ถามพี่ๆๆหน่อยคับ สงสัยมานานแล้ว ถามว่าถ้าผมจะเติมน้ำมันเบนซิน ที่ปั้ม shell ผมเติม แก๊สโซฮอล์95 อยากจะถามว่า 1.น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 มันเปงตัวเดี่ยวกับ เบนซิน95(v power) แล้วเอามาเติม เอทานอล ให้เปงแก๊สโซฮอล รึป่าวคับ 2.ถ้ามันไม่ใช่ตัวเดี่ยวกัน แล้วความแรง มันต่างกันเยอะไหมคับ 3.หรือว่าแก๊สโซฮอล 95 ทุกปั้มก้อเหมือนกัน หมด
ปัจจุบัน เซลล์ ประเทศไทย ได้ขายโรงกลั่นไปให้ ปตท. เรียบร้อยแล้วครับ ฉะนั้นปัจจุบัน gasohol 95 ของ ปตท. ก็คือของ เซลล์ นั่นแหละครับ ส่วน V-Power 95 คือ เบนซิน95+สารผสมพิเศษเฉพาะของเซลล์+ค่าการตลาดเฉพาะของเซลล์อีก 7 บาท เติมแล้ว เวลาบูสท์หนักๆรอบสูงๆ รู้สึกได้ว่าแรงกว่า 95 ธรรมดาครับ แต่ถ้าบูสท์ต่ำกว่าบาร์ ผมว่าไม่รู้สึกเลยครับ เติมของคาลเท็กซ์ก็แรงเหมือนกัน 1. base oil คือ น้ำมันลำดับในหอกลั่นตัวเดียวกัน จากนั้น จึงเติมสารเพิ่มออกเทนเป็น octane95 จะได้ผลิตภัณฑ์ 2 ตัว 1.1 base oil + octane95+สารพิเศษของเซลล์ = V-Power 95 1.2 base oil + octane95+ เอทานอล10% = Gasohol 95 2. รถทำไม่มาก ไฟไม่แก่ ไม่แตกต่างครับ แต่ถ้ารถดันไฟมากบูสท์มาก ต่างมากครับ เมื่อก่อนผมดันไฟไปถึง 17 องศา gasohol เข็กกระจายครับ ต้องลดไฟลงมาถึง13องศา ถึงไม่เข็ก ความแตกต่างระหว่าง 17 กับ 13 เยอะมากครับ แต่จูนเนอร์เก่งๆ สามารถปรับจูนให้ใหม่ โดยใช้แก๊สโซฮอลล์แล้วไม่แตกต่างๆ95 ได้หลายวิธีมาก บางคันปรับจูนแล้วแรงกว่ามากก็มีครับ ปัจจุบันมีรถDrag วิ่ง 10-11วิ หลายคัน ใช้E20-E85ครับ 3. Gasohol ทุกปั๊ม Base Oil เหมือนกัน แตกต่างกันที่คุณภาพของ เอทานอล ที่เอามาผสม ของแต่ละแห่งคุณภาพไม่เหมือนกันครับ
สงสัย นิดนึงคับ การเขก กับการ ที่กล่องอ่านว่ามี Knock คืออาการเดียวกันเปล่าอะคับ ผมไม่ทันฟังมันเขกดังๆซะที พอ กล่องอ่าน ว่า เริ่มมี Knock ประมาณ 2-3 ผมก็ยกแล้วอะคับ เลย สงสัยอยู่ว่าควรมี Knock บ้าง นิดๆหรือไม่มีดีอะคับ ขอบคุณคับ ส่วนที่ ดันไฟ 17 นี้พี่ บุส เท่าไรอะคับ แล้วที่กี่รอบอะคับ ไฟแรงจริงๆ ผม ดันไฟ 13+ ขึ้นไป กับ 95ของเชลล์ เริ่มมี Knock แล้วอะคับ ส่วนE20-E85 ยังไม่เคยลองเลยอะคับ แบบนี้แสดงว่าถ้าผมใช้กล่องข้อมูลเดิมแล้วใส่ E20 ไปก็จะวิ่งดีกว่าเดิมหรือเปล่าคับ
