กราฟแรงบิด

การสนทนาใน 'Evolution Thailand' เริ่มโดย kangsado, 23 ตุลาคม 2009

< Previous Thread | Next Thread >
  1. kangsado

    kangsado Guest

    0
    0
    0
    หลังจากลอง Dino test มีปัญหากราฟแรงบิดมีลักษณะ แนบสนิทไปกับกราฟแรงม้า ไม่ชู้ดโด้งคร
    กราฟแรงม้าก็ดูปรกติ.รบกวนขอคำแนะนำว่าปัญหาน่าจะมาจากอะไรบ้างครับ ควรเริ่มแก้ไขอย่างไรครับ
    ขอบคุณครับ
     
  2. polototo

    polototo New Member Member

    761
    5
    0
    น่าจะสมัคร แล้วลงรูปนะผมว่า
     
  3. kittio

    kittio New Member Member

    750
    8
    0
    ควรแจ้งว่ารถอะไร รุ่นอะไร ทำอะไรไปบ้าง และลงกราฟให้ดูครับ
    ข้อมูลเท่าที่ให้มา ตอบไม่ได้ครับ
     
  4. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    รายละเอียดของเครื่องต้องนำมาพิจารณาด้วยครับ
     
  5. คํารน

    คํารน New Member Member

    4
    0
    0
    ไปหารูปมาแล้วครับ รบกวนช่วยกันวิเคราะห์ด้วยครับ
    เครื่อง RVR standard turbo EVO2
     
  6. nihonsecondhand

    nihonsecondhand New Member Member

    20
    0
    0
    มันก็ดูดีไม่ใช่หรอครับ บูสมาเต็ม3200รอบ แล้วค่อยๆลง ??? ผมไม่รุดีกว่า รอผู้รู้ละกัน
     
  7. kittio

    kittio New Member Member

    750
    8
    0
    ผมว่าดูโอเคเลยนะครับ แค่ 3000 รอบ ต้นๆ ก็บิดเต็มแล้ว แถมบิด Hold อยู่ในระดับนั้น ยาวกือบถึง 6000 รอบ น่าจะขับดีทีเดียว
    ส่วนเรื่องจำนวนม้า หรือบิดที่ได้ ไม่ต้องไปซีเรียส เพราะเครื่องไดโนฯ ที่คุณขึ้นมาหนืดมากๆๆๆๆ
     
  8. คํารน

    คํารน New Member Member

    4
    0
    0
    ขออนุญาติเจ้าของกราฟนี้ด้วยครับ แบบว่าเห็นแล้วชอบ ถ้า fit เครื่องไหม่บนพื้น standard จะได้กราฟแบบนี้หรือปล่าวครับ หรืออาจจะต้องทําอะไรเพิ่มบ้าง???
     
  9. kittio

    kittio New Member Member

    750
    8
    0
    รถอีโวที่จะทำ คือรุ่นอะไรครับ
     
  10. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    ปวดหัวแทนพี่โอ 555..
    เอาแบบนี้ครับ รถรุ่นเดียว เครื่องเดียวกัน สเป็คเครื่องเหมือนกัน
    กราฟไดโน่ ก็ไม่จำเป็นว่าจะออกมาได้เหมือนหรือใกล้เคียงกันเสมอไปหรอกครับ
    เอากราฟอันอื่นมา แล้วจะทำให้เหมือนกันเลยคงจะเป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควร เพราะเราไม่รู้ว่ารถเจ้าของกราฟทำอะไรไปบ้าง
    ถึงจะรถสเป็คเดียวกัน แต่แค่ อัตราบูสท์ไม่เท่ากัน หรือเทอร์โบ คลัตซ์ เกียร์ กล่อง น้ำมัน ไฟ สมบูรณ์ไม่เท่ากัน
    กราฟก็หน้าตาออกมา ไม่เหมือนกันแล้วครับ
    ฉะนั้นการจะออกแบบรถเรา ให้กราฟเหมือนอย่างรูปที่ต้องการ ทำได้ครับ แต่บานปลายเสียเงินหลายรอบเปล่าๆ

    สู้ทำรถของเราให้สมบูรณ์และไล่เก็บรายละเอียดจากกราฟของเราขึ้นไปเอง น่าจะตรงจุดและไม่หลงทางมากกว่าครับ
    การออกแบบคาแรคเตอร์ของรถซักคัน
    ซิ่งที่ควรจะตั้งโจทย์คือ
    1. รถอะไร เครื่องอะไร
    2. เอารถมาใช้งานอะไร
    3. งบประมาณ
    4. ออกแบบสเป็คเครื่องและของต่างๆลงไป
    5. แล้วค่อยเลือกว่าจะใช้เทอร์โบอะไร บูสท์เท่าไร น้ำมันอะไร
    ต้องตั้งโจทย์พื้นฐานเหล่านี้ก่อนครับ ไม่งั้นหลงทางเปล่าๆ

