<<<Midnight Racing>>>

การสนทนาใน 'Sport Truck.' เริ่มโดย Reloaded, 28 สิงหาคม 2009

< Previous Thread | Next Thread >
  1. Reloaded

    Reloaded New Member Member

    1,378
    32
    0
    On the Street
    รถแต่งที่เพิ่งโมดิฟายเสร็จเมื่อคืนวันเสาร์ จะนำออกมาลองในเช้าตรู่วันอาทิตย์โดยใช้ถนนนอกเมืองที่การจราจรไม่พลุกพล่าน เคนมักออกไปลองรถคนเดียวเสมอ เพราะไม่ใช่เรื่องน่าสนุกแถมค่อนข้างอันตราย บ่อยครั้งที่ต้องใช้ความเร็วเกินธรรมดาไปมาก เพียงเพื่อค้นหาข้อบกพร่องของรถเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นวันนี้
    กล่องเครื่องมือขนาดพกพา คอมพิวเตอร์โน้ทบุ๊ค พร้อมกล้องถ่ายรูปอัตโนมัติ และวิทยุสื่อสาร นี่คือสิ่งที่เคนพกติดตัวตลอดเวลา และวันนี้เขากำลังทำความเร็วไต่ระดับ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่บนถนนสายหนึ่ง
    สำหรับความเร็วสูงพิเศษเช่นนี้เขาจะไม่ละสายตาไปจากผิวถนนเด็ดขาด มาตรวัดต่างๆ ที่ติดอยู่นั้นใช้เหลือบมองได้เพียงแค่ขณะใช้ความเร็วต่ำ หากขับรถจนถึงขีดสุดอย่างเคนแล้วจะต้องใช้ระบบเตือนด้วยเสียงผ่านทางหูฟังพิเศษ หรือไม่ก็ใช้การเตือนด้วยระบบแสงระบบ HUD - Head Up Display โดยให้แสดงผลบนกระจกหน้าเหมือนที่ใช้ในเครื่องบินรบเพื่อความปลอดภัยที่สูงกว่าธรรมดา
    ตี๊ดๆ ๆ เสียงเตือนขึ้นที่หูฟัง แต่เคนยังไม่ยกคันเร่งขึ้น จนเสียงเตือนนั้นดังถี่รัวขึ้นพร้อมกับปรากฎตัวหนังสือเขียนว่า 'Lean' สีแดงขึ้นที่กระจกหน้า
    ฟั่วววว.. ทันที่ที่ถอนคันเร่งเสียงคายอากาศของโบลวออฟวาล์วก็ดังขึ้น ตัวหนังสือ Lean ที่สว่างค้างอยู่หายไป
    กระแทกคันเร่งลงสุดทันที เข็มวัดรอบกวาดขึ้นอย่างเร็วมากไปหยุดการเคลื่อนไหวที่ 10500 รอบ/นาที จาก 5 ลดเกียร์ลงไปอยู่ที่ 4 เท้าทั้งสองสอดผสานทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่วเมื่อเข้าโค้งมุมกว้าง เข็มความเร็วยังคงชี้ไม่ต่ำกว่าเลข 220 และค่อยๆ ขึ้นช้าลงเมื่อเข้าใกล้เลข 260
    เสียงตี๊ดๆ ดังขึ้นอีกครั้ง เขาจึงกดสวิทช์พิเศษเพื่อปรับการจ่ายน้ำมันเป็นแบบอัตโนมัติ ตัวหนังสือ 'Auto Fuel' สว่างค้างขึ้นที่มุมล่างขอบกระจกหน้า เท้าขวากดคันเร่งแช่จนจมมิดพื้น สายตายังคงจ้องเขม็งที่ปลายสุดถนน ความเร็วระดับนี้ต้องไม่มีช่องว่างสำหรับความผิดพลาดใดๆ
    เข็มความเร็วชี้ทะลุเกิน 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง เครื่องยนต์ยังคงทำงานเป็นปกติ มาตรวัดทุกตัวไม่มีการฟ้องเตือนใดๆ เขาเหลือบมองที่มาตรวัดส่วนผสมระหว่างน้ำมัน/อากาศเป็นครั้งสุดท้ายก่อนถอนคันเร่งลดความเร็วให้ลงมาอยู่ในย่านปลอดภัย
    เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาดื่ม ขับรถไปได้สักครู่ใหญ่ ทันทีที่รู้สึกสดชื่นก็กระแทกคันเร่งจนติดพื้นอีกครั้งเพื่อทดสอบระบบ Aerodynamic ของแผ่นสปอยเลอร์หลัง โดยการเลือกระบบปรับ สปอยเลอร์หลังเป็นแบบอัตโนมัติที่จะเริ่มทำงานตั้งแต่ความเร็วรถไต่ระดับเกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
    เริ่มตั้งให้นาฬิกาจับเวลาอัตโนมัติเริ่มเดินนับตั้งแต่ความเร็ว 100 - 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้ทันทีที่เข็มความเร็วไปถึงเลข 100 นาฬิกาก็เริ่มทำงาน เคนกดคันเร่งจนติดพื้นรถราวกับว่าจะให้แป้นเหยียบทั้งอันจมหายลงไป เข็มวัดบูสท์และวัดรอบกวาดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เสียงเครื่องยนต์ที่ทำงานรอบสูงช่างมีเสน่ห์ให้ใครหลายคนหลงไหลได้ไม่ยาก
    ตัวเลข 4.33 กระพริบเป็นสีเขียวแสดงขึ้นที่กระจกหน้า เคนยกคันเร่งขึ้นปล่อยให้เข็มความเร็วชี้ต่ำกว่า 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงพร้อมกับปรับคันโยกระบบการสั่งงานที่พ่วงจากกล่องอีซียูจาก Mode การทำงานแบบ High Speed มาเป็น Normal Cruise เป็นอันสิ้นสุดการทดสอบสำหรับวันนี้
    ขับรถมุ่งหน้ากลับที่พักด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด เขาตระหนักดีเสมอว่าบ่อยครั้งที่ทำผิดกฎหมายในเรื่องที่จำกัดความเร็วสูงสุด แต่ก็เพราะการใช้ความเร็วสูงนี่แหละที่เขาช่วยชีวิตผู้ขับรถบนนถนนมาแล้ว
    มีอยู่ครั้งหนึ่งพบรถฮอนด้าสามประตูแต่งเต็มยศขับมาด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องดังมากราวกับรถแข่งในสนาม ท่อไอเสียขนาดใหญ่ตะแคงเฉียงออกด้านท้าย แต่ผิดปกติที่มีเปลวไฟลุกติดที่ใต้ท้องรถอยู่กลุ่มหนึ่ง ผู้ขับยังคงใช้ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง เคนคาดว่าเขาคงไม่รู้ตัวจึงขับตามประกบขึ้นไปแล้วเรียกให้หยุดก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ทั่วทั้งคันในไม่กี่นาที
    เนื่องมาจากว่ามีน้ำมันรั่วไหล จะเพราะสาเหตุว่าท่อส่งน้ำมันรั่วหรือจะอย่างไรก็แล้วแต่ น้ำมันจำนวนนั้นกระเด็นไปโดนท่อไอเสียที่ร้อนจัด และก่อตัวลุกเป็นเปลวไฟโดยไหม้ท่อยางส่งน้ำมันและไล่ไปจนถึงถังน้ำมันที่บรรจุอยู่ในฝากระโปรงท้าย จนกลายเป็นหายนะในที่สุด
    เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เจ้าของรถที่ถูกไฟไหม้ได้รับบทเรียนราคาแพง แต่ยังโชคดีที่ไม่มีการสูญเสียหรือได้รับบาดเจ็บ
    พอขับถึงบ้านก็จัดแจงเอาคอมพิวเตอร์ที่บันทึกข้อมูลไว้ทำการ Download ไปใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งเพื่อทำเป็น Back Up ไว้ จากนั้นก็ทำการเปรียบเทียบข้อมูลกับผลการทดสอบคราวก่อนเพื่อหาค่าเฉลี่ย และเก็บไว้เพื่ออ้างอิงในการทดสอบในครั้งต่อๆ ไป


