ถามหน่อยเพื่อนคนไหนโมเครื่องรถเองบางครับโดยที่ไม่ได้จบช่างยนต์หรือเป็นเด็กอู่มากก่อนนะครับ

คือว่าพอดีผมอยากจะโมรถเองบางอยากหาแนวทางร่วมอ่ะครับ ใครเรียนรู้และหัดด้วยตัวเองบางครับโดยที่ไม่ได้จบทางด้านช่างยนต์มาหรือเป็นเด็กอู่มาก่อน เลยอยากถามว่าเพื่อนๆพีๆเรียนรู้มากจากที่ไหนบางครับหรือไปอยู่เป็นลูกมือตามร้านครับ ตอนนี้ผมว่าจะไปฝึกเป็นเด็กอู่ตามร้านเพื่อที่จะเรียนรู้เพื่อนๆว่าเป็นไงบางครับ คือผมอยากจะทำรถตัวเองเท่านั้นครับ ใครมีวิธีเรียนรู้ศึกษายังไงแนะนำมาด้วยนะครับ แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์นี้ผมทำได้หมดเลยนะครับเพราะเคยไปอยู่ตามร้านมาแต่เป็นรถยนต์นี้อยากลองดูบางครับกลัวรายละเอียดมันเยอะอยากหาแหล่งศึกษาหาความรู้ครับ


เพิ่มเติมอีกนิดครับ ถ้าผมอยากจะเป็นจูนเนอร์นี้ต้องศึกษาเริ่มต้นเรียนรู้อะไรก่อนเลยครับ ว่าจะเอาแค่E-mangeก็พอแล้วครับ

 

ผมเคยทำอยู่พักนึง ตอนยังไม่มีคว่มรู้และข้อมูลมากเท่าไหร่ ก็งูๆปลาๆ สุดท้ายเครื่องพัง ลูกแตก แต่เดี่ยวนี้ก็รู้ข้อมูลมากขึ้น ได้อ่านมากขึ้น ได้เห็นมากขึ้น ก็อยากทำเองหมดเหมือนกัน เพราะมันจะเซฟค่าใช้จ่ายมาก และได้ตามที่เราต้องการจริงๆ แต่ในความเป็นจริงไม่มีเวลาและอุปกรณ์ + ไม่เคยมีประสบการณ์ในบางเรื่อง เลยเปลี่ยนเป็นอะไรที่พอทำได้ แปลงของจุกจิก ก็อาจเอามาให้ช่างที่บริษัทเราเองทำ ก็กำกับเขาเวลาทำครับ หรือถ้าเป็นอย่างเรื่องโรล์บาร์ หรือท่อไอเสีย ก็ศึกษามาพอสมควร แต่ไม่กล้าทำเองครับ เพราะเรารู้แต่ทฤษฏี เรื่องเชื่อม หรือใช้อุปกรณ์ เครื่องมือดัดท่อพวกนี้ผมไม่รู้ และไม่มีด้วย จะดัดทรายก็คงทำไม่ไหว ก็จะเป็นแนวไปร้านท่อที่คุยพอรู้เรื่อง ราคาไม่แรง แล้วบอกให้เขาทำตามที่เราต้องการมากกว่า
แนวๆว่าช่วงนี้ผมจะทำอะไรกับรถ ผมก็จะไปหาข้อมูลมาจนมากพอที่จะประกอบการตัดสินใจของผม จากนั้นก็จะดูว่าอะไรเราพอทำได้ เราก็บอกช่างที่อู่ประจำว่า ไอนั่น ไอนี่ ผมจะเอามาทำเอง ส่วนอื่นก็ให้เขาทำไปปกติ

