เพื่อนๆมีข้อแนะนำสำหรับการเลือกซื้อ Regulator , หัวฉีด กับ Blow off valve ยังไงบ้างครับ เครื่องผมเป็นเครื่อง 4 ไม่ได้กะจะโมอะไรมากมาย แค่อยากให้เครื่องมันแข็งแรงกว่านี้หน่อย เพราะเครื่อง 4 มีชื่อเสียงว่าเครื่องมันเปราะ สูบที่ 4 ชอบไปก่อนสูบอื่น หากอัดมากๆ ตอนนี้บูสก็ปาไป บาร์2แล้ว ใช้ตัวปรับบูสคุมอยู่ไม่ให้เกิน 1. Regulator ควรจะซื้อรุ่นไหนดี รุ่นปกติ หรือรุ่นใหญ่ เช่น ของ Tomei มี type S กับ type L หรือต้องดูขนาดของท่อ/ข้อต่อ ด้วยหรือเปล่าครับ 2. เรื่องของหัวฉีด เครื่องผมเป็นเครื่อง 4 ถ้าเปลี่ยนregulator แล้ว จะต้องเปลี่ยนหัวฉีดใหญ่ขึ้นหรือเปล่าครับ เอาแค่ของ อีโว 5 ขึ้นไป (560cc.) พอหรือเปล่า 3. เรื่อง Blow Off Valve ส่วนตัวชอบเสียงของ HKS เวลาซื้อจะต้อง ซื้อหน้าแปลนมาด้วยหรือเปล่า หรือ แค่ตัวBOVเพียวๆ ก็พอครับ ถามหลายข้อหน่อยนะครับ รบกวนเพื่อนด้วย ขอบคุณครับ อู
ผมว่าคุณหลงประเดนแล้วนะครับ สิ่งที่พูดมา ไม่ได้เกี่ยวกับความทนทานของเครื่องยนต์เลย เป็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยน เมื่อทำการโมเครื่อง แล้วของเดิม มันไม่พอต่อการใช้งาน regulator ถ้าเปลี่ยนไปแล้วปรับไม่เป็นก็พังเหมือนกัน หัวฉีด เปลี่ยนไปต้องจูนใหม่ เพื่อให้น้ำมันที่จ่ายลดลงอยู่ดี blow off อันนี้ถ้าอยากได้เท่เปลี่ยนไปก็ไม่เสียหลาย ถ้าคุณกลัวลูกแตก ก็ควรไปไล่แหล่งจ่ายน้ำมัน เช่นปั๊มติ๊กถอยไหม กรองเบนซิลตันหรือเปล่า เรกกุเรด ถ้าของเดิม ไม่เสีย ไม่เป็นไรแน่นอน(แต่ผมยังไม่เคยเห้นมันเสียเลย) ส่วนปรับบูส มันปรับลงกว่าค่าเวสเกต ไม่ได้ไม่ใช่หรอครับ มันบรับขึ้นได้อย่างเดียว
เรื่องที่เป็นจุดด้อยของ เครื่องอีโว4 มีจุดเดียว คือทางเดินนมค. ที่เสื้อสูบท่อนล่าง มีขนาดไม่เหมาะสม ทำให้การไหลเวียนของนมค. ทำได้ไม่ดีพอในรอบสูงครับ ส่วนใหญ่ที่เจอ คือ เวลาซัดรอบสูง ต่อเนื่องหลายๆรอบ ชาร์ฟมักละลาย ครับ วิธีแก้ 1. เลือกปรับปรุงแรงดัน นมค. ให้ดี เช่น เลือกเกรด นมค. ให้เหมาะสม / เปลี่ยน Oil Termostat ให้เปิด-ปิดเร็วขึ้น และค่าKสปริงแข็งขึ้นเช่นพวกของ HKS จะช่วยเพิ่มแรงดันนมค.ในรอบสูงๆได้ / ใช้กรอง นมค.