ความรู้พื้นฐาน การรู้ซึ้งถึงตัวกล่องเป็นเรื่องสำคัญมากๆ สำหรับ Tuner เพื่อจะได้รู้ข้อแตกต่างของ Motec แต่ละรุ่นอย่างแจ่มแจ้งว่า M4, M48, M8 หรือ M800 นั้นมีความสามารถมากน้อย ตรงกับความต้องการขนาดไหน มีสารคุมกี่เส้น, Function ที่จะเอาไปประยุกต์ต่อเพียงพอหรือไม่ ฯลฯ และ ความยาก ง่ายในการใช้งาน เพราะถ้าเจอกล่องรุ่นใหม่ๆ อย่าง M800 ที่คุมหัวฉีกหลักได้ 8 หัวกับชุดสายไฟจุดระเบิดที่มี out put มาให้ 8 เส้น ในการตั้งค่าเพื่อที่จะเป็นตัวประมวลมันจะมีความละเอียดของค่าต่างๆมากกว่า M4 หรือ M48 หรือรุ่นอื่นๆ อีกเยอะ การรู้เรื่องประเภทนี้ถ้าเป็นแค่คนใช้รถก็ถทอว่าพอแล้ว แต่ถ้าจะ Up ตัวเองไปเป็น Tuner คงต้องรู้อะไรมากกว่านั้นอีกเยอะ ! ! ! เราก็พอจะจำแนกออกมาเป็นหมวดคร่าวๆได้ประมาณนี้ 1. ระบบการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากเรื่องพื้นๆที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วเช่น น้ำมัน/ไฟจุดระเบิด Bore X Stroke หรือ Compreesion Rate แล้ว ในเรื่องของ Spec ทั้งของ Standard และของแต่ง Hi-Performance มีความแตกต่างขนาดไหนอย่างเช่น ระยะยกของ Camshaft ก่อน/หลัง การโมดิฟาย จะทำให้ปริมาณไอดี/หรือไอเสีย ต่างกันแค่ไหน แล้วยังจะเรื่อง รูแบบของหัวลูกสูบ ปริมาตรของห้องเผาไหม้แต่ละสูบ เชื่อป่ะว่าบางครั้งมันส่งผลถึงการ Tune Up คนละเรื่อง และ คนละข้อมูล เลย... **จุดสำคัญ การป้อนข้อมูลที่เป็น Real Time (ขับไปจูนไป) Tuner จะต้องอ่านอาการขาดขณะที่ทำการจูน อย่างเช่น ขับไปแล้วเกิดอาการสะดุด รอบตัดหัวทิ่มบ่อเป็ด มันเกิดจากอะไร หัวเยนบอด, สาย Vac หลุด, หรือเกิดการรั่วของท่อไอดี ยังไม่รวมถึง"ความรู้สึก" ถึงจะดูอาการเครื่องยนต์ออกว่าที่โมฯมา Step นี้ "ควรจะ" มีความแรงขนาดไหน ข้อมูลที่จะจูนไปใส่องศาจุดระเบิด เหมาะสมรึยัง รอบเครื่องหนืดกว่าที่ควรรึเปล่า อันนี้ต้องใช้ความเก๋า + ประสบการณ์กันซักหน่อย... 2. ระบบ Electronic นอกเหนือจากที่ต้อง wiring สายไฟ sensor ต่างๆที่ต้องพ่วงเข้ากล่องเพื่อเป็นตัวประมวลผลและสั่งการ ถึงแม้ว่าเขาจะมีผังการ wiring มาให้เสร็จสรรพทะงชุด แต่หากไม่รู้ว่า ปลั๊กตัวไหนเสียบเข้าอะไร หรือต่อจากจุดไหน อย่าหวังซะว่ามันจะแรง Tuner เองจำเป็นต้องมีความรู้ในส่วนนี้ด้วย ถึงแม้ว่าช่าง wiring สายเก่งๆ อ่านผัง สักพักก็คงจะต่อได้หมดแล้ว แต่การที่ tuner ก็รู้มันก็จะดีเป็น 2 เท่ารึไม่ ? การต่อสายไฟก็ด้วย ห้ามบัดกรีด้วยตะกั่วโดยเด็ดขาด