(เพิ่มข้อมูล Clip) รถโดนแท็กซี่ชน แต่ตำรวจแจ้งว่าเราผิด อุทาหรณ์ของการเกิดอุบัติเหตุ ลงจากรถมาแล้วต้

หายหัวไปจาก Board ซะนานเนื่องจากวิ่งวุ่นเรื่องรถถูกแท็กซี่ชน จะพยายามเล่าอย่างย่อที่สุดแล้วกันนะ

เหตุเกิดที่จุดกลับรถวัดสร้อยทอง
ตรงนั้นเป็นถนนฝั่งละ 3 เลน เราวิ่งมาจากสะพานพระราม 7 กลับรถหน้าวัดสร้อยทอง
ก่อนกลับรถ เห็นว่าฝั่งตรงข้ามมีรถติดรอกลับรถอยู่ 3 - 4 คัน จึงทำให้เลนขวาสุดของฝั่งนั้นว่าง 1 เลน
ส่วนเลนกลางและเลนซ้ายของฝั่งนั้น ก่อนเริ่มกลับรถไม่มีรถวิ่งมา เมียก็นั่งไปด้วย เมียขับรถเป็นก็ช่วยดูรถอยู่เหมือนกัน

ตรงนั้นเกาะกลางถนนกว้างกว่าถนน 1 เลนซะอีก ซึ่งรถ Terios มีวงเลี้ยวแคบมากๆ
ก็เลี้ยวกลับรถไปอย่างช้าๆ โดยใช้พื้นที่ของถนนฝั่งนั้นแค่ 1 เลน ซึ่งเลนนั้นมันติดมีรถรอกลับรถอยู่ ไม่ได้ออกไปตัดหน้าใครแน่นอน
เมื่อกลับรถแล้วอยู่ในเลนขวาสุดชิดเกาะกลาง รถตรงแล้ว กำลังเริ่มเร่งที่จะตรงในเลนตัวเอง แท็กซี่มาจากไหนไม่รู้
ชนเข้าที่มุมหน้าด้านซ้าย ลักษณะ ล้อมุดเข้ามาชนล้อ กระแทกแรงมากๆ รถถูกแรกกระแทกขึ้นไปบนเกาะกลางห่างจากจุดกลับรถประมาณ 10 เมตร
ส่วนรถแท็กซี่ปีกนกหัก กระเด็นไปห่างจากรถเรา 20 กว่าเมตร ในเหตุการณ์มีพยานขับมอไซค์ตามหลังแท็กซี่มา
ให้การได้เพียงแต่ว่าเห็นรถทั้งสองคันต่างคนต่างตรงและเข้าไปเบียดชนกัน ไม่เห็นด้วยซ้ำว่าคันเรากลับรถมา
(นั่นหมายถึงว่าเรากลับรถเสร็จแล้ว รถตรงอยู่ในเลนแล้วแน่ๆก่อนถูกชน)