    *สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต / พัทยา / อาทิตย์ 5.30 pm.
    เคนกำลังขับรถกลับกรุงเทพฯ โดยออกเดินทางจากจังหวัดระยองพลันนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีการแข่ง ควอเตอร์ไมล์ที่สนามพีระฯ พัทยา ไหนๆ ก็ผ่านอยู่แล้ว แวะเข้าไปดูเด็กๆ เขาเล่นรถกันหน่อยจะเป็นไร
    แม้ไม่ได้ย่างกรายเข้าสนามแห่งนี้มาเกือบ 10 ปีเต็ม ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิม ต่างเพียงผู้คนหนาแน่นราวกับนัดกันมางานอะไรสักอย่าง เคนขับลอดอุโมงค์ขึ้นไปจอดยังลานโล่ง ยอมเดินไกลหน่อยแต่เวลาออกจะสะดวกกว่า
    วัยรุ่นหันมาเล่นรถกันเยอะกว่าที่สมัยเคนเป็นหนุ่มๆ แต่ท่าทีของผู้เล่นรถกลับต่างไปจากสมัยที่เขาเป็น สมัยก่อนไม่มีการนำช่างมาเซอร์วิสกันที่สนาม เพราะนักขับทุกคนจะต้องทำรถตัวเองเป็นทุกอย่าง แต่สมัยนี้มิได้เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
    อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปมากแล้ว ระบบหัวฉีดทันสมัยทำให้นักปรับจูนไฮเทคกลายเป็นหมอเทวดาที่สามารถสั่งรถคันนั้นให้มีพลังขนาดไหน กล่องควบคุมสมองกลอัจฉริยะที่คิดเองได้ แต่ยังไม่พอกับความต้องการ จนเป็นที่มาของกล่องอีซียูแบบปรับตั้งค่าได้ และชุดแต่งฉลาดๆ อีกหลายชนิด ทำให้พ่อมดมอเตอร์สปอร์ตผงาดขึ้นยืนหัวแถวของนักโมดิฟาย ทั้งๆ ที่หลายคนมีความรู้เรื่องพื้นฐานเครื่องยนต์น้อยมาก
    แต่หารู้ไม่ว่าในอุปกรณ์อีเลคโทรนิคที่แสนฉลาดก็แสนจะโง่เง่าอยู่ในตัว จุดอ่อนนี้เคนรู้ดีว่าคืออะไร และเคย 'เก็บ' รถซิ่งยุคใหม่ๆ มาแล้วหลายคันด้วยการ 'ย้อนรอย' ด้วยเทคโนโลยีเดียวกัน
    เขาดูจะไม่ค่อยพอใจในลักษณะการขับรถของบรรดา Midnight Racing บางคนในปัจจุบันมากนัก หลายคนขับรถด้วยสภาพมึนเมา และอัดรถด้วยความคึกคะนอง พร้อมที่จะเกิดอุบัติเหตุทุกเมื่อ ต่างจากสมัยเมื่อเขาเป็นหนุ่มเสียสนิท หลายครั้งที่พบการ 'ท้าทาย' จากเด็กที่ยังไม่รู้แม้กระทั่งกฎของ Midnight Racing แม้ไม่อยากเล่นด้วย แต่ก็อดที่จะสั่งสอนไม่ได้ โดยเฉพาะพวกรถแรงที่มักใช้ความแรง 'ข่ม' รถผู้อื่น และแน่นอนได้เลยว่าการสั่งสอนของเคนนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ขับฉีกแซงขึ้นหน้าแล้วนำหายไปเฉยๆ
    สำหรับผู้มีปัญญาเป็นอาวุธ การขับแซงขึ้นหน้าด้วยเครื่องยนต์ที่มีแรงม้ามากมิใช่วิธีการของผู้มีมันสมองเหนือกว่า หากแต่ต้องเป็นการทำให้คู่แข่งขึ้นหน้าเขาไม่ได้ต่างหาก ไม่ได้แกล้ง ไม่ได้กัน แต่เป็นการล็อคระบบการทำงานของรถคู่แข่งให้อยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ทั้งๆ ที่ความเร็วไม่ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง รถแรงแตะพันแรงม้าก็เหมือนลูกแมวเชื่องๆ ตัวหนึ่งในแค่พริบตา
    ด้วยความช่วยเหลือของ 'Skeet' เคนจึงทำเช่นนั้นได้ และความลับนี้ไม่เคยถูกเปิดเผยที่ใดมาก่อน
    เคนเดินดูบรรยากาศไปเรื่อยๆ จนถึงเส้นสตาร์ท ไม่กล้าเข้าไปใกล้มาก กลุ่มวัยรุ่นมองเขาแปลกๆ จนต้องหลบสายตาพวกกลุ่มคลื่นลูกหลัง คนเล่นรถสมัยนี้ดูจะมีเงินมากกว่าสมัยก่อนเยอะ แต่สิ่งที่อยู่ในใจของผู้ขับคงไม่ต่างกันมากเท่าไร
    รถแข่งส่วนใหญ่ยังคงมาจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาย่อมเยาว์กว่าเพื่อน และมีปัญหาด้านอะไหล่น้อยกว่ารถทางฝั่งยุโรปหรืออเมริกัน เดินทอดสายตาไปเรื่อยจนมาสะดุดรถเก๋งสีดำคันหนึ่ง เดินเข้าไปดูใกล้ๆ รู้สึกคุ้นตา ไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ก่อนที่จะละสายตาไปนั้น เหลือบไปเห็นเสื้อแจ๊คเก็ตแขวนอยู่ที่ริมหน้าต่างรถของอีกด้านหนึ่ง เคนหยุดคิดในใจ นิ่งไปสักครู่
    สอดสายตามองหาไปทั่ว ทว่าคนวงนอกอย่างเขาไม่มีทางทราบได้ว่าใครคือเจ้าของรถ ยังไม่สิ้นความพยายาม เที่ยวเดินสอบถามผู้คนไปเรื่อย แต่จนแล้วจนรอดก็ได้คำตอบเหมือนเดิม
    "ไม่ทราบครับพี่"
    "ไม่รู้ครับ"
    “พี่ลองไปถามคนทางกลุ่มโน้นดูสิ”
    อาทิตย์คล้อยต่ำลงไปมาก ความมืดเข้ามาเยือนอย่างรวดเร็ว จนต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะคลาดกับเจ้าของรถที่เขาอยากพบ เลยตัดสินใจทิ้งโน๊ตไว้บนกระจกหน้าแล้วเดินจากไป
    โฆษกสนามประกาศเริ่มการแข่งขันรุ่นโอเพ่น ผู้ชมกลุ่มใหญ่แห่กรูไปยืนเบียดกันใกล้จุดปล่อยรถ เคนเลี่ยงไปยังด้านเส้นชัย เดินเลาะ Pit Wall เรื่อยเปื่อย ในใจยังคงนึกถึงรถสปอร์ตคันนั้น แต่พอถึงรถก็เห็นกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้ว 3 ใบ วางอยู่บนสปอยเลอร์หลัง มีกลุ่มวัยรุ่นจับกลุ่มกันอยู่ บางคนในกลุ่มนั้นยืนพิงรถเขาอยู่
    รู้สึกไม่ชอบ และโมโห แต่เคนระงับอารมณ์ทั้งหมดไว้ ตรงรี่ไปยังรถ กลุ่มวัยรุ่นมองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรมากนักแต่ก็หลีกทางให้เมื่อเคนเดินเข้าไปใกล้
    "กระป๋องเบียร์พวกนี้เป็นของคุณหรือเปล่า" เคนถามด้วยน้ำเสียงนุ่มแต่กร้าวในที
    วัยรุ่นมองหน้ากันสักครู่ หนึ่งในกลุ่มนั้นเดินไปปัดกระป๋องเปล่าออกจากแผ่น Air Foil ลงพื้น น้ำเบียร์ที่ค้างติดอยู่ในกระป๋องเกือบครึ่งกระฉอกออกมา กระเด็นไปโดนขากางเกงและรถของเขาที่จอดอยู่
    ไม่มีใครพูดอะไร เคนมองหน้าทั้งกลุ่มด้วยสายตาเอาเรื่อง คนหนึ่งในกลุ่มหัวเราะหึๆ แต่ยังไม่ทันสิ้นเสียง เคนก็เตะเข้าที่กรามจนเลือดกลบปาก กลุ่มแตกกระเจิง พวกที่เหลือจะเข้ามารุม แต่ก็ได้แค่คิดเพราะทันที่ที่วิ่งเข้ามาก็ถูกถีบเข้าที่ด้านล่างชายโครงจนกระเด็นไปชนถังขยะล้มลง มือซ้ายคว้าเข้าที่ลูกกระเดือกของคนมีหนวดดิ้นพล่านจนต้องร้องขอให้ปล่อย เหลืออีกคนที่อยู่ตรงข้ามคว้ามีดพกออกมาจากเอว ถือมีดมือสั่น ท่าทางขึงขัง แต่ประสบการณ์ของพวกนี้ยังไม่ได้เสี้ยวของเคน คนจริงที่ผ่านโลกมาโชกโชน
    "เก็บมีดซะเถอะไอ้เด็กน้อย เดี๋ยวมึงจะเจอหนักกว่านี้" น้ำเสียงธรรมดา แต่สายตานั้นดุ จนคนอ่อนประสบการณ์ต้องยอมแพ้
    นักเลงกระจอกถอดใจทิ้งมีด วิ่งเข้าไปประคองเพื่อนที่ล้มลุกคลุกคลาน แม้โดนกันไปแค่คนละนิด หากแต่ตำแหน่งที่เคนซัดเข้าไปนั้นคือจุดสำคัญในร่างกายทั้งนั้น คนที่หัวเราะเยาะโดนหนักกว่าเพื่อน เท้ากระแทกปากฟันหลุดไป 2 ซี่ นอกนั้นแค่เจ็บภายนอก ทราบภายหลังว่าเป็นหัวหน้าแก๊งขายยาฯและงัดแงะอะไหล่รถแต่ง
    เคนเดินไปติดเครื่องรถ แต่ไม่ลืมกดปุ่มพลิกแผ่นป้ายทะเบียนให้กลับด้านกลายเป็นอีกแผ่นหนึ่งเพื่อป้องกันการระรานในระยะยาว ขับออกจากสนามพีระฯ โดยทิ้งความทรงจำให้คนกลุ่มหนึ่ง ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากต่อสู้ แถมล้างมือจากเรื่องพวกนี้มานาน แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะสำหรับเขาการรุกคือวิธีตั้งรับที่ดีที่สุด
    ท้องฟ้ามืดสนิท เคนออกจากสนามพีระฯ มุ่งหน้ากลับบ้านที่กรุงเทพฯ โดยใช้ถนนบายพาส ขับด้วยความเร็วปานกลาง และขณะขับอยู่เพลินๆ ก็ได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาวคนหนึ่ง คุยกันแบบไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก สัญญาณไม่ค่อยชัด แต่พอสรุปได้ว่าเธอต้องการความช่วยเหลือเพราะรถยางแตกอยู่ข้างทาง เคนไม่รีรอที่จะขับรถย้อนกลับไป นี่คือสิ่งที่เขาทำมาจนเป็นนิสัยมานานปี ขับรถไปได้สัก 15 นาทีก็พบรถจอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ข้างทาง เข้าไปใกล้ๆ จึงรู้ว่าคือนิสสัน สกายไลน์ R32
    เสียวสันหลังวาบ ถ้าจำไม่ผิดก็คือคันเดียวกันกับที่เขาเที่ยวเดินตามหาเจ้าของรถในสนามพีระฯ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง


    ก๊อปเค้ามา ยังไม่มีปัญญาเขียนได้ขนาดนี้
     
    ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ถูกใจสิ่งนี้
  2. p_sutipoj

    p_sutipoj Active Member Moderator

    3,479
    9
    38
    แต่ขี้เกียจอ่าน
     
  3. NuM_RaCiNg

    NuM_RaCiNg New Member Member

    208
    1
    0
    อ่านไปอ่านมางงเลย
     
  4. ต้อ..

