ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในปัจจุบัน รถยนต์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งความสะดวกสบาย ความภูมิฐาน และการมีพื้นที่สำหรับการเดินทางไปสู่สถานที่ต่างๆ ในหลากหลายวาระ แต่แน่นอนว่า เมื่อรถยนต์เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ การดูแลรักษา การซ่อมบำรุง และการตรวจสอบความพร้อมของชิ้นส่วนต่างๆ ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งประกันภัยรถยนต์ ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ช่วยให้กระบวนการต่างๆ สามารถเป็นไปได้อย่างสะดวก และไม่ทุกข์ร้อนยามปัญหาหรืออุบัติเหตุเภทภัยมาเยือน

แต่กระนั้น แม้จะไม่ต้องกล่าวถึงความสำคัญของ ประกันภัยรถยนต์ที่มีต่อยานพาหนะอันเป็นที่รัก (เพราะแทบจะเป็นสิ่งที่กึ่งบังคับในทางปฏิบัติอยู่แล้ว) แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า ประกันรถยนต์ จะจบแค่เพียงการจ่ายเงินและเลือกซื้อกรมธรรม์ เพราะมันยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ผู้ซื้อจำต้องได้รับการพิจารณาเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย เพื่อให้มีความเข้าใจในเงื่อนไขอื่นๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องที่ต้องรู้ ข้อที่ 1: ประกันภัยรถยนต์ ครอบคลุมคุ้มครองในระดับใด

​

เป็นหนึ่งคำถามสำคัญที่มักจะได้รับการถามไถ่มาโดยตลอดว่า ประกันภัยรถยนต์นั้น มีระดับการคุ้มครองครอบคลุมถึงขั้นไหน ซึ่งในแง่นี้ตาม พ.ร.บ. รถยนต์ ได้กำหนดเอาไว้ว่า การทำ ประกันภัยรถยนต์ นั้น ถือเป็นภาคบังคับที่ทุกคันจะต้องมี เป็น Compusory Third Party Liability Insurance (CTPL) ที่ผู้หลีกเลี่ยง จะต้องถูกดำเนินคดีเป็นค่าปรับไม่เกิน 10,000 บาท (แต่ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเบาใจได้ เพราะผู้ขายรถ หรือโชว์รูม จะรวมค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้แล้วตั้งแต่ตอนซื้อ) ซึ่งจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ ผู้ขับขี่รถยนต์ นั้นๆ เป็นหลัก แต่ไม่นับรวมความเสียหายอันเกิดขึ้นกับยานพาหนะนั้นๆ และนั่นเอง ที่บริษัทประกันภัย กับกรมธรรม์ต่างๆ ได้เข้ามาเติมเต็มความต้องการดังกล่าว

เรื่องที่ต้องรู้ ข้อที่ 2: สถานภาพของผู้ซื้อกรมธรรม์ส่งผลต่อเบี้ยประกันในภาพรวม

​

แม้ว่า การซื้อกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ จะมีราคากลางและราคาประเมินที่ค่อนข้างแน่นอน แต่ก็มีหลายจุดปลีกย่อยที่จะส่งผลต่อราคาในช่วงเสร็จสิ้นกระบวนการ และเชื่อเถอะว่ามันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากกว่าที่หลายคนจะคาดคิด เพราะแม้แต่เพศกับอายุ, สถานภาพการสมรส, ท้องถิ่นที่อยู่อาศัย, ความเก่าใหม่ของยานพาหนะ และประวัติการเกิดอุบัติเหตุ เหล่านี้ ถูกนำมาคำนวณและพิจารณาว่าเบี้ยในแต่ละปีที่คุณจะต้องจ่ายนั้นจะมีมูลค่าเท่าใด ดังนั้น แม้คุณจะรู้สึกว่าการ ประกันภัยรถยนต์ เป็นขั้นตอนที่ดูแน่นตึง แต่ขอให้เชื่อว่า ทุกอย่างคือการคิดที่พิจารณาแล้วเป็นอย่างดี และคุณเองก็ควรจะนำสิ่งเหล่านี้มาเข้าสู่สมการคิดด้วยไม่แตกต่างกัน

เรื่องที่ต้องรู้ ข้อที่ 3: รถรุ่นใหม่ เบี้ยที่ต้องจ่ายก็ยิ่งแพง

​

บางครั้งมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า รถยนต์รุ่นใหม่ถอยป้ายแดง จะมีเบี้ยประกันที่ถูกกว่ารถที่เก่า มีอายุการใช้งานหลายปี ทั้งนี้ อาจจะเกิดขึ้นจากความรู้สึก หรือประสบการณ์ที่ได้เจอมากับตนเอง ในจุดนี้ขอให้ย้อนกลับไปอ่านข้อที่สองอีกครั้งว่ามีปัจจัยใดที่มาเกี่ยวพันหรือไม่ เพราะรถรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพดี เป็นที่นิยม ก็มีสิทธิที่เบี้ยประกันจะแพงกว่าเพราะมีความเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมได้สูง เป็นต้น