วันเกิดเหตุ พยานไม่สะดวกตามไปที่โรงพักเพราะต้องไปเยี่ยมแม่ที่ รพ. จึงขอเบอร์โทรไว้
เมื่อรถย้ายไปที่ สน. ตำรวจแจ้งว่าเราผิด เราอธิบายยังไงก็ยังบอกว่าเราเสียเปรียบเพราะกลับรถมา
เมื่อพยายามจะเปิดรูปที่เมียถ่ายไว้ในที่เกิดเหตุให้ดู ตำรวจท่านว่า ผมไม่ต้องดูหรอกผมก็มีรูปถ่ายไว้เหมือนกัน
ตำรวจกับแท็กซี่สอบปากคำกันตอนไหนไม่รู้ ที่ สน. แท็กซี่ไม่พูดซักคำมีแต่ตำรวจพูดว่าแท็กซี่ให้การว่ามาเลนขวาสุด
ดูจากร่องรอยการชน คุณกลับรถออกมาตัดหน้าแท็กซี่ เมื่อเราพยายามบอกว่า จะกลับรถตัดหน้าได้ยังไง
เลนนั้นมีรถรอกลับรถอยู่ 1 เลนมันว่าง รถผมกลับรถใช้แค่เลนเดียว ตำรวจบอกเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับรถแค่เลนเดียว
จะทำได้มีแต่มอเตอร์ไซค์เท่านั้น เราก็บอกว่าทำไมพี่ไม่เชื่อผมล่ะ เมียผมยังกลับได้เลย รถผมไม่ใช่รถเก๋งด้วย
เป็น SUV ด้วยซ้ำไปแต่วงเลี้ยวมันแคบมาก ตำรวจบอกแค่ว่า เป็นไปไม่ได้ คุณกลับรถกินเลนออกมาเลนกลางแน่ๆมาตัดหน้าแท็กซี่
เมื่อเห็นว่าไม่ยอมฟังเรา เลยพยายามอธิบายตำแหน่งหลังจากถูกชนว่าถ้าถูกชนตรงจุดกลับรถ รถเราคงไม่ไปอยู่ในตำแหน่งนั้นได้หรอก
มันต้องกองอยู่ตรงที่กลับรถสิ มันจะถูกชนแล้วเราก็ตรงมา 10 เมตรแล้วค่อยหักขึ้นไปบนเกาะกลางหรือไง
ตำรวจแจ้งแต่ว่า ก็รอยชนมันเป็นแบบนั้น ถ้าคุณบอกว่ารถคนตรงอยู่แล้วแท็กซี่มาชนจนในลักษณะนั้นคุณต้องตอบให้ได้ว่าเค้ามาชนแบบนั้นได้ยังไง
เอ้า กูจะรู้ไหมเนี่ยะ กูไม่ได้ขับแท็กซี่มานี่หว่า ตำรวจบอกว่าแท็กซี่ให้การว่ามาเลนขวาสุด .... โกหกหน้าด้านๆ

ระหว่างสอบสวน ได้ลองโทรไปหาพยาน พยานบอกว่ามาไม่ได้จริงๆ พยานถามกลับมาว่าตำรวจได้ตรวจแอลกอฮอล์แท็กซี่หรือยัง
เราก็งงว่าต้องตรวจด้วยหรอ พยานบอกว่าในที่เกิดเหตุเค้าจอดจะช่วยเผื่อมีคนเจ็บ เค้าเห็นแท็กซี่มีอาการเหมือนเมาๆ
ได้แจ้งจราจรถึง 2 คนในที่เกิดเหตุว่าให้ตรวจแอลกอฮอลล์แท็กซี่ด้วยนะ ตกลงเค้ายังไม่ได้ตรวจหรอ
งั้นรีบบอกให้เค้าตรวจเลยนะ เมื่อวางสาย เราแจ้งตำรวจให้ตรวจแอลกอฮอลล์แท็กซี่ ตำรวจบอกว่าไม่เห็นต้องตรวจเลย ผมไม่เห็นว่าเค้าจะเมาเลย
เราพยายามบอกตำรวจถึง 2 ครั้งแต่ก็ไม่ยอมตรวจ ระหว่างสอบสวนก็เอาแต่สอบเราฝ่ายเดียวแท็กซี่นั่งเงียบกริบ ...

สุดท้ายตำรวจยืนยันว่าเราผิด เราถามกลับไปว่าถ้าผมพิสูจน์ได้ว่ารถผมกลับรถใช้เลนเดียวและรถผมตรงอยู่ในเลนแล้วค่อยถูกชนจากด้านข้าง
แบบนี้แล้วผมยังจะผิดอยู่หรือเปล่า ตำรวจเลี่ยงที่จะตอบ บอกมาแต่ว่ายังไงเราก็เสียเปรียบ ...
วันนั้นจึงไม่รับข้อกล่าวหา ตำรวจบอกว่าถ้าไม่รับก็ขึ้นศาลนะ ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรก็ลองดูเราไม่ได้ผิดทำไมต้องรับว่าผิด
ตำรวจจึงทำเรื่องแจ้งข้อกล่าวหาและเราเป็นผู้ต้องหา โดยที่เราไม่รับข้อกล่าวหาและยังไม่ขอให้การใดๆ

ต่อมาได้ปรึกษากับทนาย อัยการ และพยาน ว่าลองพยายามนัดพยานให้ไปให้ปากคำ
พร้อมทั้งให้เราและเมียไปให้ปากคำพร้อมกันกับพยาน พร้อมกับเอารูปและหลักฐานของทางเราไปชี้แจง
เพื่อให้เค้าพิจารณาใหม่ก่อนส่งฟ้อง เผื่อเรื่องจะจบอยู่ที่ สน. เราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกลัว เอาทุกอย่างไปแจงให้เค้าฟัง
จนได้นัดพยานไปให้การ พร้อมกับเราและเมีย .... แต่แล้วตำรวจก็ยังแจ้งข้อกล่าวหาเดิมกับเรา
ทั้งๆที่พยานก็ยืนยันได้ว่าเรากลับรถมาแล้ว รถตรงแล้ว ไม่ได้โดนชนตอนกำลังรอกลับรถแน่นอน

แม่งกูไม่เข้าใจ จะเอากูให้ได้ใช่ไหมเนี่ยะ !!!

ตอนนี้ก็รอตำรวจส่งฟ้องศาล ... ยังพอจะมีขั้นตอนตรงอัยการ ก่อนจะขึ้นศาลเผื่อท่านจะเห็นใจในความซวย
ก็ต้องรอดูกันต่อไป นี่ขนาดฝากๆกันไปแล้วนะที่ สน. แต่ตำรวจเจ้าของคดีท่านก็ยังเข้าข้างแท็กซี่ไม่ได้ดูเลยว่าแท็กซี่มันโกหก
นี่พยายามเล่าให้สั้นที่สุดแล้วนะ ลองดูรูปประกอบการพิจารณาก็แล้วกัน ระยะแบบนั้น รอยถูกชนแบบนั้น แม่งกุโดนชนตรงที่กลับรถได้หรอวะไม่เข้าใจ !?!?

รูปเป็นรูปประกอบเอกสารที่ส่งให้ตำรวจพิจารณา
รูปที่มีการเขียนเพิ่มเติมเป็นการแปะแผ่นใสทับแล้วเขียนบนแผ่นใสเพื่อเปิดดูรูปต้นฉบับได้
รูปหลังๆเขียนทับรอยสเปรย์บนแผ่นใส ที่ผลิกแผ่นใสออกก็จะเห็นรอยสเปรย์ที่ตำรวจพ่นตำแหน่งล้อไว้ ณ ที่เกิดเหตุ

































รูปสุดท้ายจะเห็นระยะเลยว่าจุดที่รถหยุดห่างจากจุดกลับรถ 3 คันรถ
ถ้าโดนชนในลักษณะออกไปตัดหน้าแท็กซี่ตรงจุดกลับรถ รถเราคงไม่มาอยู่ตรงนี้ในลักษณะนั้นแน่ๆ

รูปทั้งหมดที่ลงเป็นรูปที่คัดมาเฉพาะที่จำเป็นที่จะให้ตำรวจดูในเบื้องต้น ก็ไม่รู้ตำรวจจะใส่ใจดูหรือเปล่า
แต่ยังมีรูปอีกที่เห็นหลักฐานหลายรูปที่จะเอาไว้ใช้ต่อสู้ในชั้นศาลซึ่งคงยังเอามาลงให้ดูไม่ได้ในตอนนี้
ก็ดูเท่านี้ก็น่าจะมองภาพออกแล้วว่าโดนชนได้ยังไง ... ส่วนเรื่องกลับรถใน 1 เลน ยืมกล้องพี่เก่งไปถ่ายแสดงการกลับรถมาเรียบร้อยแล้ว
รถห่าอะไรแม่งกลับรถตรงนั้นใช้ 1 เลนได้จริงๆด้วย และหลายๆคนที่ใช้ Terios ก็ยืนยันว่ากลับรถแค่นั้น 1 เลนสบายมาก ...