    ต้อ.. New Member Member

    362
    4
    0
    แง่มๆๆ

    สุดท้าย เคนก็พาเจ้าของรถ ไปโรงแรม
     
  5. Reloaded

    Reloaded New Member Member

    1,378
    32
    0
    ภาค2 มาแล้วคับ

    In Game
    เคนพิจารณารถนิสสันสีดำที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งให้แน่ชัด ยิ่งมองก็ยิ่งมั่นใจว่าเป็นคันเดียวกันกับที่พบในสนามแข่งรถพีระฯเมื่อตอนเย็น แม้จำหมายเลขทะเบียนรถไม่ได้ แต่เสื้อแจ๊กเก็ตที่แขวนอยู่หน้าต่างด้านหลังคือสิ่งชี้ยัน
    เขาเลื่อนไปจอดรถด้านหน้าพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน ขณะที่หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวตัดกับกางเกงยีนส์ขาสั้น สวมหมวกแก๊ปและรองเท้าสำหรับแข่งรถเดินเข้ามาหา
    "สวัสดีค่ะ ขอโทษนะคะที่รบกวนเวลา คือรถยางแตกน่ะค่ะ แล้วไม่รู้จะติดต่อกับใคร เผอิญพบเบอร์ติดต่อของคุณบนหน้ารถ ก็เลย..." หญิงสาวเปิดฉากพูดก่อน
    "ผมพอจะช่วยอะไรได้บ้างไหมครับ" เคนเสนอตัว
    "ก็..เออ...ที่รถไม่มีแม่แรงน่ะค่ะ รบกวนขอยืมจากพี่ได้ไหมคะ" เธอพูดเสียงอ่อย
    เคนเดินกลับไปที่รถ เปิดฝากระโปรงท้าย หยิบแม่แรงขนาดเล็กออกมาพร้อมกับด้ามต่อขนาดกะทัดรัด เด็กสาวดีใจยื่นมือไปรับ แล้วรีบจัดแจงขึ้นแม่แรงทันที ทั้งที่ยังไม่ได้มีการคลายนอตล้อแต่อย่างใด
    "เดี๋ยวๆ คุณครับ"
    "มีอะไรหรือคะ" หญิงสาวชะงัก
    "มืดมากแล้ว ให้ผมช่วยดีกว่าครับ"
    ไม่มีเสียงตอบ แต่รอยยิ้มจากสาวหน้าใสทำให้เคนเข้าใจความหมาย ลงมือเปลี่ยนยางอะไหล่พร้อมเก็บเครื่องมือเข้าที่ด้วยเวลาไม่ถึง 10 นาที คนที่ขลุกอยู่กับรถอย่างเขาสามารถทำได้เป็นเรื่องปกติ
    "ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่มาช่วย หนูคงต้องติดอยู่ตรงนี้อีกนาน"
    "ด้วยความยินดีครับผม"
    จัดแจงเก็บเครื่องมือเข้าที่ แต่ลมยางในล้ออะไหล่เหลือน้อยมาก แม้เพียงพอต่อการขับไปปั๊มเพื่อเติมลม แต่จะดีกว่าไหมหากเจ้าของรถตรวจสอบให้มีปริมาณลมเพียงพอเสมอ คิดในแง่กลับกันบ้าง ถ้าหากลมยางในล้ออะไหล่เหลือไม่เพียงพอต่อการขับล่ะ เป็นคุณจะทำอย่างไร
    "เลยไปข้างหน้าสัก 10 กิโลเมตร จะมีปั๊มน้ำมัน คุณไปเติมลมที่นั่นแล้วกัน ลมยางเหลือน้อยขนาดนี้อย่าขับเร็วมากนักนะครับ กะทะล้อจะเสียและยางอาจระเบิดได้ง่าย ผมจะขับตามคุณไปเรื่อยๆ "
    "ขอบคุณมากค่ะ"
    ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถของตัว รถสองคันขับตามกัน โดยใช้ช่องทางด้านซ้ายสุด เคนขับทิ้งระยะห่างคันหน้าประมาณ 50 เมตร
    ระยะทางแค่ 10 กิโลเมตร หากแต่ต้องขับรถด้วยความเร็วเพียง 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง แถมเป็นเวลากลางคืน จึงทำให้ใช้เวลาค่อนข้างมาก
    ทันทีที่ถึงปั๊มน้ำมัน หญิงสาวจัดแจงลากสายยางเติมลมมาที่ล้อ แต่เติมไปได้สักครู่ก็ชะงักเพราะตัวเองไม่มีมาตรวัดลมยางติดตัวมาด้วย เคนยืนดูอยู่ไม่ไกลจึงหยิบจากกระโปรงท้ายของรถเขามาให้
    เคนเดินเข้าไปในร้านค้า ซื้อน้ำผลไม้มา 2 กระป๋อง ในขณะที่หญิงสาวเติมลมยางเสร็จพอดี แบ่งน้ำผลไม้ให้หญิงสาว 1 กระป๋อง
    "เชิญครับ" พูดพร้อมกับยืนน้ำผลไม้กระป๋องให้
    "ขอบคุณมากค่ะ" ฝ่ายหญิงยื่นมือมารับ ก้มหัวคำนับ พร้อมกับคืนมาตรวัดลมยาง
    หญิงสาวดื่มน้ำรวดเดียวเกลี้ยง เคนมองหน้าแล้วยิ้ม เธอยิ้มตอบ พร้อมกับยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดปาก
    "ฉันชื่อพลอยค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ"
    "เคนครับ"
    "ชอบแข่งรถหรือครับ" เคนถาม
    "ชอบค่ะ แต่ยังไม่ค่อยเก่งหรอกนะคะ" พลอยตอบด้วยแววตาสดใส เธอมักอารมณ์ดีเสมอเมื่อได้พูดคุยถึงเรื่องรถแข่ง
    "เพื่อนๆ พลอยก็ชอบกันเยอะค่ะ แต่ส่วนใหญ่ชอบแข่งรถตอนกลางคืนกัน เขาบอกว่ามันกว่าในสนามเยอะเลย"
    "อ้อ..เป็นงั้นไป" เคนตอบเสียงแผ่ว พร้อมกับถอนลมหายใจ ทอดสายตาไปยังรถของพลอยก็เห็นเสื้อแจ๊คเก็ตจึงนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้
    "คุณพลอยครับ ไปได้เสื้อตัวที่แขวนอยู่ในรถมาจากไหนหรือ"
    พลอยเดินเข้าไปใกล้เคนที่ยืนอยู่ชิดรถ แล้วจึงเล่าว่า
    "อ๋อ ก็เมื่อหลายเดือนก่อนพลอยรถชนบนทางด่วนน่ะค่ะ ชนแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะขับเร็วมาก มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลเสียแล้วพร้อมกับเสื้อแจ๊คเก็ตตัวนี้แหละค่ะ คงเป็นของคนที่เขามาช่วยพลอยออกจากรถก่อนที่จะถูกไฟไหม้ เห็นพยาบาลเธอบอก"
    เหมือนลมหนาวพัดวูบ ขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด เคนจ้องมองดูเสื้อที่แขวนได้อย่างละเอียดผ่านกระจกบานใส
    "เปิดประตูได้เลยค่ะ" พลอยกล่าวเชื้อเชิญ
    เคนเปิดประตูด้านคนขับแล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อแจ๊คเก็ตตัวนั้นออกมา พลิกดูคอเสื้อด้านในพบรอยฉีกขาด จึงมั่นใจในความคิดของเขามากขึ้น
    "มีอะไรหรือคะ" พลอยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเคนสนใจเสื้อตัวนั้นมากเป็นพิเศษ
    "เมื่อหลายเดือนก่อนผมพบรถชนกันบนทางด่วนจนไฟลุกไหม้ เจ้าของรถหมดสติ ผมอยู่ใกล้เหตุการณ์มากที่สุดจึงเข้าไปช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ..."
    พลอยมองหน้าเคน พร้อมกับอ้าปากค้าง
    "ถ้าอย่างนั้น เสื้อตัวนี้ก็คือของพี่...." พลอยพูดตะกุกตะกัก
    "ใช่ครับ ของผมเอง" เคนยิ้มตอบ
    "พลอยขอบคุณพี่มากนะคะ ถ้าในคืนนั้นไม่ได้พี่มาช่วย พลอยคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วล่ะค่ะ"
    เคนยิ้ม ไม่พูดอะไร พลอยดีใจอย่างสุดซึ้งที่ได้พบคนที่ช่วยชีวิตเธอ
    "พี่รีบไปไหนหรือเปล่าคะ ไปหาอะไรทานกันไหม จะได้นั่งคุยกันต่ออีกนิด"
    "ยินดีครับ ทานอะไรกันดีล่ะ ขอเป็นร้านที่บรรยากาศเงียบหน่อยก็แล้วกัน ผมไม่ค่อยถนัดร้านที่เสียงดังๆ "
    "เอ .. พลอยไม่ค่อยคุ้นกับแถวนี้เลยน่ะค่ะ ผ่านบ่อย แต่ก็ไม่เคยจอดแวะสักที"
    "แต่มันเริ่มดึกแล้ว กว่าเธอจะกลับถึงกรุงเทพฯ ก็ยิ่งมืดเข้าไปใหญ่น่ะสิ"
    "อืมม.. จริงด้วยสิคะ งั้น..ก็ค่อยนัดทานอาหารที่หลังก็แล้วกัน พลอยมีเบอร์โทรพี่แล้ว สักวันพุธพอจะว่างไหมคะ"
    "ใกล้ๆ ค่อยนัดกันอีกทีดีกว่าไหมครับ"
    พลอยวิ่งเข้าไปในรถหยิบเศษกระดาษมาจดหมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว ยื่นให้เคนก่อนที่จะแยกกันกลับ
     
  6. เห็นกระทู้แล้วนึกว่าชวนออกล่าซิ่ง อิอิ
     
  7. BANK 4 JB

    BANK 4 JB New Member Member

    1,560
    20
    0
    ขอบคุณครับ
     
  8. ต้อ..

