นักเรียน Trackday มาทำความรู้จัก ประวัติอาจาร์ยผู้สอนซักนิดครับ ; พี่จักษ์ทอง นาวาศุภพานิช / SOOPANA

การสนทนาใน 'Evolution Thailand' เริ่มโดย พัทยา@MRC#012, 3 มิถุนายน 2010

< Previous Thread | Next Thread >
  1. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    The racing career of Navasoopanich Jakthong — in detail
    [​IMG]
    2004

    Asian Touring Car Championship Division 1
    Position: 8 (48 points)
    5 races. 1 win. 0 pole positions. 2 podiums. 0 fastest laps.
    Team: Soopanava Team
    Car: Toyota Altezza
    Car: Honda Integra Type-R


    2003

    Asian Touring Car Championship Division 1
    Position: 4 (96 points)
    8 races. 1 win. 0 pole positions. 5 podiums. 0 fastest laps.
    Team: Soopanava Motor Sport
    Car: Toyota Altezza


    2002

    Asian Touring Car Championship Division 1
    Position: no position
    4 races. 0 wins. 0 pole positions. 3 podiums. 0 fastest laps.
    Team: IMSP, Synchro Motorsport
    Car: Honda Integra Type-R
    Car: Honda Civic Type-R


    2001

    Asian Touring Car Championship Division 1
    Position: no position
    2 races. 0 wins. 0 pole positions. 0 podiums. 0 fastest laps.
    Team: Jakthong Navasoopanich
    Car: Honda Integra Type-R


    "สุริวิภา" สะท้อนชีวิต "พ่อแม่ไม่ได้สอน!!" ของ จักษ์ทอง นาวาศุภพานิช
    Tuesday, 12 December 2006 15:11 -- ทั่วไป

    "สุริวิภา" พุธที่ 13 ธันวาคม นี้ พบกับ จักษ์ทอง นาวาศุภพานิช นักธุรกิจเดินเรือรายใหญ่ของประเทศ ผู้พลิกชีวิตจากเด็กเสเพลติดการพนันสารเสพติดและเกือบหลวมตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยว ธุรกิจด้านมืด หันมาช่วยกู้วิกฤตหนี้ 70 ล้านบาทของครอบครัว จนขยายใหญ่โตสู่ธุรกิจต่างประเทศ และเริ่มขยายสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นำเข้าสินค้าจากเยอรมัน และอีกนับกว่า 10 บริษัท แต่สิ่งที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักกลับเป็นงานอดิเรกที่เขารักยิ่ง ในฐานะนักแข่งรถระดับแชมป์มือหนึ่งของไทย

    จักษ์ทอง นาวาศุภพานิช เผยเรื่องราวกับ "สุริวิภา" ว่า "ตอนวัยรุ่น 15-16 ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ผมมีเพื่อนเยอะ และยอมรับว่าเป็นเพื่อนซึ่งหากเทียบในสังคมก็ถือว่าต่ำมากๆ เพราะบางคนก็ทำอาชีพผิดกฎหมาย ผมก็เลยเสเพลเกเรเป็นหัวโจกในทุกเรื่อง เรียกว่าเป็นผู้นำในเรื่องผิดระเบียบ โดดเรียนจนต้องย้ายโรงเรียนบ่อยๆ กินเหล้าแอบเอาเหล้าใส่กระเป๋าเด็กอนุบาลใส่ขวดนมไปโรงเรียน เที่ยวพาเลซทุก วัน ยังจำคุณหนูแหม่มได้เลยว่ายืนสวยที่บันไดด้านซ้าย แล้วก็เริ่มแข่งรถบนถนนวิภาวดีฯ และยังติดยากล่อมประสาท สมัยนั้นยังไม่มียาอียาไอซ์ ซ้ำร้ายติดการพนัน เพราะไปเล่นได้ง่าย ก็แม่เพื่อนเปิดบ่อน พ่อแม่ผมท่านไม่รู้เลยไม่เคยห้าม ปล่อยให้ผมใช้ชีวิตตามใจ ท่านทำงานหนักมาก จนไม่มีเวลามาอบรบสั่งสอนผม ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ผมขอให้ภรรยาออกจากงานมาเลี้ยงดูแลลูกๆ

    ตอนนั้นติดการพนันมากจนเป็นหนี้ 5-6 แสน หนีออกจากบ้านเลยไปอยู่กับเพื่อน นั่นคือ วัยรุ่น คือวัยที่คิดไม่เป็น มองอะไรไม่รู้ถูกผิด กะว่าจะไปอยู่ญี่ปุ่นกับเพื่อนที่ทำงานส่งผู้หญิงไปทำงาน โชคดีว่าพ่อไม่ยอมเซ็นขอวีซ่าให้ แล้วตอนนั้นยังมีเพื่อนที่วางแผนจะปล้นมาชวน เพื่อนก็กะเอาทีเดียวรวย โชคดีมากที่เราตัดสินใจไม่ไป สุดท้ายแม่เพื่อนที่เราเป็นหนี้ตามมาทวงที่บ้าน พ่อแม่ก็เลยผ่อนส่งใช้หนี้ให้เป็นปี กว่าจะหมด ทั้งที่ตอนนั้นที่บ้านเองก็เป็นหนี้ธนาคารอยู่ 70 ล้านบาท ซึ่งผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย จนตอนที่กลับมาอยู่บ้านก็เห็นมีผู้ชายแต่งตัวดีๆ ใส่สูทผูกเนคไทบางครั้งมา 3-4 คน จนตอนหลังมากัน 3 คันรถตู้ ถามพี่สาวๆ บอกว่า คนของธนาคารมาดูแลควบคุมกิจการของเรา ณ เวลานั้นถึงพ่อไม่ได้เรียกให้ผมมาช่วย แต่ผมก็รู้สึกว่า พ่อทำกิจการท่าเรือและเดินเรือนี้มาอย่างทุ่มเท ขยายกิจการซื้อที่ดินเพิ่ม ผมไม่อยากให้สิ่งนี้หายไปเฉยๆ ผมตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยเลย กลับมาช่วยที่บ้าน พี่สาวก็เริ่มให้ไปเก็บเงิน และผมเริ่มทำทุกอย่างทุกหน้าที่ ทั้งเดินทางไปกับเรือ เช็ดของ ขับรถขนของ เพื่อให้รู้ทุกอย่างของกิจการเรา ทำอย่างนั้นอยู่ 5-6 ปี จึงเริ่มมาทำงานแบบนั่งโต๊ะ แต่แรกๆ ก็ไม่มีตำแหน่ง เหมือนพ่อผมท่านเงียบๆ ไม่อวด สมถะ เป็นคนจีนสมัยก่อนที่บอกว่าคนที่ไม่มีตำแหน่งคือเจ้าของกิจการ