เรื่องราวหลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้นะ รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่คิดว่าเราต่อสู้กับตำรวจหรอก
ท่านมีสิทธิ์ และอำนาจ ที่จะลงความเห็นในแบบนั้นได้ก็เรื่องของท่าน
เราแค่กำลังต่อสู่เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ แพ้คดีนี้ก็แค่เสียค่าปรับ 400 บาท เรื่องทางแพ่งต้องไปฟ้องกันเอง
นั่นแหละครับ ขึ้นศาลเพราะไม่ยอมเสียค่าปรับ 400 บาท ... เพราะมันเป็นเรื่องของความถูกต้อง
ค่าซ่อมแท็กซี่ออกให้ได้ มีปัญญาจ่าย แต่จะจ่ายเพื่อเราสมควรจะต้องจ่าย ถ้าผิดก็รับผิดไปนานแล้ว
การทำเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูกมันไม่ใช่สันดานของกู !!!

เป็นอุทาหรณ์ครับว่า หลังจากรถชน ตั้งสติให้ดี แล้วถ่ายรูปหลังจากถูกชนโดยทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมให้เยอะที่สุด
เพราะเมื่อเราไม่ผิดแล้วตำรวจเค้าแจ้งว่าเราผิด เรามีหน้าที่แสดงหลักฐานและหาหลักฐานด้วยตัวเอง
ท่านตำรวจเค้าไม่มาช่วยเราพิสูจน์แน่นอน

ปล.ในสำนวนสอบสวน ตำรวจจะพิมพ์ว่าหลังจากชนแล้วแท็กซี่เสียหลักไปหยุดอยู่ที่เลนกลาง
เมื่อเราบอกว่าไม่ใช่ครับ แท็กซี่ไปหยุดที่เลนซ้ายสุด ตำรวจก็เถียงว่ากลางสิทำไมจะไม่กลาง
ก็เลยงัดรูปให้ดู 1 รูป .... ตรงนี้กลางหรือขวาสุดครับพี่ .... ตำรวจจึงค่อยเปลี่ยนสำนวนตรงส่วนนั้น
นี่แค่ตัวอย่างนึงของความไม่รอบคอบในคดีนี้ ... อย่างที่บอก ยังไงก็ได้จะอะไรก็แล้วแต่ยังไงผมก็ผิดใช่ไหมครับพี่ ...

ขอบคุณ ปาล์ม ที่เอารถมาให้ยืมใช้ระหว่างรอซ่อม ได้ใช้วิ่งธุระหลายที่มากๆ
ขอบคุณ ปาล์ม ที่มาช่วยระหว่างนำรถออกจาก สน. ไปไว้ที่อู่
ขอบคุณ ปาล์ม ที่นั่งวาดผังที่เกิดเหตุให้โคตรละเอียดและสวยงาม จนทนายทักว่า "โอ้โห สวยกว่าของตำรวจอีกมั๊งเนี่ยะ"
ขอบคุณ พี่เก่ง ที่ให้ยืมกล้องมาถ่าย VDO แสดงการกลับรถเพื่อใช้เป็นหลักฐานในศาล

ขั้นตอนมันก็ล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว มีใครพอจะแนะนำอะไรได้อีกไหม เพราะถ้าในชั้นตำรวจคาดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้แล้วแหละ

กุละเซ็ง

เพิ่มเติม Clip ที่เอารถไปถ่ายการกลับรถในเลนเดียวมาให้ดู พร้อมแสดงจุดที่ถูกแท็กซี่ชน
อยากให้ท่านที่ทำคดีมาแหกตาดูจริงๆว่า นี่ไงรถผมกลับรถเลนเดียวได้
และถ้าถูกชนในตำแหน่งที่แสดงไว้ให้เห็น แบบนั้นเรียกกลับรถตัดหน้าแท็กซี่หรือแท็กซี่หักหลบอะไรมาจนมาชนเรากันแน่