    ต้อ.. New Member Member

    362
    4
    0
    สุดท้ายก็แลกเปลี่ยน สารแลคโตบาซิลัส กัน
     
  9. _nop_

    _nop_ New Member Member

    811
    0
    0
    หุหุ... เออแล้วไงต่อ
     
  10. RUT

    RUT New Member Member

    1,222
    3
    0
    ขอต่อภาค 3 ครับ ..............รอรอรอ
     
  11. Reloaded

    Reloaded New Member Member

    1,378
    32
    0
    เอาภาค 3 ไปอีก

    กรุงเทพฯ / พุธ / 6.00 pm.
    'พลอย' โทรนัด 'เคน' เพื่อชวนไปทานอาหารเย็นที่บ้านย่านสุขุมวิท พ่อแม่ของพลอยอยากเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยชีวิตลูกสาวคนเดียวเอาไว้ เคนตอบรับอย่างเต็มใจ แต่ขออณุญาติแต่งชุดแบบตามสบายเพราะเพิ่งกลับจากการทดสอบรถ
    แยกจากถนนใหญ่เข้าไปในซอยเล็ก ลัดเลาะแนวรั้วบ้านสลับกับร้านอาหารหรูหรา ไม่นานก็ไปถึงบ้านที่เป็นจุดนัดพบ เคนไปตรงตามเวลานัดหมายคือ 6 โมงเย็น แต่พอถึงหน้าบ้านก็ตกใจกับความใหญ่โตของบ้าน เพ่งมองเลขที่บ้านให้ชัดอีกครั้งก่อนที่จะเปิดประตูลงไปกดกริ่งที่ประตูบานเล็ก
    ประตูรีโมทเปิดเองอัตโนมัติเหมือนมีใครคอยเฝ้ามองผู้มาเยือนจากด้านใน
    "เชิญเข้ามาได้เลยค่ะ" เสียงออกมาจากลำโพงขนาดเล็กที่เป็นระบบสื่อสารวงจรปิด
    เคนขับรถเข้าไปในเขตบ้าน ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวที่เป็นเนินหญ้าสำหรับพัทกอล์ฟ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ลานกว้าง จนไปถึงตัวบ้านหลังเล็กอันแรก คนรับใช้เดินมาต้อนรับและนำเคนเข้าไปในห้องโถงที่ต้องเดินผ่านสวนญี่ปุ่นและต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก มีบ้านหลังใหญ่รูปทรงทันสมัยอยู่หลังแนวต้นไม้และบ่อน้ำพุ เคนเหลือบไปเห็นรถสปอร์ต ราคาแพงอีกสองสามคันจอดอยู่ตรงทางเดินริมสวน
    ก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปในบ้านก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง 'พลอย' เด็กสาวที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เมื่อตอนอยู่บนทางด่วน และพบอีกครั้งเมื่อรถยางแตกอยู่ข้างทางในคราบเด็กกะโปโล มาวันนี้อยู่ในชุดสีฟ้าสะอาดตา ผิวกายขาวเนียน ปล่อยผมยาวสลวย กำลังเดินลงมาจากบันได
    "สวัสดีค่ะพี่เคน" พลอยยกมือไหว้สวัสดี
    "สวัสดีครับ" เคนรับไหว้
    พลอยเชิญให้นั่งในห้องรับรองขนาดเล็กที่อยู่ถัดเข้าไปด้านในของตัวบ้าน เป็นห้องนั่งเล่นที่จัดไว้อย่างง่ายๆ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์หวายสลับกับโทนสีขาว เป็นห้องที่เรียบแต่ดูดีและสบายตาเคนนั่งลงบนเก้าอี้นั่งขนาดเล็ก และวางเป้ที่สะพายมาด้วยลงบนพื้นข้างๆ ตัว พลอยนั่งบนเก้าอี้ด้านตรงข้าม สักพักก็มีเด็กรับใช้นำน้ำดื่มมาให้
    "หิวหรือยังคะ" พลอยยิ้มถาม
    "ยังหรอกครับผม เพิ่งจะทานรองท้องในรถตอนเดินทางกลับจากสนามแข่งมานี้เองครับ"
    "เด็กกำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่น่ะค่ะอีกสักครู่ก็ทานได้แล้ว"
    "คุณพ่อ คุณแม่ อยากรู้จักพี่เคนค่ะ พลอยเล่าให้ฟังว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่รถยางแตกกลางถนนก็ได้พี่เคนมาช่วยอีกครั้ง"
    "ก็เรื่องบังเอิญน่ะครับ เพราะปกติผมก็ไม่ได้เข้าไปสนามแข่งที่ไหนเลยมานานมากแล้ว"
    เด็กรับใช้เดินเข้ามาบอกว่าชุดอาหารเย็นจัดเรียบร้อยแล้ว เคนเดินตามหลังพลอยเดินไปในห้องทานอาหารที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตัวบ้าน ต้องเดินผ่านห้องโถงกว้าง และห้องทำงานที่จัดเป็นสัดส่วน
    สำรับอาหารจัดไว้ 4 ที่ บนมุมหนึ่งของโต๊ะนั่งขนาด 12 ที่ แม้อาหารจะเป็นแบบพื้นบ้านธรรมดาแต่ก็ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ผักทุกชิ้นมีการแกะสลักลาย ช้อนส้อมทำจากเงิน ในขณะที่ถ้วยชามทั้งหมดเป็นกระเบื้องเคลือบเนื้อดี
    สักพักที่ทั้งสองคนนั่งลง พ่อแม่ของพลอยก็เดินเข้ามา บรรยากาศในมื้ออาหารวันนั้นเป็นไปอย่างกันเอง พ่อของพลอยเป็นนักธุรกิจที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัวมากนัก ส่วนแม่ก็ดูแลกิจการของทางบ้านตัวเอง บุคลิกและการพูดจาของเคนทำให้พ่อแม่ไว้วางใจเขามากยิ่งขึ้น พลอยเองก็ดูจะรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน ช่วงเวลาไม่นานนัก จากคนแปลกหน้าก็กลายเป็นคนคุ้นเคย เคนเป็นคนมีจิตใจงดงาม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ความเป็นไทยในตัวเคนหลายๆ จุดเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของเขา
    "พ่อฝากน้องให้ดูแลด้วยก็แล้วกัน สะดวกไหมล่ะ พลอยเขาชอบรถแข่ง ถ้าเคนว่างๆ ก็ช่วยสอนน้องหน่อยเถอะ ไม่อยากให้เขาเดินผิดทางเหมือนวัยรุ่นกลุ่มอื่นๆ " พ่อพูดหลังจากรวบช้อนส้อมเข้าที่
    "เออ ดีเหมือนกันนะจ๊ะพ่อ คุณเคนเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว น่าจะมีอะไรแนะนำลูกพลอยได้มาก" แม่ช่วยเสริม
    พลอยนั่งยิ้ม เคนยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว แล้วตอบว่า
    "ยินดีครับผม ถ้ามีสิ่งใดที่ผมพอจะช่วยเหลือได้โปรดบอกมาเลยครับ"
    "เย้ ดีจัง ถ้างั้นพี่เคนก็สอนพลอยขับรถแข่งสิคะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลดมาก
    "ให้มันได้อย่างนี้สิน่า เอะอะ อะไร ก็ลงที่เรื่องรถแข่งไปหมด" คุณแม่บ่น
    "จะทำหรือจะเล่นอะไรก็ขอให้อยู่ในขอบเขตของความปลอดภัยก็แล้วกัน นอกนั้นพ่อไม่ว่าอะไรลูกหรอกนะ" คุณพ่อเอ่ยก่อนที่จะขอตัวไปเดินเล่นที่สนามหน้าบ้าน
    พ่อกับแม่ปลีกตัวไปนอกห้อง พลอยนั่งคุยกับเคนเรื่องรถสปอร์ตต่างๆ นานา รถประเภทที่ว่านี้มักจะอยู่ในใจของใครหลายคนที่หลงไหลในเรื่องราวของยนตรกรรม ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ล้วนเป็นเรื่องที่ทั้งคู่ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พลอยชอบและหลงไหลในความเร็วเป็นหลัก ส่วนเคนจะให้ความสำคัญในเรื่องของเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไฮเทคมากกว่า
    สองคนสองวัยแต่ใจตรงกัน เคนชายหนุ่มวัยเบญเพศที่มีประสบการณ์ในเรื่องรถยนต์มาอย่างโชกโชน ส่วนพลอยหญิงสาววัย 17 ปี แม้ดูว่าจะอายุไม่มาก แต่พลอยก็เริ่มขับรถตั้งแต่อายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น แถมรถที่เธอขับแต่ละคันมีพลังไม่เคยต่ำกว่า 200 แรงม้า
    "พี่เคนสอนพลอยให้ขับรถเก่งๆ หน่อยสิคะ"
    "น้องพลอยต้องการขับแบบไหนหรือครับ ขับอย่างไรจึงเรียกว่าขับรถเก่ง" เคนยิงคำถามหยั่งเชิง
    คำถามสั้นๆ แต่ทำให้พลอยต้องนิ่งคิดหาคำตอบอยู่นาน จนแล้วจนรอดก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ เพราะพลอยเองก็รู้ดีว่าการขับรถเร็วไม่ได้หมายความว่าขับเก่งแต่อย่างใด การที่ขับรถแรงมากๆ ก็มิใช่ว่าจะเก่งกว่ารถที่อยู่ข้างๆ อีกเช่นกัน หรือการขับเปลี่ยนเลนไปมาแสดงความคล่องแคล่วจนดูน่าหวาดเสียวจะเกิดอุบัติเหตุก็ไม่ได้เกี่ยวกับความเก่งเลยแม้แต่น้อย
    แล้วคำว่าเก่งของเคนคืออะไร
    ขับรถเก่งในความหมายของเคนคือต้องขับเช่นไร
    คนแบบไหนที่เคนจะเรียกว่าขับรถเก่ง
    "แล้วมันคืออะไรล่ะคะพี่เคน"

