รถนำเข้ามาจากญี่ปุ่น แบบเต็มคัน ไม่มีตัด เอามาจดทะเบียนใหม่ แบบถูกต้องตามกฏหมาย แต่หลังเล่มจะแจ้งว่า จดประกอบจากอะไหล่เก่า เวลาเราเบื่อ อยากขายต่อ จะเป็นปัญหาไหมครับ ราคาขายต่อมันจะตกมากไหม คิดแล้วคุ้มไหมครับ เห็นตอนนี้มีหลายเจ้าเอาเข้ามาขาย และอยากได้ซักคัน EX. BMW E60 ราคาจบ แบบรวมทำทะเบียนแล้ว ประมาณ 1300000 บาท แต่ราคา E60 ที่เต๊นท์ ขายกันอยู่ 2.4-2.7 ล้านบาท ถูกกว่ากันบานเลย สภาพน่าจะดี วิ่งน้อยกว่าด้วย ยังไงช่วยชี้แนะด้วยครับ
ตามความเข้าใจส่วนตัวของผมเรื่องรถจดประกอบ มันเป็นรถที่เข้ามาโดยผิดกฏหมาย เช่น ขโมยเข้ามา แยกเข้ามาเป็นชิ้น ส่วนใหญ่ก็จะเอาเข้ามาเป็นคัน แล้วก็จะทำเป็นขบวนการ พอเอาเข้ามาก็ปล่อยให้ถูกจับ จากนั้นทางการก็จะทำการตรวจสอบรถอย่างละเอียด โดยการรื้อเพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย ถอดออกแล้วประกอบกลับ จากนั้นก็นำไปประมูล พอประมูลได้แล้วก็นำเอกสารไปจดทะเบียนที่ขนส่ง กลายเป็นรถถูกกฏหมายครับ คงต้องดูกันดีๆ ว่าประกอบกลับมาเหมือนเดิมหรือเปล่า มีอะไรขาดไปหรือเปล่า ต้องดูดีๆ ครับ ส่วนเรื่องราคานั้นไม่ต้องพูดถึง ก็คงตามที่มาที่ไปแหละคับ ครั้นจะขาดเท่ารถทั่วไปก็กะไรอยู่ เพราะหลังเล่มมันจะระบุไว้ว่ารถจดปลากรอบ ป.ล. ความคิดส่วนตัวนะคับ ผิดถูกขออภัย
ตอบตามที่เคยใช้นะคับ ความรู้แบบอนุบาลเหมือนกันเดี๋ยวเซียนคงมาเพิ่มให้ รถจดประกอบ นำเข้ามาแบบไม่ผิดกฏหมายคับ แต่มันไม่ได้นำเข้ามาแบบรถ มันคือการนำเข้ามาแบบอะไหล่ มีการแหกตาโดยการถอดเครื่อง ช่วงล่าง เบาะ ประตูอารายพวกนี้แยกชิ้นออกจากตัวรถบ้าง แต่ส่วนใหญ่สายไฟจะไม่ได้รื้อมา อุปกรณ์ภายในแทบไม่ได้ถอดเลยคับ อันนี้แล้วแต่ร้านที่นำเข้ามาคับ และมีการเสียภาษีโครงรถเป็นอะไหล่ เวลาเอามาซื้อขายกันก้อจะบอกว่ามีใบอินวอยนะคับ แล้วก้อจะนำเอกสารอันนี้แหละนำไปประกอบร่วมกับเอกสารอื่น ๆ ในการจดทะเบียน ส่วนเรื่องของการนำไปจดประกอบนั้น ค่อนข้างต้องใช้เส้นสายและกำลังภายในกันอย่างมากคับ บางช่วงบางยุคของรัฐบาลก้อไม่สามารถทำได้ แต่บางยุคสมัยของรัฐบาลก้อเล่นกันซะเต็มเมืองเลย เพราะอะไรนะเหรอ ขั้นตอนมันค่อนข้างยุ่งยากคับ ไหนจะส่งตรวจ มอก สรรพสามิตร อื่น ๆ อีกมากมายกว่าจะได้มาซึ่งทะเบียนรถ และจะมีการตอกเลขตัวถังใหม่ สังเกตง่าย ๆ ที่ป้ายภาษีรถยนต์รถพวกนี้ส่วนมากจะไม่เป้นเหมือนชาวบ้านเขานะคับ ยกตัวอย่าง 200sx ที่ป้ายเสียภาษีรถที่จำหน่ายในบ้านเราจะขึ้นต้นด้วย JN100RS13Uxxxxxx ก้อจะเป็นตัวเลขหรือตัวหนังสือ xxxxxxxx ไปเลย ซึ่งระบบราชการไทยก้อรู้ๆ กันอยู่ 2 สิ่งที่คุณจะต้องมีคือ เงิน และ อำนาจ ที่จะทำให้มันสามารถผ่านฉลุยไปได้ ส่วนรถที่เขาไปประมูลกรมศุลกันนั้น คือการจับกุมรถที่นำเข้ามาแบบเลี่ยงภาษี พูดง่าย ๆ ก้อคือรถที่ไม่มีทะเบียนแหละคับจะเสียภาษีอะไหล่ตัวถังเข้ามาหรือไม่เสียเข้ามา ถ้าประกอบเป้นคันขึ้นมาแล้วอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก้อโดนสอยเหมือนกันคับ อย่าคิดว่ามีอินวอยแล้วจะรอดเสมอไปนะคับ รถที่ได้จากการประมูลกรมศุลนั้น กรมศุลก้อจะออกเอกสารให้คับ สามารถนำไปทะเบียนที่กรมการขนส่งได้เลย เพราะถือว่าได้มีการเสียภาษีนำเข้ามาถูกต้องแล้ว แต่บางรายก้อมีปัญญานะคับ เพราะเป็นรถตัดครึ่งคันเข้ามา พอเอาไปตรวจสภาพที่ขนส่งตรวจไม่ผ่านคับ .. อันนี้ซวยคับ ก้อต้องว่ากันไป ส่วนเรื่องราคา มันขึ้นกันอยู่กับความพอใจคับ ส่วนใหญ่แล้วรถรุ่นเดียวกัน ปีเดียวกัน สเปคเดียวกัน รถจดประกอบจะราคาต่ำกว่าอยู่แล้ว แต่เพื่อนผมบางคนซื้อรถจดประกอบแพงกว่ารถประมูล หรือรถนำเข้ามาเองอีกคับ แต่เห็นรถแล้วต้องยอมจริง ๆ คับ สภาพภายในใหม่เหมือนรถป้ายแดงเลยคับ ราคานี้ต้องยอมคับ เรื่องหลังเล่มบางทีมันล้างเล่มกันได้คับ วิธีสังเกตง่าย ๆ เลยอย่างที่ผมบอกลองไปดูที่เอกสารการเสียภาษีที่แปะอยู่หน้ารถคับ พูดไปจะโดนเต้นท์ยิงไหมเนี่ย เอาเป็นว่าความรู้ระดับอนุบาลจริง ๆ คับ ผิดพลาดตรงไหนต้องขออภัยด้วยคับ รอผู้รู้มากกว่าผมมาตอบจะเพิ่มจะดีกว่าคับ
