มาเล่าประสบการณ์เจอโค้งปราบเซียน ส่วนผมขอหลบไปตั้งหลักตัวเองก่อนนะครับ

การสนทนาใน 'Evolution Thailand' เริ่มโดย rimula, 21 สิงหาคม 2007

< Previous Thread | Next Thread >
  1. rimula

    rimula New Member Member

    21
    2
    0
    แล้วมันก็กลายเป็นอดีต

    [​IMG]

    [​IMG]


    เรื่องทั้งหมดเกิดเมื่อ วันที่ 18 สค เนื่องจากได้วันหยุด 4วัน จึงตั้งใจจะเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดกระบี่
    โดยเริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพ เมื่อ 12.00 ไปทางเส้นเพชรเกษม เพื่อลงใต้
    และได้เดินทางไปถึง อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 18.00
    จุดเกิดเหตุคือ บริเวณ โค้งสายชล ซึ่งเป็นโค้งสุดท้าย ก่อนถึงศาลพ่อตาหินช้าง

    [​IMG]

    [​IMG]

    ซึ่งก่อนที่จะมาถึงโค้งนี้ ผมได้ขับเร็วมาโดยตลอด (150+) เนื่องจากเป็นเส้นทางตรงยาว
    แต่เมื่อเข้าบริเวณโค้ง ผมได้ชลอรถเพื่อประคองรถเข้าโค้ง ความเร็วช่วงก่อนถึงโค้งประมาณ 80-90 km/h
    โดยในจังหวะที่อยู่กลางโค้ง ผมเห็นว่าโค้งยังอีกยาว(ยาวกว่าที่คิด) และความเร็วของรถผมก็เริ่มตก จึงเร่งเครื่องมาที่ความเร็วประมาณ 100 km/h เพื่อหนีโค้ง
    ซึ่งจากการกะโดยสายตา ลักษณะของโค้งเป็นโค้งกว้าง ผมจึงมั่นใจว่า ยังสามารถควบคุมรถได้อยู่
    และระหว่างเข้าโค้ง ผมได้เกาะเลนในตลอด เพื่อที่จะรอจังหวะตัดออกเลนนอก เมื่อออกโค้ง

    [​IMG]

    ทันใดนั้น จังหวะที่กำลังจะออกจากโค้ง ท้ายรถผมเกิดปัดไปทางซ้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ
    รถผมเริ่มเสียหลัก และหน้ารถผมเริ่มทิ่มลงคูข้างทาง
    ซึ่งผมได้พยามเหยียบเบรค และหมุนพวงมาลัยเพื่อประคองรถ แต่รถรถสะบัดแรงจนไม่สามารถประคองรถได้
    ทำให้รถผมปัดลงข้างทางในลักษณะ ที่ไม่สามารถควบคุมรถได้

    [​IMG]

    โดยการคว่ำ จากคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า
    รถผมลงคูในลักษณะ ใช้ข้างรถลง (เหมือนรถดริฟ)
    และหน้ารถได้ทิ่มลงไปในคู ทำให้ท้ายรถสบัด และพลิกคว่ำประมาณ2รอบ จนไปหยุดอยู่ที่ขอบกั้นทางของอีกฝั่ง

    นี่คือจุดที่รถเริ่มไถลลงข้างทาง
    [​IMG]

    จะเห็นรอยลากมาเป็นทางยาวจากขอบถนน ด้านขวาของรูป
    [​IMG]

    ผมซึ่งอยู่ในรถหลังจากการคว่ำ ผมนั่งในลักษณะ ห้อยหัว
    จึงปลดสายเข็มขัดนิรภัย และพยามถีบประตูเพื่อออกมานอกรถ
    โดยระหว่างที่ถีบประตู สังเกตุได้ว่าเครื่องยังติดอยู่ จึงดับเครื่องเพื่อความปลอดภัย

