1.รถ EVO 9 มันมีกี่รุ่นหรอครับ 2.เครื่อง EVO 9 แต่ละรุ่น ขนาดลูกสูบต่างกันไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับ
1. อีโว9 รหัสตัวถัง ct9a มี gsr rs mr gt และมีตัว ct9w ที่เป็นwagonด้วยครับ 2. ลูกสูบเท่ากันเหมือนกันหมดครับ ตกหล่นอะไรขออภัยด้วยนะครับ
มาเสริมคุณโอ๊ตนิงนึงครับ จะแบ่งเป็น 9 แล้วก็มีรุ่นย่อยเป็นGSR RS GT Wagon 9MR ก็จะมีรุ่นย่อยเป็นGSR RS เรื่องลูกสูบขนาดเท่ากันมาทุกรุ่นครับ ที่เหลือรอท่านอื่นมาตอบนะครับ
มีคนขายลูกสูบ EVO 9 มาให้น้องชายผม จะเอามาใส่ EVO 3 แต่เมื่อลองเทียบลูกสูบแล้ว ลูกสูบ EVO 9 จะต่ำกว่าลูกสูบของEVO 3 2มิลลิเมตร ซึ่งความเป็นจริง ลูกสูบของ EVO 9 เมื่อนำมาใส่ใน EVO 3 จะมีกำลังอัดสูงขึ้น จึงต้องรองปะเก็นให้หนามากขึ้น แต่ตอนนี้ ผมมองว่า ลูกสูบที่ได้มามันต่ำเกินไปรถสตาร์ทไม่ติดแน่นอน ***คนขายบอกว่า EVO 9 มันมีรุ่นลูกสูบสูง กับ ลูกสูบต่ำ**** ทำให้ผม งง ว่าลูกสูบของ EVO 9 มันต่างกันจริงหรอครับ หรือน้องชายผมโดนหลอก
สรุปแล้ว มันไม่ใช่ลูก 9 ใช่ไหมครับ น้องผมซื้อมาจากอู่ MITSU SPORT อ.ตุ๋ย แต่เค้าบอกว่าให้ไปวัดค่า แล้วผมจะวัดไงอะคับ
ลูกมันก็เขียนอยู่นิครับว่า E9 ลูกเตี้ยกว่า2มม. แต่ปริมาตรบนหัวลูกสูบ มันเท่าไหร่ น้อยกว่า หรือมากกว่าE3 โดยปกติ แล้ว ลูก9 ใส่ไป กำลังอัดจะมากกว่าE3 9ต้องทำการลดกำลังอัดโดยการเพิ่มประเกนเข้าไป ลองถ่ายรูปหัวลูกสูบเทียบกันให้ดูหน่อยครับ
เอาแบบนี้ก่อนครับ เรื่องรายละเอียด การประกอบลูกสูบต้องคุยกันยาวเลยครับ อธิบายจากตัวหนังสือไม่ได้เลยครับ ต้องลงมือประกอบเครื่องเองถึงจะเข้าใจครับ ความรู้ในการประกอบเครื่องที่ผมมาถ่ายทอดต่อ ก็มาจาก พี่ตุ๋ย พี่แก้ว พี่ญา พี่รินทั้ง4ท่านนี้แหละครับ ผมจะอธิบายแล้วพยายามทำความเข้าใจก่อนนะครับ แล้วจะสามารถไปคิดต่อว่าลูกสูบอีโวแต่ละรุ่นออกแบบมาเพื่ออะไร และจะดัดแปลงประกอบในซีรีย์อื่นๆอย่างไร เพราะเครื่องมิตซูมีอนุกรมที่ได้รับการพัฒนามานานกว่า 30ปี ฉะนั้นก่อนเราจะดัดแปลงอะไร เราต้องรู้ที่มาที่ไปในอนุกรมเครื่องรุ่นนั้นๆ ก่อนครับ เป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เราถึงต้องประกอบเครื่องกับ อู่ที่ชำนาญเครื่องมิตซู มานานมากกว่า ถึงจะมีโอกาสประกอบเครื่องผ่านไปได้สูงกว่า อู่ที่ไม่ชำนาญเครื่องมิตซู หรือ มีปสก.