มือใหม่หัดแข่ง จะลงสนามครั้งแรกต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

การสนทนาใน 'Motorsport Forum' เริ่มโดย KengRacing, 10 สิงหาคม 2018

< Previous Thread | Next Thread >
  1. KengRacing

    KengRacing Active Member ทีมงานสมาชิก Administrator

    932
    113
    43
    [​IMG]

    บทความนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเป็นนักแข่งรถ หรือสนใจที่จะเรียนรู้การเริ่มต้นสำหรับการเป็นนักแข่งรถ หรืออยากนำรถที่ตัวเองรักไปลองวิ่งในสนามแข่งแบบชั่วครั้งชั่วคราว หรือบางคนที่อยากจะลองเริ่มต้นเพื่อค้นหาตัวเองว่า ใช่หรือไม่ใช่ สำหรับกิจกรรมแบบนี้
    โดยเราจะถ่ายทอดประสบการณ์จากที่เคยเป็นนักแข่งจากจุดเริ่มต้น และประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งจะเน้นสำหรับการแข่งรถประเภทเซอร์กิต โดยเริ่มจากการเตรียมตัว เตรียมรถที่จะใช้แข่ง จนถึงการเซ็ตรถเพื่อความเหมาะสม
    บทความนี้จะมีการอัปเดทข้อมูลเข้ามาเรื่อยๆ ใครที่เคยเข้ามาอ่านแล้วถ้าอยากถามอะไรหรืออยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมก็สอบถามได้โดยการตอบกระทู้ข้างล่างนี

    เริ่มแรกนั่งขับรถอย่างไร
    • นั่งให้สบายเหมือนนั่งขับรถปกติ ไม่ใช่ปรับเบาะตั้งชันเหมือนพวกใส่เบาะหลังแข็งที่ยังปรับเบาะไม่เป็น
      ควรเอนเบาะไปเล็กน้อยส่วนตำแหน่งรองต้นขาต้องสูงขึ้นมา ไม่ใช่แบนราบ
      เวลาเบรกจะมีความรู้สึกน้ำหนักตัวเราจมลงในเบาะ ไม่ใช่น้ำหนักลงมาที่แขนแล้วลงไปที่พวงมาลัย จะทำให้เราบังคับเลี้ยวรถยาก ใช้แรงที่แขนมากจนล้า และก่อให้เกิดความเครียดสะสมไปเรื่อย
    • ปรับระยะตำแหน่งที่นั่งกับพวงมาลัยให้เหมาะสม โดยให้หัวไหล่ติดกับเบาะ แล้วเลื่อนเบาะ ให้ข้อมือวางบนพวงมาลัย ดูจากรูป

      [​IMG]
    • ระยะระหว่างเบาะนั่งกับแป้นเหยียบควรงอขาได้เล็กน้อย ไม่ตึงจนเกินไป

      [​IMG]
    • ความสูงของตำแหน่งท่านั่ง ควรอยู่ต่ำสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะจะให้เรารับความรู้สึกของอาการรถได้ดีมากขึ้น โดยให้เห็นระยะข้างหน้าด้วย

      [​IMG]

    เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย
    ถ้าคุณลงสนามที่เป็นรายการประเภทแทร็คเดย์หรือลองซ้อมแบบส่วนตัวคุณต้องใส่เสื้อผ้าที่กระชับ ควรเป็นเสื้อแขนยาวกางเกงขายาว รองเท้าหุ้มส้น และควรเป็นพื้นบางๆ เพื่อจะได้รับความการตอบสนองของแป้นเบรกหรือคันเร่งได้ดีมากขึ้น แต่ถ้าคุณมีชุดแข่งแนะนำให้ใส่ชุดแข่งจะดีกว่า รวมทั้งถุงมือสำหรับขับรถแข่งและหมวกกันน็อคก็ต้องใส่ด้วยทุกครั้ง
    ปัจจุบันนี้รายการแข่งส่วนใหญ่มีกฎบังคับให้นักแข่งต้องใส่ชุดแข่งอยู่แล้ว ตรงส่วนนี้คุณอาจจะต้องเริ่มลงทุนเลือกเพื่อความเหมาะสม