คุณภาพดี / ตรวจสอบ ปั๊ม นมค. ให้มีแรงดันที่ดี / ติดตั้งเกจ์วัดแรงดันนมค. เพื่อเตือนเวลาเกิดปัญหา ปรับปรุงสิ่งเหล่านนี้ดีกว่าครับ 2. เปลี่ยนใช้ชาร์ฟซิ่ง ที่รับภาระได้ดีกว่าของเดิม 3. วิธีสุดท้ายแบบแก้ขาดไปเลย ก็คงต้องไปหาท่อนล่างของเครื่อง 5-6 มาประกบ และใช้ปั๊ม นมค.ของ 5-6 แทนครับ อันนี้น่าจะตรงจุดกว่าครับ ส่วนวิธีเลือก 1. เรคกูเรเตอร์ พยายามหาของแท้ครับ ของปลอมแรงดันชอบถอยกลางอากาศ หายี่ห้ออะไรก็ได้ที่ไว้ใจได้ ถ้าหาของญี่ปุ่นไม่ได้ ลองเล่นของพวก US. หรือ Italy ดูครับ เพราะของพวกนี้ ที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นของที่ShopหรือGarrageทั่วไปสามารถทำเองได้และคุณภาพดีมากครับ ราคาถูกมากด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้ของญี่ปุ่นครับ วิธีเลือกก็ ตัวใหญ่ที่สุดยิ่งคุมแรงดันได้นิ่งครับ เลือกง่ายๆคือยิ่งใหญ่ยิ่งดีครับ แล้วที่สำคัญเปลี่ยนแล้วควร ต่อเกจ์วัดแรงดันนม.เบนซิน เพื่อตรวจสอบการทำงานครับ เพราะการเปลี่ยนเรกูเลเตอร์ที่สปริงต้านแรงดันได้สูงขึ้น ถ้าแรงดันน้ำมันในระบบไหลกลับไม่ทันในรอบสูงๆ เราจะได้แรงดันของทั้งระบบตกลงครับ จุดนี้ต้องระวังมากครับ พังแน่นอนครับ ทำต้องทำทั้งระบบครับ ไม่ใช่ทำแค่เปลี่ยนเรกูเรเตอร์ครับ 2. หัวฉีดเครื่องเดิมไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหญ่ขึ้นครับ เพราะน้ำมันจะท่วมหัวฉีดและห้องเผาไหม้ ทำให้เครื่องยนต์ดับหรือไม่มีกำลังแทนครับ การใส่หัวฉีดใหญ่ขึ้นอย่างเดียวทำไม่ได้ครับ ต้องแก้ทั้งระบบน้ำมันและ จูนกล่องเพื่อเกลี่ยนอัตราการฉีดจ่ายน้ำมันใหม่ให้พอดีครับ ไม่งั้นฉีดหนาตลอดครับ ถ้าจะปรับปรุงเรื่องหัวฉีด ผมว่าถอดหัวฉีดเดิมนี้แหละครับ ไปเปลี่ยนกรอง ล้างคราบเขม่า และปรับแต่งละอองการฉีด อันนี้เห็นผลกว่าแน่นอนครับ แนะนำ ร้านไทยนิยมดีเซล หลักสี่ เลยครับ หัวละ 3-4ร้อยบาท 3. BOV SuperSQV ของ HKS มีคุณภาพดีมากครับ ผมพึ่งซื้อใส่ได้ไม่กี่เดือน การควบคุมอากาศของวาวล์ในBOV ออกแบบและทำได้นิ่งมากครับ สำหรับพวกเทอร์โบใหญ่อย่างผมสูงได้ชัดเจนว่าดีมากครับ แต่มีข้อเสีย คือ เสียงมันไม่โหดเหมือนน่าตารถผมเท่านั้นครับ ผมว่าเสียงมันแต๋วๆไปหน่อย สู้เสียงSuperSound ที่พวกเทอร์โบใหญ่เวลาคายทิ้งจะดุดันมาก เขย่าขวัญรถคันข้างๆได้ดีกว่าครับ ผมว่าจะถอดทิ้งเหมือนกัน แต่ยังหาอะไรที่คุณภาพดีกว่าSSQVไม่ได้ในตอนนี้นั่นเองครับ
