ตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนยางรถ เลยหาข้อมูลนิดหน่อย ทั้งราคาแล้วก็ประสิทธิภาพของยางรุ่นต่างๆ ว่าเราจะใช้แบบไหนดี หลังจากอ่านเก็บข้อมูลมาพอสมควร ตอนนี้ใจผมเทให้กับ Yokohama Earth-1 ใครรู้จักร้านดีๆรบกวนแนะนำด้วยครับ ไปอ่านเจอบทความที่น่าสนใจเลยเอามาฝากครับ **เครดิตข้อมูล จาก www.b-quik.com + http://www.runwaybigbikeclub.com/** 1. ชื่อผู้ผลิตยาง 2. ชื่อรุ่นยางของผู้ผลิต 3. ความกว้างของหน้ายาง (หน่วยเป็นมิลลิเมตร) 4. อัตราความสูงของแก้มยางต่อความกว้างของหน้ายาง(ซีรีส์) มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) 5. เส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ (หน่วยเป็นนิ้ว) 6. ดัชนีการรับน้ำหนัก (Load Index) 7. สัญลักษณ์ความเร็ว (Speed Symbol) เมื่อดู ขนาดที่พอใจแล้วก็มาดูที่ลักษณะการใช้งาน ยางที่ขายทั่วไปมีทั้งลายดอกยางแบบใช้งานบนถนนทั่วไป ทางฝุ่น รถความเร็วสูง ไปจนถึงยางสำหรับขาซิ่ง ให้เลือกดูว่าเราใช้งานแบบไหนเป็นหลัก และยางแต่ละแบบมีข้อจำกัดต่างกัน ยางที่ทำไว้ใช้งานทั่วไป เน้นการใช้งานในเมือง สามารถรับกับสภาพเส้นทางหลากหลายแต่ไม่เหมาะกับความเร็วสูง สามารถรีดน้ำและเผื่อทางลุยนิดๆได้ดี อายุใช้งานนาน ราคาถูก สำหรับขาลุยหรือคนที่บ้านกันดาร ก็ต้องยางลุยทางฝุ่น ตะกุยพื้นได้ดี แต่วิ่งทางเรียบกระเทือนมาก วิ่งเร็วไม่ได้ มันส่าย ใช้งานได้ทน ราคาค่อนข้างสูง ยางสำหรับ Cruiser หรือ Touring เน้นที่การเดินทางไกลด้วยความเร็วไม่สูง รับได้ทุกสภาพอากาศ มีความทนทาน ใช้งานได้นานและให้ความนุ่มนวลดีกว่ายางสปอร์ต ยางที่ทำไว้ใช้บนถนนธรรมดากับความเร็ว สูงขึ้นมาหน่อย รีดน้ำได้ดี ใช้งานได้หลากหลาย จะเหมาะสำหรับคนชอบเที่ยวตามถนนดำทั่วไป อายุใช้งานนาน ราคาค่อนข้างถูก สำหรับรถความเร็วสูง แต่ก็ยังเน้นที่การเดินทางแบบสบายๆ เกาะถนนดีกว่า เนื้อยางนิ่มกว่า อายุใช้งานก็เลยสั้นลงมาหน่อย ราคาสูงขึ้นอีกนิด สำหรับรถความเร็วสูงที่ เน้นการใช้ความเร็ว แลกสมรรถนะการเกาะถนนที่ดีขึ้นกับการรีดน้ำตะกายฝุ่นที่แย่ลงจากที่เห็นว่า ร่องรีดน้ำหายไปมาก เนื้อยางนิ่มขึ้นมาอีกระดับ อายุสั้น ราคาแพงขึ้นอีก เหมาะสำหรับนักเที่ยวขาซิ่ง สำหรับนักซิ่งโดยเฉพาะ เจอน้ำเจอฝุ่นล่ะวิ่งไม่เป็นเลยแต่ดีโคตรๆกับทางแห้ง เกาะเป็นตีนตุ๊กแก อายุโคตรสั้น ออกทริปเดียวยางเกลี้ยงเลย ราคามหาโหดแล้วยังมี Compound นิ่มพิเศษ เกาะหนึบหนับ บดคันเร่งจะเห็นยางเป็นขุย วิ่งได้ไม่กี่กิโลก็เรียบสนิท เห็นแล้วอยากนั่งร้องไห้กับราคายาง ยางสลิคแกะดอกชัดๆ เนื้อยางเป็นสูตรยางสนาม เอามาขี่เที่ยวอาจหมดก่อนกลับถึงบ้าน ราคาอย่าให้พูดเลย เปลี่ยนยางไม่กี่ทีก็เท่าราคารถแล้ว สุดท้ายกับยางสูตรยอดนิยม ไม่เกาะ ไม่นุ่ม ไม่ลุย ไม่รีดน้ำ แต่ทนและถูก เรทการรับความเร็วสูงสุดของยาง B ----- 50 km/h ----- 31 mph C ----- 60 km/h ----- 37 mph D ----- 65 km/h ----- 40 mph E ----- 70 km/h ----- 43 mph F ----- 80 km/h ----- 50 mph G ----- 90 km/h ----- 56 mph J ----- 100 km/h ----- 62 MPH K ----- 110 km/h ----- 68 MPH L ----- 120 km/h ----- 75 MPH M ----- 130 km/h ----- 81 MPH N ----- 140 km/h ----- 87 MPH P ----- 150 km/h ----- 93 MPH Q ----- 160 km/h ----- 99 MPH