ตอนนี้เชลล์มันไม่มี V power แล้วอ่ะ แถวชัยนาท นครสวรรค์ หา95เติมไม่ได้แล้วอ่ะคับ ตอนนี้เปง v power Gasohol แล้วราคามันก็ต่างกันเยอะ แล้วมันต่างยังไงกะ Gasohol 95 อ่ะคับ ยังงงอยู่ ---------- เพิ่มกระทู้ เมื่อ 12:59:27 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 12:59:13 ---------- ตอนนี้เชลล์มันไม่มี V power แล้วอ่ะ แถวชัยนาท นครสวรรค์ หา95เติมไม่ได้แล้วอ่ะคับ ตอนนี้เปง v power Gasohol แล้วราคามันก็ต่างกันเยอะ แล้วมันต่างยังไงกะ Gasohol 95 อ่ะคับ ยังงงอยู่
อาการเขก กับอาการน๊อค คืออันเดียวกันครับ การที่จะได้ยินเสียงเขก นั้นยากมากนะครับ เนื่องจากว่ามันจะเกิดก็ตอนรอบสูง บูสเต็ม ท่อไอเสียเสียงดัง ถ้ามันดังขนาดได้ยินละก้อ เตรียมพังได้เลยครับ คนจูนถึงต้องใส่ knock amp เพื่อจฟังเสียงเขกเวลาจูน ส่วนที่กล่องจับได้ มันจับจากสัญญานการสั่นสะเทือน ที่น๊อกเซนเซอร์ บางครั้งอาจจะเกิดการผิดพลาด เช่นท่อไอเสียเขกกัน ทำให้เกิดเสียงรบกวน ก็มีผล ส่วนเรื่ององศาไฟ อันนี้ไม่สามารถลอกเรียนแบบกันได้นะครับ เพราะแต่ละตัวมันดันได้ไม่เท่ากัน มันมีตัวแปรอีกหลายอย่าง เช่น กำลังอัดของเครื่องยนต์ บูส ออกเทนของน้ำมัน อุณหภมิไอดี และอื่นๆ จูนได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นครับ การใช้แอลกอฮอล์เป็นเชื้อเพลิง ส่วนผสมมันจะเปลี่ยนไปนะครับ แอลกอฮอล์ เครื่องยนต์จะต้องการปริมาณที่มากกว่า เพราะฉะนั้น ใช้map เดีนวกับน้ำมันไม่ได้
ถ้าเป็นกล่องเดิม ฝรั่งว่าเขกระดับเลขตัวเดียว ไม่ค่อยอันตรายนัก ซึ่งผมก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เท่าที่สังเกตจากรถตัวเอง เขกที่ประมาณ 5-7 กล่องก็จะเริ่มรีทาร์ดไฟให้เอง เพื่อตัดก่อนตายแล้ว ส่วนไฟ 17 อย่างที่ก้องบอก มันแล้วแต่คัน ลอกเลียนกันไม่ได้ แต่ให้ข้อคิดไว้อย่าง คือ บางครั้ง ดันไฟก็ไม่ช่วยอะไร ลดไฟไปสู่จุดที่สมดุล บางทีม้าเพิ่มก็มีครับ ตัวผมเองเคยลดไฟที่รอบ 5500-7000 ลงประมาณ 2-3 องศา โดยลองบนไดโน ปรากฎว่าม้าเพิ่มกว่าสิบตัว โดยเหตุผลที่ว่าอันเดิมไฟมันแก่ไป จนถึงจุดอันตรายที่กล่องมันจะเปลี่ยนแมปลง แต่พอลดแล้วมันกลับพอดีครับ
ความรู้ทั้งนั้นครับ แต่ปัจจุบันการใช้น้ำมัน95หรือโซฮอล95น่าจะขึ้นอยู่กับปั๊มในท้องถิ่นที่อยู่อาศัยมากกว่าครับ แถวเส้น สระบุรี-หล่มสัก หา95เติม ไม่มีแล้วคับ
ดีครับ ความรู้เยอะดี ส่วน v power gasohol 95 มันคืออะไรครับ ราคาแพงกว่า gasohol 95 อยู่ 3-4 บาท ผมเติมสลับกัน 2 ตัวนี้อยู่ครับ ควรใหมครับ หรือเติม gasohol 95 ประจำดีกว่า