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    หลังจากนั้น หน่วยกู้ภัยและตำรวจก็มาถึง ผมจึงได้ถามตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบัน เพื่อแจ้งบริษัทประกัน
    ระหว่างรอประกัน พี่พนักงานกู้ภัยเล่าว่า รถที่เข้าโค้งนี้ ถ้าไม่ส่ายลงคู ก็ชนกัน บ่อยมาก
    โค้งนี้จึงถูกเรียกว่า โค้งสายชล
    บางครั้ง ตกลงข้างทาง 4คัน รวดก็มี

    โดยสาเหตุหลักคือ ถนนลื่น ยิ่งหลังฝนตก อันตรายมาก
    และเนื่องจากมีรถบรรทุกวิ่งบ่อย จึงมีการยุบตัวของผิวถนน โดยเฉพาะ ในช่วงปลายโค้ง
    หากคนไม่ชำนาญเส้นทาง มักคิดว่าเป็นโค้งกว้างๆธรรมดา จึงค่อนข้างขับกันเร็ว
    จนมาเจอกับจุดที่ถนนลื่น หรือ ตกรอยผิวถนน ทำให้รถกระเด้งตัวตอนออกจากโค้ง ท้ายรถจึงปัด

    หลังจากนั้น ก็รอจนประกันมา และช่วยกันกับพี่ๆทีมกู้ภัย เพื่อพลิกรถ และให้รถยกมาลากไป
    และนี่คือสภาพรถ เมื่อไปถึงอู่ของวิริยะ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    จากการตรวจสอบเบื้องต้น
    ผู้ขับขี่ คือผม การบาดเจ็บ มีแค่ข้อมือขวาซ้น จากการสบัดของพวงมาลัย
    และสภาพรถ เหล็กคานหน้ายุบมาถึงตัวเครื่อง แต่เครื่องและคอนโซล ไม่เสียหาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    พี่ประกันแจ้งว่า สภาพอาจจะซ่อมได้ แต่ต้องมาคุมราคากันก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที
    และหากต้องการซ่อมที่กรุงเทพ ต้องจ่ายค่ารถยก50% (ประกันออกให้50%)

    ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมได้คุยๆกับอาจารตุ๋ย แห่ง mitsu sport ไปบ้างแล้ว อาจจะได้ใช้บริการกับอาจารนะคับ (หากผมไม่ตัดใจขายซากไปซะก่อน)

    กว่าจะเสร็จเรื่องก็เกือบสี่ทุ่ม ผมจึงนั่ง บขส กลับมากรุงเทพก่อน โดยจะโทรสอบถามสรุปการคุมราคาซ่อมที่ได้อีกครั้ง

    ระหว่างทาง ผมก็นั่งคิดวิเคราะห์ตลอดทางว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
    จึงค่อยๆได้ข้อสรุปดังนี้
    1. ด้วยสภาพคนขับ
    ผมเพิ่งแวะจุดพักมาก่อนหน้านี้ ผมมั่นใจว่า ตอนนั้นผมไม่ได้หลับใน หรือเมาขับ 100% สติครบ32 มีสมาธิในการขับรถเต็มที่
    ตอนนั้นเริ่มมืด แต่ผมก็เปิดไฟแล้ว
    แต่ผมก็ยอมรับว่า ข้อเสียของผมคือ ผมเป็นคนค่อนข้างขับรถเร็ว แต่ผมจะขับเร็วเมื่อมั่นใจว่าควบคุมรถได้100%เท่านั้น
    และในโค้งกว้างแบบนั้น ผมก็เคยขับที่ความเร็วมากกว่านี้ด้วยซ้ำ จึงมั่นใจว่า โค้งนี้ ก็ไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาด
    อีกอย่างผมเองก็ไม่ชำนาญทาง เพราะเพิ่งเคยขับเส้นนี้ครั้งแรก
    2. สภาพถนน
    ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังฝนตก โอเค ถนนเปียก อาจเป็นสาเหตุ
    รอยยุบตัวของถนน ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เนื่องจากรถมีการกระเด้ง ก่อนที่ท้ายจะปัด
    แต่ ปัญหาสำคัญคือ แล้วทำไมคันอื่นไม่เป็นหละ ทำไมต้องเป็นรถผม
    3. รถ
    ผมเริ่มคิดว่า มีปัญหาอะไรกับรถก่อนหน้านี้หรือเปล่า
    ก่อนเดินทาง ผมก็ตรวจเช็ครถตามปกติ น้ำมันเบรค น้ำมันเกียร์ น้ำหม้อน้ำ ก็ตรวจสอบหมดแล้ว
    แล้วผมก็ฉุกคิดได้อย่างนึง
    - ก่อนเดินทาง ผมได้เอายางอะไหล่ออก เพื่อลดน้ำหนักตัวรถ ทำให้ประหยัดน้ำมันในการเดินทาง
    - เนื่องจากยางรถผมค่อนข้างเก่า ผมจึงเติมลมยางค่อนข้างแข็ง (36) เพื่อป้องการแก้มยางฉีก กรณีกระแทกหรือตกหลุมแรงๆ

