เมื่อหม้อน้ำ........มันต้องเปลี่ยน...............

หลายวันก่อน สมาชิก ของเราสังเกตุเห็นว่าหม้อน้ำเดิมที่ติดรถมามันไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่น้ำหายบ่อย

ผมสังเกตุเห็นว่เริ่มมีน้ำหยดลงมาบริเวนหน้ารถแล้วด้วยเราก็เลยตัดสินใจกันง่ายๆว่าเปลี่ยนดีกว่าคับ

ซึ่งการเปลี่ยนหม้อน้ำก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรคับเพียงแต่หม้อน้ำอันนี้มีจุดยึดหักนิดหน่อยแต่เราก็สามารถ

ทำได้เช่นกันคับ....

01 ถอดกระติกน้ำออกเพื่อความง่ายในการทำงานคับ

02 ปลั๊กพัดลมที่อยู่ตงกระติกน้ำให้ถอดออก

03 ปลั๊กพัดลมฝั่งตรงข้ามกันซึ่งเป็นของฝั่งแอร์ก็เอาออกด้วย

04 เมื่อปลดปลั๊กทั้ง 2 ออกแล้ว ก็เริ่มถอดเข๊มขัดรัดหม้อน้ำด้านล่างได้เลย (ระวังน้ำร้อนคับ)

05 และปลดที่ด้านบน

 

06 ท่อยางอาจถอดยากให้บิดไปมาหรือใช้ไขควงปากแบนสอดและงัดให้ขยับ

07 ปลดที่ยึดหูหม้อน้ำทั้ง2ข้าง

08 เมือทำหมดนี่แล้วขณะที่เรายกออกจะสังเกตุเห็นปลั๊กที่ยึดเซนเซอร์พัดลมแอร์ได้ชัดก็ถอดออกด้วย
หรือถ้าสามารถถอดออกก่อนได้จะดีกว่ามากคับ

09 นำหม้อน้ำที่ได้มาใหม่ อาจเป็นหม้อน้ำจากหน้าตัดใหม่หรือซื้อมาใหม่หรือไรกตามแต่ มาล้าง
กรณีนี้อาจไม่ได้ถึงขนาดเปิดฝาล้างคับ เพราะที่ผ่านมาผมล้างทำมะดาพอ

10 เมือล้างทั้งหมดแล้วนำมาผึ่งแดดหรือเป่าลมได้จะดีกว่ามากโดยเฉพาะรังผึ้งหม้อน้ำที่ผมใช้
ลมจากปั๊มลมเป่าเอา บางท่านอาจมีเครื่อฉีดล้างรถแบบนั้นก็จะใช้งานได้ดี

 

11 ความสะอาดหลังจากที่เราล้างรังผึ้งแล้วมันจะส่องทะลุได้เลยย

12 เมื่อล้างเรียบร้อยเราก็ประกอบเข้าไป

13 เสร๊จแล้วก็หย่อนลงที่เดิมซึ่งจุดยึดจะมีอยู่ด้านล้าง

14 ใส่ให้ตรงเบ้านี้คับ

15 แล้วรัดสายรัดเข้าที่อาจใส้เพี้ยนตำเหน่งเดิมเล็กน้อยได้คับ...เอออสังเกตุดีๆที่หูยึดหม้อน้ำ
อันนี้เราใช้เหล๊กรูที่มีขายตามร้านฮาดแวร์มาทำขายึดอันใหม่โดยยึดจากขาพัดลมมาที่ขายึดหูหม้อน้ำ
แล้วทำสีดำให้เรียบร้อยคับ

 

16 เมื่อท่อน้ำใส่เข้าที่เดิมเรียบร้อยแล้วก็เสียบปลั๊กเข้าที่เดิมให้ครบรวมถึงกระติกด้วยแล้วเติมน้ำให้เต็ม