จะเป็นจูนเนอร์ ผมว่าต้องรู้แบบมหากาฬเลยหล่ะ ต้องรู้เรื่องเครื่อง และแทบทุกส่วนของรถเลยแหละ รู้ไปถึงปัจจัยภายนอกทุกอย่างที่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์หรือรถยนต์ ถ้าจะทางลัดก็ไปเรียนเอา เดี่ยวนี้ในบ้านเราก็มีเปิดสอน หรือจะไปเรียนต่างประเทศก็ได้ เขามีสอนเฉพาะทางเยอะ ส่วนศึกษาด้วยตัวเองนั้นก็ทำได้ แต่ยาก และใช้เวลามากจริงๆ ยิ่งถ้าไม่คล่องภาษา ยิ่งเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เพราะแค่ข้อมูลในประเทศไทยนั้นไม่พอจริงๆครับ แต่ถ้าคิดจะเอาจริง ก่อนจะไปไกลขนาดนั้น ผมแนะนำให้เข้าร้านหนังสือทั่วไปนี่แหละ แล้วหาหนังสือเกี่ยวกับรถยนต์ เครื่องยนต์ หัวฉีด ซึ่งพอมีอยู่บ้าง อ่านให้มีพื้นฐานก่อน ไปที่ละเสต็ป ขอให้โชคดีครับ

 

มีรุ่นพี่ผมอะครับ ทำกับเพื่อนเอง แกเล่นเว็บนี้ด้วย แต่ไม่ค่อยโพส

ปีนี้น่าจะ 21 เรียน ศิล ขับ A31 วางเครื่อง rb26 กะเพื่อนเอง

 

อยากเป็นTUNERลองโหลดโปรแกรมมาทดลองดูก่อนได้ครับ

http://www.motec.com/software/latestreleases/

http://greddy-e-manage-support-tool.software.informer.com/download/

 

ถ้าอย่างนั้นเดียวผมจะไปบุกร้านหนังสือหามาอ่านให้เยอะๆก่อน และจะฝึกภาษาให้คล่องก่อนเลยแล้วกันครับ

 

ผมเรียนมาทางคอมครับ แต่เวลาว่างๆจะอยู่ที่อู่บ่อยๆ เลยช่วยเค้าทำเท่าที่ทำได้ จะทำเฉพาะรถเพื่อนกับรถตัวเอง

เช่นติดแก็ส วางเครื่อง แล้วก็งานเล็กๆน้อย

แต่เรื่องไฟฟ้าไม่รู้เรื่องเลย

 

หาข้อมูล จากนั้นหาเครื่องมือ จากนั้นลงมือครับ เอาจากระบบง่ายๆก่อน
เช่น เปลี่ยนปั้มติ๊ก เดินระบบไฟเล็กๆน้อย ๆ ดู สายไฟเส้นไหน ไฟบวก ลงดินเส้นไหน ติดพวกไฟหรี่เอง ติดวอเตอร์เท็ม ทำไปเรื่อยๆ ล้างปีกผีเสื้อ มอเตอร์เดินเบา ผมก็เรียนรู้แบบเนี้ยล่ะครับ ตอนนี้เปิดฝาวาล์วตั้งวาล์วเอง ช้า เมื่อย เหนื่อย แต่ก็ได้อะไรกลับมาด้วยครับ
แต่คงจะยกเกียร์ หรือยกเครื่องลงมาวัด clearance เองคงม่ายไหว เครื่องมือ ที่ยกรถ และความรู้ยังไม่ถึงครับ

ส่วนเรื่องจูนก็ต้องเข้าใจ อ่านรายละเอียดให้เข้าใจก่อนว่ากราฟไหนใช้วัดอะไร ดูตรงไหน ถ้าเพิ่มตรงนี้แรงม้อเพิ่ม แต่เครื่องอาจจะพัง ต้องดูข้อมูลประกอบ บางคันม้าเยอะแต่วิ่งไม่ออก ก็มีครับ

---------- Post added at 11:55:58 ---------- Previous post was at 11:55:42 ----------