เรื่องที่ต้องรู้ ข้อที่ 4: เคลียร์ให้ดี หากเกิดปัญหา (เพราะส่งผลต่อเบี้ยประกัน)

​

มองโดยอย่างเรียบง่ายแล้วนั้น เราทุกคนย่อมเขา้ใจตรงกันวา่ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ย่อมคุ้มครองครอบคลุมมากกว่าประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3 (หรือ 3+) อยู่แล้วเป็นธรรมดา เพราะต่อให้เราเป็นฝ่ายผิดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือกระทบกระทั่งบนท้องถนนแต่ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ และคุณถูกลงบันทึกประจำวันให้เป็นฝ่ายผิด (ไม่ว่าจะเต็มใจยอมรับ หรือสอบสวนจากสถานีตำรวจในละแวก) มันจะถูกขมวดรวมเข้ากับเบี้ยประกันในปีถัดไป ซึ่งนั่นไม่ใช่สถานการณ์ที่ดี เหล่านี้ คุณอาจจะต้องนำมารวมในการคิดและตั้งสติทุกครั้งแน่นอนว่าอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่เมื่อเกิด ก็ต้องพูดคุยและหาจุดลงตัวที่ชัดเจน เพราะมันเกี่ยวกับเงินที่คุณจะเสียในปีถัดๆ ไป (เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่อยากจะมีเรื่อง หรือพบว่าผิดเต็มประตูจังๆ)

เรื่องน่ารู้ ประการที่ 5: จ่ายเหมารวบยอด ถูกกว่า

​

สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะมากนัก ประกันรถยนต์ อาจจะเป็นสิ่งที่ดูสิ้นเปลืองเกินกว่าที่จะตัดสินใจต่ออายุเป็นแบบรายปี (หรืออย่างเลวร้ายที่สุดคือ ปล่อยให้หมดไปโดยไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย) แน่นอนว่านั่นคงแล้วแต่ความต้องการของแต่ละท่านหากแต่การคิดแค่เพียงต่ออายุเป็นรายเดือนในกรณีที่จะมีการใช้งาน ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมนักเมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายที่ผ่านการถัวเฉลี่ยออกไปแล้ว ที่จะพบว่า จ่ายแบบรายปี ตกเฉลี่ยแล้วถูกกว่าในอัตราที่เห็นได้ชัด รวมถึงอุบัติเหตุนั้นไม่เข้าใครออกใคร การมีพกติดตัวไว้ย่อมอุ่นใจกว่า หรือไม่จริง?

เรื่องน่ารู้ ประการที่ 6: ไม่ใช่รถยนต์ทุกคัน ที่ต้องทำ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

​

สิทธิประโยชน์ของประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้น ถ้าแจกแจงออกมาเป็นข้อๆ แล้ว จะพบว่ามีอยู่อย่างมากมายทั้งความเสียหายต่อยานพาหนะและผู้ขับขี่, คุ้มครองความเสียหายของคู่กรณี, ชดเชยค่าซ่อมแซม, รถสูญหายหรือพังพินาศจากเหตุเพลิงไหม้ เรียกว่ามองไปทางไหน ก็ไม่เห็นข้อเสียเลยแม้แต่น้อย แต่ก็เช่นเดียวกับที่โบราณว่าไว้ ปลูกหอแต่พอดีตัว ถ้าคุณรู้สึกว่า ประกันภัยรถยนตชั้น 1 มันดูจะทำร้ายเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาวแล้วนั้นก็พิจารณาเลือกตามที่จำเป็น

ทั้งหมดนั้น เป็นแนวทางคร่าวๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์ แต่กระนั้น ท่ามกลางความหลากหลายของบริษัทและกรมธรรม์ การคัดเลือกสิ่งเพื่อการใช้งานย่อมไม่อาจกระทำได้โดยง่าย การมีผู้ช่วยที่ดี ที่สามารถเปรียบเทียบและนำเสนอสิ่งที่เหมาะ ย่อมตอบโจทย์ความต้องการด้าน ประกันภัยรถยนต์ ได้อย่างลงตัว และ rabbit finance ก็คืออันดับ 1 ด้านบริการเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ภายใต้การบริหารงานของ BTS Group ที่ให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบแพ็คเกจ ประกันภัยรถยนต์ จาก 30 บริษัทชั้นนำ พร้อมข้อมูลครบถ้วน เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งคุณสามารถรับทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ finance.rabbit.co.th