เพราะคุณสมบัติสายไฟของ Motec เป็นสายเกรดดีมีความสามารถในการ"สื่อ"สัญญาณได้ดีและรวดเร็ว ซึ่งถูกหุ้มไว้ด้วยเปลือกที่มีประสิทธิภาพในการทนความร้อนได้สูงและป้องกันการรบกวนจากสัญญาณอื่นๆ ถ้าหากเราใช้ตะกั่วซึ่งมีความท้านทานในตัวเอง พอถึงการทำงานในรอบทีสูงสักหน่อย คราวนี้ตัวสัญญาณทั้ง Input และ Output ก็จะเกิดอาการเพี้ยนของสัญญาณ ต่างๆได้ ดังนั้นควรใช้เป็นการ ชิลด์ จะดีกว่า ข้อดีของ Motec อีกอย่างคือ มันเปิดโอกาศให้ Tuner สามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Sensor ของอะไรจากไหนมาใช้ก็ได้ อย่างสมมติว่าใช้ Sensor ของ Honda มาใส่ใน Nissan หรือการเปลี่ยนหัวฉีดหลักแบบ โลว์-โอห็ม แทนของเดิม แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นซะทีเดียวมันเป็นหน้าที่ของ Tuner ที่จะต้องมาเป็นล่ามนั่ง Calibrate ค่าต่างๆให้กล่องรับรู้ว่ากำลังรับค่าอะไรและมาจาก Sensor ประเภทไหน ซึ่งถ้าตั้งค่านี้ผิดพลาด อย่าหวังถึงความแรงเลย สตาร์ทได้ก็บุญถม ! ! ! ดังนั้นจำเป็นจังเลยที่จะต้องเอาความรู้ในเรื่อง Electronic มาใช้ไม่งั๊นล่ะเจ๊งตั้งแต่ยังไม่ทันจูนกัน การป้อนค่าต่างๆเองก็ครอบคลุมกันไปถึงรายละเอียดอื่นๆ เช่น... - Inject Scale หรือค่า มิลลิเซ็กของหัวฉีด - Injection Current ค่ากระแสไฟที่ใช้ยกหัวฉีด - Eff Cal Methol คการอ้างอิงระบบจ่ายน้ำมัน ไฟจุดระเบิดจาก Sensor - Ignition Delay Time ค่านี้สำคัญมาก ถ้าหากต้องการความแรงกับแบบสุดโต่ง เพราะเรากำหนดองศาไฟจุดระเบิดให้พอดีเป๊ะกะความต้องการไม่ได้หรอก มันต้องมีการ Delay ไปนิดหน่อย ดังนั้นถ้าหากเราต้องการให้ไฟจุดในจังหวะที่ต้องการพอดี จึงต้องมีการสั่งให้ Coil มันยิงก่อนโดยป้อนค่าใน menu นี้หล่ะ ทักษะในการจูน ก่อนที่จะลงมือกับตัวโหด จำเป็นจังที่จะต้องใช้ programe กันอย่างคล่องๆ รู้ถึง detail ว่า menu ที่ต้องการอยู่ตรงไหน ก็สำคัญไม่แพ้การดูอาการของเครื่องยนต์ เพราะถึงรูปแบบ programe ของ Motec จะออกแบบมาให้แสดงการทำงานของเครื่องยนต์ได้ทุก Function รวมไปถึงหน้าจอ setting การจ่ายน้ำมันและไฟจุดระเบิดในรูปแบบ 3มิติ ที่ทำให้วิเคารห์อาการต่างๆได้แม่นขึ้น และ ละเอียดขึ้น แต่ถ้า Tuner เสือกลืมว่าจะปรับเพิ่มหรือลดต้องไป menu ไหนหรือจะเช็ค A/F ยังไง แล้วต้องเปิดไล่ทีละอัน วิกฤ๖ล่ะทีนี้เพราะเครื่องอาจพังได้ทีเดียว ฉะนั้นหัดใช้โปรแกรมให้คล่องซะก่อนลงมือจริง... ใครที่เหลือๆก็เชิญทดลองใช้กล่องนี้ดูครับ