น้อยกว่า ซึ่งเทคนิคการประกอบเครื่อง บางขั้นตอนผมทราบ แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดพวกเราได้ เพราะเป็นวิชาชีพและเทคนิคของแต่ละอู่ครับ แต่ผมโทรไปถามทั้ง 4 ท่าน แกก็บอกผมหมดเปลือกนะครับ แกไม่ได้ห้ามได้ห่วงวิชาอะไร แกใจดีกันหมด แต่ผมไม่ขอบอกเอง ให้ถามแกกันเองดีกว่าครับ เพราะมันไม่ใช่อาชีพของผมครับ ---------- เพิ่มกระทู้เมื่อ 16:27:36 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 16:27:15 ---------- เริ่มต้นดูจากรูป เป็นลูกสูบอีโว แน่นอนครับ ผมว่าพี่ตุ๋ยไม่ได้บอกผิดหรอกครับ ลูกสูบแบบชุดในรูปนี้ผมเคยใช้ ผมถอดออกมาจากเครื่อง 8MR ครับ หัวลูกสูบจะเป็นอย่างที่เห็นครับ มีปริมาตรหัวลูกสูบหยอดน้ำวัดได้ประมาณ 7 cc. จึงมีกำลังที่สูงกว่าเมื่อประกอบกับเครื่อง 1-3 แต่แข็งแรงและเบากว่า เพราะเป็นลูกฟอร์จทั้งตัว ยันกระโปรงลูกสูบ บูสท์หนักๆได้ แต่ผมไม่ได้สังเกตุว่ามันปั๊มหัวลูกสูบว่า E9K1 หรือไม่ ซึ่ง E9K1 ความจริงน่าจะเป็นรหัสของอีโว9 แต่ลูก9ที่ผมเคยเห็น มันจะหัวนูนกว่าในรูปค่อนข้างมาก แล้วไปลดกำลังอัด จากการเพิ่มปริมาตรฝาสูบเพิ่มตามการออกแบบของเครื่องตระกลูMivecครับ แต่รหัสที่หัวลูกสูบของ9 นี้ผมไม่ทราบเลยครับ ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าจะมีเครื่อง9บางรุ่น ที่ใช้ลูกสูบมีลักษณะคล้ายของ 8MR อาจจะแตกต่างกันที่ปริมาตรบนหัวลูกสูบ เพื่อให้ได้กำลังอัดเครื่องยนต์ ตามกำลังอัดที่วิศวกรโรงงานออกแบบเอาไว้ครับ การประกอบเครื่อง เราไม่สามารถวัดช่วงชักหรือระยะชัก จากตัวลูกสูบหรือกระโปรงลูกได้เลยครับ ย้ำนะครับว่าไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันอาจจะเกิด Deak Clearance บริเวณห้องเผาไหม้ หรือ กระโปรงลูกสูบ อาจจะติดข้อเหวี่ยง เมื่อลูกสูบเลื่อนช่วงชักลงมาในตำแหน่ง ศูนย์ตายล่างได้ครับ ฉะนั้นการวัดความสูงของลูกสูบแบบในรูปถ่ายที่ถ่านมา ไม่ใช่การวัดช่วงชัก และปริมตารห้องเผาไหม้ครับ ง่ายๆคือจากในรูปเมื่อเห็นว่าลูกสูบ 8MR เตี้ยกว่าลูกสูบอีโว3 เท่ากับ 2มม. ก็อาจจะไม่ได้หมายความว่าจะมีช่วงชักเพิ่มขึ้นมาอีก 2 มม. หรือ เกิด Deak Clearance อีก 2มม. ครับ ซึ่งเทคนิคการประกอบลูกสูบข้ามรุ่นหรือข้ามอนุกรม เป็นเทคนิคของแต่ละอู่ครับ แต่ผมสามารถให้หลัก การไว้ได้ ดังนี้ครับ