    * * * * * * * * * * *
     
  12. Diesel Only

    Diesel Only New Member Member

    158
    2
    0
    จบยังอะครับ อ่านกำลังเพลินๆเลยครับ :D
     
  13. p_sutipoj

    p_sutipoj Active Member Moderator

    3,479
    9
    38
    แฟนๆรออยู่
     
  14. Chai_Rama2

    Chai_Rama2 New Member Member

    65
    0
    0
    จบแบบนี้ไม่ได้นะเน่ เซ็งเป็ดเรยเหอๆ
     
  15. game_racing

    game_racing New Member Member

    629
    0
    0
    ขอบคุณครับ
     
  16. มีภาค 3 หรือเปล่า
     
  17. RUT

    RUT New Member Member

    1,222
    3
    0
    ต่อภาค 4 เลย รอรอรอ
     
  18. Reloaded

    Reloaded New Member Member

    1,378
    32
    0
    มาแล้วคับ ภาค 4


    Tollway Accident
    "เป็นไง คิดไม่ออกเลยหรือ" เคนถามซ้ำ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
    "คนที่ขับรถเก่งในความหมายของพี่ก็คือ ใครก็ตามที่ใช้รถอย่างรู้จักกาละเทศะ มีมารยาทในการใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น ใช้ความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป สามารถเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันได้ และสุดท้ายก็คือต้องเป็นคนที่รู้จักและปรับตัวเข้ากับรถคันนั้นๆ ได้ดี"
    "กว้างๆ และคร่าวๆ ก็คงมีเท่านี้ล่ะครับ" พูดจบเคนยิ้มและหันหน้าไปทางพลอยที่ทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
    "พลอยอยากขับรถเก่งเหมือนพี่บ้าง"
    "รู้ได้อย่างไรว่าพี่เก่งล่ะ ขับรถมานาน เกิดก่อน หรือแก่กว่า มิได้หมายความว่าจะต้องเก่งกว่าเสมอไป กระทั่งมีประสบการณ์มากกว่าก็ยังไม่ใช่เรื่องชี้ยันว่าจะเก่งกว่าแต่อย่างใดเลย"
    "อยากเก่งก็ต้องทำตัวให้เก่งสิครับ เล่นกันนอกถนนแบบนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็กๆ เขาดีกว่า .. ตามพี่มาข้างนอกนี่สิ"
    พลอยเดินตามเคนจนมาถึงรถนิสสัน สกายไลน์ R32 ของตัวเองที่จอดอยู่หน้าโรงรถ
    "ลองบอกพี่หน่อยสิว่าเครื่องยนต์ของรถที่เธอขับทำงานได้อย่างไร"
    พลอยยืนนิ่งเงียบ
    "คนเล่นรถที่ดีจะต้องรู้เรื่องพื้นฐานพวกนี้เสียก่อน หากมีปัญหาจะได้แก้ไขและเอาตัวรอดได้ ควรรู้ว่าแต่ละชิ้นส่วนทำงานสัมพันธ์กันอย่างไร และจะดีมากที่สุดหากรู้ถึงจุดดีจุดด้อยของรถเราเอง"
    "ก็พลอยถึงจะให้พี่เคนช่วยสอนไงคะ"
    "ตกลงครับ พี่จะสอนให้ แต่เธอต้องลืมทุกอย่างที่เคยอยู่ในหัวสมองให้หมดก่อนนะ ไม่อย่างนั้นแล้วเติมเท่าไรก็ไม่เข้าสมอง เหมือนแก้วน้ำที่เต็มอยู่แล้ว แต่ให้พี่เทน้ำเพิ่มเข้าไปอีก คงไม่มีอะไรดีขึ้นมา "
    พลอยพยักหน้า
    "พรุ่งนี้พี่ต้องไปทดสอบรถช่วงสายๆ ถ้าสนใจก็มาได้เลย จะพาไปดูการทำงานของคนอีกกลุ่มหนึ่ง"
    "ดีจังเลยค่ะ ขอไปด้วยคนนะคะ"
    "ขอคุณพ่อคุณแม่ก่อนแล้วหรือยังล่ะ" เคนย้อนถาม
    พลอยวิ่งหายเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ อีกไม่กี่อึดใจก็วิ่งออกมาด้วยสีหน้าเริงร่า เคนไม่ต้องถามก็รู้คำตอบ
    "พรุ่งนี้พี่มารับสิบโมงเช้าครับ คืนนี้ขอตัวกลับก่อนนะ"