    ถ้าคุณเพิ่งแค่เริ่มต้น ยังไม่รู้ว่าชอบกิจกรรมนี้อีกนานเท่าไร หรือคิดว่าจะลองเพียงไม่กี่ครั้ง คุณอาจจะใช้ชุดแข่งประเภทสั่งตัดก็ได้ เริ่มตั้งแต่ราคาระดับพันต้นๆ (ใช้ได้แค่บางรายการเท่านั้น สอบถามกับผู้จัดแข่งก่อนตัดสินใจสั่งตัด) หรือจะหาซื้อชุดแข่งจากนักแข่งที่ไม่ใช้แล้วก็เป็นอีกทางเลือกที่ประหยัด แต่หายาก
    แต่การลงทุนที่ดีในระยะยาวคือซื้อชุดแข่งตามกติกาสากล และเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ซึ่งมีคุณสมบัติหลักคือ ต้องเป็นชุดแข่งประเภทกันไฟ สำหรับใช้ในรถแข่ง ใส่ได้ทุกรายการแข่งในประเทศไทย ไม่ใช่ชุดแข่งสำหรับรถคาร์ท แบบนั้นจะไม่กันไฟ และบางรายการแข่งไม่อนุญาตให้ใช้ด้วย
    ชุดแข่งก็มีหลายแบบให้เลือกอีกเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ผ้ากันไฟ 1-3 ชั้นยิ่งมีชั้นมากชุดก็ยิ่งหนาและหนัก บางยี่ห้อเป็นชุดแข่งน้ำหนักเบาด้วย แต่จะมีราคาแพงมากขึ้นพอสมควร และที่สำคัญชุดแข่งต้องมีการรับรองจาก FIA (บางรุ่นจะรับรองแค่ SFI ราคาจะถูกกว่าที่รับรอง FIA ใช้ได้แค่บางรายการ แนะนำให้รับรอง FIA จะดีกว่า)

    [​IMG]

    ถุงมือกับรองเท้ามีหลายระดับให้เลือกอีกเช่นกัน แนะนำให้เลือกแบบกันไฟตั้งแต่เริ่มต้นเลย บางรุ่นก็จะมีรับรอง FIA ด้วยราคาก็สูงขึ้นมาอีกนิด ถุงมือแข่งไม่มีอะไรให้เลือกมาก เลือกตามความชอบได้เลย วิธีการดูแลรักษาถุงมือแข่งบางยี่ห้อบางรุ่นซักไม่ได้ หรือถ้าซักแล้วก็ตากแดดไม่ได้ อาจจะเสียหายแห้งกรอบเลยก็มี สอบถามจากผู้ขายก่อน
    ส่วนรองเท้าแข่งโดยปกติจะหุ้มข้อเท้า พื้นบางๆ เพื่อให้นักแข่งได้รับรู้การตอบสนองจากแป้นเบรกและคันแร่งได้ดีจากที่กล่าวไปข้างต้น เลือกตามที่ชอบเหมือนถุงมือได้เลย รองเท้าแข่งเหมาะสำหรับใส่ขับรถแข่งเท่านั้น ไม่เหมาะที่จะใส่ไว้เดินเล่นทั่วไป เนื่องจากพื้นรองเท้าที่บางไม่มีชั้นรองที่นุ่มเพื่อลดแรงกระแทกของเท้า เมื่อเดินไปนานๆ เท้าคุณอาจจะเจ็บรวมทั้งข้อต่อเท้าหรือหัวเข่าด้วย ฉะนั้นการใช้รองเท้าต้องเลือกตามความเหมาะสมของกิจกรรมนั้นๆ ด้วย

    หมวกกันน็อค
    =======ข้อมูลเพิ่มเติมเร็วๆ นี้=======

    เบรกมีความสำคัญที่สุด
    ควรลงทุนกับระบบเบรกให้มากที่สุด เพราะยังไงก็คุ้มค่ากว่าค่าซ่อมรถอย่างแน่นอน
    ถ้าเปลี่ยนชุดเบรกไม่ได้ ให้เริ่มจาก เปลี่ยนผ้าเบรกที่ดีที่สุดทนความร้อนมากที่สุดเท่าที่คาลิปเปอร์จะใส่ได้
    น้ำมันเบรกมีวันหมดอายุหรือเสื่อมสภาพ หากคุณใช้มานานหลายปี ควรเปลี่ยนได้แล้ว และเลือกที่มีค่าทนความร้อนสูงสุด หรือ DOT 4 เป็นอย่างน้อย
    *น้ำมันเบรกบางยี่ห้อไม่มีค่า DOT แต่ใช้ค่าทนความร้อนสูงสุดและไม่กัดลูกยางในระบบเบรก แต่ค่า DOT ในน้ำมันเบรกบางยี่ห้อ ยิ่งมีค่าสูงคุณต้องใช้ลูกยางที่ทนค่า DOT นั้นๆ ด้วยเพราะมันจะกัดลูกยางได้ ลองสังเกตได้ถ้าใช้ไปสักพักเริ่มมีความขุ่นหรือมีสีดำนั้นแสดงว่าน้ำมันเบรกเริ่มกันลูกยางแล้ว

    และจำไว้เสมอ หากเกิดความผิดพลาดใดๆ ระหว่างที่อยู่ในแทร็ค ให้เหยียบเบรกไว้ก่อน

    [​IMG]