ตามรูปจะเห็นนะครับว่า 1.การวัดปริมาตรห้องเผาไหม้ เหนือจากบริเวณบนหัวลูกสูบ ตามทฤษฏีเราจะต้องวัดเมื่อ ลูกสูบเลื่อนขึ้นสู่จุดศูนย์ตายบน TDC ครับ จึงจะได้ปริมาตรที่ถูกต้องครับ ฉะนั้นจากที่เราเห็นว่าเมื่อเราวัดความสูงหัวลูกสูบ 8MR เตี้ยกว่า 2 มม. จึงไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดปัญหาเรื่องระยะในห้องเผาไหม้เสมอไป ยกเว้นเราจะนำเอาลูก8MR ไปประกอบเครื่องข้ามสายพันธุ์อื่นๆ ก็ไปนั่งคิดออกแบบกันอีกครั้งครับ ถ้าประกอบเข้ากับ 4G63 ในอนุกรมเดียวกัน ควรมีปริมาตรห้องเผาไหม้ เมื่อลูกสูบเลื่อนขึ้นสู่จุดศูนย์ตายบน ที่ TDC เท่ากัน แต่มันต้องมีองค์ประกอบที่ต้องเข้าใจก่อนว่า ในแต่ละอนุกรมมีอะไรแตกต่างกันก่อนครับ ** เพราะกระบอกสูบของ4G63 มีขนาด85 มม. เท่ากันตั้งแต่อีโว 1-9 ครับ (แต่อัตราการขยายตัวต่างกัน) ** เพราะความจุเครื่องยนต์ 4G63 มีความจุ 1996.412 cc. เท่ากันตั้งแต่อีโว 1-9 ครับ ** เพราะระยะช่วงชักเครื่องยนต์ 4G63 มีระยะ ช่วงชัก 88 mm. เท่ากันตั้งแต่อีโว 1-9 ครับ ฉะนั้นโดยพื้นฐานข้างต้นแล้วมันต้องไม่มีอะไรแตกต่างกันครับ (ยกเว้นปริมาตรฝาสูบท่อนบนที่ แต่ละรุ่นไม่เท่ากันครับ ระวังต้องวัดให้ดี อย่าง9จะมีปริมาตรฝาสูบท่อนบนที่มากกว่า แล้วไปลดปริมาตรบน หัวลูกสูบของ9 เอา เพื่อให้ได้กำลังใกล้เคียงกันกับเครื่องอีโวอนุกรมอื่นๆ ) ฉะนั้นผมบอกเป็นแนวทาง ได้ว่า ลูกสูบ8MR ในรูปชุดที่เห็น หากเราประกอบกับ ก้านสูบและข้อเหวี่ยงของ 8MR แล้วเมื่อเราเลื่อนลูกสูบขึ้นไปที่ตำแหน่งศูนย์ตายบน TDC มันควรจะต้องได้ตำแหน่งของมันพอดีกับขอบฝาสูบ และไม่มี Deck Clearance ครับ เอาเป็นว่าถึงจะเห็นว่ามันเตี้ยกว่า 2 มม. เมื่อประกอบเข้ากับ เสื้อสูบของ 8MR มันก็จะเลื่อนไปที่จุดTDC ได้พอดีครับ ฉะนั้นเมื่อเราย้ายลูกพร้อมก้าน 8MR ไปใส่ใน เสื้อสูบอีโว3 มันก็ต้องมีวิธีทำให้มันเลื่อนขึ้นไปให้ได้ตำแหน่งศูนย์ตายบนของอีโว3 ครับ เอาเป็นว่าลองประกอบลูกสูบชุดนี้เข้ากับเสื้อสูบอีโว3 ดูก่อนครับ แล้วค่อยเลื่อนหาระยะ TDC ครับ ช่างที่ชำนาญมิตซูน่าจะหาคำตอบ และคำนวณปริมาตรห้องเผาไหม้ต่อไปได้ไม่ยากแล้วครับ ว่าเครื่องยนต์หลังจากเราประกอบเสร็จแล้ว จะได้ปริมาตรห้องเผาไหม้มาคำนวณกำลังอัด C/R ที่เราต้องการได้หรือไม่ ซึ่งจะใช้ C/R ต่ำ เท่าไรแล้วแต่Tunner ครับว่าจะประกอบออกมา ให้เครื่องตัวนี้มี คาแร็คเตอร์เครื่องอย่างไร ใช้เทอร์โบอะไร แคมอะไร แล้วบูสท์จะหนักเท่าไร และจะจูนองศาไฟจุดระเบิดกับน้ำมันออกเทนอะไร ครับ ต้องเตรียมโจทย์เหล่านี้ไว้คำนวณเผื่อก่อนครับ แต่ผมบอกให้ว่าเครื่องเดิมๆ ควรมีกำลังอัดปกติที่ 8.8 :1 – ไม่เกิน 9.0 : 1 และกำลังอัดสุดท้ายขณะบูสท์สูงสุด ไม่เกิน 45 – 50 : 1 ครับ ตามแต่คาแร็คเตอร์เครื่องที่ต้องการครับ แต่ห้ามปาดฝาสูบทิ้งเด็ดขาดครับ เพราะเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด แต่ผิดครับ
ส่วนที่แตกต่างกันอีกจุดอยู่ที่ระยะ Clearance ที่ต้องทำในแต่ละอนุกรม เพราะลูกสูบแต่ละอนุกรมมีอัตราการขยายตัวที่ไม่เท่ากันครับ ลูก 7-8-9 จะขยายตัวได้มากกว่าลูก 1-4 / 5-6 เนื่องจากวัสดุที่แตกต่างครับ ฉะนั้นลูกจะติดตอนร้อน หรือ หลวมตอนร้อน หรือจะตบข้างกินผนังเสื้อสูบหรือไม่ จะแกว่งหรือไม่ สำคัญตอนประกอบเครื่องครับ อู่ที่ชำนาญมิตซูถึงจะสามารถรู้ระยะที่จะต้องกลึงล้าง รวมทั้งวิธีการประกอบให้ได้ Clearance และ Balance ให้ได้ระยะที่เหมาะสมตาม ปสก. ของแต่ละอู่ครับ 2. ส่วนการหาปริมาตรห้องเผาไหม้บริเวณเหนือหัวลูกสูบ ในทางปฏิบัติเครื่องยนต์4G63บางอนุกรม ไม่สามารถวัดได้ เพราะไม่มีพื้นที่สำหรับหยอดน้ำวัด เราสามารถเลื่อนลูกสูบลงไปซัก 2 มม. แล้วหยดน้ำวัดหาปริมาตรห้องเผาไหม้บนหัวลูกสูบได้ครับ แล้วเอาพื้นที่ทรงกระบอกที่เราเลื่อนลงไป ใช้ ### สูตรที่ 1 พ.ท.ปริมาตรทรงกระบอกกลม = ( พาย/4) * Dกำลังสอง(เส้นผ่าศูนย์กลางลูกสูบ) * L(ความสูงที่เลื่อนลงไป) แล้วเอามาลบออกจาก ปริมาตรที่หยอดน้ำวัดได้ ก็สามารถทำได้ครับ ซึ่งเมื่อเราได้ ปริมาตรพื้นที่ห้องเผาไหม้เหนือหัวลูกสูบแล้ว แล้วต้องรู้ปริมาตรห้องเผาไหม้ส่วนอื่นๆอีก ได้แก่ 2.1. ปริมาตรฝาสูบ ( ฝาสูบแต่ละฝาไม่เป็นสมมาตรครับ เราต้องหยอดน้ำวัดปริมาตรฝาสูบของเรา ในแต่ละสูบก่อนครับ ) คร่าวๆของอีโว 1-3 จะมีปริมาตรราวๆ 45-47 ซีซี 2.2. ปริมาตรห้องเผาไหม้บริเวณปะเก็น (วัดขนาดDของปะเก็นครับ) *** ใช้ ### สูตรที่ 1 ในการคำนวณครับ 2.3. ปริมาตร Deck Clearance *** ใช้ ### สูตรที่ 1 ในการคำนวณครับ 2.4. ปริมาตรห้องเผาไหม้บนหัวลูกสูบ ที่แนะนำไปอันแรก ครับ ด้วยวิธีการหยอดน้ำวัดครับ *** เมื่อเราได้ ปริมาตรห้องเผาไหม้ทั้ง 4 ส่วน เราจะเรียกมันว่า Vc(ปริมาตรห้องเผาไหม้) = 2.1+2.2+2.3+2.4 2.5 เมื่อเราได้ Vc เราต้องหา Vd ครับ Vd คือ ปริมาตรดูดอากาศ (ในแต่ละสูบ) = ความจุเครื่องยนต์ต่อสูบ ครับ Vd (ต่อสูบ) = ( พาย/4) * Dกำลังสอง(เส้นผ่าศูนย์กลางห้องเผาไหม้) * L(ระยะช่วงชัก) เช่นของ 4G63 Vd (ต่อสูบ) = ( พาย/4) * 85(เส้นผ่าศูนย์กลางห้องเผาไหม้) * 88(ระยะช่วงชัก) = 499.103 cm2 (ซีซี) ถ้า 4 สูบ = 499.103 cm2 (ซีซี) * 4 สูบ = 1,996.412 cm2 (ซีซี) 2.6 เรา สามารถหา อัตราส่วนการอัด(กำลังอัด) โดยใช้ ### สมการ C/R = (Vd + Vc) / Vc ก็จะได้กำลังอัดในห้องเผาไหม้ที่แท้จริงครับ
3. จากรูปแบบ Spec เครื่อง 2.0 – 2.2 – 2.3 ของ TOMEI จะเห็นนะครับ ว่า เครื่อง 2.0 กับ 2.2 จะมีความสูงของลูกสูบแตกต่างกัน อย่างที่เราเห็น คล้ายความแตกต่างระหว่าง ความสูงของลูก 8MR กับ 3 ครับ ย้ำว่าคล้ายนะครับ ใน เคสของ TOMEI คุณดู Spec จากรูปแล้วไปทำเอาเลียนแบบเอาเอง ตามประสาช่างไทย นอกจากจะไม่ได้ เครื่อง 2.2 แล้ว เครื่องตัวนั้นจะวิ่งไม่ออกครับ เพราะระยะช่วงชักในรูป TOMEI เค้าอนุมาณเอาไว้ เพื่อเป็นเทคนิคทางการค้า คุณอย่าลืมว่าการทำให้ช่วงชัก 88 มม. เปลี่ยนเป็น Storke ที่ยาวกว่า มีอะไรบ้าง คงไม่ใช่แค่ ลดขนาดลูกสูบเตี้ยลงดอกครับ แบบนี้ยังงัยระยะช่วงชักจะยังเท่าเดิมครับ ถ้าเราจะประกอบเครื่องแล้วได้ เครื่อง2.2 ตามรูปในแบบของ TOMEI เราต้องได้ลูก – ก้าน – ข้อ ที่เป็น Part Kit ของ TOMEI มาครับ นี้เป็นอีกตัวอย่างปัญหา ที่ช่างไทยเก่ง แต่ขี้เกียวจ คิดคำนวณมักเจอครับ สุดท้าย ลูกค้าเจ้าของเครื่องต้องรับกรรม เพราะตอนประกอบไม่ได้คำนวณ ออกแบบ คาแร็คเตอร์ของเครื่องไว้ครับ ผมกับพี่ช้าง ถึงมีความรู้เรื่องประกอบเครื่อง แต่ประกอบเองไม่เป็นหรอกครับ แต่ที่ต้องรู้เพราะพวกเราเสียเครื่องกัน ไปจนซื้ออีโว 10 กันได้แล้วมั้งครับ ฉะนั้นเราต้องรู้ ศึกษา และ ออกแบบ Spec เครื่องเอง โดยได้ช่างที่มีความรู้ในการประกอบ มาเป็นที่ปรึกษาให้อย่างละเอียดครับ เราถึงจะไปสั่ง ของ กำหนด Spec และ คุยกับ TUNER และช่างได้ครับ ไม่งั้นก็พังอยู่เรื่อยไป ลองเริ่มต้นศึกษา และ คำนวณดูเถอะครับ