    6.00 น. / กรุงเทพฯ
    เคนกลับจากวิ่งออกกำลังกายก็อาบน้ำและเตรียมอาหารเช้าบริการตนเอง จัดเตรียมสิ่งของที่จะใช้ในงานวันนี้อย่างรอบคอบ เขาเลือกเสื้อผ้าโทนสีอ่อนที่สวมใส่สบายเพราะคาดว่าวันนี้ทั้งวันต้องผจญอยู่กลางแดดแน่ๆ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ติดไปอีกผืน หมวก แว่นตา และถุงมือไม่ต้อง เพราะประจำอยู่ในรถแล้ว ที่เหลือก็ใช้ความสามารถของตัวเองและประสบการณ์ แล้วก็ไม่ลืมคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค กล้องถ่ายรูปอัตโนมัติ และวิทยุสื่อสาร ที่กลายว่าเป็นของประจำติดตัวไปเสียแล้ว
    ไปรับพลอยที่บ้านตรงตามเวลานัดหมายคือ 10.00 น. ออกเดินทางจากบ้านพักย่านสุขุมวิทมุ่งหน้าสู่จุดหมายที่เป็นสนามทดสอบรถทันที
    ความสนิทสนมของทั้งคู่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ก็ด้วยเพราะความที่สนใจในเรื่องราวของรถยนต์เหมือนๆ กัน เคนและพลอยจึงนั่งคุยกันได้เป็นเวลานานๆ และหลายครั้งที่ทั้งคู่เกิดความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ด้วยเพราะวัยและประสบการณ์นั่นเอง
    "ทำไมพี่เคนไม่ชอบแต่งรถล่ะคะ ขับรถเดิมๆ เชยจะตายไปนะคะ.. พลอยว่า"
    "ของเดิมก็ดียู่แล้วนี่ครับ การที่เราจะเปลี่ยนอุปกรณ์อะไรสักอย่าง จะเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ประสิทธิภาพของเดิมที่ติดรถมาเสียก่อน อย่างเช่นล้อที่ใส่อยู่นี้ทำด้วยอลูมิเนียมเกรดพิเศษอยู่แล้ว มีน้ำหนักเบามากกว่าของยี่ห้ออื่นๆ ในขนาดเท่ากัน ระบบท่อไอเสียก็เป็นเฮดเดอร์โลหะพิเศษที่ออกแบบมาอย่างดี มีเปอร์เซนต์การยืดตัวน้อย จะมีก็แค่ปลายท่อเท่านั้นแหละครับที่ออกจะดูเชยๆ ไปหน่อย หากคุยถึงเรื่องสมรรถนะด้วยแล้ว พี่เชื่อว่ารถคันนี้เหนือกว่ารถคันแต่งอื่นในหลายๆ ด้านครับ" พูดจบก็ยิ้มและหันไปมองหน้าพลอยที่กำลังมองหน้าเคนอยู่พอดี เคนจึงพูดต่อ
    "พลอยคงจะชินตากับรถแต่งใช่ไหมครับ เห็นรถแต่งสวย แต่งดุ ดูแล้วก็เลยสนใจ คิดว่ามันคงจะแรงเหมือนอย่างพี่พวกนิตยสารรถยนต์เขาเขียนถึงกัน .. ใช่ไหมล่ะครับ"
    "อดใจรออีกนิดครับ เดี๋ยวจะได้เห็นของจริงกันที่สนาม แล้วพลอยอาจเปลี่ยนใจเลิกแต่งรถกันไปเลยก็เป็นได้"
    "โหห .. ถึงขนาดนั้นเชียวหรือคะ"
    "ยิ่งกว่านั้นอีกครับ พี่กับกลุ่มเพื่อนๆ นักทดสอบจับเอาอุปกรณ์ตกแต่งที่ต่างโฆษณาทั้งหลายมาพิสูจน์และทดสอบกันแบบนี้เป็นประจำ อย่างวันนี้เขาก็จะทดสอบยางยี่ห้อหนึ่งรุ่นล่าสุด ดูซิว่าจะดีหรือด้อยตรงจุดไหนกันบ้าง"
    ขับรถมุ่งหน้าออกนอกเมืองโดยใช้ถนนวิภาวดีรังสิต เคนขับลงจากทางด่วนดินแดงก็ขับมุ่งหน้าขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ทันที จ่ายค่าผ่านทางพร้อมๆ กับนิสสัน สกายไลน์สีขาวที่ขับจี้ท้ายรถเขามาตอนช่วงปลายสุดใกล้ช่วงลงทางด่วน
    มันเหมือนการออกตัวของรถแข่งที่รถทั้งสองคันมาจอดคู่กันอย่างพอดิบพอดี สกายไลน์เร่งเครื่องยนต์เหมือนกับท้าให้เคน 'ลอง' กับเขา เคนหันหน้าไปมองแล้วยิ้ม และออกรถอย่างปกติ นิสสันสกายไลน์ดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ออกตัวล้อฟรีเสียงดัง ควันขาวจากยางคละคลุ้งไปหมด แล้วก็ขับขึ้นหน้ารถของเคนไป
    พลอยแปลกใจที่เคนไม่ไปแข่งกับเขาด้วย แถมยังยุให้ขับไล่ตามหลังไปก็ยังดี ดูเธอเองกระวนกระวายกับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่น้อย
    "พี่เคนอัดเลยสิคะ หรือว่ารถคันนี้ไม่แรง" พลอยพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
    ประโยคหลังของพลอยทำให้เคนต้องฉุกคิด ก่อนที่จะหันไปพูดกับพลอยว่า
    "ปล่อยเขาไปคนเดียวเถอะครับ แข่งนอกสนามแบบนี้พี่เห็นมาเยอะแล้ว ตอนจบมักจะไม่ค่อยสวย"
    ทางตรงและยาวบนทางยกระดับทำให้เคนมองเห็นไฟท้ายรถของนิสสันสกายไลน์ได้ไม่ยาก แม้ไม่เล่นด้วย แต่ก็อยากรู้ตอนจบเหมือนกันจึงขับตามไปห่างๆ ครั้นเมื่อรถใกล้กันมากเข้าก็ยกคันเร่งเสียเฉยๆ อย่างนั้นแหละ
    สกายไลน์สีขาวขับเปลี่ยนเลนไปมาราวกับคนเมา การขับรถเช่นนี้ทำให้ผู้ร่วมทางคนอื่นหมั่นไส้ได้ไม่ยากเย็น งานนี้เคนไม่ต้องลงมือเอง ผู้ช่วยเขาคือ มาสด้า RX-7 สีแดงสดที่กำลังเร่งเครื่องประกบคู่กับนิสสัน สกายไลน์คันดังกล่าว และมีอีกคันที่ขับไล่หลังมาคือ พอร์ช 911 คาเรร่า 2
    พลอยดูจะตื่นเต้นกับเหตุการณ์อย่างมาก เชียร็ให้ RX-7 แซงขึ้นหน้าให้ได้ และคะยั้นคะยอให้เคนลงไปร่วมวงกับพวกเขาด้วย
    นิสสัน สกายไลน์ คันนั้นคงจะลงเครื่องยนต์ตัวใหม่มาแน่ๆ และเครื่องต้องแรงไม่เบา เคนดูจากล้อขนาด 18 นิ้ว คู่หลังที่กว้างมาก หากใช้เครื่องยนต์เดิมกับล้อขนาดนี้ ผู้ขับก็คงจะเป็นเด็กที่เพิ่งเล่นรถ หรือไม่ก็เป็นพวกนิยมความสวยมากกว่าสมรรถนะ
    ไม่ทราบเหมือนกันว่าเคนคิดถูกหรือผิด แต่สกายไลน์คันนั้นยังคงกดคันเร่งแช่อย่างต่อเนื่อง ความเร็วบนหน้าปัดของรถเคนชี้ไปที่ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่สกายไลน์สีขาวนั้นพุ่งขึ้นไปนำอยู่ข้างหน้าค่อนข้างไกลมาก หากรถทั่วไปที่แรงพอกันจะกดคันเร่งให้ทันก็ต้องใช้ระยะทางไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร
    แล้วจู่ๆ เสียงหูฟังจากวิทยุสื่อสารของเคนก็ดังขึ้น จับใจความได้ว่าเป็นการรายงานการเกิดอุบัติเหตุที่เชิงทางลงทางยกระดับโทลเวย์ขาออกที่มีรถชนกัน 6 คัน กีดขวางหมดทุกช่องทาง ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ
    "พลอยใส่เข็มขัดนิรภัยอีกชุดที่อยู่ด้านหลังนะครับ" เคนพูดเสียงดัง
    พลอยทำหน้างง หันไปมองก็เห็นเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุดชนิดเดียวกับที่ใช้ในรถแข่งแขวนอยู่ด้านหลังเบาะนั่ง จึงปลดเข็มขัดชุดที่ใส่อยู่เดิมแบบ 3 จุดออก แล้วเอี้ยวตัวไปคว้าเข็มขัดเส้นที่ใหญ่และมีจุดยึดมากกว่ามาใส่แทน เคนเองก็ทำแบบเดียวกับพลอยเช่นกัน
    เอื้อมมือไปกดปุ่ม High Power ที่โคนของเกียร์อัตโนมัติ และจัดการกดปุ่มสามสี่อันที่แผงคอนโซล ปลายนิ้วสัมผัสปุ่ม Auto Fuel, Auto Wing ที่เป็นสวิทช์ซ่อนอยู่ด้านหลังของพวงมาลัย หยิบหูฟังขนาดเล็กที่ซ่อนไว้ในเสากลางของรถมาเสียบไว้ที่ดูด้านขวา ส่วนหูด้านซ้ายยังคงฟังเสียงการรายงานสถานการณ์จากวิทยุสื่อสาร เขาหันไปมองพลอยที่กำลังจัดการกับเข็มขัดนิรภัยชุดใหม่พร้อมๆ กับกดคันเร่งลงแบบคิกดาวน์
    ทันที่ที่สวิทช์คิกดาวน์ที่อยู่ใต้คันเร่งทำงาน พลอยก็พบอาการ 'ดึง ' แบบชนิดที่ว่าแผ่นหลังทั้งผืนแทบจะจบลงไปในพนักพิง แรงฉุดมีมากจนถึงขนาดขาทั้งคู่ของเธอลอยสูงขึ้นมาจากพื้นรถ หัวเข่าเธอเองยกสูงขึ้นจนตัวเธอเองอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงเลยว่าจะพบความแรงในอัตราเร่งที่ตอบสนองได้อย่างรุนแรงมากขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่อาการหลังติดเบาะแบบที่เธอเคยเจอ แต่มันเหมือนกับมีแรงอะไรสักอย่างที่ผลักเธอให้หงายหลังลงไป
    กระจกหน้าที่เคยว่างเปล่าบัดนี้มีการแสดงผลเป็นค่าตัวเลขต่างๆ เต็มไปหมด เห็นแสงไฟกระพริบและเสียงเตือนดังเป็นระยะ ในสมองของพลอยตอนนี้มีแต่คำว่า 'ตะลึง' แล้วเธออาจจะตะลึงมากกว่านี้อีกหากทราบว่าชุดแต่งตัวถังภายนอกรถสามารถทำงานปรับระดับเองได้ตามความเร็วรถ
    Air Dam ที่อยู่ชายล่างสุดของกันชนหน้ายื่นตัวเองต่ำลงมาเกือบจะติดพื้นถนน พอๆ กับ สเกิร์ตข้างที่เลื่อนลงมากว่า 3 นิ้ว ส่วนสปอยเลอร์หลังนั้นตั้งชันเกือบ 30 องศา สเกิร์ตหลังที่อยู่ใต้กันชนเปิดช่องเล็กๆ ให้อากาศบางส่วนระบายออก ครั้นหันไปมองที่ความเร็วบนกระจกหน้าที่เป็นแบบ HUD ก็เห็นว่าเข็มความเร็วแบบดิจิตอลชี้ไปที่ 300 กิโลเมตร/ ชั่วโมงเรียบร้อยแล้ว และยังคงเดินหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
    "อะไรกันนี่ เป็นไปได้อย่างไรกัน อัตราเร่งจากความเร็ว 220 - 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที พี่เคนใช้เครื่องยนต์อะไรกันนะ และอุปกรณ์อีเลคโทรนิคมากมายที่รายล้อมอยู่ล่ะ มันคืออะไรกัน .. .. "
    พลอยรู้สึกแปลกใจและสับสนในสิ่งที่เธอเพิ่งจะเคยเจอ หรือนี่คือ 'ของจริง' ที่พี่เคนเคยพูดถึงไว้ ของจริงที่เตรียมไว้สำหรับเฉพาะใช้สถานการณ์จริงเท่านั้น มิได้ใช้เพื่อโอ้อวด หรือเพื่อความสนุกสนานแต่อย่างใด
    ไม่กี่อึดใจเคนก็ขับขึ้นมาทันและเห็นรถมาสด้า RX-7 กำลังขับขึ้นตีคู่กับสกายไลน์แต่ก็ยังแซงกันไม่ขาด ความเร็วของรถทั้งคู่ที่ขับไล่กันมาก็ราวๆ 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง เคนเบนรถแซงขึ้นทางด้านซ้าย แต่ยังหาวิธีที่จะบอกรถทั้งสองคันให้หยุดลงไม่ได้ ระยะห่างจากจุดนี้จนถึงที่เกิดอุบัติเหตุเหลือระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตร แถมเส้นทางก็เป็นทางลาดลงเนิน เรื่องของระยะเบรกและคุณภาพของเบรกก็ไม่สำคัญเท่าเวลาในการตัดสินใจในการเหยียบเบรกและเทคนิคการเบรกแบบกะทันหัน
    เคนเบนรถเข้ามาที่เลนกลางขวางหน้ารถนิสสัน สกายไลน์ แต่ก็ทิ้งระยะห่างไว้มากพอดู เขาถอนคันเร่งและเปิดกระจกข้างลงโบกมือให้หยุดรถ แต่ดูท่าทางรถคันที่ตามหลังมาจะไม่เข้าใจ อาจเป็นเพราะว่าอยู่ไกล และกำลังใช้ความเร็วที่สูงมาก พลอยตัดสินใจเปิดกระจกข้างลงอีกหนึ่งบานช่วยโบกมือให้รถแข่งทั้ง 2 คันลดความเร็วลง
    ทันทีที่ไฟเบรกจากรถเคนสว่างขึ้น รถแข่งทั้ง 2 ก็แยกออกกันคนละเลน สกายไลน์ที่นำหน้าอยู่เบนเข้าเลนซ้าย ส่วน RX-7 เลือกใช้เลนขวา รถทั้ง 3 คันกดเบรกพร้อมๆ กัน แต่ถนนเป็นทางลาดลงเนิน และอุบัติเหตุข้างหน้าก็ยังคงกีดขวางเส้นทางอยู่
    รถของเคนใช้ระบบ Air Brake ที่ทำงานอาศัยสปอยเลอร์หลังเป็นตัวช่วยต้านลม โดยจะยกตัวสูงขึ้นจากเดิมอีกถึง 5 นิ้ว และปรับองศาของปีกเพิ่มเป็น 75 องศา ทำให้เคนเบรกได้อย่างรุนแรงโดยที่น้ำหนักรวมไม่ได้มากดที่ล้อหน้ามากจนเกินไปนัก รถของเขาหยุดได้นิ่งและใช้ระยะทางสั้นกว่าคนคันอื่นๆ จากความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง เคนลดเหลือ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาไม่ถึง 5 วินาที จานเบรกเดิมรองรับไม่ไหวแน่ เคนเลือกใช้แบบที่ทำด้วยคาร์บอน-เซรามิกที่การคายความร้อนเร็วกว่าจานเบรกแบบที่ทำจากโลหะผสมทั่วไป