    หากคุณละเลยหรือยังไม่มีโอกาสที่จะได้เปลี่ยน ถ้าขับไม่เร็ว อาจจะไม่เป็นอะไร (ผมไม่แนะนำให้เสี่ยง)
    แต่ถ้าเกิดอาการเบรกเฟด จะเป็นอย่างไร
    จากที่ผมเคยประสบด้วยตัวเองจะเจอแค่ 2 อย่างคือ
    1. เหยียบเบรกแล้วจม สาเหตุ อาจมีฟองอากาศในน้ำมันเบรก หรือน้ำมันเบรกทนความร้อนไม่ได้ หรือน้ำมันเบรกเสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานแล้ว
    วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในขณะที่วิ่งอยู่ ให้ย้ำเบรกให้เร็วที่สุดแล้วเบรกจะมีขึ้นมาเอง ในครั้งแรกอาจจะทำขึ้นมาได้ แต่ถ้าบ่อยครั้ง หลังๆ จะไม่มีเบรกให้คุณใช้งานแล้ว ฉะนั้น เมื่อรู้ว่าเบรกจม ให้รีบนำรถเข้าพิทในรอบนั้นทันที
    วิธีแก้ไขปัญหา
    • ให้ลองไล่ลมเบรกใหม่ แต่คุณต้องมีน้ำมันเบรกและเติมน้ำมันเบรกที่คุณใส่อยู่ด้วยนะ ห้ามใช้น้ำมันต่างยี่ห้อหรือต่างรุ่น น้ำมันเบรกอาจจะเสียหรือมีประสิทธิภาพลดลงได้
    • เปลี่ยนน้ำมันเบรกที่ทนความร้อนสูงที่สุดเท่าที่จะหามาได้
    • ติดตั้งท่อเป่าลมเบรก เพื่อระบายความร้อนสะสมของระบบเบรก
    2. เหยียบเบรกแล้วแป้นเบรกสะท้านกลับขึ้นมา สาเหตุ ผ้าเบรกทนความร้อนไม่ได้
    วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในขณะที่วิ่งอยู่ ก็ต้องพยายามเหยียบลงไปให้ได้ ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกว่ามันไม่ยอมให้เราเหยียบก็ตาม จากนั้นให้เข้าพิทในรอบนั้นทันที
    วิธีแก้ไขปัญหา เปลี่ยนผ้าเบรกที่ทนความร้อนที่สุดเท่าที่จะหามาได้ โดยที่ใส่คาริปเปอร์เราได้ด้วย
    หรือถ้าหาไม่ได้ ก็คงต้องหยุดการวิ่งในครั้งนี้เพราะผ้าเบรกมันไหม้ใช้งานไม่ได้แล้ว

    จากการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะเห็นว่า คุณสามารถเตรียมรับมือก่อนไปสนามได้ ให้รีบทำเลย จะได้ไม่ต้องประสบปัญหาในสนามแข่ง

    เทคนิคการเตรียมพร้อมก่อนเบรกเฟด ก่อนจะสายเกินไป
    ถ้าคุณชอบเบรกลึก แล้วเบรกเฟดละ คุณจะทำอย่างไร ปั้มเบรกขึ้นมาจะทันไหม?
    ลองใช้วิธีนี้ ก่อนถึงจุดเบรก ให้เหยียบเบรก 1 ครั้ง เพื่อให้รับรู้ระยะว่าตำแหน่งเบรกอยู่ในตำแหน่งเดิมหรือไม่ ถ้าอยู่ตำแหน่งเดิมก็ยกแป้นเบรกก่อน เมื่อถึงจุดเบรกให้เบรกตามปกติ (วิธีนี้จะเหมือนเป็นการปั้มเบรกไปในตัวก่อน 1 ครั้ง)
    แต่ถ้าเบรกจมไปแล้วให้รีบปั้มเบรกโดยทันที แล้วเบรกจะพร้อมใช้งานเมื่อถึงจุดเบรก หรือถึงแม้ว่าจะเลยจุดเบรกไปแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้เบรก
    วิธีดังกล่าวต้องหมั่นฝึกฝนให้ชำนาญ ทำอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้ระยะเวลาในการเหยียบเบรกไม่แตกต่างจากการเหยียบเบรกตามปกติ

