พอดีได้มีโอกาสไปเข้าชมงาน Shanghai Expo มาเลยเก็บภาพมาฝาก ขออนุญาต บรรยายภาพไปเรื่อยๆ ภาพอาจไม่ชัดนัก เพราะกล้องไม่ค่อยดี แถมเอามา Resize ยิ่งเบลอไปใหญ่ครับ เริ่มด้วยภาพตึกที่สูงที่สุดของเซี่ยงไฮ้ (และจีนด้วยหรือป่าวไม่แน่ใจครับ) รูปร่างคล้ายที่เปิดขวด แต่เดิมเค้าจะให้ช่องข้างบนเป็นวงกลม แต่รัฐบาลจีนไม่ยอม เพราะมันจะสื่อถึงความเป็นญี่ปุ่นครับ เซี่ยงไฮ้ยามค่ำคืน ลบภาพที่คิดไว้ตอนแรกจนหมดเลยครับ สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ เป็นคืนเดียวกับที่บ้านเราร้อนระอุ (19 พ.ค.) ที่พักของคณะเรา ตั้งแต่ 19-24 พ.ค. ครับ วันที่ 2 ของการเดินทาง (20 พ.ค.) มีภารกิจไป visit บริษัทหัวเหว่ย ก่อน 1 วัน ช่วงบ่ายได้แวะ ไปชมสวนอะไรซักอย่าง จำชื่อไม่ได้ เป็นบ้านของเศรษฐีเก่า กว้างใหญ่ไพศาล แต่ร่มรื่นมากๆครับ วันที่ 3 (21 พ.ค. 53)ของการเดินทาง เข้างานกันตั้งแต่เช้าครับ ด้วยคณะของเราเป็นคณะทางการ เลยสบายกว่าชาวบ้านนิด คือไม่ต้องต่อแถว และมีรถส่วนตัวของคณะใช้เดินทางในงาน ระหว่างเข้างานก็เก็บภาพความเยอะของผู้คนมาให้ชมครับ เนื่องจากบริเวณงานที่จัดกว้างมาก กินอาณาบริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำ เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จึงมีการสร้างอุโมงค์ลอดแม่น้ำ 2 ฝั่งครับ ถึงแล้วครับ Paviilion แรก GM Paviilion เข้าไปถึงเค้าก็จับขึ้นลิฟต์ไปดาดฟ้า เพื่อชมทิวทัศน์ของงาน อีกฝั่งแม่น้ำ แต่หมอกลงเยอะมาก กล้องน้อยๆของผม จึงเก็บมาได้แค่นี้ครับ หลังจากชมทิวทัศน์กันพอประมาณ เค้าก็พาเราเข้ามาชมในส่วนจัดแสดง เป็นแบบ simulator อลังการมากๆครับ เริ่มด้วยการฉายภาพลงบนจอโค้ง เก้าอี้โยกไปมาตามภาพที่แสดง (แต่ผมไม่สามารถถ่ายรูปมาได้ เนื่องจากไม่สะดวก) หลังจากจบ จอแสดงภาพจึงเลื่อนลงมาเป็นการแสดงของคนครับ หลังจากการแสดงจบ ก็ลงมาส่วนนิทรรศการ ให้ดูหน้าตาของรถในโลกอนาคต (ค.ศ.2030) เป็นอันจบ รีบไป Pavilion ต่อไป ต่อไปเป็น Japanese Industry Pavilion เข้าไปข้างในก็มีการฉายหนังบนจอทรงสูงมาก ในห้องที่ใช้ concept ว่า bamboo theater เพื่อเล่าให้ฟังก่อนว่าใน Pavilion นี้มีกี่ ส่วนจัดแสดง ซึ่ง Pavilion นี้แบ่งออกเป็น 8 ส่วน จากบริษัทยักษ์ๆ ของญี่ปุ่น ส่วนตัวแล้วผมว่าก็สวย และ Art ดี แต่ผมไม่อิน เลยรู้สึกเฉยๆครับ ที่สำคัญ บริเวณภายในทั้งหมด "ห้ามถ่ายรูป" เลยไม่ได้ถ่ายมาให้ดูกันครับ