หาข้อมูล จากนั้นหาเครื่องมือ จากนั้นลงมือครับ เอาจากระบบง่ายๆก่อน
เช่น เปลี่ยนปั้มติ๊ก เดินระบบไฟเล็กๆน้อย ๆ ดู สายไฟเส้นไหน ไฟบวก ลงดินเส้นไหน ติดพวกไฟหรี่เอง ติดวอเตอร์เท็ม ทำไปเรื่อยๆ ล้างปีกผีเสื้อ มอเตอร์เดินเบา ผมก็เรียนรู้แบบเนี้ยล่ะครับ ตอนนี้เปิดฝาวาล์วตั้งวาล์วเอง ช้า เมื่อย เหนื่อย แต่ก็ได้อะไรกลับมาด้วยครับ
แต่คงจะยกเกียร์ หรือยกเครื่องลงมาวัด clearance เองคงม่ายไหว เครื่องมือ ที่ยกรถ และความรู้ยังไม่ถึงครับ

ส่วนเรื่องจูนก็ต้องเข้าใจ อ่านรายละเอียดให้เข้าใจก่อนว่ากราฟไหนใช้วัดอะไร ดูตรงไหน ถ้าเพิ่มตรงนี้แรงม้อเพิ่ม แต่เครื่องอาจจะพัง ต้องดูข้อมูลประกอบ บางคันม้าเยอะแต่วิ่งไม่ออก ก็มีครับ

 

เรียนรัฐศาสตร์ ทำงานเกี่ยวกับคอมฯ แต่ว่างๆก็ถอดรถตัวเองมายำ

ลองหาเซอร์วิสแมนนวลของรุ่นเรามาซักเล่ม แล้วก็ลุยเลยคับ

---------- Post added at 13:52:54 ---------- Previous post was at 13:52:37 ----------

เรียนรัฐศาสตร์ ทำงานเกี่ยวกับคอมฯ แต่ว่างๆก็ถอดรถตัวเองมายำ

ลองหาเซอร์วิสแมนนวลของรุ่นเรามาซักเล่ม แล้วก็ลุยเลยคับ

 

แล้วพวกเรื่องระบบไฟไม่ทราบว่าทำยังไงครับเวลาวางเครื่องเสร็จอ่ะครับจ้างเค้ามาวายให้หรือวายเองเลยครับ

 

ผมว่ารายละเอียดมันเยอะครับ

 

สนับสนุนครับ

 

เรียนอะไรมา ผมว่าไม่สำคัญหลอก ที่แรงๆกันอยู่ ทำๆกันทั่วไม่ก็ไม่มีที่ไหน หรือตำราสอนหลอก
มันอยู่ทีใจรักมากกว่า
อิ อิ ผมทำเอง ขับเอง แข่งเอง จูนเอง มาตั้งแต่ขับรถเป็นเลยครับ เด็กเรียนอยู่ไม่ค่อยมีตังก็ทำแบบประหยัด พอทำงานเองแล้วที่นี้หล่ะ ทุกบาททุกสตางค์ลงรถหมด 555 เหลือแค่งานสีที่ไม่ได้ทำเอง นี่ก็กำลังจะศึกษาหาซื้อเครื่องมืออยู่
----ไม่มีใครทำรถเราได้ดีเท่าเราทำเอง---
----ไม่มีใครรักรถเราเหมือนเราหลอก-----
อยากรู้ไรติดต่อมาเลย ถ้ารู้บอกหมดไม่มีกั๊ก

 

ว่าแต่ท่านเริ่มต้นจากการศึกษาอะไรก่อนหรอครับ ตอนนี้ผมก็ทำนะครับอะไรที่เล็กๆน้อยๆก็พอทำได้ครับ

เดียวไว้มีอะไรสงสัยได้ถามแน่ๆครับ ชอบจังเลยกับคำว่า บอกหมดไม่มีกั๊ก

 

ที่บ้าน เป็นร้านซ่อมรถ ตอนแรกก็จ้าง อู่พักพวกกันทำ เวลามันทำก็ไปนั่งดูช่วยโน่นนี่ อาศัยลักจำเอา ตอนนี้ รถตัวเอง ทำเองทั้งหมด ยกเว้น สีอย่างเดียว ..

