจนเปิดออก ให้บูตส์นั้นรั่วออกไป ดังนั้น เวลาที่ปรับบูตส์เพิ่มไปแล้ว ถึงแม้จะขึ้นไปถึง (0.8 kg/cm2 เดิม) 1.0kg/cm2, 1.1kg/cm2 แต่พอรอบถึง 5000 บูตส์ก็จะตกมาเหลือแค่ 0.8kg/cm2 เหมือนเดิม เพราะฉะนั้น ถ้าไม่แก้ปัญหาตรงนี้แล้วปรับบูตส์เพิ่มเข้าไป ทอร์คที่รอบต่ำจะสูงขึ้นก็จริง แต่รอบปลายก็ยังเหมือนเดิมคือไม่ยืด ในการแก้ไขปัญหานี้ โดยตัวอย่างจาก ร้าน I MAC จะทำการเพิ่มความแข็งให้กับ Actuator เข้าไป ซึ่งได้ผลทีเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ เปลี่ยนสปริงวาล์วใน Actuator ให้แข็งขึ้น เพื่อไม่ให้เปิดเร็วเกินไป หลังจากที่ทำอย่างนี้แล้ว คราวนี้รอบถึง 5000 นอกจากบูตส์จะไม่ตก บูตส์ในรอบปลายขึ้นไปถึง 1.2 kg/cm2 เลยทีเดียว หรือบางทีอาจจะขึ้นไปถึง 1.3 kg/cm2 ก็เป็นได้เช่นกัน หน้าที่ของโบล์ออฟวาล์วนี้ จะทำงานเมื่อมีการถอนคันเร่ง เนื่องจากเวลาถอนคันเร่งบูตส์ที่ถูกดันมาจากเทอร์โบ จะตีกลับจากการปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ และโบล์ออฟวาล์วนี้จะเป็นบายพาสให้ อากาศไม่ไหลย้อนกลับไปที่เทอร์โบโดยตรง จากตรงนี้ จะสามารถทำให้การบูตส์ครั้งต่อไปเป็นไปอย่างรวดเร็วข ึ้น สำหรับรุ่น 100 ปั่นให้ได้แรงม้าสัก 310 ก็เต็มที่แล้ว มาถึงตรงนี้แล้ว เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขขนาดของเทอร์โบได้ ในรุ่น 100 นี้ พอเอาไปวัดแรงม้าก็จะออกมาประมาณ 310 บวกลบ ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น MAX ของรุ่นนี้แล้ว อีกด้านหนึ่งสำหรับ 1J-GTE ของรุ่น 90 เทอร์โบเดิมที่ติดมานั้นไม่เรียกว่าลูกใหญ่ก็จริง แต่ว่าต่างกับรุ่น 100 ตรงที่ มีถึง 2 ลูก ซึ่งสามารถจะปั่นให้ได้แรงม้าเต็มที่กับเทอร์โบเดิมน ี้ออกมาได้ถึงประมาณ 380 แต่ถ้าจะทำให้ถึงขนาดนี้ จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่รอบๆ เครื่องเข้าไปด้วย แต่ถ้าพูดกันรวมๆ แล้ว ความสามารถในการเพิ่มความแรงกับเครื่องเดิมนี้ รุ่น 90 เป็นต่อรุ่น 100 อยู่พอสมควร พอพูดถึงอะไหล่รอบๆ เครื่อง อินเตอร์คูลเลอร์ก็เป็นหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจ แต่ในระดับแค่ปรับบูตส์เพิ่มอินเตอร์คูลเลอร์เดิมก็ย ังถือว่าพอไปได้ แต่ทว่าในกรณีที่ยังใช้อินเตอร์คูลเลอร์เดิมอยู่ เวลาปรับบูตส์เพิ่ม อุณหภูมิของไอดีจะสูงขึ้น และความร้อนตรงนี้อาจจะไปทำให้ท่อไอดีหลุดเอาได้ ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ควรจะเพิ่มความแข็งแรงให้กับท่อไอดีด้วย อีกอย่างหนึ่ง การปรับบูตส์เพิ่มกับการจูน ECU นี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งจะสามารถทำให้ได้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่สำหรับก ารปรับบูตส์เพิ่ม เพราะอยู่ดีๆ จะเอาตัวปรับบูตส์มาติดแล้วปรับเพิ่มไปเลยทีเดียว อันนี้ก็น่ากลัวเหมือนกัน เพราะว่าน้ำมัน กับไฟ จำเป็นต้องปรับให้สมบูรณ์ที่สุด ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วนอกจากจะไม่แรงแล้วยังอาจจะทำให้ เครื่องพังอีกด้วย ส่วนหัวฉีดของเดิมที่ติดเครื่องมาจะเป็น 380 cc. สำหรับเครื่อง 6 สูบ 1J นี้ คงจะไม่มีปัญหาว่าหัวฉีดเล็กเกินไป แต่ก็ต้องไม่เกิน 380 แรงม้า การปรับบูตส์เพิ่มให้กับ 1J นี้ ถึงแม้จะไม่สามารถทำกำลังที่ออกมาเป็นตัวเลขให้ตกใจก ็ตาม แต่อัตราเร่งถึง 180km/h สามารถดีขึ้นอย่างที่สามารถรู้สึกได้ สำหรับคราวต่อไปเรามาเริ่มกับการจูนที่หนักขึ้น เริ่มด้วยการเปลี่ยนเทอร์โบ ทำไส้ในเป็นต้น แล้วติดตามชมตอนต่อไป[/QUOTE]
เข้าสู่ระบบด้วย Facebook
เข้าสู่ระบบด้วย Twitter
เข้าสู่ระบบด้วย Google
ชื่อผู้ใช้งานหรือที่อยู่อีเมล์ของคุณ:
คุณมีบัญชีผู้ใช้หรือไม่?
ไม่มี, สร้างบัญชีผู้ใช้ตอนนี้
มี, รหัสผ่านของฉันคือ:
ลืมรหัสผ่านของคุณ?
อยู่ในระบบตลอดเวลา
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
ฟอรั่ม
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
HILUX Club
>
ของฝาก ช่วยในการตัดสินใจ ในภาวะน้ำมันแพง
>
X
หน้าแรก
หน้าแรก
Quick Links
โพสต์ล่าสุด
กิจกรรมล่าสุด
ผู้เขียน
ฟอรั่ม
ฟอรั่ม
Quick Links
ค้นหาฟอรั่ม
โพสต์ล่าสุด
ประกาศซื้อขาย
ประกาศซื้อขาย
Quick Links
ค้นหาประกาศซื้อขาย
กิจกรรมล่าสุด
ผู้ค้าขายคะแนนสูงสุด
สื่อ/วิดีโอ
สื่อ/วิดีโอ
Quick Links
Search Media
New Media
สมาชิก
สมาชิก
Quick Links
สมาชิกที่โดดเด่น
สมาชิกที่ลงทะเบียน
ผู้ใช้งานในขณะนี้
กิจกรรมล่าสุด
โพสต์ข้อมูลส่วนตัวใหม่
เมนู
ค้นหาเฉพาะชื่อ
โพสต์โดยสมาชิก:
แยกชื่อด้วยเครื่องหมายจุลภาค
ใหม่กว่า:
ค้นหาเฉพาะหัวข้อนี้
ค้นหาเฉพาะฟอรั่มนี้
แสดงผลเป็นหัวข้อ
การค้นหาที่มีประโยชน์
โพสต์ล่าสุด
เพิ่มเติม...