[video=youtube;53fcGCtvGNs]http://www.youtube.com/watch?v=53fcGCtvGNs[/video]

จุดที่หยุดภาพให้ดูสามารถอ้างอิงได้กับภาพนิ่งที่ถ่ายร่องรอยที่เกิดเหตุได้ว่าถูกชนตำแหน่งนั้นแน่ๆ
ที่นี้ก็แสดงให้ดูแล้วว่ากลับรถเลนเดียวได้แน่ๆ พยานที่เกิดเหตุก็ยืนยันว่าถูกชนขณะรถตั้งตรงไม่ได้อยู่ระหว่างกลับรถ

ที่เหลือก็คงหวังพึ่งความยุติธรรมแล้วแหละ ...

 

ประเด็นมันอยู่ตรงนี้แหละครับ ทางเอกทางโท ได้เปรียบเสียเปรียบ ทางตรงทางกลับรถ
ตำรวจท่านที่เราฝากเรื่องไปก็อธิบายให้ฟังว่า
ในทางกฏหมาย การกลับรถต้องอยู่ในระยะที่ปลอดภัย แต่ระยะปลอดภัยในทางกฏหมายไม่ได้ระบุว่ากี่เมตร
แม้เราดูว่าปลอดภัยแล้ว แต่กลับรถออกไปแล้วเกิดอุบัติเหตุนั่นคือไม่ปลอดภัย
ในกรณีนี้ ทางปฏิบัติคือเราอาจจะทำถูก
ทางกฏหมายคือเราผิด
ทางความเป็นจริงคือเราซวย

ฟังตอนแรกก็ฝ่อเหมือนกันว่าแล้วนี่กูจะสู้ไปทำไมวะถ้าเป็นแบบนี้
ทำไมทนาย กับอัยการที่ปรึกษาด้วย ถึงยังแนะนำให้สู้ล่ะถ้าในทางกฏหมายยังไงก็แพ้
(ทนายมือหนึ่งของบริษัทดังแห่งนึง พร้อมที่จะให้ทีมทนายมาทำคดีให้โดยไม่คิดเงินเพราะเป็นเพื่อนของพ่อเมีย
ดังนั้นการยุหรือสนับสนุนให้สู้คงไม่ใช่บอกเพื่อให้เค้าได้ทำคดีเพื่อได้รายได้แน่นอน)
จนได้ลองปรึกษาท่านอัยการอีกครั้ง เค้าจึงอธิบายให้ฟังว่า เพราะแท็กซี่ไม่ได้มาเลนขวาสุดแน่ๆถึงบอกให้สู้ไง
คือถ้าแท็กซี่มาเลนขวาสุดแล้วชนเรา นั่นหมายถึงเราออกไปตัดหน้าเค้ายังไงเราก็ผิด
แม้เค้าชนท้ายเรา ก็ยังต้องมองว่าประมาทร่วมคือเราก็ผิดด้วยถึงเราจะกลับรถออกมาตรงแล้วเค้าจึงมาชนท้าย
ก็ยังถือว่าต้องผิดร่วมกันเพราะเราออกมาตัดหน้าเค้า แต่กรณีที่เกิดขึ้นนี้ที่บอกให้สู้เพราะเราไม่ได้ออกมาตัดหน้าเค้า
มันเป็นกรณีที่เค้ามาจากเลนอื่น อาจจะจากเลนกลางหรือเลนซ้ายสุด แล้วหักหลบหรือเปลี่ยนเลนมาชนเรา
นั่นคือเค้าผิดไม่ใช่เราผิด ถึงเราจะกลับรถมา แต่เราก็กลับรถอยู่ในเลนของเราไม่ได้กลับรถไปอยู่ในเลนของเค้า
ส่วนทนายพูดสั้นๆว่า เราเสียเปรียบก็จริงแต่เสียเปรียบมันพิสูจน์ไม่ได้ว่าเราผิด นั่นคือเราเสียเปรียบแต่เราไม่ผิด