    จึงเริ่มวาดภาพได้ว่า ตอนที่เร่งในช่วงโค้ง รถมีการกระดอน แต่เนื่องจากช่วงหน้ามีเครื่องยนต์ถ่วงไว้ จึงหยุดกระเด้งเร็ว
    ผิดกับข้างหลัง ซึ่งช่วงหลังเบากว่าช่วงหน้า เพราะหลังจากเอายางอะไหล่ออกไป ก็ไม่มีอะไรถ่วง จึงหยุดกระดอนช้ากว่า และแถออกไปทางข้างโค้ง
    ยิ่งผมเติมลมยางแข็ง ผลที่ได้คือ เส้นยางที่กระเด้งเหมือนลูกบอลที่เติมลมเต็ม!!

    เมื่อทุกอย่างมาเจอกัน(ไม่รู้ทาง+ทางโค้งลื่น+ผิวถนนเสีย+รถเด้งเกิน)
    ความซวยจึงบังเกิด

    - จึงอยากฝากเป็นประสบการณ์ให้ทุกคนที่ผ่านเส้นทางนี้ ระวังถนนช่วงนี้ไว้ให้ดีคับ
    อุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้มันเกิด แต่มันก็เกิดขึ้นอยู่เสมอ
    - และการเปลี่ยนแปลงอะไรในตัวรถ อย่ามัวคิดถึงแต่ข้อดีครับ ระวังข้อเสียของมันด้วย
    - ที่สำคัญที่สุด ก่อนการเดินทางทุกครั้ง ศึกษาเส้นทางให้เรียบร้อย โค้งไหน ช่วงไหนอันตราย ให้มาร์คไว้ในแผนที่ด้วย
    อย่ามาร์คแต่จุดพักรถ ร้านอาหาร และจุดชมวิว (เหมือนผม)
    และขับรถด้วยความระมัดระวังเสมอ

    สุดท้ายนี้ อยากให้สิ่งที่เกิดกับผมเป็น Case Study สำหรับทุกคนครับ
    ผมไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดกับใครอีก
    เพราะถ้ามันเกิดขึ้น เค้าอาจไม่แค่มือเคล็ดแบบผมก็ได้

    ขอบคุณ
    - กรมทางหลวง ที่ทำป้ายจำกัดความเร็วไว้ ถึงแม้ ผมไม่เคยใส่ใจมันเลยก็ตาม
    เนื่องจากขับมานาน จึงมั่นใจกับการคาดคะเนด้วยสายตาตนเองมากกว่า
    แต่หลังจากนี้ ความคิดผมเกี่ยวกับป้ายนี้ เปลี่ยนไปแน่นอน
    ผมรู้แล้วว่า สายตาเราเอง บางที ก็เชื่อไม่ได้เสมอไป
    (เพราะผมเหนแค่ว่าโค้งกว้าง แต่ไม่รู้สภาพพื้นถนน เรื่องเลยเกิดขึ้น)

