เวลา.......มีค่าแค่ไหน

การสนทนาใน 'Club SI' เริ่มโดย Nung_Maesot, 28 กันยายน 2009

< Previous Thread | Next Thread >
  1. Nung_Maesot

    Nung_Maesot New Member Member

    830
    2
    0
    วันนี้ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคับ
    จริงๆเพลงนี้ได้ฟังมานานแล้วเหมือนกัน แต่วันนี้ได้ไปอ่านเจอ กระทู้หนึ่งเข้า
    แล้วมันมาสะกิดใจ กับเหตุการณ์ที่เจอวันนี้

    รุ่นพี่ของผมเพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานได้เพียง 7วัน แต่วันนี้เค้าต้องมาเสียเจ้าสาวที่เค้ารัก
    และเฝ้ารอกันมาถึง8ปีเพื่อที่จะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่แบบสามีภรรยาที่สมบูรณ์

    มันทำให้เราได้รู้ความจริงข้อนึงที่ว่า "เวลาไม่เคยรอใคร"

    ขออณุญาติ นำบทความนี้มาลงที่นี้ด้วยนะคับ
    "คนไม่มีเวลา"
    credit GAP@SCC_010

    เชื่อว่าถ้าคนที่นอนอยู่เป็นผมแทนที่จะเป็นเขา.......
    ผมคิดว่าเค้าดูแลผมได้ดีกว่าที่ผมดูแลเค้า

    [media]http://www.youtube.com/watch?v=vJYzpDiI5hA&feature=player_embedded[/media]

    เพลง คนไม่มีเวลา จากเรื่องจริงที่กินใจ

    ถ้า พูดว่า “คนไม่มีเวลา” หลายๆคนคงนึกภาพของคนที่ยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไร, คนที่ชีวิตวุ่นวายรีบเร่ง แต่สำหรับว่าน ธนกฤต คนไม่มีเวลา มีความหมายต่างจากนั้นมากมายนัก

    ข้อความต่อๆไป เกิดจากการพูดคุยสัมภาษณ์กับนักร้อง นักดนตรี รุ่นใหม่ ว่าน ธนกฤต

    “ผม กับพี่จั๊ก (ชวิน จิตร์สมบูรณ์) ทำงานเพลงร่วมกัน ซึ่งพี่จั๊ก แต่งทำนองเสร็จนานแล้ว และให้ผมเขียนเนื้อ แต่ผมก็ยังเขียนไม่ได้ซักที
    มี อยู่วันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังจัดรายการ ก็มีแฟนรายการคนนึงมาขออัดเสียงผม โดยบอกว่าจะเอาไปให้เพื่อนที่กำลังป่วยฟัง และเพื่อนคนนั้นเค้าชอบผมมาก
    ซึ่ง ผมก็บอกว่า อย่าอัดเสียงเลยครับ ผมไปเยี่ยมก็ได้ ซึ่งตอนแรกผมรู้เพียงว่า พี่คนนั้นเค้าป่วย ต้องผ่าตัดสมอง แต่ไม่รู้รายละเอียดว่า เค้าเป็นอะไรขนาดไหน
    ซึ่งพอผมไปถึงที่โรงพยาบาล สิ่งแรกที่กระทบผมคือ เสียงเพลงจากอัลบั้มแรกของผมดังอยู่ในห้องนั้น ภาพที่ผมเห็นคือ
    ห้อง คนป่วยที่บนผนังห้องติดโปสเตอร์ของผม รูปของผม และตารางจัดรายการของผม ส่วนพี่ที่นอนอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัว มีผ้าพันหัวและอุปกรณ์ช่วยชีวิตระโยงระยางเต็มไปหมด
    ผมได้พบกับครอบครัว ของพี่เค้าด้วย ทุกคนในห้องเล่าให้ผมฟังว่า พี่ที่ป่วยชื่อพี่บี เป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัดสมองถึง 5 ครั้ง และตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย
    ทั้ง แม่ และครอบครัว รวมถึงสามีของพี่บี ทุกคนเล่าให้ผมฟังว่า พี่บีดีขึ้น คือเริ่มขยับนิ้วได้บ้างแล้ว ทุกคนดูมีความหวังและกำลังใจ แต่สำหรับความรู้สึกของผม
    ผมกลับรู้สึกว่า เวลาในห้องนั้นได้หยุดเดิน ทุกคนที่รอ รออย่างไร้จุดหมาย เหมือนเวลามันได้ผ่านเลยไปสำหรับคนที่รออยู่

    วันนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน ผมเขียนเพลงที่ดองไว้นานเสร็จในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง “เวลา” อาจไม่มีความหมาย...สำหรับคนบางคน”