ตอนแรกก็ทำใจยอมรับความซวย แต่พอฟังแบบนี้ก็ค่อยตั้งหน้าตั้งตาต่อสู้ต่อได้
เข้าใจว่าแท็กซี่คงมาเลนกลางหรือเลนซ้ายสุด ขับมาเร็วมากๆ แล้วหักหลบอะไรมาเลยมาชนเราในท่านั้นได้
แต่กลับให้การว่ามาขวาสุด เพราะถ้าดูรอยถูกชนแล้วก็เลยอาศัยรอยแบบนั้นมาบอกว่าชนเราขณะเรากลับรถ

ยืนยันแน่นอนครับว่าเลนขวาสุดฝั่งนั้นว่าง 1 เลนแน่นอนเพราะมีรถติดรอกลับรถอยู่เหมือนกัน
ระหว่างที่กำลังกลับรถผมก็ยังหันไปมอง ก็ยังเห็นเลนขวาสุดรอกลับรถกันอยู่ เลนกลางว่าง เลนซ้ายสุดก็ยังว่าง
จะมีเมียผมที่บอกว่าหลังจากเริ่มเลี้ยวออกไปแล้วเค้าเห็นแท็กซี่คันนี้วิ่งมาจากเลนกลางหรือซ้ายสุดไม่แน่ใจ แต่อยู่ในระยะประมาณ 30 เมตร
ซึ่งก็ไม่ได้เห็นว่าจะมีอันตรายอะไร เพราะถ้ามันดูน่ากลัวก็คงบอกให้ระวังกันแล้วแหละ
และในจังหวะที่เมียผมเห็น ผมก็ไม่ได้สนใจในตำแหน่งนั้นแล้วเพราะจังหวะนั้นผมก็มองแต่ข้างหน้าแล้ว
พอกลับรถเสร็จ กำลังเร่งตรงก็ตูม !!! ถึงได้บอกว่า ผมกับเมีย ก็ยังงงอยู่ว่ากูโดนชนได้ยังไงวะ แม่งมาจากไหนก็ไม่รู้ตอบไม่ได้จริงๆ

แต่ตอนนี้พอจะมีเหตุผลอยู่บ้างแล้วครับว่ามันก็มีมูลเหตุที่ทำให้แท็กซี่หักหลบอะไรบางอย่างมาชนผมในลักษณะนั้น
ตรงนั้นจากหน้าวัด ชอบมีมอเตอร์ไซค์ย้อนศรมาเพื่อตัดข้ามฝั่งตรงจุดกลับรถตรงนั้นเยอะมากๆ ได้ถ่ายภาพนิ่งและ VDO ไว้หมดแล้ว
แม้มันพิสูจน์ไม่ได้ว่าในขณะเกิดเหตุมีมอเตอร์ไซค์ตัดหน้าจริงหรือไม่ แต่มันก็เอาไปประกอบการให้เหตุผลได้ว่าก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่แท็กซี่มาชนเราในท่านั้นได้ในตำแหน่งที่รถเราตรงอยู่

ส่วนเรื่องวงเลี้ยวใน 1 เลนตรงนั้น ยืนยันครับไม่ถึงกับต้องตั้งหลักหรือตั้งวง Terios ก็กลับได้ใน 1 เลน
มิติฐานล้อและวงเลี้ยวของ Daihatsu Terios แคบกว่ารถ Jazz เสียอีก ตาม spec วงเลี้ยวคันนี้เท่าๆกับ mira เลยแหละ
Daihatsu เค้าถัดเรื่องทำรถเล็กๆ วงเลี้ยวแคบๆ Terios เป็นรถ mini suv เล็กกว่า CRV ประมาณ 70% ครับ
ที่เห็นในรูปเห็นเป็นรถลักษณะนั้น แต่จริงๆคันเล็กนิดเดียว