    - พี่ๆทีมกู้ภัยท่าแซะทุกคน ที่อยู่รอประกันกับผม และพยามชวนผมคุยเพื่อจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
    ถ้ามืดๆกลางป่ากลางเขาแบบนั้น ผมต้องนั่งรอประกันอยู่คนเดียว อาจจะช๊อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่านี้
    พวกคุณคือฮีโร่จริงๆ

    - พี่ๆประกันภัย ของบริษัทวิริยะ ที่ให้คำปรึกษาผมเรื่องหลักเกณชดเชย และยังไปส่งผมที่ บขส ด้วย

    - อาจารตุ๋ยแห่งmitsu sport ที่ให้คำแนะนำเรื่องการซ่อม และแนะนำอู่ในกรุงเทพให้ครับ

    - ขอบคุณ www.lancer-club.net และพี่ๆน้องๆทุกคนในบ้านอันอบอุ่นหลังนี้
    ถึงแม้ผมจะเป็นสมาชิกได้ไม่นาน แต่เวบแห่งนี้ ก็ได้ให้อะไรกับผมหลายอย่าง
    พวกคุณจะอยู่ในใจของผมเสมอ

    - สุดท้าย ผมขอขอบคุณพระเจ้า ที่ให้ผมรอดชีวิต มาเล่าประสบการณ์ครั้งนี้ และได้ให้โอกาสเพื่อเตือนสติผู้อื่น
    หาไม่แล้ว ผมคงเหมือนคนอื่นๆ ที่เจอเหตุการณ์ร้ายแรงที่โค้งนี้ แต่ไม่มีโอกาสกลับมาถ่ายทอดให้คนอื่นฟัง
    หรือหากจุดเกิดเหตุ มีต้นไม้ หลักกิโล ขวางอยู่ หรือฟาดกับเหล็กกั้นทางผิดเหลี่ยมอีกนิดเดียว
    ผมคงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว

    - ขอบคุณพระเจ้าอีกครั้ง ที่ไม่ให้ใครเดินทางมาร่วมกับผม เพราะดูจากสภาพรถ ถ้ามีใครนั่งมาด้วย คงไม่รอด

    สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ผมรู้ว่า อย่าใช้ชีวิตบนความประมาท อะไรก็เกิดขึ้นได้
    แค่กระพริบตาทีเดียว วิญญานของเราก็มีสิทธ์หลุดไปจากร่างได้แล้ว

    และถ้าไม่เป็นการรบกวน
    ผมอยากให้กระทู้นี้ ถูกปักหมุดไว้ เพื่อที่คำที่ผมเล่าและสิ่งที่ผมเตือน จะได้ไม่ถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา
    และผู้ที่อ่านกระทู้นี้ หากสละเวลาForwardไปให้ผู้อื่นรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้คุณจะช่วยได้อีกหลายชีวิตที่ต้องผ่านเส้นทางนั้นครับ
     
  2. FIFTYFIFTY AC-M92

    FIFTYFIFTY AC-M92 New Member VIP

    1,790
    29
    0
    ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ ขอขอบคุณสำหรับคำเตือนที่ดี และมีประโยนช์ด้วยครับ
     
  3. love _Evo

    love _Evo New Member Privilege

    56
    2
    0
    ขอเเสดงความเสียใจด้วยนะครับ เเต่พี่ยังโชคดีที่ยังไม่เป็นอะไรมาก
    เเละก็ขอบคุณสำหรับคำเเนะนำที่ดีๆด้วยนะครับพี่ ขอให้รถพี่กลับมาหล่อไวไวเเล้วกันนะครับ
    ป.ล รถพี่ก่อนประสบอุบัติเหตุ สวยมากๆครับ
     