17 จากนั้นสต๊าดเครื่องคับ ทิ้งสักครู่ เปิดแอร์ จากนั้นเราเริมไล่ลมโดยการคลายน๊อตรูปร่างแปลกๆ
บริเวนท่อน้ำที่อยู่ติดกับเครื่อง เหนือเลขเครื่องขึ้นไปจะเห็นได้ชัดครับแต่หากเป็น ฝา 16 เอ
จะอยู่ด้านหลังคับ

18 แล้วเติมน้ำตามไป

19 สังเกตุน้ำที่ไหลออกมาจะมีฟองออกมาด้วย ให้รินน้ำตามไป + กับสังเกตุน้ำที่ไหลออกมาจนกว่า
จะไม่มีฟองตามออกมาคับ

20 เมื่อไม่มีฟองอากาศแล้วมีแต่น้ำไหลออกมาเพียวๆก็ขันปิดไป ติมน้ำที่ขาดให้ครบ
เวลานี้เครื่องจะเริ่มร้อนแล้วครับ น้ำจะเริมดันฝาหม้อน้ำละ เราก็ปิดไปเป็นอันจบ ....

สังเกตุอาการน้ำอีกทีอาจเติมเพิ่มซัก 2-3 (วันหากมีขาดหาย) เป็นอย่างมากจากนี้น้ำไม่ควรหายแล้วคับ....

 

DIY อีกแร้ววว....

น่าจะมีรวมกระทู้ที่เป็น DIY เข้าด้วยกันไปเรยเนอะ

 

สุดท้ายนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ไอ่พัดลมที่อยู่ในรถตากลมเดิมๆ มันอามาเปลี่ยนกับหม้อน้ำ

ไทปอาร์ได้หรือไม่ หรือเอามาแต่มอเตอร์หรือสลับไรกันได้มั่งคำตอบก็คือ ไม่ได้ นะคับ

เพราะโครงพัดลม 2 รุ่นนี้ จะไม่เหมือนกัน ตลอดจนขายึดมอเตอร์เข้ากับโครงทั้ง 2 ตัวนี้ไม่เหมือนกันคับ

จะใส่ให้ใส่ทั้งชุดคับ เพราะ เดิมตากลมที่มาเป็นฝาเขียวๆนั้นจะไปมีมอเตอร์เหมือนกับซีวิกมากกว่า

ส่วนของไทป์อาร์นั้นจะเหมือนกันหมดรวมถึงหม้อน้ำที่ติดหัวตัดจากยี่ปุ่นก็สามารถใส่กับไทปอาร์ได้

แม้ว่าจะเป็นตากลมก็ตาม..........

เท่ากับว่ามันใส่กันได้กับ japan spec ด้วยกันเท่านั้น ส่วน aus model ก็จะไปเหมือนกับซีวิกคับ

 

หม้อน้ำโรงงานทั้งหมดเท่าที่ผมเคยเจอมามี 3 แบบด้วยกันคร่าวๆคับตั้งแต่

type r dc2 db8 และ เครื่องซิงเกิ้นแคม sohc ในพวกdc1 และ dc2 aus model

นอกเหนือจากนี้พวกของแต่ง หรือ ของทำเองในบ้านเราผมไม่พูดถึงนะครับ หรือใครเจอมากกว่านี้

เอามาแนะนำกันที ..........

ความต่างเหล่านี้ทำให้หลายท่านอาจสงสัยว่ามันต่างกันยังไงและมีข้อดีแตกต่างกันยังไง

"type r dc2 db8 " เป็นหม้อน้ำที่ผมสังเกตุได้ชัดว่า มีความห่างของระยะหลอดน้ำ

กว่างกว่า และ หลอดน้ำใหญ่กว่า aus model ตัวรังผึ้งนั้นทำจากอลูมิเนียม จุน้ำได้ 1500 ml

ด้วยตัวถังที่เป็นอลูมิเนียมซึ่งเราๆเข้าใจกันดีว่าสามารถรับและผ่านความร้อนได้เร็วกว่า