    ข้างล่าง เป็นเรื่องราวของพี่มืดและพี่บี

    พี่มืดกับพี่บี รู้จักกันเพราะทำงานที่เดียวกัน และก็เป็นแฟนกันนาน 8-9 ปี หลังจากนั้นก็แต่งงานกัน พี่มืดทำงานเป็น ครีเอทีฟบริษัทโฆษณา ส่วนพี่บีเป็นอาร์ต ไดเรคเตอร์
    ทั้ง 2 คน เรียนจบเมืองนอก และบ้างานด้วยกันทั้งคู่ เมื่อแต่งงานกัน ทั้งคู่จึงมีแผนจะสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมา และต้องใช้เงินอีกก้อนใหญ่ พี่บีซึ่งปกติทำงานเยอะอยู่แล้ว ก็รับจ๊อบเพิ่มขึ้น
    เพื่อหาเงินสร้างบ้าน งานเยอะก็เครียดหนัก จนปวดหัวประจำ และมีไมเกรนเป็นโรคประจำตัว


    หลังจากแต่งงานกันมา 1 ปี 2 เดือน เช้าวันนั้น พี่มืดแต่งตัวเสร็จแล้ว เตรียมตัวไปทำงาน แต่พี่บียังไม่ลุกจากที่นอนและบ่นว่าปวดหัว พี่มืดเลยบอกให้นอนพักอยู่กับบ้าน ไม่ต้องไปทำงาน
    แล้วพี่มืดก็ออกไปทำงาน

    นั่นเป็นเช้าวันสุดท้ายที่พี่มืดได้คุยกับพี่บี

    พี่มืดเล่าว่า พี่บีเส้นเลือดในสมองแตก เพราะอาการปวดหัวอย่างหนัก ช่วงบ่ายวันที่เกิดเรื่อง พี่บีปวดหัวจนสลบไป และพี่สาวต้องพาไปส่งโรงพยาบาล
    หมอบอกว่า เส้นเลือดในสมองแตก และต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 5 ครั้ง ผ่าเส้นนี้อีกเส้นก็แตก ผ่าแล้วก็แตกถึง 5 รอบ จนสุดท้าย หมอก็บอกว่า คงไม่มีเส้นไหนให้แตกอีกแล้ว
    พี่บีออกจากห้องผ่าตัดมาก็ยังไม่ฟื้นอีกเลย

    เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว พี่มืดรับไม่ได้ ไม่ไปทำงาน ไม่กินไม่นอน ได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่เข้าใจว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเค้า
    เหมือนตกจมดิ่งไปในหลุมลึกที่ไม่มีทางขึ้น ดิ้นรนทำทุกทางเพื่อคนรัก


    พี่บีอยู่โรงพยาบาล 3 เดือน แบบไม่รู้สึกตัว จนวันหนึ่ง อยู่ๆพี่บีก็ลืมตาขึ้นมา พี่มืดและครอบครัวดีใจกันมาก แต่พี่บีก็แค่ลืมตา กระพริบตา ไม่ได้รับรู้อะไร นิ้วก็เริ่มกระดิกได้
    ความ หวังของพี่มืดเริ่มเกิดอีกครั้ง พี่มืดเอาแหวนแต่งงานที่ต้องถอดออกมาใส่ให้ แต่นิ้วพี่บีบวมใสไม่ได้ พี่มืดพูดติดตลกทั้งน้ำตากับพี่บีว่า “อ้วนขึ้นนะเธอ ลุกขึ้นมาเดินได้แล้ว”

    หมอบอกว่า สำหรับคนเป็นโรคแบบนี้ รักษาอะไรไม่ได้ นอกจากรอ บางคนก็จะฟื้นตื่นขึ้นมาเอง บางคนตื่นก็หาย บางคนถึงตื่นมาก็ช่วยตัวเองไม่ได้
    แต่บางคนก็อาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทราตลอดไป ขอแค่มีความหวังและกำลังใจ อะไรก็เกิดขึ้นได้ หมอแนะนำให้พาพี่บีกลับไปดูแลที่บ้าน

    พี่มืดต้องพยายามทำให้ตัวเองอยู่ได้ ทั้งเพื่อตัวเอง และเพื่อพี่บี

    ชีวิตทุกวันนี้ พี่ มืดตื่นขึ้นเพราะหมาที่พี่บีเคยเลี้ยงไว้ เข้ามาเลียหน้าปลุก พี่มืดต้องเปิดประตูบ้านให้มันออกไปข้างนอก ลงมาข้างล่างชงกาแฟ และแวะเข้าไปหาพี่บีที่ห้อง
    พี่ มืดจะนั่งคุยเรื่องราวทั่วไป เปิดเพลง บางทีก็เอากาแฟเข้าไปใกล้ๆจมูกพี่บี เพราะพี่บีก็ติดกาแฟเหมือนกัน ถ้าอยากกินก็ตื่นขึ้นมากินนะ พี่มืดจะบอกพี่บีอย่างนี้
    หลังจากดูพี่บีเสร็จก็ออกไปทำงาน ไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน มานั่งเป็นเพื่อนพี่บี เป็นกิจวัตรอย่างนี้ทุกวัน