    ยางที่เหมาะสม
    ยางที่ใช้วิ่งในสนามแข่งควรเป็นยางในระดับ HP หรือ UHP โดยส่วนใหญ่จะเป็นยางแก้มเตี้ย แก้มยางแข็งกว่ายางเรเดียลทั่วไป เพื่อลดการบิดตัวของแก้มยางในระหว่างเข้าโค้ง และดอกยางจะมีขนาดใหญ่ เนื้อยางจะนิ่มเพื่อความเกาะถนน
    ลมยางที่ใช้ห้ามต่ำกว่า 30 Psi ควรจะอยู่ระหว่าง 35-40 Psi หากมีใครแนะนำว่าให้ใช้ลมยาง 24-28 Psi คุณควรรู้ว่านั้นคือลมยางของยางสลิค ไม่ใช่ยางเรเดียล เพราะยางสลิคมีแก้มยางที่แข็งมาก มีการบิดตัวของแก้มยางที่น้อยมาก ไม่จำเป็นต้องเติมลมเยอะ เพื่อให้มีหน้าสัมผัสได้เต็มประสิทธิภาพ
    ต่างจากยางเรเดียลที่ต้องเติมลมยางแข็ง เพราะลดการบิดตัวของแก้มยาง โดยเฉพาะถ้าคุณใส่ยางที่มีการเบ่งแก้มเพื่อรับกับกะทะที่กว้างกว่าหน้ายาง ถ้าคุณใส่ลมยางน้อยๆ เวลาเข้าโค้งแก้มยางคุณจะหลุดขอบและไม่มีลมยาง นั้นหมายถึงขอบล้อคุณอาจจะเสียหายไปด้วย
    *ยางสลิคกับยางหัวโล้นไม่เหมือนกันนะ อย่าเข้าใจผิด
    ยางหัวโล้นคือยางที่หมดสภาพแล้ว ไม่มีดอกยาง เนื้อยางจะแข็ง ไม่มีความเกาะถนน
    ส่วนยางสลิค เนื้อยางจะนิ่มมาก และเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเกาะถนนเต็มหน้ายาง ยางจึงไม่มีดอกยางหรือร่องรีดน้ำ ใช้กับพื้นแห้งเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ยางสลิคสามารถวิ่งบนพื้นเปียกได้ เกาะถนนดีกว่ายางเรเดียล แต่วิ่งผ่านแอ่งน้ำไม่ได้ เพราะมันไม่มีร่องรีดน้ำ

    [​IMG]

    ในระหว่างที่วิ่งในแทร็คไม่ควรเข้าโค้งให้ยางร้อง เพราะถ้ายางร้องตลอดเวลา นั้นแสดงว่าคุณเข้าโค้งผิดวิธี หรือเข้าโค้งเกินกว่าประสิทธิภาพของยางที่จะรับได้ และยางจะร้อนมาก ตามมาด้วยยางจะไม่เกาะถนนอีกต่อไป
    วิธีแก้ไขให้ระหว่างวิ่งให้ลดความเร็วในโค้งนั้นซะหน่อย แล้วจะค่อยๆ กดคันเร่งอีกครั้ง ถ้ายางยังร้องอีกก็แสดงว่า ยางคงมีประสิทธิภาพของยางได้แค่นั้น ถ้าต้องการให้เร็วกว่านั้น ต้องกลับพิทมาแก้ไขสิ่งอื่นแทน เช่น มุมล้อหรือแคมเบอร์เป็นต้น

    เทคนิคการระบายความร้อนของยาง เพื่อความพร้อมในการแข่งครั้งต่อไป
    ถ้ารายการแข่งคุณต้องวิ่งหลายเซสชั่น รถคุณมีเวลาพักไม่นาน วิธีนี้จะช่วยให้ยางเกาะถนนเหมือนเซสชั่นแรกๆ ให้ทำตามนี้
    จากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ถ้ายางร้อนมาก ยางจะไม่เกาะถนน เมื่อวิ่งในเซสชั่นต่อๆ ไปมันก็ไม่เกาะถนนอยู่ดี ถึงแม้มีการพักรถในระยะเวลาสั้นๆ
    หลังจากจอดรถในพิทให้ขึ้นขาตั้งรถทั้ง 4 ล้อ แล้วปล่อยลมยางออกให้หมด ในระหว่างที่ปล่อย ลมยางจะร้อนมาก หลังจากปล่อยหมดแล้ว ให้เติมลมยางเข้าไปใหม่ แล้วปล่อยมาอีกที ลองสัมผัสว่าลมยางยังร้อนอยู่หรือไม่ ถ้ายังร้อนอยู่ก็ให้ปล่อยมาเหมือนเดิม ทำแบบนี้ซ้ำๆ 1-2 ครั้ง จนสัมผัสได้ว่าลมยางไม่ร้อนแล้ว และเติมลมในแรงดันที่ต้องการ เพียงเท่านี้ยางคุณก็จะไม่ร้อน และประสิทธิภาพของยางจะกลับมาใกล้เคียงเหมือนเดิม
    *แนะนำให้มีปั้มลมเป็นของตัวเอง ซื้อถังขนาดเล็กก็พอราคาแค่พันกว่าบาท

    วิธีการเช็ตรถเบื้องต้น
    =======ข้อมูลเร็วๆ นี้=======

    อยากรู้อะไรเพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัยประการใดสอบถามต่อจากกระทู้นี้ได้เลย
     
    แก้ไขล่าสุด: 11 สิงหาคม 2018
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้