V-POWER GASOHOL 95 = base oil + octane95+ เอทานอล10%+สารพิเศษของเซลล์ + ค่าการตลาดอีก 5-6 บาท ไอเดียของพี่โอ กับ ก้อง ผมว่าถูกต้องครับ การCopyข้อมูลการจูน ของรถแต่ละคัน ไม่สามารถทำให้ได้ดีได้เลยครับ ยิ่งรถที่โมดิฟาย ยิ่งแทบจะทำให้ออกมาผ่านไม่ได้เลย เพราะรถประกอบด้วย Machanical Hardware และ Electrical & Software ทั้ง 2 ส่วนต้องสมบูรณ์และลงตัวเหมาะสมซึ่งกันและกัน ฉะนั้นสำคัญที่สุด คือ คนประกอบกับคนจูน ควรจะออกแบบองค์ประกอบต่างๆของเครื่องด้วยกัน หรือ เป็นคนๆเดียวกันได้จะดีมาก จูนเนอร์แบบนี้เรียกว่ามีอาชีพครับ เช่น พี่ดอน พี่ญา พี่ตุ๋ย โอกาศประกอบเครื่องแรงๆผ่านมีสูงมาก ตัวอย่างจาก ปสก. ทดลองของผม case 1. ลูกสูบเดิม85มม. ทำกำลังอัด 8.8-9.0 ต่อ 1 แนะนำดันไฟไว้ไม่เกิน 15 องศาเท่านั้นครับ case 2 ลูก2เจ 86มม. แก้สลักก้านสูบแบบเยื้องศูนย์ กำลังอัด 8.6+ Cam280 + ออกเทน100 + MSD + ดันไฟไว้17องศา+ T04บูสท์บาร์แปด ผลที่ได้คือแรงมาก แต่บริเวณขอบหัวลูกสูบจะกร่อนและสิ้นเปลืองหัวเทียนมาก และห้องเผาไหม้บริเวณปากกระบอกร้อนจนโก่งและไหม้ case 3 ลูก2เจ 86มม. ไม่แก้สลักก้านสูบแบบเยื้องศูนย์ กำลังอัด 8.4 +Cam280 + ออกเทน100 + MSD + ดันไฟไว้17องศา+ T04บูสท์บาร์แปด ผลที่ได้คือแรงมาก แต่แบบเคส2ต้นเดินดีกว่า บริเวณขอบหัวลูกสูบไม่กร่อน แต่ลูกสูบแกว่งตบข้างแทน ถ้าจะประกอบเครื่องแรงไว้วิ่งแดร๊ก ผมจะเลือกประกอบเครื่องแบบ case 2 แต่ถ้าประกอบเครื่องรถบ้านวิ่งใช้งาน แรงแบบพอหอมปากหอมคอ ผมจะเลือกประกอบเครื่องแบบ case 1 เห็นมั้ยครับว่า เราจะดันทุลังเห็นคนอื่นดันไฟแรงๆ แล้วทำตาม ไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องเข้าใจHardwareและการออกแบบเครื่องให้ได้ก่อน ดันตะพึดตะพือ พังอย่างเดียวครับ เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าออกแบบและแก้อะไรไว้บ้าง ถามเจ้าของรถผมบอกได้เลยว่า เค้าไม่รู้หรอกครับ ถามคนจูนกับคนประกอบ เค้าจะบอกหรือเปล่า เพราะของแบบนี้อาชีพใครอาชีพมันครับ ทั้ง 2 องค์ประกอบต้องออกแบบ สมดุลกัน และ ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ถึงจะดีที่สุด อย่างพี่โอว่ามาครับ ป.ล. มีรถแรงแถวๆนี้แหละ โดนดันไฟแรงโคตร จูนเนอร์เค้าดันไฟรถแกไว้เท่าไรรู้เปล่าว่ะ อิอิ.... ผมเห็นว่ามันใช้ลูกCP เลยลองดู ถ้า3เดือน มันยังไม่พัง เดียวก็รู้ครับ 555.. ผมจะได้ไม่ต้องเป็นหนูเอง อิอิ
ตามความคิดผม ที่มันไม่พัง เพราะอากาศบ้านมัน อุณหภูมิต่ำกว่า เลยอาจจะไม่มีปัญหา สำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ผมก็คิดเหมือนพี่โอว่าเชื่อตัวเองน่าจะดีกว่าครับ