  4. Komi3~vOVo8

    Komi3~vOVo8 New Member Member

    104
    3
    0
    เสียใจด้วยนะครับ.....แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสภาพของพื้นถนนมากกว่านะครับ......แต่ยังก็เสียใจด้วยครับ....สภาพรถน่ากลัวมากดีแล้วที่คนขับไม่เป็นอารายมาก
     
  5. oke_hiway

    oke_hiway New Member VIP

    370
    10
    0
    เสียใจด้วยนะคับ

    เเต่ยังไงก้อยังดีที่ไม่บาดเจ็บอะไรมาก

    รถเสียซ่อมใหม่ได้คับ เเต่ชีวิตสำคัญกว่าเยอะ

    ขอให้เรื่องนี้เป็นสติเตือนใจผมเเละทุกท่านนะคับ
     
  6. -DeW-(RR)

    -DeW-(RR) Active Member Moderator VIP

    1,492
    21
    38
    น่ากัวคับ ไงก็ระวังๆ กันบ้างเน้อ
     
  7. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ และเจ้าของรถด้วยครับ
    ดูจากในรูปคงเป็นช่วงอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
    โชคดีมากๆครับ ที่ไม่เสียชีวิต เพราะคนพื้นที่ประจวบ-ชุมพร จะทราบสรรพคุณของถนนเส้นนี้ดีครับ
    ถนนช่วงนี้เมื่อปี 2542 ที่ผมลงไปประจำที่นั้นใหม่ๆ ผมก็เคยหลุดลงไปกินหญ้า บริเวณไหล่ซ้ายของถนน มาแล้วเช่นกัน แต่ไม่เสียหายมาก
    หลังจากนั้นถ้าผมไปชุมพรก็จะขับไม่เกิน 100-120 เท่านั้น

    ช่วงอำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ช่วงนี้มีอุบัติเหตุบ่อยครั้งมาก
    เพราะลักษณะทางกายภาพของผิวถนน ที่ออกแบบมาได้ค่อนข้างดีแล้ว เพียงแต่ทรรศนะวิสัยของ
    ถนนช่วงรอยต่อระหว่าง อำเภอบางสะพานน้อย ไป ถึง อำเภอท่าแซะ จะมีภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
    เรียกว่าโดนถนนหลอกนั้นเองครับ ใครที่เป็นคนพื้นที่จะทราบดี
    โดยเฉพาะรถที่วิ่ง เลนส์ขวา หวังสาดโค้งต่อเนื่องยาวๆด้วยความเร็วสูง มักเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ
    ที่ถนนบริเวณอำเภอท่าแซะนี้ ผมเคยสูญเสียเพื่อนร่วมงานไปแล้ว 2 ท่าน ด้วยอุบัติเหตุ 2 ครั้ง
    ฉะนั้นเพื่อนๆที่จะใช้ถนนช่วงนี้ โปรดใช้ความเร็วด้วยความระมัดระวัง
     
  8. kukjung_4654

    kukjung_4654 New Member Moderator

    1,243
    10
    0
    รถเยินมากเลยนะครับ โชคดีที่คนไม่เป็นอะไรนะครับ
    ต้องระวังบ้างแล้ว
     
  9. Fredy

    Fredy New Member Member

    710
    84
    0
    ขออนุญาติไปpostที่camryclub เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆพี่ๆท่านอื่นด้วยนะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  10. เสียใจด้วยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ดีใจที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก

    ธรรมชาติของรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า คือ น้ำหนักกระจายหน้ามากกว่าหลัง ทำให้เวลาเข้าโค้งมักจะมีอาการหน้าดื้อโค้ง (understeer) ผู้ผลิตจึงมักแก้อาการด้วยการใส่เหล็กกันโคลงหลังมาให้ (เพื่อให้เกิดอาการoversteerเป็นการหักล้าง) อาการที่ไม่พึงประสงค์อย่างหนึ่งของรถขับหน้าคือ เมื่อใดก็ตามที่ท้ายรถเริ่มออกข้าง หรือ เกิดอาการ oversteer แล้วมักจะแก้ไขให้กลับมาตรงทางอย่างเก่าค่อนข้างยาก