สรุป คือ ตอนนี้ ลูก 8MR เมื่อประกอบ ลงในเสื้อสูบ3 ระยะช่วงชักจะได้ 88.มม. เท่าเดิมครับ แต่เราจะทำอย่างไรให้ ลูกสูบ8MR สามารถเลื่อนไปที่ศูนย์ตายบนTDC ของเสื้อสูบอีโว3 ได้ เพื่อให้เกิด Dack Clearance น้อยที่สุด เพื่อให้ได้กำลังอัดตามที่ต้องการครับ ผมว่าลองประกอบแล้วเลื่อนหา TDC ดูก่อนครับ หากไม่ได้ โทรถามพี่ตุ๋ยเลยก็ได้ครับ แกใจดีครับ
ความรู้แน่นเป็นอาจาร์ยได้แล้วครับ ถามต่อหน่อยว่า ถ้าก้านสูบ Tomei ยาว 88 มิลสามารถใส่กับลูกเดิมของ 1-9 ได้เลยไหมครับ
ตามความเข้าใจผม ลูก 9 มีแตกต่างกันสองรุ่นครับ ตัวนึงก็คือลูก 9 เครื่อง MIVEC ที่ประจำการใน GSR GT และ RS อีกตัวนึง คือลูก 9 เกียร์ออโต้ สำหรับรุ่นแวนออโต้ ที่เครื่องไม่เป็น MIVEC ครับ ส่วน 9 MR แตกต่างรึป่าว เข้าใจว่าหน้าตาเหมือนกัน แต่จะมีการ upgrade วัสดุและความแข็งแรงหรือไม่ อันนี้ ยังไม่เคยอ่านเจอเลยครับ
555.. ผมเป็นอาจาร์ยไม่ได้หรอกครับ เพราะผมรู้แค่เหมือนเป็ด คือรู้ทุกอย่าง แต่ประกอบเอง ทำเอง ก็พอเป็นนะครับ แต่ไม่รับรองครับ ว่าจะผ่าน ครับ 5555... อาจาร์ยผมต้องยกให้ พี่ตุ๋ย พี่แก้ว พี่ญา พี่ริน ครับ เพราะแกชำนาญและมี ปสก. สูงมาก ความจริงมี พี่ม๊อก กับ พี่ตู่ อีก 2 ท่าน ที่ผมเคยไปขอความรู้แกเช่นกัน พี่ม๊อกนี่ต้องเรียกเซียนเรื่องดัดแปลงมากครับ แปลงได้ทุกอย่างให้ลงใน มิตซู ได้จริงๆ บางเรื่องผมคิดอยู่ตั้งหลายเดือน พี่ม๊อกคิดแค่ 5 นาทีเท่านั้นจริงๆครับ ส่วนคำถาม ผมจำแบบของ สลักยึดลูกสูบเข้ากับก้านของTOMEIไม่ได้เลย ครับ เคยจับ เคยวัด แต่ไม่ได้จำเลยครับ เพราะมันประกอบได้เพราะเป็น Part Kit ของมัน เลยไม่ได้คิดเรื่องแปลง เลยตอบไม่ได้ว่า พอใส่ก้านTOMEIกับลูกเดิมอีโว เราต้องแปลงสลักลูกสูบ มากหรือไม่ บางรุ่นแปลงไม่มาก บางรุ่นต้องแปลงมาก โอกาสพลาดจึงมีสูงครับ วิธีที่เหมาะสมที่สุด และผ่านค่อนข้างแน่นอน คือ ลูกสูบกับก้านสูบ ควรจะเป็นชุดที่ออกแบบมาสำหรับชุดของมันครับ เพราะ 1. ตำแหน่งการยึดของสลักใน ก้านสูบกับลูกสูบ แต่ละรุ่นออกแบบมาแตกต่างกัน 2. จุดศูนย์ถ่วงของลูกสูบ Dynamic Balance