    ส่วนกราฟรูปที่ 1 ถ้าอยากได้แรงบิดอ้วนขึ้นแบบกราฟรูปที่ 2
    สิ่งที่ควรเพิ่มเติมคือ
    แคมซัก272 + ออกเทน95 + ปรับบูสท์เพิ่มไปซัก 1.2 บาร์ + กล่องจูน + คลัตซ์ดีๆซักชุด
    เพราะกราฟรูปที่2 เท่าที่มองก็ใกลเคียงเครื่องอีโว3 TD05Hธรรมดาๆ ที่มีสภาพเครื่องสมบูรณ์ตัวหนึ่ง
    แต่ดันบูสท์เพิ่ม และมีแคม+กล่อง เข้ามาช่วย เท่านั้นครับ
    บูสท์ซัก บาร์สอง กราฟน่าจะออกมาใกล้เคียงกันครับ

    ---------- Post added at 09:40:17 ---------- Previous post was at 09:40:06 ----------

    ปวดหัวแทนพี่โอ 555..
    เอาแบบนี้ครับ รถรุ่นเดียว เครื่องเดียวกัน สเป็คเครื่องเหมือนกัน
    กราฟไดโน่ ก็ไม่จำเป็นว่าจะออกมาได้เหมือนหรือใกล้เคียงกันเสมอไปหรอกครับ
    เอากราฟอันอื่นมา แล้วจะทำให้เหมือนกันเลยคงจะเป็นเรื่องที่ลำบากพอสมควร เพราะเราไม่รู้ว่ารถเจ้าของกราฟทำอะไรไปบ้าง
    ถึงจะรถสเป็คเดียวกัน แต่แค่ อัตราบูสท์ไม่เท่ากัน หรือเทอร์โบ คลัตซ์ เกียร์ กล่อง น้ำมัน ไฟ สมบูรณ์ไม่เท่ากัน
    กราฟก็หน้าตาออกมา ไม่เหมือนกันแล้วครับ
    ฉะนั้นการจะออกแบบรถเรา ให้กราฟเหมือนอย่างรูปที่ต้องการ ทำได้ครับ แต่บานปลายเสียเงินหลายรอบเปล่าๆ

    สู้ทำรถของเราให้สมบูรณ์และไล่เก็บรายละเอียดจากกราฟของเราขึ้นไปเอง น่าจะตรงจุดและไม่หลงทางมากกว่าครับ
    การออกแบบคาแรคเตอร์ของรถซักคัน
    ซิ่งที่ควรจะตั้งโจทย์คือ
    1. รถอะไร เครื่องอะไร
    2. เอารถมาใช้งานอะไร
    3. งบประมาณ
    4. ออกแบบสเป็คเครื่องและของต่างๆลงไป
    5. แล้วค่อยเลือกว่าจะใช้เทอร์โบอะไร บูสท์เท่าไร น้ำมันอะไร
    ต้องตั้งโจทย์พื้นฐานเหล่านี้ก่อนครับ ไม่งั้นหลงทางเปล่าๆ

    ส่วนกราฟรูปที่ 1 ถ้าอยากได้แรงบิดอ้วนขึ้นแบบกราฟรูปที่ 2
    สิ่งที่ควรเพิ่มเติมคือ
    แคมซัก272 + ออกเทน95 + ปรับบูสท์เพิ่มไปซัก 1.2 บาร์ + กล่องจูน + คลัตซ์ดีๆซักชุด
    เพราะกราฟรูปที่2 เท่าที่มองก็ใกลเคียงเครื่องอีโว3 TD05Hธรรมดาๆ ที่มีสภาพเครื่องสมบูรณ์ตัวหนึ่ง
    แต่ดันบูสท์เพิ่ม และมีแคม+กล่อง เข้ามาช่วย เท่านั้นครับ
    บูสท์ซัก บาร์สอง กราฟน่าจะออกมาใกล้เคียงกันครับ
     
  11. KONGKUB

    KONGKUB Active Member Moderator

    2,256
    14
    38
    รูปที่2 น่าจะมีการup turbo ด้วยนะ เทอร์โบ 3 จะหมดประมาณ5500รอบ
     
  12. aeo@scb

    aeo@scb New Member Member

    874
    6
    0
    ช่วยสอนหน่อยซิครับ ว่ากราฟเส้นไหน (สีไหน) บอกแรงม้า บอกแรงบิด และ อีก 2 เส้น บอกอะไร ครับ ขอบคุณล่วงหน้า ครับ

    [​IMG]
     
  13. พัทยา@MRC#012

    พัทยา@MRC#012 New Member Moderator

    5,024
    19
    0
    ต้องอธิบายจากแกนกราฟก่อนครับ ต้องดูให้เป็นกราฟ 3 แกน แนวระนาบครับ
    แกน Y1 ฝั่งซ้ายมือ = แรงม้าหน่วยเป็น BHP
    แกน Y2 ฝั่งขวามือ = แรงบิดหน่วยเป็น N-m
    แกน X แนวนอน = ความเร็วรอบเครื่องยนต์เชิงมุมต่อนาที หน่วยเป็น RPM