Type S กับ R ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี โดยเฉพาะType S ครับ ผมชอบเสียงมันนะ แต่ไม่ชอบหน้าตามันเท่านั้นเองครับ ส่วนเรื่องการออกแบบระบบวาวล์ และ แผ่นไดอะเฟรม ยังทำได้ไม่ดีเท่า SSQV. ครับ ถ้าต้องเลือกณ.วันนี้ ผมให้ SSQV เหนือกว่าในเรื่องประสิทธิภาพครับ ส่วนราคาก็แพงมากตามคุณภาพครับ เห็น SSQV ตัวใหม่ปี2010 ราคาตั้งมา 1.3 หมื่นครับ ส่วนตัวปัจจุบันตั้งที่ 8500+หน้าแปลน1000
รถอีโว 4 ถ้าเปลี่ยนปั๊มติ๊กในถังแต่งเข้าไปด้วย อย่าลืมเด็ดขาดเลยนะครับ เดินท่อทางเดินน้ำมันใหม่ และเดินรีเลย์เพิ่มด้วย รถผมกว่าจะจบได้ หลงประเด็นตั้งนานคับ
เดินท่อทางเดินน้ำมัน แบบไหน ยังไงอ่ะครับ แน่ะนำหน่อย ผมเปลี่ยนปั้มเป็นวาโบ่ + รีเลย์ + เดินสายไฟ เส้นใหญ่เข้าปั้มแล้ว แต่มีอาการแปลกอ่ะครับ คือ ถ้าวิ่งไปสัก พักหนึ่งเข็มวัดแรงดันจะกระดิกๆ เต้นๆ แต่เวลาวิ่ง กดบูสเข็ม ก็ขึ้นปรกติ แต่พออยู่นิ่งๆเดินเบา เข็มก็จะดิกๆ อีกอ่ะครับ
ของอีโวเดิมโรงงานจะเดิน ท่อน้ำมันั้ง Line Input และ Line Return มีขนาดแค่ 1/4 พอเราใช้แรงดันปั๊มสูงๆ ท่อพวกนี้จะทำให้เกิด Pressure Drop ในระบบได้เวลาที่ปั๊มอัดแรงดันหนักๆ จึงต้องขยายท่อทางเดินน้ำมันใหม่ทั้งไปและกลับ ผมขยายจาก 1/4 มาเป็น 3/8 เดินใหม่ตั้งแต่ถังน้ำมันมารางหัวฉีดทั้งไปและกลับ แรงดันสูงสุดที่ 8000 รอบ ขยับจาก 5 เป็น 6 บาร์ครับ ของเดิมมีสองแบบคือ แรงดันสูงสุดที่5บาร์ หรือไม่ก็สูงสุดที่5บาร์แล้วถอยลงเหลือ4บาร์กว่า ซึ่งแบบนี้ทำให้จูนรถได้ไม่เสถียรเลยครับ คือจะไม่สามารถรีดน้ำมันบางเพื่อเค้นแรงม้าได้ ต้องจ่ายน้ำมันเผื่อหนาไว้ตลอด จึงทำให้รีดแรงม้าได้ไม่สมบูรณ์ จึงควรจัดทำการขยายท่อใหม่ทั้งระบบครับ สำหรับรถผมสมัยนั้นมี 3ร้อยม้าแก่ๆแตะๆ4ร้อย จึงต้องทำครับ สำหรับรถเดิมๆ โมไม่มาก บูสท์ไม่เกิน บาร์สี่ แรงดันสูงสุดที่7000รอบ เท่ากับ 4.5-5 บาร์ ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ ไม่จำเป้นต้องทำ ยกเว้นจะไปเปลี่ยนรางหัวฉีดใหญ่ขึ้นแล้ว น้ำมันไหลกลับไม่ทัน จึงเกิด แรงดันต้านในระบบ ทำให้น้ำมันท่วมหัวฉีด จึงต้องแก้โดยขยายท่อไหลกลับครับ ส่วนแรงดันเบนซิน