เมื่อวานขับรถไปถ่าย VDO มาแล้ว ถ่ายไป 4 รอบ 4 มุมกล้อง เทคเดียวผ่านทุกรอบครับไม่ต้องตั้งวงล่วงหน้าเลย ขับเลี้ยวมาปกติก็ทำได้ครับ

ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ทุกเหตุผลทุกแง่คิดที่ทุกท่านกรุณาแสดงความเห็นออกมาถือว่าเป็นประโยชน์ครับ
เพราะตอนนี้ต้องคิดให้ครบทุกกรณีว่า ในศาล ตำรวจจะแสดงให้ศาลเห็นถึงกรณีไหนได้บ้างเพื่อให้เรายอมรับผิด
หลังชนแล้วถึงได้รู้นี่แหละว่าขั้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าแท็กซี่ฟ้องเรา แต่เป็นตำรวจฟ้องเราที่เราไม่ยอมรับข้อกล่าวหาโดยมีแท็กซี่เป็นพยานให้ตำรวจ

ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณทุกความเห็นที่เพิ่มเติมเข้ามานะครับ

ผมเชื่อว่าตอนแรกตำรวจก็คิดแบบนั้นคือไม่มีทางที่ผมจะกลับรถในเลนเดียวได้ จนเลยออกไปตัดหน้าแท็กซี่ในเลนกลาง
แต่เมื่อผมยืนยันอย่างหนักแน่นว่าทำได้แน่ๆซึ่งผมพยายามอธิบายให้ตำรวจฟังในช่วงแรกๆของการไปถึงโรงพัก
ช่วงกลางๆของการสนทนาตำรวจก็ไม่พูดถึงเรื่องผมกลับรถออกมาเลนกลางอีกเลย
แล้วก็ยิงเรื่องมาเลยว่าแท็กซี่บอกว่ามาเลนขวาสุด ....

เหมือนถามนั้นถามนี่ให้เราอธิบายแล้วดูช่องทางว่าจะให้เราผิดในรูปแบบไหนได้บ้าง
เมื่อเรายืนยันว่าเรากลับรถเลนเดียว และเลนฝั่งนั้นมีรถติดรอกลับรถอยู่
สุดท้ายก็พยายามหาเหตุผลที่เราผิดแน่ๆโดยให้เราไม่มีทางออกคือการบอกว่าแท็กซี่มาเลนขวาสุด

ผมไม่อยากแสดงความเห็นเกี่ยวกับการวินิจฉัยของตำรวจมากนัก
แต่อย่างที่หลายๆคนเห็นรูป โยงผลที่เกิดขึ้นไปหาเหตุ จะพบว่าไม่มีทางที่จะถูกชนจากเลนขวาสุดโดยที่เรากำลังกลับรถได้เลย
ส่วนรอยเบรคไม่มีครับ ไม่ได้ยินเสียงเบรคด้วย

มันก็น่าคิดนะว่าทำไมตำรวจไม่ฟังเรา พยานเห็นเหตุการณ์ก็มี
ตอนแรกก็ยังงงว่าทำไมแท็กซี่ให้การว่ามาขวาสุดทั้งๆที่มันเป็นไปไม่ได้ยิ่งดูจากรูปหลังเกิดเหตุยิ่งเป็นไปไม่ได้
แต่คำตอบที่ได้รับจากตำรวจที่เราไปปรึกษาด้วยเค้าบอกว่า การให้การแบบนั้นจะทำให้เราผิดโดยสมบูรณ์แบบนั่นเอง
ปวดกระบาลฉิบหาย แท็กซี่โกหกประโยคเดียวนั่งสบายๆ กุแม่งพูดแต่ความจริงกลับต้องมาวิ่งทำโน่นทำนี่เพื่อพิสูจน์ความจริง