    เพราะรถขับหน้ามีการกระจายน้ำหนักไปที่ล้อหน้ามากกว่าล้อหลังดังที่บอกไว้แล้ว ( ท้ายเบา หนักหนัก ) เมื่อร่วมกับการแตะเบรค น้ำหนักจะตกลงมาที่ล้อหน้าเพิ่มขึ้นอีก อาการท้ายเบาจะยิ่งมากขึ้น จุดหมุนจึงมาตกที่ล้อหน้ามากขึ้น ท้ายรถจึงยิ่งเซออกข้าง จนเกิดอาการหมุนท้ายปัด

    สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ น่าจะประกอบกับสิ่งที่คุณอธิบายไว้แล้ว ได้แก่
    1. ขับรถเร็ว
    2. ความสามารถในการยึดเกาะถนนที่ลดลง : ยางเก่า , สูบลมไว้มากเกินกว่าค่าที่ควร
    3. การกระจายน้ำหนักที่ไม่สมดุลของรถ
    4. เหตุผลสุดท้าย ที่ผมวิเคราะห์ คือ จังหวะที่ไม่สมดุล คุณบอกว่าคุณเร่งเครื่องในโค้ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับการขับรถขับหน้าแรงๆในโค้ง คือ ยกคันเร่งก่อน แล้วมาเร่งส่งในโค้งเพื่อรักษาสมดุลย์อาการของรถ เพียงแต่ถนนมันอาจจะลื่น + ยางเก่าและสูบลมแข็ง และรถมันกำลังแถออกข้าง ( understeer นะครับ ) แต่ความรู้สึกของคุณในขณะนั้นอาจจะเข้าใจว่าท้ายมันกำลังปัดไปทางซ้าย ( oversteer ) ( เพราะตัวคุณถูกเหวี่ยงออกไปด้วยตามแรงไถลไปทางซ้ายตามแรงเหวี่ยงของรถ ) คุณก็เลยยกคันเร่ง และแตะเบรค ( อันนี้เป็นเรื่องปกติของสัญชาติญาณ ) อาการของundersteer ก็จะถูกแทนที่ด้วยอาการของ oversteerทันที คือ เมื่อคุณยกคันเร่ง น้ำหนักจะกลับมาตกที่ล้อหน้า และเมื่อเริ่มกดเบรค น้ำหนักจะมาตกที่ล้อหน้ามากขึ้น แรงส่งให้เข้าโค้งจึงทำกับล้อหลังมากกว่าล้อหน้า ท้ายรถจึงสาดออกไปทางด้านซ้ายเกินกว่าจะแก้กลับมาได้