 

อย่าให้ตก มาแชร์ประสบการณ์คนที่โมรถเองกันครับ

 

ดันๆ
อย่าให้ตก
ให้เพื่อนๆที่โมรถทำรถเองมาแชร์ประสบการณ์กันครับ

---------- Post added at 22:12:12 ---------- Previous post was at 22:11:35 ----------

ดันๆ
อย่าให้ตก
ให้เพื่อนๆที่โมรถทำรถเองมาแชร์ประสบการณ์กันครับ

 

แนะนำ ให้่หาโหลด Repair manual รถที่คุณอยากจะทำ มาอ่านก่อนนะครับ แล้วถ้าติดตรงไหนก็หาหนังสือพวก รายละเอียดมันแยก เป้นไม่กี่อย่า งพวก เครื่อง ช่วงล่าง ระบบเบรค เกียร์ สายไฟ แต่ใน Repair manual จะมีรายละเอียดวิธีการทำวิธีตรวจเช็คและสเปค ต่างให้เอาไว้อ้างอิง

 

ผมจบตกแต่งภายใน แต่อาศัยใจรักมากกว่าคับ พอมีพื้นฐานมาบ้างเพราะที่บ้านเป็นสวนใช้เรือมาก่อนคับ
ก้อทำเครืองเรือนี่แหละคับ แล้วก้อเริ่มจากการอ่านคับ พอมีรถก้ออาศัยจากการทำเครื่องเรืออ่ะคับ จริงๆแล้ว
ผมว่าอ่านหนังสือหาข้อมูลดูคับ แล้วถ้ามีเครื่องมือก้อถอดเลยคับ ใจต้องกล้าคับอย่าไปกลัวพัง ถ้าเราทำไม่สำเร็จ
ก้อยังมีช่างทำให้เราได้คับ พอถึงตรงช่วงที่ช่างทำให้เราอ่ะคับเราก้อดูการทำซักถามเอาให้เราเข้าใจมากขึ้นคับ
คำว่า"โดนมาเยอะ เจ็บมาเยอะ"ใช้ได้ดีคับกับการทำรถอ่ะคับ ส่วนเรื่องจูนกล่องผมว่ายังไงก้อต้องศึกษาเรื่องเครื่องยนต์
ให้เข้าใจก่อนคับ เพราะถ้าเราไม่รู้เรื่องเครื่องยนต์เราก้อจะไม่รู้ว่าเครื่องยนต์มันต้องการอะไร ถึงจะได้ความแรงเท่าที่เราต้องการคับ
เอาแค่เรื่องจุดระเบิดก้อปวดหัวแล้วคับ ทำไมถึงต้องมีการสั่งจุดระเบิดล่วงหน้า ทำไมถึงต้องลดไฟ ทำไมช่วงโหลดเยอะต้องไฟแก่
ทำไมช่วงรอบสูงถึงต้องลดไฟ เป็นต้นคับ ไหนจะเรื่องอากาศที่จะเข้าเครื่องทำไมต้องใช้แคมองศาสูง ทำไมต้องวาล์วโต
ทำไมต้องขยายลูก ทำไมต้องยืดช่วงชัก เยอะแยะมากมายหลายเรื่องคับ ฉะนั้นต้องมีพื้นฐานของเครื่องยนต์ก่อนถึงจะจูนได้คับ
ไม่งั้นคุณจะไม่รู้หรอกคับว่าเราจะเกลี่ยตัวเลขในตารางได้อย่างไร มันถึงจะเหมาะกับสิ่งที่เครื่องยนต์มีคับ ส่วนตัวผมหยุด
ไว้ในเรื่องจูนรถคับ เพราะไม่มีเวลา ทุน แล้วก้อไม่รู้จะแรงไปไหนแล้วอิอิ ตอนนี้เอาประหยัดคับ