Pavilion สุดท้ายของเช้านี้ State Grid Pavilion เป็นกลุ่มบริษัทไฟฟ้า หรือป่าวไม่แน่ใจครับ เข้าประตูไป ก็จะพบกับบันไดเลื่อนเป็นอุโมงค์ไฟเขียวๆ ดูเวียนหัว แบบนี้ เสร็จแล้วก็ไปรอเข้าส่วนแสดง เข้าไปเป็นห้องมืดๆ รูปทรงสี่เหลี่ยม มีกระจกโดยรอบ จากนั้นก็มีการแสดงแสงและเสียง โดยเน้นการสะท้อนของแสงและกระจก ตื่นตาตื่นใจ แต่ผม ไม่อินอีกละ รูปก็ไม่ได้ถ่าย เพราะเข้าไปมืดมาก จากนั้นก็สว่างแว็บวับ ถ่ายมาแล้วก็ต้องลบครับ จะเปิดแฟลชก็เกรงใจชาวบ้าน จบการแสดงก็กลับออกมา เลยเอารูปเจ้านายลงนามสมุดเยี่ยมมาฝากหน่อยครับ เย่ๆ ได้กินข้าวแล้ว ร้านนี้ครับ เค้าว่าเป็นร้านบะหมี่เก่าแก่ของเซี่ยงไฮ้ ที่เอามาเปิดร้านในงาน ได้กินแล้วบะหมี่ผมว่าไม่อร่อยนัก เพราะมันเผ็ดพริกเผา และเค็ม แต่ Option อื่นๆ ใช้ได้ครับ หลังจากอิ่ม แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มครับ กลุ่มแรก ดูงานต่อ กลุ่ม 2 ไปสำรวจตลาดค้าขายของจีน ผมได้อยู่กลุ่ม 2 ครับ เพราะนายจะไปกลุ่มนี้ ก็เลยต้องไปด้วย เลยต้องนั่งรถไฟใต้ดินจากในงาน ออกมาข้างนอก รถไฟใต้ดินสายนี้มี 3 สถานี คือ 2 สถานี เป็นภายในงาน 2 ฝั่งแม่น้ำ และสถานีที่ 3 คือสถานีที่ออกมานอกงาน รถไฟที่นี่ใช้ความเร็วกว่าบ้านเราเยอะเลยอ่ะครับ กะว่าน่าจะวิ่งเกิน 100 แน่ๆ
วันที่ 4 ขอการเดินทาง (22 พ.ค. 53) คณะเริ่มต้นด้วยการเข้าชม Thai Pavilion ที่ผมชอบที่สุดในงาน เริ่มที่ ส่วนที่ 1 เข้าไปเป็นจอแขวนลอย 4 มุม มีน้ำไหลลงมาคล้ายฝนตก เมื่อเริ่มการแสดง เป็นภาพที่แสดงออกถึงความเป็นไทย โดยสื่อถึงความสดใส และจบลงด้วยสายฝน ประกอบกับน้ำที่ไหลลงมา และจบลงด้วยภาพชฎา ซึ่งใช้เทคนิคเป็นภาพชฎามาสวมให้กับคนที่ยืนดูอยู่ได้ อย่างสวยงาม เรียกเสียงฮือฮาได้มากทีเดียว ห้องต่อมาเป็นห้องโล่งๆ ตกแต่งคล้ายท้องพระโรง มีหุ่นยักษ์วัดแจ้งยืนอยู่ ซึ่งสามารถขยับตัวได้ตามเรื่องราว โดยบนจอจะฉายภาพตัวการ์ตูนยักษ์จีน สนทนากันไปมา ซึ่งโดยสรุปจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของไทยและจีนเรื่อยมา ห้องสุดท้าย เป็นห้อง 3 มิติ แสดงแสงสีเสียงวัฒนธรรมของไทย ที่ประทับใจและเรียกเสียงฮือฮา ได้มากทีเดียว เนื่องจาก ฉากที่มีช้างพ่นน้ำ ก็มีน้ำออกมาเปียกคนด็จริงๆ ฉากที่เป็นดอกไม้ ก็มีกลิ่นหอมออกมา ประทับใจจริงๆครับ จากนั้นเราก็มาต่อกันที่ Mexico เป็นห้องจัดนิทรรศการธรรมดา ไม่มีอะไรตื่นตาครับ แต่ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าฝนตกลงมา แต่คนยังกางร่มต่อคิวกันต่อไปครับ แล้วก็ Australia ครับ เดินตามอุโมงค์ไปเรื่อยๆครับ ไปจนถึงห้องแสดงแสงสีเสียง ก็เหมือนๆเดิมครับ จอขึ้นลงได้ ตื่นตาดีครับ
อาหารกลางวันมื้อนี้ CP Food Pavilion อาหารไทยมื้อแรก ในรอบ 10 มื้อครับ อิ่มแล้วก็มายืนหน้าร้าน ถ่ายเท่าที่ถ่ายได้ครับ เริ่มด้วยประเทศเพื่อนรักของเรา เค้าว่าข้างในเป็นภาพเขาพระวิหาร เอเชียแท้ๆ ต้องที่นี่ Malaysia Truely Asia สิงคโปร์ คาซัคสถาน นั่งรถผ่านมา หน้า Japan Pavilion สังเกตุคนรอคิวครับ น้องที่เป็นไกด์เค้าบอก รอคิวประมาณ 4-5 ชั่วโมงครับ รั้วไฟฟ้า!!! ครับ จากนั้น ตอนบ่ายก็แบ่งเป็น 2 กลุ่มเหมือนเดิม ผมก็ไปกลุ่ม 2 เหมือนเดิม อดดู
วันที่ 5 ของกานเดินทาง (23 พ.ค. 53) อันนี้นึกไม่ออกว่าประเทศอะไร อันนี้ฝรั่งเศสครับ Germany Pavilion เข้าไปก็มีอุโมงค์แห่งการเวลา (ตั้งเองนะครับ ให้มันเท่ห์ๆ) เดินไปรอในห้องรับรอง และลงนามในสมุดเยี่ยมครับ ดูใกล้ๆจะเห็นว่าเป็นผ้า เส้นใยพิเศษ บลา บลา บลา ที่พี่เยอรมันเค้าโม้ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจฟังครับ ภายใน Germany Pavilion ครับ จากนั้นเราก็เดินดูในส่วนจัดแสดงต่อไป แล้วก็ไปดูการแสดงแสงเสียง ของเยอรมันนี่ไฮเทคใช้ได้ครับ เป็นจอแสดงภาพลูกกลมๆใหญ่ๆ แล้วก็โชว์ไปเรื่อยๆครับ ต่อไปเราก็เค้าไป Spain Pavilion เนปาลครับ ภาพมุมสูงจาก Nepal Pavillion ที่เห็นกลมๆ ไกลๆ ซาอุฯครับ เค้าบอกไม่ให้เราเข้า ถ้าไม่คืนเพชร อิอิอิ ล้อเล่นนะครับ ห้องน้ำซะหน่อย เด๋วนี้เค้าปั๊ดตะนาแล้ว ช่วงบ่ายหลังจากนี้ กล้องผมแบ็ตหมด ดันลืมชาร์จ เลยต้องอาศัยกล้องคนอื่น ต้องรอกล้องกลางของที่ทำงาน เด๋วได้ภาพแล้วจะเอามาลงให้ชมอีกทีครับ ---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 22:47:53 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 22:47:01 ---------- วันสุดท้ายของการเดินทาง (24 พ.ค. 53) วันจะกลับ แดดดันออก ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ไปแวะดูท่าเรือน้ำลึก ซึ่งต้องขึ้นสะพานออกไปกลางทะเล 32 กม. ที่สนามบินครับ