    นิสสัน สกายไลน์กดเบรกรุนแรงมากจนสปอยเลอร์หน้าถูกับพื้นถนนจนสึก ทำให้ท่ออินเตอร์คูลเลอร์ที่เดินไว้ต่ำครูดกับพื้นถนนจนเกิดประกายไฟแล่บตลอดทางและมองเห็นได้ชัดเจนแม้จะเป็นช่วงใกล้เที่ยงวันก็ตาม จานเบรกที่ร้อนมากจนระบายความร้อนออกไม่ทันทำให้เกิดอาการ 'เฟด' จากเดิมที่ความเร็วค่อยๆ ลดลงก็กลายเป็นเหมือนไม่มีเบรกเสียแล้ว ความเร็วของรถยังเกิน 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภาพอุบัติเหตุข้างหน้าเริ่มมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
    ทางด้านรถมาสด้า RX-7 ที่ใช้เลนขวาก็ต้องกดเบรกอย่างรุนแรงเช่นกัน แต่ได้เปรียบตรงเป็นรถที่เบากว่า พอเบรกแรงๆ ช่วงล่างก็ยังคงความนิ่งอยู่มาก จึงลดความเร็วจาก 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลงมาเหลือประมาณ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้อย่างไม่น่ากลัวเท่าไรนัก คงเป็นเพราะล้อและยางขนาดใหญ่ที่เข้ามาช่วยเสริม แต่ถ้าจะให้ถึงความเร็วที่จุดหยุดนิ่งเลยก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะระยะทางที่เหลือมีเพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น
    ทางด้านพอร์ช 911 ที่ขับตามไล่หลังมา แม้ไม่ได้เข้าอยู่ในกลุ่ม แต่รถก็เร่งมาแรงไม่เบา ขับตามอยู่หลังสุดจึงได้เปรียบที่มีระยะเบรกยาวกว่า ช่วงล่างจากประเทศเยอรมนียังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมสมกับค่าตัวรถราคาแพง ผู้ขับลดความเร็วลงมาอยู่ในย่านปลอดภัยได้โดยที่รถไม่มีอาการผิดปกติใดๆ
    อาการเบรกเฟดในนิสสัน สกายไลน์ทำให้เคนอดเป็นห่วงไม่ได้ เหลือระยะทางอีกไม่มากเท่าไรก็จะถึงจุดที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว แต่สกายไลน์ยังคงแล่นพุ่งเข้าหาด้วยความเร็ว หัวรถยังคงทิ่มลงและครูดกับถนน เป็นไปได้สูงว่าเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนมาใหม่มีน้ำหนักมาก หรือการนำชุดช่วงล่างและช้อคฯสปริงมือสองมาใช้แล้วจะเกิดอาการล้าจนทรุดตัวกะทันหัน และอาจเป็นไปได้ที่สปริงจะข้อหักหรือหลุดเบ้า
    การเบรกแรงเช่นนี้ทำให้ยางที่ค่อนข้างเก่าอยู่แล้วเสื่อมคุณบัติความเป็นยางได้ในเวลาอันสั้น ถึงขนาดถ้าเบรกจนล้อล็อคและลากเป็นทางยาวๆ ก็สามารถจะทำให้ดอกยางหลุดกระเด็นออกมาเป็นชิ้นๆ ได้เลย
    รถ RX-7 ออกอาการในช่วงใกล้จะถึงจุดหยุดนิ่ง ท้ายรถส่ายไปมาดูเหมือนผู้ขับจะคุมไม่อยู่เสียแล้ว จึงพุ่งชนกับรั้วกั้นขอบทาง แต่ก็ยังดีกว่าพุ่งชนรถที่จอดเรียงรายอยู่ข้างหน้าที่ห่างไปไม่กี่ เมตร การตัดสินใจในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเช่นนี้สำคัญมาก เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถถ่ายทอดกันได้ อาศัยทักษะและประสพการณ์เพียงอย่างเดียว
    ระยะทางยิ่งเหลือน้อยผู้ขับสกายไลน์ก็ดูยิ่งร้อนรน เคนสังเกตจากไฟเบรกที่ติดๆ ดับ ๆ แสดงถึงว่าผู้ขับยังคงมีสติดีจึงเหยียบและปล่อยแป้นเบรกสลับกัน และในช่วงไม่ถึงยี่สิบเมตรสุดท้ายมีน้ำมันรั่วออกมาจากด้านหน้ารถคันนี้อีกด้วย
    "เขาจะเบรกทันไหมคะพี่" พลอยตะโกนเสียงดัง
    "เราก็ช่วยเท่าที่ทำได้ ที่เหลือเขาก็ต้องช่วยตัวเขาเองแล้วล่ะครับ"
    เคนจอดรถนิ่งชิดขอบทางด้านซ้ายมือในเขตปลอดภัยห่างจากจุดที่เกิดอุบัติเหตุอยู่ก่อนแล้วประมาณ 30 เมตร จึงเห็นภาพทุกสถานการณ์ได้ชัดเจน
    โชคไม่เข้าข้าง นิสสัน สกายไลน์เบรกไม่อยู่ รถไหลพุ่งเข้าชนกองซากรถที่ชนกันอยู่ก่อนแล้วที่ความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
    โครมมมม... เปรี้ยงง... เสียงปะทะดังสนั่น ผู้ขับเลือกพุ่งเข้าชนมุมด้านท้ายรถคันหนึ่งที่ยื่นล้ำออกมา การชนแบบนี้จะทำให้รถทางตรงที่เป็นฝ่ายชนหมุนอย่างแรง
    เคนลงจากรถรีบวิ่งไปยังรถนิสสัน สกายไลน์ คันดังกล่าว พลอยเองก็วิ่งตามไปติดๆ พอไปถึงก็พบผู้ขับวัยรุ่นอายุไม่น่าจะเกิน 20 ปี นั่งหน้าตาซีดเผือกทำอะไรไม่ถูกอยู่บนเบาะนั่งคนขับ ผลจากการพุ่งเข้าชนแบบออฟเซตนี้ส่งผลให้ด้านหน้ารถย่นยู่เข้ามา ฝากระโปรงบิดเบี้ยว เกิดความเสียหายมากในหลายจุด ไฟหน้าทั้งสองข้างแตกละเอียด หม้อน้ำทะลุ อินเตอร์คูลเลอร์บิดจนเสียรูปและหลุดกระเด็นออกไป เครื่องยนต์ถูกแรงบีบจนหลุดลอยขึ้นจากแท่นเครื่องที่ทำขึ้นมาใหม่ ฝากระโปรงหักมุมเป็นรูปจั่ว แต่ผู้ขับปลอดภัย เช่นเดียวกับรถมาสด้า RX-7 ที่เสียหายเพียงเล็กน้อยตรงด้านข้างของรถ จอดอยู่ไม่ไกลกันนัก
    ผู้ขับก้าวออกมาจากรถตัวเองและเดินไปยืนรวมกันชิดขอบทางด้านซ้าย มีเพียงแต่เคนและพลอยเท่านั้นที่เดินกลับไปยังรถตัวเองเพื่อที่จะขับเดินทางต่อไป
    อีกไม่นานเจ้าหน้าที่ทางด่วนมาถึงก็ลากรถที่เสียหายชิดขอบทาง เปิดการจราจรให้รถที่ตามมาด้านหลังสามารถใช้เส้นทางได้ เคนขับผ่านจุดเกิดเหตุขึ้นไปเป็นคันแรก โดยเจ้าของรถ นิสสัน สกายไลน์ สีขาว มองตามจนสุดสายตา เขาไม่ได้คุยกับเคนสักคำ แต่คงจำเคนกับรถคันนี้ได้แม่นขึ้นใจ
    เล่นกับความเร็วที่เกินธรรมดาจำเป็นที่จะต้องอยู่ในสถานที่ๆ ควบคุมสภาพแวดล้อมได้เท่านั้น ไม่ใช่เล่นกันบนถนนหลวงเช่นนี้ สถานการณ์บนทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ในวันนี้คงจะทำให้นักแข่งนอกสนามทั้ง 2 คนจดจำไปอีกนานแสนนาน จะเข็ดหรือหลาบจำหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ คือยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ทยอยกันทำพฤติกรรมเสี่ยงตายเช่นนี้อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย คนเพิ่งเล่นรถที่มีแต่ความคึกคะนอง บ้างก็ทำเพื่อโชว์ เพื่อโอ้อวด จนเป็นที่มาของเหล่าบรรดา Midnight Racing รุ่นใหม่ที่อัดรถโดยไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ
    "พี่เคนช่วยเหลือคนแบบนี้บ่อยไหมคะ"
    "ทำทุกครั้งทุกสถานที่ถ้ามีโอกาสครับ"
    อีกครึ่งชั่วโมงถัดมา เคนกับพลอยไปถึงสนามทดสอบรถตามเวลานัด โดยมีเพื่อนๆ บางส่วนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
    "เฮ้ย เคน สวัสดี" ชายรูปร่างใหญ่ลุกขึ้นทักทายคนแรก
    "สวัสดีครับ" "พี่เคนสวัสดีครับ" "ว่าไงพ่อหนุ่ม" ทุกคนในห้องเอ่ยทักทายไม่ขาดสาย คนที่ไม่พูดก็ใช้รอยยิ้มต้อนรับแทน
    "สวัสดีครับทุกๆ คน นี่ผมมาช้าไปไหมครับนี่ เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเลย"
    "ไม่หรอกครับ วันนี้จะทดสอบยางรุ่นใหม่กัน อย่างไรแล้วคงต้องขอให้เคนช่วยเก็บรายละเอียดให้พวกเราด้วยนะครับ"
    "ด้วยความยินดีครับ ผมจะทำสุดความสามารถ เพื่อนๆ ครับ ผมขอแนะนำ น้องพลอย เขาจะมาร่วมการทดสอบกับพวกเราในวันนี้ด้วยครับ"
    "สวัสดีค่ะพี่ๆ ทุกคน" พลอยยกมือไหว้และยิ้มให้เพื่อนๆ กลุ่มนักทดสอบ
    "ตามสบายนะครับ พวกเรากันเองอยู่แล้ว" นักทดสอบจากนิตยสารเล่มหนึ่งพูด
    บรรยากาศในห้องรับรองเป็นไปอย่างกันเอง พลอยกับเคนนั่งอยู่ใกล้กัน รายล้อมด้วยเพื่อนๆ ของเคนที่ล้วนแล้วแต่เป็นคนในวงการรถยนต์ที่มีประสพการณ์สูง อีก 15 นาทีจะถึงเวลาเริ่มทดสอบ เคนหยิบสมุดบันทึกขนาดเล็ก เทปอัดเสียง และกล้องถ่ายรูปออกมาตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง
    "น้องพลอย พี่ฝากถุงนี้หน่อยนะ" เคนฝากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและสิ่งของจุกจิกไว้
    "ได้ค่ะพี่ ให้พลอยรอที่ไหนดีคะ"
    "รอในห้องนี้ดีกว่าครับ เย็นสบายดี ข้างนอกอากาศร้อนมาก"
    การทดสอบนอกรอบที่กลุ่มคนเล่นรถจัดขึ้นกันเองแบบสบายๆ ครั้งนี้ทำให้เคนหาข้อมูลและจับผิดตัวผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง ต่างจากงานทดสอบที่จัดโดยบริษัทใหญ่โดยสิ้นเชิง ที่แต่ละครั้งมักจะเป็นเพียงแค่การเปิดตัว ชี้ให้เห็นเพียงแค่ข้อดีและจุดเด่น เรื่องในแง่ลบนั้นไม่มีใครอยากเอ่ยถึง แม้กระทั่งตัวสื่อมวลชนผู้มาทำข่าวเองหลายคนก็ยังเป็นไปกับเขาด้วย แม้จะรู้อยู่เต็มอกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะตัวเองเป็นผู้น้อยก็ต้องทำตามหน้าที่ๆ ผู้ใหญ่มอบหมายให้ คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้ามาจับงานด้านนี้มีอุดมการณ์ดี แต่อยู่ไปได้สักพักก็เหนื่อยหน่ายต้องพ่ายแพ้แรงต้านของ 'เงิน' และ 'ผลประโยขชน์' จนเป็นที่มาของการรวมตัวของกลุ่มนักทดสอบรถยนต์ในงานครั้งนี้ งานที่รวมคนมีฝีมือไว้ด้วยกัน แต่ละคนคือผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ ทั้งนักเคมี นักวิทยาศาสตร์ วิศวกรเครื่องกล วิศวกรสิ่งแวดล้อม นักเขียน นักทดสอบ ดูจะมีเคนเพียงคนเดียวที่อยู่นอกกลุ่ม เขาเป็นเพียงแค่ 'นักขับรถ' แต่ทุกคนในงานก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ความคิดเห็นของทุกคนมีค่า และเป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้คนในวงการรถยนต์ แม้เคนจะไม่มีปริญญาพ่วงท้ายเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ก็มีบ่อยครั้งที่คนจบปริญญาสูงๆ และผู้เชี่ยวชาญหลายท่านมักขอความคิดเห็นจากเขา
    เคนกับเพื่อนๆ ยืนดูรถทดสอบขณะขับผ่านแอ่งน้ำและเข้าช่วงทดสอบระยะเบรก โชคดีที่มีรถทดสอบถึง 3 คัน ครบทุกอารมณ์ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และซูบารุ อิมเพรซาที่เป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
    พลอยอยู่ในห้องพักที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศเย็นสบาย ต่างจากอากาศภายนอกที่ไอร้อนระอุ เคนปลีกตัวเดินไปคุยโทรศัพท์ที่อีกมุมหนึ่งของลานกว้างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สักพักจึงวิ่งขึ้นมาบนห้องรับรอง
    "น้องพลอยครับ รีบเก็บของแล้วไปกับพี่ด่วนเลย" เคนพูดเสียงกระหืดกระหอบ
    "มีอะไรหรือคะ" พลอยพูดพร้อมกับรีบกวาดข้าวของที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะลงในเป้สะพายหลังอย่างรวดเร็ว
    "เพชรเม็ดใหญ่ที่ชื่อ Lucia ถูกฉกไปจากงานแสดงที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและคนดูนับพันๆ คน ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง"