 

สายไฟให้ทางเจ้าของอู่เป็นคนเดินเองครับ

เราแค่มีหน้าที่ช่วยยกออกแล้วเอามาวางใหม่

 

ขอบคุณทุกท่านมากเลยนะครับที่มาช่วยให้ความคิดเห็นกัน

ใครมีอะไรจะแนะนำอีกมั้ยครับ

 

มีเพื่อนผมอ่าคับ เรียน บริหาร ม.สยาม ไม่เปนอะไรเลย จับมันไปอยู่อู่ ตอนนี้เริ่มๆเปนคับ




อิอิ อยาก จูล เปนเหมือนกัน ไม่รู้เรียนที่ไหน

 

มิ กล้า ถึง ขึ้น นั้น

มี ปัญญา แค่ ซ่อม ไอ้ ที่ พังๆ เอง ก็ พอ แล้ว (ขี้ง ก ค่ะ . . ๕ ๕ )

 

*-*

คืออยากรู้ว่า ถ้าสร้างรถ A31 สักคัน ด้วยงบประมาณเท่ากัน สักประมาณ2แสนจากเครื่อง 2J โดยใช้อะไหล่เบิกไหม่ราคาเท่ากันทั้ง2คน วิ่ง402 เมตร ใครจะเวลาดีกว่ากัน (โดยรถ2คันประสิทธิภาพยังไม่แต่งเท่ากันทั้งคัน)
1.ช่างที่มีประสบการ์ณสัก10ปี ทำขึ้นมาโดยที่ไม่มีพื้นฐานทางทฏษฏี ใช้ประสบการณ์ที่มีมาสร้างขึ้น
2.ช่างที่เรียนจบ วิศวะเครื่องกลมาโดยตรง(เกี่ยวกันป่าว)เก่งทางด้านทฏษฎี โดนคำนวณทุกอย่าง

ถ้างบ2 แสนนี้พี่คิดว่าผลงานออกมา ทางประสบการณ์ที่มีมากับทางทฏษฎี ทางไหนจะได้รถที่ เวลาดีที่สุดอ่ะ
อีกอย่าง การจูนเครื่องยนต์ มันดูจากกราฟต่างๆใช่ป่ะ ถ้าเราคำนวณมาหาจุดประสิทธิภาพสูงสุดที่ตัดกันแล้ว กับอีกอย่างใช้ประสบการณ์ที่มีรู้ว่าสิ่งไหนดีที่สุดหรือว่าช่างที่มีประสบการณ์เก่งๆหลายคงจะเริ่มจากการคำนวณทางทฏษฎีไหมอ่ะครับ

 

เยี่ยมเลยคับ ต้องลองสะหน่อย

 

อิอิ ผมเรียนยายยนต์คับ แค่คิดว่า ช่างมีประสบการณ์ ทำรถได้ดีกว่าแน่ ๆ

เพราะมันไม่ทำเปนต้องตรงตามทฏษฎี มันมีอีกหลายอย่างที่ไม่มีสอนในห้องเรียน

ทุกอย่างต้องอาศัย ประสบการณ์ และความชำนาญคับ



ช่างที่มีประสบการณ์ ผมคิดว่าเค้าคงไม่น่าจะคำนวณนะคับ น่าจะคิดถึงหลักความเปนจิง ความเปนไปได้ มากกว่า



ที่ผมตอบแบบนี้เพราะ ช่างที่อู่ผม จบ ป.4 แต่ตอนนี้ทำรถกระบะวิ่งอยู่14.** ได้พอๆกับช่างที่เรียนมาโดยตรง

 