    จากคนที่เคยสนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้ ก็กลับเป็นคนเงียบสงบ รถติดก็จะหยิบหนังสือสวดมนต์มาอ่าน จนทุกวันนี้ท่องจบได้เป็นหน้าๆ ทำบุญ เข้าวัด โดยหวังบุญกุศลจะส่งผลถึงคนรัก
    ที่ บ้านก็ต้องเปิดเพลงที่พี่บีชอบ ต้องนั่งพูดคุยเรื่องต่างๆให้ฟังทุกวัน พยายามหาอะไรที่เค้าชอบมาให้ได้รับรู้ อะไรก็ได้ ที่จะทำให้เธอกลับมาดังเดิม

    จนทุกวันนี้เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี แล้ว ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน พี่บีก็ยังเหมือนเดิม ตาที่ลืมขึ้นมา ก็มองอย่างเหม่อลอย โดยหาจุดโฟกัสไม่ได้ นิ้วมือทำได้แค่เพียงกระดิก
    แต่ พี่มืดเชื่อว่า พี่บีรับรู้อยู่ข้างในแต่แสดงออกมาไม่ได้ พี่บีก็คงกำลังต่อสู้อย่างหนักเพื่อที่จะกลับมา พี่มืดก็จะต่อสู้เหมือนกัน เค้าจะไม่ทิ้งไปไหน และจะทำทุกอย่างเท่าที่ชีวิตนี้จะทำให้ได้
    จะรอคอยอย่างมีความหวังต่อไป แม้เวลาจะนานต่อไปอีกแค่ไหน

    เมื่อถามว่า ถ้าพี่บีตื่นขึ้นมา พี่มืดอยากพูดอะไรกับพี่บีเป็นคำแรก

    พี่มืดตอบว่า “ผมอยากจะขอบคุณเค้า เพราะ ที่เค้าเป็นแบบนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมรักเค้ามากแค่ไหน และถ้าผมเป็นคนที่นอนอยู่ตรงนั้นแทนที่จะเป็นเค้า
    ผมเชื่อว่าเค้าคงดูแลผมได้ดีกว่าที่ผมดูแลเค้า”

    หลาย คนบอกว่า ไม่มีอะไรเอาชนะกาลเวลาได้ แต่เราเชื่อว่าความรักสามารถเอาชนะวันเวลาได้ ขอบคุณพี่มืด พี่บี และครอบครัว ที่ทำให้เรารู้จักคุณค่าของความรักที่ยิ่งใหญ่เหนือเวลา
     
  2. G Type R

    G Type R New Member Moderator VIP

    3,605
    99
    0
    เคยอ่านแล้ว แต่อ่านกีทีก็ซึ้งครับ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครรู้หรอกครับ เพราะงั้นทำวันนี้ให้ดีที่สุดครับ
     
  3. peach007

    peach007 New Member Member

    323
    0
    0
    ซึ้งเลยครับ เวลาที่ผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีกครับ
    ดังนั้นเราควรทำเวลาทุกนาทีให้มีแต่รอยยิ้ม และความทรงจำดีๆ นะครับ
     
  4. bestza

    bestza New Member Member

    2,474
    13
    0
    ซึ้งมากเลยครับๆๆๆๆๆ

    เวลาไม่รอคายจิงๆๆครับๆๆ ใครที่คิดจาทำอาราย หรือทำให้กับคนที่เรารัก รีบทำนะครับๆ ก่อนที่จะมาเสียใจทีหลังว่า เราไม่ได้ทำ ให้กับคนที่เรารัก ^_^
     
  5. Nung_Maesot

    Nung_Maesot New Member Member

    830
    2
    0
    จงใช้เวลาทุกวินาทีให้มีค่า........................ คำนี้มันจริงๆเลย
     
  6. civic_si2000@hotmail.com

    [email protected] New Member Member

    1,295
    2
    0
    สุดเลยครับ.........สุดใจจริงๆ
    แบบไม่ต้องบรรยาย..............ขอบคุณพี่น้องnung_ksมากครับ

    ---------- Post added at 12:30:28 ---------- Previous post was at 12:30:13 ----------

    สุดเลยครับ.........สุดใจจริงๆ
    แบบไม่ต้องบรรยาย..............ขอบคุณพี่น้องnung_ksมากครับ
     
  7. tamako

    tamako New Member Moderator

    3,037
    88
    0
    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง happy birthday เลยครับ
    ซึ้งมากๆ

    ---------- Post added at 15:02:03 ---------- Previous post was at 15:01:50 ----------

    อ่านแล้วนึกถึงหนังเรื่อง happy birthday เลยครับ
    ซึ้งมากๆ
     
  8. joiceSi

    joiceSi New Member Member

    816
    9
    0
    ยาวอ่าพี่ ขี้เกียจอ่าน อิอิ

    Joice++Jum
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้