เมื่อ2อาทิตยก่อน เหนมากับตาเลย R33 GTS เต็มลำ อยู่บนรถสไลด์ ขนาดไม่ได้วิ่งนะ โดนมินิปาดหน้าขอตรวจสอบเอกสารเลย
หน่วยที่ติดตามรถประเภทนี้ มีกระจายกันอยู่ทั่วประเทศ ใช้รถดี ๆ ที่ยึดมาบางส่วนในการเข้าจับกุมทั้งนั้นนะครับ เมื่อสิบกว่าปีก่อน สมัยที่อีโว เป็นที่นิยมกันแรก ๆ ในอู่ที่ผมทำรถกันอยู่ โดนเข้าตรวจ และยึดไปสองคัน คันนึงใช้เส้นสายกำลังภายในขั้นสูง เอาออกมาได้ แต่ก็ต้องรีบขายไปทำรถแข่งแรลลี่ ส่วนอีกคันปล่อยยึด แล้วไปเดินเรื่องวิ่งเต้น ขอประมูลรถตัวเอกออกมาใช้อย่างถูกต้อง (ก่อนนำรถไปจอดที่คลองเตย ถอดของแต่งออกเกลี้ยง) หน่วยที่จับกุมนี้ อย่าหวังจะรับใต้โต๊ะนะครับ กี่เคสๆ ไม่เคยรับเลย ถ้าอยากซื้อแบบที่เจ้าของกระทู้ว่า โอกาสโดนก็ยังมีนะครับ พวกนี้ดูรถกันเชี่ยวชาญกว่าคนเล่นรถบางคนด้วยซ้ำไป
ตามนั้นเลยครับ! เคยอบากลอง และเคยคุยกับคนเอาเข้ามาหลายคนนะ คนขายเองยังไม่รับทำเลย หรือคนรับทำที่ผมคุยไม่เคยมีใครรับรองผมได้ชัวร์ๆเลย
ทะเบียน รถนำเข้า มี 2 แบบ 1 จดประกอบ ซึ่งขั้นตอนยุ่งยากมาก ต้องเสียเงินหลายขั้นตอน ทั้งต้องตรวจมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วย เฉพาะ มอก.ถ้าไม่ผ่านก็จบ เป็นเศษเหล็ก ตรวจได้ 3 ครั้ง และไปเสียภาษี สรรพสามิต และศุลกากร ก็จบ 2 จดรถเก่านำเข้า ต้องครบครองที่ญี่ปุ่น ไม่น้อยกว่า 1-2 ปี และต้องมีใบอินวอย์ ของคนที่ญี่ปุ่นส่งมาด้วย และแจ้งทางญี่ปุ่นว่าจะนำกลับมาใช้ในประเทศไทย โดยไปแจ้งที่กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร เช่นกัน เค้าจะออกใบ และคำนวนภาษีให้ก่อน ตัดสินใจว่าจะนำเข้าหรือไม่ มีการตัดค่าเสื่อมราคาให้ 3 ลักลอบ นำเข้า และให้ศุลกากรจับ แล้วจึงไปประมูลจากกลุ่มศุลกากร ขั้นตอนง่าย แต่ภาษีก็แพง อาศัย จนท. กรมศุลกากรช่วย ก็ง่าย โดยกรมศุล จะออกใบให้ไปขอเล่มทะเบียนที่ ขนส่ง ท้ายเล่มมีบันทึก ด้วยว่า เป็นรถประมูล 1. การนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลชั่วคราว รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือสำราญและกีฬา หรือเรือประมงที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนเป็นการชั ่วคราวและจะส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักรภายใน 6 เดือนจะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า โดยผู้ที่ประสงค์จะนำยานพาหนะส่วนบุคคลประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เรือสำราญและกีฬา หรือเรือประมง เข้ามาพร้อมกับตนเองเป็นการชั่วคราวต้องปฏิบัติตามหล ักเกณ์และเงื่อนไขที่กรมศุลกากรกำหนดไว้ให้ครบถ้วน 1.1 เอกสารที่ควรจัดเตรียมในการนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลช ั่วคราว (1) ใบขนสินค้าพิเศษและมีสำเนา 5 ฉบับ (2) ทะเบียนยานพาหนะ (3) บัตรประจำตัวและหนังสือเดินทางของผู้ควบคุมยานพาหนะ (4) หนังสือมอบอำนาจ กรณีผู้ควบคุมยานพาหนะมิใช่เจ้าของ (5) คำร้องขอนำรถเข้ามาเพื่อการท่องเที่ยวเป็นการชั่วครา ว (6) หลักฐานการซื้อขาย เช่น Proforma Invoice, Invoice (7) สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล ( สัญญาประกันการส่งกลับ (9) เอกสารอื่น ๆ (ถ้ามี) 1.2 ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการนำเข้าชั่วคราวยานพาหนะส่วน บุคคล (1) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนยื่นใบขนสินค้าพร้อมเอกสารประกอบ ต่อฝ่ายเอกสิทธิ์และส่งเสริมการลงทุน ส่วนการนำเข้า ของสำนักงานหรือด่านศุลกากรที่นำเข้า กรณีมีสิ่งของอื่นหรือผู้โดยสารและสิ่งของติดตัวผู้โ ดยสารเข้ามาพร้อมกับยานพาหนะ ผู้นำเข้าหรือตัวแทนต้องแจ้งกรมศุลกากรด้วย (2) กรมศุลกากรตรวจสอบข้อมูลในใบขนสินค้าและเอกสารประกอบ หากเอกสารถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะออกเลขที่ใบขนสินค้า และกำหนดวงเงินค้ำประกันสำหรับการนำเข้านั้น ๆ (3) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักประกัน (เงินสดหรือ ธนาคารค้ำประกัน) ไปชำระที่ฝ่ายบัญชีและอากร (4) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักฐานการวางประกันมาแสดงต่อเ จ้าหน้าที่ศุลกากร (5) กรมศุลกากรจะตรวจยานพานะและสิ่งของติดตัวผู้โดยสาร เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว จะมอบสำเนาใบขนสินค้าพิเศษ ให้ผู้นำเข้าไว้ 1 ฉบับ เพื่อใช้กำกับยานพาหนะและแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเ มื่อนำยานพาหนะออกไปนอกประเทศไทย 1.3 ขั้นตอนการปฏิบัติพิธีการส่งออกยานพาหนะส่วนบุคคล (1) ผู้ส่งออกยื่นใบขนสินค้าพิเศษที่กรมศุลกากรออกให้ขณะ นำเข้าและสำเนา 1 ฉบับ พร้อมกับแบบธุรกิจต่างประเทศ (ธ.ต.1) 1 ฉบับ แก เจ้าหน้าที่ศุลกากร (2) กรมศุลกากรจะตรวจยานพาหนะและสิ่งของติดตัวผู้โดยสาร เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจะถอนประกันทัณฑ์บนที่ผู้นำเข้าทำ ไว้กับกรมศุลกากรขณะนำเข้า 1.4 ข้อควรทราบในการนำเข้าชั่วคราวยานพาหนะส่วนบุคคล (1) หากผู้นำเข้าไม่นำรถกลับออกไปในระยะเวลาที่กำหนดไว้ใ นสัญญาประกันทัณฑ์บน กรมศุลกากรจะบังคับสัญญาทัณฑ์บนเต็มจำนวนที่กำหนดไว้ โดยไม่มีการลดหย่อนทั้งสิ้น (2) กรณีผู้นำเข้าต้องการขอขยายเวลาการนำรถออกนอกประเทศไ ทยตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกันทัณฑ์บน ก็สามารถขอขยายเวลากับกรมศุลกากรได้อีกแต่ไม่เกิน 6 เดือน เว้นแต่ในกรณีที่จำเป็น เช่น เครื่องยนต์เสีย หรือรถยนต์ถูกชนต้องเสียเวลาในการซ่อม ก็อาจขยายเวลาออกไปให้เกินกว่า 6 เดือนได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 8 เดือน นับแต่วันนำเข้า (3) การประกันและการค้ำประกัน ผู้นำเข้าสามารถวางประกันด้วยเงินสด หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร แต่สำหรับรถจักรยานยนต์ที่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเท ศนำเข้าทางสำนักงานศุลกากรนำเข้าท่าเรือกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ ให้ค้ำประกันตนเองได้ ในกรณีที่ผู้นำเข้าไม่สามารถจะวางประกันด้วยเงินสด หรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารได้จริงๆ กรมศุลกากรก็อาจพิจารณาอนุมัติให้ผู้นำเข้าค้ำประกัน ตนเองได้ การกำหนดเงินประกันและเงินค้ำประกัน กรมศุลกากรจะกำหนดโดยถือตามราคาบวกค่าภาษีอากรทุกประ เภทของรถที่นำเข้าเป็นยอดเงินประกัน (4) การบังคับตามสัญญาประกัน เมื่อครบกำหนดตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน หรือผู้นำของเข้าได้แสดงความจำนงก่อนครบกำหนดดังกล่า วว่าไม่ประสงค์จะนำรถกลับออกไป กรมศุลกากรจะบังคับสัญญาประกันเต็มตามจำนวนที่กำหนดไ ว้โดยไม่มีการลดหย่อนใดๆ ทั้งสิ้น ในกรณีที่มีผู้นำรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์เข้ามาในประเทศทางเขตแดนทางบกเป็นก ารชั่วคราวและจะนำกลับออกไป