    ตัวผมเองเคยเจอเหตุการณ์คล้ายกันกับกรณีนี้มาบ้าง เพียงแต่ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนี้ ตอนนั้นผมเองใช้323 GT (รุ่นแรก ) ขับหน้า วางเครื่อง E5 turbo ฝังเข็ม ปรับบูสท์ ทำช่วงล่างมาอย่างดี วันนั้นผมก็ขับมาเร็ว ทั้งๆที่รู้ว่าถนนเส้นนั้นค่อนข้างจะลื่น แล้วก็ดันมาเล่นแผลงๆอีก โดยเร่งเครื่องขึ้นไป แล้วหักพวงมาลัย พร้อมๆกับยกคันเร่งอย่างแรง รถก็เกิดอาการว่าท้ายกำลังจะปัดแทบจะทันที ด้วยอาการตกใจก็เลยกดเบรค รถก็เลยท้ายปัดออกไปเลย อาจจะโชคดีที่ความเร็วไม่มากนัก และพอจะตั้งสติทัน จึงยกเท้าออกจากเบรค แล้วสะบัดพวงมาลัยแก้อาการ ความที่สะบัดพวงมาลัยเร็วเกินไป บวกกับถนนค่อนข้างลื่น ( แต่ก็ยังโชคดีที่หลุดออกมาเป็นทางตรงแล้ว ) กลายเป็นว่าแก้เกิน ท้ายรถเกิดอาการสะบัดปัดซ้าย แก้แล้วกลับมาปัดขวา แก้อีกทีก็กลับมาปัดซ้าย ( ตอนหลังถึงมารู้ว่า เขาเรียกว่าขับดริฟท์) วันนั้นจบด้วยการเอาล้อหลังไปกระแทกกับขอบทางเท้าของสะพาน เพื่อแลกกับการไม่เอาหน้ารถขึ้นไปเสยกับหัวราวสะพาน ขับกลับบ้านด้วยอาการวิ่งท้ายเอียงเหมือนหมา เพราะเหล็กคอม้า(แกนล้อหลัง)คด แต่โชคดีที่รถไม่เป็นอะไรมาก ในกรณีของผมนั้น 323GTมันเป็นรถท้ายตัด ช่วงสั้น ฐานล้อหน้าหลังสั้นกว่าLancerที่คุณใช้อยู่ ความเร็วตอนนั้นก็ไม่มากเท่ากับที่คุณประสพณ์ มันก็เลยแก้อาการได้ง่ายกว่า

    ผมจึงจำฝังใจว่า ทำอย่างไรก็ได้ อย่าให้ท้ายรถปัดออกจากทาง ( oversteer )ก็แล้ว เพราะมันจะเป็นอาการที่แก้ยากที่สุดสำหรับรถขับหน้า

    แชร์ประสพการณ์ครับ
     
  11. meowmeowmeow

    meowmeowmeow New Member Member

    223
    11
    0
    รถเสียซ่อมได้

    ดีแล้วคับที่คนไม่เป็นอะไร
     
  12. freemenow

    freemenow New Member Member

    9
    0
    0
    ดีใจด้วยตรับ ที่คนขับไม่เป็นอะไร ทรัพย์สินเป็นของนอกกายไม่ตายหาใหม่ได้ครับ
    ปล. สภาพเยินใช้ได้เลยครับ ^^"
     
  13. ริด

    ริด New Member Member

    131
    3
    0
  14. primo_xx

    primo_xx New Member Member

    747
    6
    0
    ผมก้อใช้ ถนนเส้นนี้นานๆที ส่วนตัวผมคิดว่าการเอาของออกจากท้ายรถทำให้รถมันเบา มันก็ใช่ว่าดีเสมอไปนะคับ
    ยิ่งเดินทางไกล มียางสะแปร์ซักเส้นอุ่นใจกว่าเยอะคับ อย่าไปคิดว่ามันประหยัดเลย(อย่าลืมพกแม่แรงนะคับ....อิอิ)
    ผมว่าโชคดีแล้วคับที่ไม่เป็นไร ใช่รถคันขาวป่าวคับเคยเห็นในเมลล์เพื่อนส่งมาให้
    ปล.Evoไม่เหมาะกับการเดินทางไกลเนื่องจากน้ำมันแพง อิอิ....สุราษฏร์ -กท
    น้ำมัน ขากลับ 2000฿ 700Km Speed 120 Km/h (Avg)
    ขาไป 1500฿ 700Km Speed 100Km/h (Avg)
    เพราะฉะนั้น ช้า ชัวร์ ประหยัดกว่าเอาของออกคับ
     
  15. Poo_AFTER ZEED_No.33

    Poo_AFTER ZEED_No.33 New Member Member

    79
    0
    0
    ผมคนในพื้นที่คับก็ขับเร็วนะแต่ไม่เคยเจออย่างนี้อาจเป็นเพราะคุ้นเคยกับเส้นทางขับเร็วของผมเนี่ยไม่เกิน100นะต้องขับไปดูบริเวณนั้นหน่อยแล้วละ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้