R ----- 170 km/h ----- 106 MPH S ----- 180 km/h ----- 112 MPH T ----- 190 km/h ----- 118 MPH U ----- 200 km/h ----- 124 MPH H ----- 210 km/h ----- 130 MPH V ----- 240 km/h ----- 150 MPH W ----- 270 km/h ----- 168 MPH Y ----- 300 km/h ----- 186 MPH Z ----- over 240 km/h ----- over 150 mph ส่วนเรื่องเรทความเร็วก็ติดในใจมานานแล้วว่าตัวอีกษรที่ติดมากับยางรถหมายถึงอะไร เคยถามเด็กที่ร้านยาง น้องๆเขาแนะนำให้ผมใช้ แบบ W ไปเลย ซึ่งแพงกว่าทั่วไป ส่วนใหญ่ที่ผมเห็น จะเป็น H , V ซะมากกว่า ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า มันไม่จำเป็นสำหรับผม (รถผมเหยียบมิดไมล์ ยังงัยก็ไม่เกิน195อ่ะ) แต่ผมสงสัยจังว่า เรทความเร็วมันเหมือนจะเรียงตามตัวอักษรมาดีๆ แต่พอถึงตัว H มัยมันหล่นไปอยู่หลัง U ได้หว่า.. งง อ้อ..อีกอย่าง ยางเมดอินไทยแลนด์ ทำไมแพงกว่า ยางจากเกาหลี หรือ ญี่ปุ่นหว่า???
ต่อนะครับ แล้วก็หันมาดูพฤติกรรมที่ ทำให้ยางไปไวกว่าปกติ กรณีสูบลมยางน้อยกว่ากำหนด: • อายุยางลดลง • บริเวณไหล่ยางจะสึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น ๆ • เกิดความร้อนสูงที่ไหล่ยางทำให้เนื้อยางไหม้แยกจากกัน • โครงยางบริเวณแก้มยางฉีกขาด หรือหักได้ • สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง • หน้ายางฉีกขาดง่ายที่ความเร็วมากกว่า100กม/ชม. กรณีสูบลมยางมากกว่าเกินกำหนด: • ลื่นไถลได้ง่าย เนื่องจากพื้นที่ยึดเกาะถนนลดลง • โครงยางระเบิดง่ายเมื่อได้รับแรงกระแทก หรือถูกตำ เนื่องจากโครงยางเบ่งตัวเต็มที่ เกิดการยืดหยุ่นได้น้อย • ดอกยางจะสึกบริเวณตอนกลางมากกว่าส่วนอื่นๆ • อายุยางลดลง • ไม่สะดวกสบายในการขับขี่ Tire Break-In” คือการขับรถเมื่อเปลี่ยนยางใหม่ด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม/ชม อย่างน้อย 200 กม.แรก หรือ 50 กม/ชม ระยะ 300 กม.แรก เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของยางก่อนใช้งานในสภาพทั่วไป การขับเร็วจะมีผลต่อยาง ดังนี้ - อายุยางลดลง เพราะยิ่งขับเร็วความร้อนภายในยางจะสูง ยิ่งความร้อนสูงทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น อายุยางจึงลดลง - เนื้อยาง และโครงยางอาจจะไหม้ละลาย และแยกออกจากกัน - สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะวิ่งด้วยความเร็วสูง การบิดตัวของโครงยางก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้พลังงานที่สูญเสียเนื่องจากการบิดตัวของโครงยาง - ถ้ามีการหยุดรถอย่างกะทันหัน จะทำให้หน้ายางฉีกขาดได้ง่าย ผมทำแต่สิ่งไม่ดีทั้งนั้นเลย ทำให้ผมเปลี่ยนยางปีละ 1 ชุดครับ
เพิ่งจะรู้ว่าต้องวอร์มยางด้วย เปลี่ยนใหม่ทีไร ต้องลองสักเอี้ยดสองเอี้ยดก่อน ว่ามันดีจริงไหม ต่อไปต้องเลิกทำล่ะ
กำลังจะเปลี่ยนเหมือนกัน มอง ๆ DUNLOP DZ101 วันนี้ไปถาม 205/45/16 ที่บีควิกมา เส้นละ 4600 แม่จ้าว นึกแล้วยังเสียดายตอนไปมอเตอร์โชว์ เส้นละ 3400 อะ ใครมีลายแทงยางตัวนี้มั่ง เอาแบบไม่แพงเวอร์
Nitto555 เหมือนกันครับ ตอนนี้เสียงดังจนไม่ต้องเปิดวิทยุเลย เปิดยังงัยก็สู้เสียงยางไม่ได้ Nitto55555555555555555555555+
ร้าน นพยางยนต์ รามอินทรา 215/45/r17 เส้นละ 3400 ลมในโตร รวมตั้งศูนย์ ถ่วง เปลี่ยนมาครับ เมื่อ วันศุกร์ 22/04 + อ้างถึง ตอบกลับ