แต่นำกลับออกไปไม่ทันภายในเวลาที่กำหนดตามที่ระบุไว้ ในสัญญาประกัน โดยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนการปฏิบัติตามสัญญาประกันนั้น ผู้นำเข้าจะต้องชำระค่าปรับวันละ 100 บาท นับจากวันที่ครบกำหนดในสัญญาประกัน แต่ไม่เกิน 1,000 บาท ในกรณีที่ผู้นำเรือเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคร าว และจะนำกลับออกไป แต่นำกลับออกไปไม่ทันภายในเวลาที่กำหนดตามที่ระบุไว้ ในสัญญาประกัน โดยไม่มีเจตนาฝ่าฝืนการปฏิบัติตามสัญญาประกันนั้น ผู้นำเข้าจะต้องชำระค่าปรับวันละ 500 บาท นับจากวันที่ครบกำหนดในสัญญาประกัน แต่ไม่เกิน 5,000 บาท (5) คำว่า “เรือสำราญและกีฬา” หมายถึง เรือที่ใช้สำหรับหาความสำราญ หรือเรือที่ใช้เพื่อการเล่นกีฬาโดยเฉพาะ และไม่ได้ใช้เพื่อการค้า การทหาร หรือการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร ์เรือสำราญและกีฬาหรือเรือประมงที่เข้ามาจากต่างประเ ทศนั้น นายเรือจะต้องมารายงานเรือเข้าเช่นเดียวกับเรือทั้งห ลายที่มาจากต่างประเทศ ส่วนเรือสำราญและกีฬาหรือเรือประมงที่เดินทางไปต่างป ระเทศ จะต้องยื่นใบสำแดงรายงานเรือออก และขอรับใบปล่อยเรือขาออกจากกรมศุลกากรด้วย 1.5 ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มีความประสงค์จะขอทราบรายล ะเอียดพิธีการนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลชั่วคราว สามารถติดต่องานพิธีการ ฝ่ายเอกสิทธิและส่งเสริมการลงทุน ส่วนพิธีการนำเข้า สำนักงานศุลกากรนำเข้าท่าเรือกรุงเทพ หรือ ฝ่ายเอกสิทธิและส่งเสริมการลงทุน ส่วนพิธีการนำเข้า สำนักงานศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ หรือสำนักงาน/ด่านศุลกากรที่นำเข้าทุกแห่งในวันและเวลาราชการ 2. การนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลแบบถาวรการนำเข้ารถยนต์ส่ วนบุคคลหากในลักษณะนี้ผู้นำเข้าจะต้องชำระค่าภาษีอาก รตามปกติ หากเป็นรถยนต์ใหม่ก็ให้ปฏิบัติพิธีการนำเข้าเช่นเดีย วกับการนำเข้าสินค้าอื่น ๆ แต่หากเป็นรถยนต์นั่งเก่าใช้แล้วจะถือเป็นสินค้าควบค ุมการนำเข้ามาในประเทศไทย ในหลักการไม่อนุญาตให้นำเข้า เว้นแต่เป็นการนำเข้าชั่วคราวหรือการนำเข้าเฉพาะตัวท ี่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้เท่าน ั้น 2.1 หลักเกณฑ์การนำเข้ารถยนต์นั่งเก่าใช้แล้วแบบถาวร (1) นำเข้ามาใช้ได้เองเพียงคนละ 1 คัน (2) กรณีเป็นชาวต่างประเทศจะต้องเป็นผู้ที่จะเข้ามาอยู่ใ นประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยมีหนังสืออนุญาตการเข้าเมืองจากกองตรวจคนเข้าเมือ ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และใบอนุญาตทำงานของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมม าแสดงในการนำเข้าด้วย (3) กรณีชาวไทยมีคู่สมรสเป็นชาวต่างประเทศ จะต้องมีหลักฐานแสดงว่าเป็นคู่สมรสและนำรถยนต์เข้ามา เพื่อมีภูมิลำเนาในประเทศไทย รวมทั้งผู้นำเข้าต้องถือกรรมสิทธิ์หรือครอบครองรถยนต ์คันนั้นระหว่างอยู่ในต่างประเทศไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์จนถึ งวันที่เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทย (4) กรณีเป็นชาวไทย ต้องเป็นชาวไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศติดต่อกันเป็นเวลา เกินกว่า 1 ปี 6 เดือน แล้วเดินทางกลับมามีภูมิลำเนาในประเทศไทย และถือกรรมสิทธิ์ครอบครองรถยนต์คันนั้นอยู่ในระหว่าง อยู่ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 1 ปี 6 เดือนและมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ 2.2 เอกสารที่ควรจัดเตรียมการนำเข้ารถยนต์แบบถาวร (1) เอกสารทั่วไป ใบขนสินค้าขาเข้า ประกอบด้วยต้นฉบับและสำเนา 1 ฉบับ ใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading or Air Waybill) เอกสารการซื้อขายรถยนต์ (ถ้ามี) ใบสั่งปล่อยสินค้า (กศก.100/1) แบบธุรกิจต่างประเทศ (Foreign Transaction Form) กรณีสินค้านำเข้ามีราคา CIFเกิน 500,000 บาท ใบแจ้งยอดเบี้ยประกัน (Insurance Premium Invoice) เอกสารอื่น ๆ เช่น หนังสือมอบอำนาจ (2) เอกสารเพิ่มเติมกรณีเป็นรถยนต์เก่าใช้แล้ว ทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง กรณีย้ายภูมิลำเนา ทะเบียนรถยนต์ที่จดทะเบียนการใช้งานที่ต่างประเทศมาแ ล้ว ใบอนุญาตการนำเข้าจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ 2.3 ขั้นตอนปฏิบัติพิธีการ (1) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนยื่นใบขนสินค้าพร้อมเอกสารประกอบ ต่อฝ่ายการนำเข้าที่ 4 ส่วนการนำเข้า สำนักงานศุลกากรนำเข้าท่าเรือกรุงเทพ หรือสำนักงาน/ด่านศุลกากรที่นำเข้า (2) กรมศุลกากรตรวจสอบข้อมูลในใบขนสินค้าและเอกสารประกอบ หากเอกสารถูกต้องครบถ้วนแล้ว จะออกเลขที่ใบขนสินค้า และประเมินค่าภาษีอากรที่ผู้นำเข้าจะต้องชำระ (3) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนไปชำระเงินค่าภาษีอากรที่ฝ่ายบัญ ชีและอากร (4) ผู้นำเข้าหรือตัวแทนนำหลักฐานการชำระเงินมาแสดงต่อเจ ้าหน้าที่ส่วนตรวจสินค้าเพื่อรับของออกจากอารักขาศุล กากร 2.4 หลักเกณฑ์การประเมินอากร (1) กรมศุลกากรกำหนดเกณฑ์การประเมินราคาโดยใช้ราคา CIF ( ราคา + ค่าประกันภัย+ค่าขนส่ง ) เป็นฐานการประเมินอากรนำเข้า (2) ราคารวมค่าภาษี เป็นราคาที่รวมการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีสรรพ สามิต ( ถ้ามี ) เข้าไว้ ณ. วันที่ชำระค่าภาษีรถยนต์ (3) กรณีที่เป็นรถยนต์เก่าใช้แล้ว จะกำหนดส่วนลดตามระยะเวลาที่จดทะเบียนให้ ดังนี้ อัตราส่วนลดราคารถยนต์นั่งใช้แล้ว 1. จดทะเบียนใช้แล้วไม่เกิน2 เดือน หักส่วนลด 2.50% 2. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า2 เดือน แต่ไม่เกิน 4 เดือน หักส่วนลด 5.00% 3. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า4 เดือน แต่ไม่เกิน 6 เดือน หักส่วนลด 7.50% 4. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 6 เดือน แต่ไม่เกิน 8 เดือน หักส่วนลด 10.00 % 5. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 8 เดือน แต่ไม่เกิน 10 เดือน หักส่วนลด 12.50 % 6. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 10 เดือน แต่ไม่เกิน 1 ปี หักส่วนลด 15.00 % 7. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 1ปี2 เดือน หักส่วนลด 16.67 % 8. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 1 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 1ปี4 เดือน หักส่วนลด 18.33 % 9. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 1 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 1ปี6 เดือน หักส่วนลด 20.00 % 10. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 1 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 1ปี8 เดือน หักส่วนลด 21.67 % 11. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า1 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 1ปี10 เดือน หักส่วนลด 23.33 % 12. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า1 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน 2 ปี หักส่วนลด 25.00 % 13. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า2 ปี แต่ไม่เกิน 2ปี2 เดือน หักส่วนลด 26.67 % 14. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า2 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 2ปี4 เดือน หักส่วนลด 28.33 % 15. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า2 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 2ปี6 ดือน หักส่วนลด 30.00 % 16. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า2 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 2ปี8 เดือน หักส่วนลด 31.67 % 17. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า2 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 2ปี10 เดือน หักส่วนลด 33.33 % 18. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 2 ปี10 เดือนแต่ไม่เกิน 3 ปี หักส่วนลด 35.00 % 19. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า3 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี2 เดือน หักส่วนลด 36.67 % 20. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า3 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี4 เดือน หักส่วนลด 38.33 % 21. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า3 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 3ปี6 เดือน หักส่วนลด 40.00 % 22. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า3 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี8 เดือน หักส่วนลด 41.67 % 23. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า3 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 3 ปี10 เดือน หักส่วนลด 43.33 % 24. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า3 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี หักส่วนลด 45.00 % 25. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า4 ปี แต่ไม่เกิน 4 ปี2 เดือน หักส่วนลด 46.67 % 26. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า4 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี4 เดือน หักส่วนลด 48.33 % 27. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า4 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน4 ปี6 เดือน หักส่วนลด 50.00 % 28. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า4 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี8 เดือน หักส่วนลด 51.67 % 29. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 4 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 4 ปี10 เดือน หักส่วนลด 53.33 % 30. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า4 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน5 ปี หักส่วนลด 55.00 % 31. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า5 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี2 เดือน หักส่วนลด 55.83 % 32. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 5 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี4 เดือน หักส่วนลด 56.67 % 33. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 5 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี6 เดือน หักส่วนลด 57.50 % 34. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 5 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี8 เดือน หักส่วนลด 58.33 % 35. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า5 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 5 ปี10 เดือน หักส่วนลด 59.17 % 36. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 5 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี หักส่วนลด 60.00 % 37. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า6 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี2 เดือน หักส่วนลด 60.50 % 38. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 6 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี4 เดือน หักส่วนลด 61.00 % 39. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 6 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี6 เดือน หักส่วนลด 61.50 % 40. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 6 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี8 เดือน หักส่วนลด 62.00 % 41. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า6 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 6 ปี10 เดือน หักส่วนลด 62.50 % 42. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า6 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี หักส่วนลด 63.00 % 43. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า7 ปี แต่ไม่เกิน 7 ปี2 เดือน หักส่วนลด 63.50 % 44. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า7 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี4 เดือน หักส่วนลด 64.00 % 45. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า7 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี6 เดือน หักส่วนลด 64.50 % 46. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 7 ปี6เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี8 เดือน หักส่วนลด 65.00 % 47. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 7 ปี8เดือน แต่ไม่เกิน 7 ปี10 เดือน หักส่วนลด 65.50 % 48. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 7 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี หักส่วนลด 66.00 % 49. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 8 ปี แต่ไม่เกิน 8 ปี2 เดือน หักส่วนลด 66.33 % 50. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 8 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี4 เดือน หักส่วนลด 66.67 % 51. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 8 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี6 เดือน หักส่วนลด 67.00 % 52. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 8 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี8 เดือน หักส่วนลด 67.33 % 53. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 8 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 8 ปี10 เดือน หักส่วนลด 67.67 % 54. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 8 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี หักส่วนลด 68.00 % 55. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 9 ปี แต่ไม่เกิน 9 ปี2 เดือน หักส่วนลด 68.33 % 56. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 9 ปี2 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี4 เดือน หักส่วนลด 68.67 % 57. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 9 ปี4 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี6 เดือน หักส่วนลด 69.00 % 58. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 9 ปี6 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี8 เดือน หักส่วนลด 69.33 % 59. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 9 ปี8 เดือน แต่ไม่เกิน 9 ปี10 เดือน หักส่วนลด 69.67 % 60. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 9 ปี10 เดือน แต่ไม่เกิน10 ปี หักส่วนลด 70.00 % 61. จดทะเบียนใช้แล้วเกินกว่า 10 ปี --------ประเมินราคาตามสภาพรถ----------- (4) หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณค่าภาษีอากร เป็นไปตามที่กรมศุลกากรประกาศกำหนดไว้ชัดเจน 2.5 ตารางแสดงอัตราภาษีอากร ประเภทรถยนต์ ขนาดปริมาตรช่วงชักภายใน กระบอกสูบ อากร (%) สรรพสามิต (%) (ตัวคูณ) ภาษีเพื่อ มหาดไทย* (%) VAT (%) อัตราอากร รวม (%) ของ CIF 1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล - ไม่เกิน 2400 ซีซี - เกิน 2400 ซีซี แต่ไม่เกิน 3000 ซีซี และมีกำลังไม่เกิน 220 แรงม้า - ไม่เกิน 3000 ซีซี หรือมีกำลังเกิน 220 แรงม้า 80 80 80 35 (0.5691057) 42 (0.7468124) 48 (1.0169492) 10 10 10 7 7 7 213.171 250.82 308.051 2. รถยนต์นั่งตรวจการณ์ (OFF ROAD) ตามประกาศกระทรวง- การคลัง - ไม่เกิน 2400 ซีซี - เกิน 2400 ซีซี แต่ไม่เกิน 3000 ซีซี และมีกำลังไม่เกิน 220 แรงม้า 80 80 29 (0.4258443) 29 (0.4258443) 10 10 7 7 182.819 182.819 * ภาษีเพื่อมหาดไทยจะคิดเป็น 10 % ของภาษีสรรพสามิต วิธีคิดอัตราอากรรวมของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดปริมา ตรช่วงชักภายในกระบอกสูบ ไม่เกิน 2400 ซีซี ถ้าราคา CIF ของรถยนต์นั่ง = 100 อากรขาเข้า = 80% ภาษีสรรพสามิต = 35% ภาษีเพื่อมหาดไทย = 10% ภาษีมูลค่าเพิ่ม = 7% วิธีคำนวณ 1. อากรขาเข้า = (ราคา CIF x อัตราอากรขาเข้า) = (100 x 0. = 80 2. ภาษีสรรพสามิต = (ราคา CIF + อากรขาเข้า) x อัตราภาษีสรรพสามิต/ 1-(1.1 x อัตราภาษีสรรพสามิต) = (100 + 80) x 0.35/ 1-(1.1 x 0.35) = 180 x 0.5691057 = 102.439 3. ภาษีเพื่อมหาดไทย = ภาษีสรรพสามิต x อัตราภาษีเพื่อมหาดไทย = 102.439 x 0.1 = 10.2439 4. ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม = ราคา CIF + อากรขาเข้า + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีเพื่อมหาดไทย = 100 + 80 + 102.439 + 10.2439 = 292.6829 5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม = ฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม x อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม = 292.6829 x 0.07 = 20.4878 รวมอัตราอากรทั้งหมด = 1 + 2 + 3 + 5 = 213.171 2.6 ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มีความประสงค์จะขอทราบรายล ะเอียดพิธีการนำเข้ายานพาหนะส่วนบุคคลแบบถาวร สามารถติดต่อฝ่ายการนำเข้า ส่วนการนำเข้า สำนักงานศุลกากรนำเข้าท่าเรือกรุงเทพ หรือฝ่ายเอกสิทธิและส่งเสริมการลงทุน ส่วนการนำเข้า สำนักงานศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ หรือสำนักงาน/ด่านศุลกากรที่นำเข้าทุกแห่งในวันและเวลาราชการ เอาไปอ่านดูครับ
บอกแล้วคับว่าเดี๋ยวต้องมีเทพมาตอบ อิ อิ วันนี้ไปดูรถจดประกอบมาคันนึง จดทะเบียนปี 2010 ป้ายภาษีหน้ารถ เป็นเลขตัวถังตรงรุ่นคับ งงกับระบบขนส่งบ้านเราจริง ๆ ทำไมมันถึงไม่แน่นอนตลอดเลยอะ
ผมว่ามันไม่น่าจะมีความเสี่ยงเลยนะครับ เพราะเราสามารถเสียภาษีได้แบบถูกกฎหมาย และเลขตัวถังที่ลงในเล่มก็ตรงกับรถด้วย อย่างซูปร้า ก็จะลงเป็น JZA80xxxxxxxxx เลยครับ + อ้างถึง ตอบกลับ