    P-norm = Power normal เป็นเส้นแรงม้าครับ ในรูปขึ้นไป 215 แรงม้าที่ 5400 รอบ/นาที
    M-norm = Torque normal เป็นเส้นแรงบิดครับ ในรูปขึ้นเท่าไรต้องดูจากแกน Y2 ซึ่งไม่ได้สแกนมาครับ
    P-Wheel = Power at Wheel เป็นเส้นแรงม้าลงพื้นครับ
    P-Drag = Drag Power เป็นการวัดการสูญเสียแรงม้าไปกับระบบส่งกำลัง
    ว่าในเกียร์ที่ทดสอบ เช่นที่เกียร์3 จากในรูปจะพบว่าที่ 5000 รอบ
    เราสูญเสียแรงม้าไปในระบบส่งกำลังประมาณ 30 BHP ครับ ดูไล่ตามแต่ละรอบเครื่องยนต์ไป
    การจะดูว่าลูกกลิ้ง Dyno ที่ไหนหนืด หรือ คลัตซืเราไม่ดี ก็อ้างอิงจากกราฟเส้นนี้ได้ครับ

    ซึ่งการแรงม้าทั้งที่ Flywheel และ Wheel ของ เครื่องDyno
    เป็นหลักการวัดแรงบิดและรอบ จากลูกกลิ้งครับ แต่เป็นหลักการวัดโดยอนุมาณจากอัตราทดต่างๆของเครื่องมือวัดเช่น Motion / Force / Power ส่วนมากจะอาศัยหลักการจากการแปลงค่าสัญญาณทางกลผ่านสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
    แล้วเครื่องDynoคำนวณออกมาอีกครั้ง ส่วนจะแม่นยำหรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเครื่องมือวัดและโปรแกรมคำนวณครับ
    เพราะที่เราว่าม้าหายมั้ง ลูกกลิ้งหนืดมั้ง ก็มาจากระบบเครื่องมือวัดของDYnoแต่ละยี่ห้อไม่เท่ากันครับ


    เพิ่มความเข้าใจเพิ่มเติม ขอยกตย. บทความของคุณ Dyno Test มาให้อ่านครับ

    ก่อนอื่น ขอแยกเป็นชนิดของ DYNO และหน่วยวัดครับ
    เครื่องมือ DYNAMOMETER ที่เราๆ เรียกกันมี 3 ชนิด
    ชนิดที่ 1 วัดที่เครื่อง ENGINE DYNO ใช้ตามโรงงานรถยนต์ ใช้เซ็นเซอร์จับกับเพลาข้อเหวี่ยง , และ FLYWHEEL

    ชนิด ที่ 2 วัดที่ล้อ CHASSIS DYNO เอาแรงเฉื่อยจากการหมุนที่ล้อรถไปยังลูกกลิ้ง (มีแบบ 1ลูก และ 2 ลูก) และมีแบบวัดได้ทั้ง 2 ล้อ กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะต้องมีลูกกลิ้ง 2 ชุด

    ชนิดที่ 3 วัดที่ล้อ แต่ถอดยางออกก่อน ใส่ ADAPTER ล้วยึดกับดุมล้อ จะดีตรงยางไม่ SLIP

    หน่วยที่วัด
    SAE HP ค่าที่ลงขึ้นผ่านชุดขับเคลื่อน ล้อ MAGและยาง
    BHP ค่าจาก FLYWHEEL ไม่ผ่านชุดขับเคลื่อน (ค่าที่ได้จะมากกว่าประมาณ 10 -15%)
    ในเมืองไทยเป็น CHASSIS DYNO ทั้งหมด
    - POWER LAB ถ.วิภาวดี ที่นิยมวัดกันมากที่สุดเนื่องจากค่าออกมาเป็น BHP วัดได้ ทั้งขับสอง และขับสี่ อีกทั้งยังมีกราฟของอัตราส่วนอากาศและน้ำมันพร้อมระดับบูสธ์ของ turbo ประกอบทุกรอบของรอบเครื่องยนต์ ทำให้สามารถเช็ครถปรับปรุงข้อผิดพลาดได้
    - STRYDER บางนา ( ค่าออกมาเป็น SAE HP )
    - DYNOJET BY WORLD TEC อ่อนนุช ( ค่าออกมาเป็นที่ล้อ SAE HP)
    - GT 1 สามเสน ( ค่าออกมาเป็น BHP ฟลายวีล )
    *สังเกตที่แขนกราฟแนวตั้งจะเขียนว่า BHP จะได้ไม่เข้าใจผิดกันครับ
    - SIGNAL THAILAND รามคำแหง (ค่าออกมาเป็นSAE ที่ล้อ)
    *สังเกตที่แขนกราฟแนวตั้งจะเขียนว่า SAE
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ตุลาคม 2009
  14. aeo@scb

    aeo@scb New Member Member

    874
    6
    0
    ขอบคุณมากครับ เป็นประโยขน์อย่างมากมายที่สุดเลยเสียตังค์ทั้งที ต้องสามารถวิเคราะห์ และ นำไปปรับปรุงในทางที่ดีขึ้นได้ จะได้ไม่หลงทาง
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้