กระติกเต้นๆ ตอนเดินเบา เป้นเรื่องปกติของ รถที่ใช้เรกูเรเตอร์ที่มีค่าKสปริงแข็งอยู่เป็นปกติครับ เพราะจุดที่เราวัด Fuel Pressure Sensor ส่วนมากจะอยู่หน้า-หลัง เรกูเรเตอร์ ธรรมดาของ Flow น้ำมันในจุดดังกล่าวจึงเต้นเล็กน้อยอย่างที่เห็น เพราะเป้นการทำงานของสปริงในเรกูเลเตอร์ครับ ถ้ามันไม่กระดิกเลย ส่วนมากสปริงเรกูเรเตอร์ล้าครับ ถ้าอยากได้เข็มเดินเบานิ่งๆต้องต่อ Fuel Pressure Sensor ไว้ที่ตำแหน่ง Output ของ Fuel Pump ครับ
ขอบคุณครับ สงสัยอยู่ตั้งนาน งั้นก็แสดงว่า ถ้าเครื่องอีโว 4 บูส ไม่เกินบาร์สอง ก็ยังไม่ต้องเปลี่ยนแป็บทางเดินน้ำมันใช่ป่ะครับ ส่วนจุดต่อเกจ์วัดแรงดันผมต่อสามทางจากท่อ น้ำมันที่ออกจากกรองเบนซินอ่ะครับ แต่ก็ยัง สงสัยอยู่ว่าทำไมตอนใช้งานช่วงแรกๆ ขับ เรื่อยๆไหลๆไม่เกินชั่วโมงเข็มมันก็นิ่งดีแต่พอ ใช้งานนานกว่านั้น รถติดนานๆ เข็มจะกระดิกๆ แต่ถ้าดับเครื่องสักแป็บแล้วสตาร์ดใหม่อาการ ดังกล่าวก็จะหายไปพักนึงแล้วมันก็กลับมาเป็น เหมือนเดิมอีก สงสัยปั้มวาโบ่ จะไม่ค่อยดีแล้วเป็นไปได้ป่าวครับ
วิธีตรวจสอบ คือ 1. ให้ลองไล่ ที่เกียร์3 ต่อเกียร์ 4 ไปเรื่อยจนสุดรอบใช้งานก่อนครับ ว่าแรงดันถอยหรือไม่ ค่อยๆเดินคันเร่งไปอย่าพึ่งกด ถ้าค่อยๆเดินคันเร่งแล้วแรงดันไม่ตก 2. จากนั้นลองกดดูเลยครับ กดทุกเกียร์แล้วดูว่าได้แรงดันตอนรอบใช้งานสูงสุดเท่าไร ถ้าไม่ต่ำกว่า 4.5 บาร์ ก็ถือว่าพอ สำหรับรถเดิมๆครับ ส่วนเดินเบา ถึงรอบต่ำๆ แรงดัน 2-3 บาร์ก็พอครับ ไม่ค่อยมีผลให้เครื่องพังหรอกครับ มันจะพังหลังจากบูสท์ติดนี่แหละครับ ต้องดูให้แรงดันน้ำมันมันพอครับ ---------- Post added at 15:16:53 ---------- Previous post was at 15:16:46 ---------- วิธีตรวจสอบ คือ 1. ให้ลองไล่ ที่เกียร์3 ต่อเกียร์ 4 ไปเรื่อยจนสุดรอบใช้งานก่อนครับ ว่าแรงดันถอยหรือไม่ ค่อยๆเดินคันเร่งไปอย่าพึ่งกด ถ้าค่อยๆเดินคันเร่งแล้วแรงดันไม่ตก 2. จากนั้นลองกดดูเลยครับ กดทุกเกียร์แล้วดูว่าได้แรงดันตอนรอบใช้งานสูงสุดเท่าไร ถ้าไม่ต่ำกว่า 4.5 บาร์ ก็ถือว่าพอ สำหรับรถเดิมๆครับ ส่วนเดินเบา ถึงรอบต่ำๆ แรงดัน 2-3 บาร์ก็พอครับ ไม่ค่อยมีผลให้เครื่องพังหรอกครับ มันจะพังหลังจากบูสท์ติดนี่แหละครับ ต้องดูให้แรงดันน้ำมันมันพอครับ