ตอบยากครับ ไอที่ว่าช่างที่ไม่มีทฤษฎีไม่ได้จบมาเนี่ย ทำไปสิบปีแต่ละคนเก่งไม่เท่ากัน บางคนยังซ่อมได้แต่แทกซี่ 4a-fe แต่บางคนผ่านไปสิบปี เริ่มรู้มากขึ้นทั้งจากประสบการณ์และทฤษฏีด้วย งั้นผมตอบขำๆให้ไปลองคิดละกันนะครับ

1. ช่างที่มีแต่ประสบการณ์..... (สมมติแบบ...ย้อนไปสมัยพาเลช บางใหญ่) เอาสองแสนไปโมเทอร์โบลูกโตๆ เพิ่มบูสเยอะๆ วิ่งไปที เดี่ยวกล่องตัดบ้างไม่ตัดบ้าง ลูกค้าถามก็ยังตอบไม่ได้ว่าอาการแบบนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร
2. ช่างที่จบใหม่มีแต่ทฤษฏี..... ต้องเทอร์โบเบอร์นี้ ตูดเท่านี้ ท่อไอดีขนาดนี้ ยาวเท่านี้ แรงม้าจะมาที่กี่พันรอบ ถ้าเพิ่มท่อไอเสียอีก จะได้อีกเท่านี้ โช๊คต้องมีบั้มเท่านี้ถึงจะรับแรงม้าได้ขนาดนี้ แต่อนิจจัง ไอเทอร์โบเท่านี้ ท่อไอดีขนาดนี้จะไปหาที่ไหนวะ หรืออาจจะหาได้ แต่มันยัดลงไปในรถไม่ได้ เนื้อที่ไม่พอ ต้องนู่นนี่ แล้วตูจะทำไงดีวะ...งง
3. ช่างทีมีครบทั้งสองอย่าง...มีงบสองแสนใช่มั๊ย งั้นเอาไปสักสี่ห้าร้อยม้าโดยเทอร์โบ กล่อง หัวฉีด ยอดฮิต กับจูนเนอร์เก่งๆสักคน แรงม้าไม่ต่ำกว่าห้าร้อยแน่นอน เวลาน่าจะอยู่ที่สิบสองต้นกว่าๆ

4. ช่าง..... อยากวิ่งสักสิบเอ็ด สิบสองเหมือนคันนู้นใช่ไหมน้อง....สองแสนมันเยอะไป พี่ขอห้าร้อยค่าซ้อมที่คลองห้าพอ..... ถอดของ ลดน้ำหนักมั๊ย สายพานคอมแอร์ถอดวิ่งดู เดี่ยวเขี่ยบูสขึ้นให้อีกนิด เวลาลงแล้วเว้ย.... แต่มันยังได้ไม่เท่าคันนู้นเลยนะพี่!!! เออหว่ะ... เวลา60ฟุตน้องไม่ค่อยดีหว่ะ ความเร็วเข้าเส้นยังน้อยไปนิดนะ งั้นเดี่ยวไปขันสตรัทขึ้นอีกนิดนะ ลมยางลดลงอีกหน่อย โช๊คปรับให้มันนิ่มอีกนิด กันโคลงที่ติดรถมามันใหญ่ไปนะน้อง ถอดวิ่งดูดิ.... เวลาลงหว่ะพี่ แค่ยังไม่เท่าคันนั้นเลย ทำไงดีอะ... พี่เอาโน๊ตบุคเสียบดูแล้วน้อง ตามที่พี่ดูนะ เวลาที่น้องใช้ในเปลี่ยนเกียร์อยู่ประมาณ .2 ปลายๆ แถมลากตัดตอนเกียร์สองจะไปสามอีก ถ้าขับดีกว่านี้ เวลาดีกว่าคันนั้นแล้วน้อง

ช่างแบบสุดท้ายนั้นในเมืองไทยยังมีไม่เยอะครับ แต่ไม่ใช่ไม่มี และเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็ไม่ใด้จบช่างหรือเป็นช่างมาก่อนด้วย ลองไปถามพวกเขาดูครับ