    ในที่สุดผมใช้เวลา 7 ปี ปลดหนี้ให้บริษัทได้ ด้วยการเปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด แต่ก็ต้อง ขัดแย้งกับคุณพ่อบ่อยมาก เริ่มจากเรื่องคนก่อนเลย ผมเป็นคนดุแข็ง คุยกันด้วยเหตุผล แบบตรงไปตรงมาว่าผมเพิ่มเงินให้ ก็ต้องเพิ่มงานให้ทำตามศักยภาพอย่างเต็มที่ บริษัทผมใช้คนน้อยแต่ได้งานมีประสิทธิภาพ ทำโกดังใหม่ เทพื้นท่าเรือใหม่ จากการธุรกิจเชิงรับ ผมปรับมารุกบุกสู้ตลอด ซึ่งก็ต้องสร้างผลงานให้พี่สาวผมเชื่อมั่นก่อน ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่สาวผมที่ให้โอกาส แรกๆก็มีขาดทุนแต่ผมวางแผนงานระยะยาวอย่างน้อยขอเวลาผมพิสูจน์ 6 เดือน ผมก็ทำกำไรให้ได้จริงๆ เลยขยายงานจนบริษัทเราทำได้ครบวงจร และความตั้งใจของคุณพ่อที่อยากขยายงานไปต่างประเทศ ผมก็ฟื้นงานส่วนนั้นขึ้นมาใหม่ โดยแอบซื้อเรือเดินทะเลลำใหญ่ ไม่ให้คุณพ่อรู้ ต้องแอบเอาผ้าใบปิดชื่อเรืออยู่ถึง 6 เดือน จนซื้อลำที่ 2 ที่ 3 คุณพ่อถึงได้รู้ โชคดีว่าช่วงนั้นเป็นช่วงเงินบาทลอยตัว ผมซึ่งมีเงินเก็บสะสมอยู่จึงสามารถซื้อเรือได้ในราคาเพียง 25 ล้านจาก 50 ล้านได้ 3 ลำในเวลาปีครึ่ง และข้อดีของธุรกิจนี้คือเป็นธุรกิจที่ไม่มีวันตาย ยังไงก็ต้องมีการนำเข้าและส่งออก คุณพ่อท่านมองการณ์ไกลในจุดนี้"

    จักษ์ทอง ยังเปิดโอกาสให้ สุริวิภา บุกไปที่ท่าเรือ และที่บ้าน เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของ ท่าเทียบเรือ เรือเดินทะเล ซึ่งอยู่ใกล้กับสะพานวงแหวนอุตสาหกรรมฯที่สวยงาม และชมอู่ซ่อมรถที่เขาต้องมีไว้เองเพื่อรองรับงานอดิเรกที่เขายังคงรักมาก คือการขับรถแข่ง ซึ่งเขากวาดมาแล้วหลายร้อยรางวัล หนึ่งในนั้นคือ ถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา และถ้วยจาก มาเก๊า สนามที่ขึ้นชื่อว่าโหดและยากที่สุดในโลก สุริวิภา ยังสัมผัสได้ถึงความสุขความอบอุ่นในครอบครัวที่เขามีให้กับลูกๆและภรรยา โดยเฉพาะวิธีคิดในการเลี้ยงดูลูกของเขาที่เปิดกว้างเปิดโอกาสแต่เอาใจใส่ ใกล้ชิด รวมทั้งการปรนเปรอความสุขให้ตนเองแบบสะใจ!!! และการเล่าถึงแผนการในอนาคตที่วางแผยขยายกิจการอีกอย่างน้อย 4-5 บริษัทในปีหน้า
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มิถุนายน 2010
  2. p.chang

    p.chang New Member VIP

    542
    6
    0
    คนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆครับ คอนเฟิร์ม
     
  3. p.chang

    p.chang New Member VIP

    542
    6
    0
    แก้ไขชื่อนิดนึงครับ จักษ์ทอง นาวาศุภพานิช

    ขอบคุณครับ
     
  4. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    รับทราบครับพี่ช้าง
    ขออภัยอย่างสูงครับ อิอิ
     
  5. polototo

    polototo New Member Member

    761
    5
    0
    เจอตัวจริง สุดยอดมากครับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้