น้ำหนักน้อยกว่า และ ทำได้บางกว่า แม้จะจุน้ำได้ 1500ml แต่หลอดที่ห่างกว่าสามรถให้อากาศ

ไหลผ่านได้มากกว่า ทั้งนี้น้ำอีก 250 ml ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่มากขนาดนั้น

"dc2 aus model" หม้อน้ำที่มากจากเครื่อง b18 c ตากลมบ้านเรา มีขนาดหนากว่าระยะห่างของ

หลอดน้ำแคบกว่า type-r จุน้ำได้ 1750 ml ตัวถังทำจากอลูมิเนียม หลอดน้ำมีขนาดเล็ก แต่มีช่องมากกว่า

มากกว่ากี่ช่องไม่ได้นับคับ หลอดที่มากกว่าก็สามารถจุน้ำได้มากกว่าถึง 250 ml ผมเข้าใจว่า

เพื่อเอามาทดแทนความร้อนที่อาจจมากขึ้นเมื่อลมไม่สามารถผ่านได้ดีเพราะมีจำนวนช่างที่มากเกินไป

และแคบกว่ามากลมผ่านได้ยาก....

"sohc หม้อน้ำอินทิกร้าพวกแคมเดี่ยว" ทั้งออโต้และทำมะดามีขนาดที่เท่ากันกับ type-r ทั้งความถี่ของ

หลอดหม้อน้ำและความห่างความบางเท่ากันทุกอย่างจุน้ำได้ 1500 ml เท่ากัน แตกต่างเพียง ตัวถัง

ทำจากทองแดงคับ ผมว่าสาเหตุหลักเป็นเรื่องของต้นทุน แต่เทคโนโลยีเดียวกันกับไทปอาร์นี้สามารถ

ส่งผลให้หม้อน้ำราคาถูกก็มีประสิทธิภาพดีเช่นกัน และอีกจุดที่แตกต่างจากเครื่อทวินแคมก็คือ

ขนาดของทางเข้าและออกของหม้อน้ำคับจะมีขนาดเล็กกว่าอย่าเห็นได้ชัด.....

ทั้งหมดนี้สามารถนำมาใส่ทดแทนกันได้ทุกอย่างคับ หม้อน้ำมีความต่างกันด้านสมรรถนะก็จริง

แต่เท่าที่ทดลองให้เพื่อนๆใช้ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าอันไหนดีกว่ากัน ทุกอันสามารถใช้งาน

ในบ้านเราได้ดี จะมีปัญหามากก็ตรงที่ฝาชอบแตกก่อนเสมอเมื่อถึงเวลาอันควร .........


ภาพแรก ลักษณะหม้อน้ำของ type-r

ภาพ 2 ลักษณะหม้อน้ำของ aus model

ภาพ 3 ลักษณะหม้อน้ำทั้ง2ที่ต่างกันระหว่าง R กับ ไม่ R

ภาพ 4 ลักษณะหม้อน้ำของ sohc

ภาพที่ 5 ขนาดของทางเข้าออกหม้อน้ำที่ต่างกันของ sohc และ vtec.......

 

เยี่ยม

 

ละเอียดยิบ ...

 

วันนั้นไปดูด้วยเหมือนกัน เปลี่ยนไม่ยุ่งยากครับ แต่มีเหงือตก

 

หม้อน้ำใช้ดีไม่มีปัญหาเลยครับ

ต้องขอขอบคุณท่านประธานมาก ๆ เลยครับ

 

เอารถใครถ่ายเป็นนายแบบเนี่ยต้องเสียตังขอเค้าถ่ายรึเปล่า555

 

พี เอาลิ้หน้ามูเก้นพี่ป่าวขายให้ถูกๆเลย

 

อย่าว่าแต่ลิ้นหน้าเลยพี่ หน้าตัดไฟยาวกองอยู่บ้านพี่ดิวจนหนอนขึ้นแล้ว

 

หนอนกินหมดแล้วหละคับซื้อมาใหม่นะ.....

 

กรั๊กๆๆ จัดไป