ของลูก+ก้าน แต่ละชุด ได้รับการออกแบบและถ่วงจุดสมดุลที่ดีที่สุดมากจากโรงงานแล้ว 3. Clearance ของสลักใน ก้านสูบกับลูกสูบ ของลูกสูบที่มาเป็นชุด ได้รับการปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมแล้ว 4. ระยะช่วงชัก ของ ลูก+ก้าน ชุดนั้นๆ ได้รับการออกแบบมาให้ได้ระยะของมันแล้ว 5. ระยะห่างระหว่าง กระโปรงลูกสูบกับข้อเหวี่ยง ใน ตำแหน่งศูนย์ตายล่าง ความจริง ลูก+ก้าน ที่มากันเป็นชุด มันจะมีใบกำหนด Spec การประกอบ และรายละเอียดการกำหนดสเป็คในการประกอบ ให้เหมาะสมสำหรับคาแร็คเตอร์เครื่องยนต์แบบต่างๆ แนบมายาวเป็นหาวว่าวเลยครับ พวกลูก Custom Made มันจะมีใบ Certificate แนบระยะต่างๆมาด้วย ควรจะประกอบตามใบแนะนำครับ ถ้าไม่มีใบแนบมาด้วย การประกอบและการตัดสินใจเลือกใช้ระยะต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถและการตัดสินใจของช่างประกอบเป็นหลักเลยครับ จะผ่าน และเหนียว หรือไม่อยู่ที่ตอนประกอบครับ เป็นสาเหตุหลัก ที่เวลาเราแปลงลูก 2 เจ และลูกซิ่งอื่นๆ มา ใส่ แล้วไม่ผ่าน หรือผ่านแต่อยู่ได้ไม่นาน เพราะช่างที่แปลงไม่สามารถจัดการกับ ปัญหาทั้ง 5 ข้อ ให้ผ่านไปได้ทุกข้อครับ ความจริงถ้าจะให้สมบูรณ์จริงๆ พวกรถที่ใช้งานรอบสูงๆหนักๆ ต้องBalance ข้อเหวี่ยงกับลูกสูบชุดนั้นๆที่ใช้ด้วยครับ และรายละเอียดในการทำข้อเหวี่ยงให้ผ่าน และ แข็งแรง ยังมีอีกมากครับ ส่วนรายละเอียดและเทคนิคลึก คงต้องคุยกับช่างประกอบเครื่องที่ชำนาญ และมีปสก.สูง ครับ รายละเอียดลึกๆพวกนี้ ผมตอบไม่ได้เลยครับ เพราะต้องใช้ปสก.มาก ใช้ทฤษฎีอย่างเดียวไม่ได้ครับ อาชีพใครอาชีพมันจริงๆ เรื่องแบบนี้ครับ แต่ในที่สุดแล้ว ความจริงเรื่องพวกนี้ มันต้องมีคำตอบและสามารถอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ครับ แต่ช่างเก่งๆหลายท่านก็ประกอบได้ เพราะเคยประกอบSpecแบบนี้มาจนชำนาญและผ่าน แต่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำตอบทางวิทยาศาสตร์ได้หลายท่าน เพราะขาดพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์บางจุด ส่วนผมมีความรู้ด้านวิทยศาสตร์ เมื่อได้รับการสอนเทคนิคจากช่างประกอบที่มี ปกส. สูงกว่า ผมจึงสามารถเอาทฤษฎีมาจับควบคู่กัน จนสามารถอธิบายออกมาเป็นคำตอบทางวิทยาศาสตร์ให้พวกเราเข้าใจได้เท่านั้นครับ ของพวกนี้ต้องทำบ่อยๆ และ คิดอยู่ตลอดเวลา บางครั้งบรรดาอาจาร์ยผมทั้งหลาย ก็มีเรื่องคิดอยู่ในหัวแต่ยังหาคำตอบไม่ได้ หรือ จำรายละเอียดไม่ได้ ต้องขอเวลานึกก่อน เมื่อพวกเราไปถาม หรือถามไม่ถูกจังหวะ ก็อาจจะไม่ได้รับคำตอบหรือแกไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะหัวสมองยังคิดเรื่องอื่นอยู่ก็มีบ่อยครั้ง ผมว่าพวกเราที่สนิทกับอาจาร์ยเหล่า คงเคยเจอเวลาแกอารมณ์ศิลปินบางก็บ่อยนะครับ เป็นนิสัยปกติของคนที่กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในหัวอยู่แล้ว ลองหาจังหวะเรียบๆเคียงๆถามใหม่ ถ้าแกนึกออก คำตอบจะออกมาจนจำไม่ทันครับ
แนวทางของพี่โอ มีความเป็นไปได้สูงครับ เพราะ 9 wagon ลักษณะของปริมาตรฝาสูบน่าจะเป็นอนุกรมที่ต่อเนื่องมากจาก 8 ครับ หรืออาจจะใช้ฝาสูบ 8 เลยด้วยซ้ำครับ การออกแบบของ หัวลูกสูบจึงน่าจะมีปริมาตรเท่ากับของ8 ครับ ส่วน9 ที่เป็นเครื่องMivec ฝาสูบและหัวลูกสูบ จะออกแบบมาตามหลักการของMivecครับ ซึ่งหลักการออกแบบของชิ้นส่วนในเครื่อง Mivec ถ้าเคยจับเครื่องมิตซูมานาน จะเห็นว่ามันมีการออกแบบ ที่พัฒนาต่อเนื่องเป็นอนุกรมกันมาหลายอย่าง ซึ่งลูกสูบอีโว9 ที่เป็นหัวนูนแบบMivec ถ้าเอามาใส่กับฝาสูบ 1-8 กำลังอัดเครื่องสูงบรรลัยเลยครับ ต้องหาวิธีลดกำลังอัดกันเยอะมากครับ ผมว่าพี่ตุ๋ยแนะนำ ลูกหัวเรียบแบบนี้มาให้ถือว่าถูกต้องครับ ที่เหลือเราแค่ไปคำนวณหากำลังอัดที่เราต้องการเอาครับ จุดหลัก ที่ผมจับแนวคิดของวิศวกรR&D ในโรงงานMMC Corp. ของญี่ปุ่นได้ คือเครื่องในอนุกรมเดียวกัน เค้ามักจะออกแบบรายละเอียดเป็นCommon Part Design กัน แตกต่างกันที่รายละเอียด ที่มีรุ่นย่อยเยอะมาก มี Assembly Detail เยอะมาก แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานการผลิตไปในอนุกรมเดียวกัน เพื่อลดต้นทุนการผลิต ตามโจทย์ที่ต้องการ เพื่อสมรรถะสูงสุดของเครื่องในอนุกรมนั้นๆ เราจึงเห็นว่ามันสลับอะไหล่ ข้ามกันไปมาได้ ในอนุกรมต่างๆ แต่จะสลับอย่างไร มันต้องมีรายละเอียด และเหตุผลที่จะสลับด้วยครับ ว่าสลับแล้วจะดีอย่างไร แนวคิดแบบนี้ มันเป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วครับ ปัจจุบันก็ยังเป็นแบบนี้ครับ