    หนุกม่ะๆ


    f
     
  19. p_sutipoj

    p_sutipoj Active Member Moderator

    3,479
    9
    38
    รอนานแล้วเว้ยเฮ้ยๆ.............
     
  20. Diesel Only

    Diesel Only New Member Member

    158
    2
    0
    ยังมีอีก ยังไม่จบง่ายๆ :D
     
  21. ต้อ..

    ต้อ.. New Member Member

    362
    4
    0
  22. Chai_Rama2

    Chai_Rama2 New Member Member

    65
    0
    0
    ่ด่วนๆ กี่ตอนจบฟะเนี่ยยย
     
  23. กระบะสีขาว

    กระบะสีขาว Active Member Moderator VIP

    1,459
    15
    38
    อ่านหมดแล้วว

    อยากบอกว่าสอนเราได้มากๆๆ
     
  24. INSOLENT

    INSOLENT New Member Member

    1,444
    3
    0
    จะรอตอนจบเลยครับ
     
  25. Reloaded

    Reloaded New Member Member

    1,378
    32
    0
    มาแว้ว คับ ตอนที่ 5 นานหน่อย

    *กรุงเทพฯ / ประเทศไทย

    "เคน เราพบปัญหาใหญ่แล้วล่ะ ขอความช่วยเหลือของคุณอีกครั้ง" เสียงของเจ้าหน้าที่ทางหลวงดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร ใน 'ช่องงานเฉพาะกิจ' ที่มักจะเปิดสแตนด์บายไว้เสมอ
    เขาปรับคลื่นวิทยุไปยังอีกช่องความถี่หนึ่ง ซึ่งเขาจะรับฟังเจ้าหน้าที่ระดับสูงคุยกันได้
    เคนยังคงอยู่ในรถกับพลอย มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่คนร้ายขับรถหลบหนีถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ขณะขับรถก็สอดสาตาไปเรื่อย มองหารถของผู้ต้องสงสัย ที่มีสายแจ้งรายงานว่าเป็นรถยนต์ฮอนด้าสีแดงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
    "ศูนย์ จากไล่ล่า ว2 "
    "ศูนย์ จากไล่ล่า ว2 รถผู้ต้องสงสัยติดฟิล์มกรองแสงสีดำ และกันชนมีรอยฉีกขาดตรงกลางใช่หรือไม่ เปลี่ยน"
    "ถูกต้อง เปลี่ยน โปรดแจ้งพิกัดของคุณด้วยไล่ล่า"
    "ถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก ทิศทางมุ่งหน้าสระบุรี เปลี่ยน"
    "รับทราบ ศูนย์แจ้งประสานงานพื้นที่เรียบร้อย อย่าเพิ่งแสดงตัว หรือทำการจับกุม แต่ขอให้ตามอยู่ห่างๆ เพชรเม็ดนั้นมีความสำคัญมาก"
    "ทราบ เปลี่ยน ถ้ามีจังหวะ จะให้ผมหยุดเขาเลยไหม"
    "เราทราบว่าคุณทำได้ แต่เราไม่อยากเอางานระดับประเทศมาเสี่ยง จงเข้าใจเราด้วย ว00 และรอคำสั่งจากหน่วยเหนือ"
    "รับทราบ"
    เคนทิ้งระยะห่างระหว่างรถเขา กับรถของผู้ต้องสงสัยไว้พอสมควร เปิดโอกาสให้รถคันอื่นเข้ามาขวางกลางสัก 3 - 4 คัน รถผู้ต้องสงสัยเข้าทางขนานเพื่อจอดเติมน้ำมัน ดูท่าทีไม่มีพิรุธ แต่เคนไม่วางใจ เพราะพวกที่เป็นมืออาชีพสามารถทำสิ่งที่ไม่คาดฝันได้เสมอ
    ผู้ขับเติมน้ำมันโดยไม่ลงมาจากรถ พร้อมกับชำระค่าน้ำมัน แต่เคนเหลือบไปมองเห็นสิ่งที่ยื่นให้กับพนักงานกลับมีวัตถุอื่นอีกนอกเหนือจากเงิน เขาไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร ระยะทางค่อนข้างไกลจากสายตา
    เคนเฝ้ามองผ่านกระจกรถคันหน้า พบว่าพนักงานวิ่งเข้าไปในออฟฟิต ส่วนรถฮอนด้าก็ออกจากปั๊มแล้วขับไปตามปกติ เข้าใช้ช่องทางด่วน เคนยังคงขับตามรถคันนั้นไปเรื่อยๆ ไปได้ไม่นานนัก ก็พบเจ้าหน้าที่กำลังตั้งด่านขนาดใหญ่ที่ตั้งขวางทั้งช่องทางด่วน และทางคู่ขนาน รับมอบหมายให้ตรวจค้นรถทุกคันที่ผ่านอย่างละเอียด โดยเฉพาะรถยนต์ฮอนด้า และรถยนต์ที่มีสีแดง หรือรถที่ติดฟิล์มสีดำ
    รถผู้ต้องสงสัยอยู่หัวแถวพอดี เคนเบนรถ ขับออกไหล่ทาง เลื่อนรถไปจอดที่หน้าด่าน แสดงบัตรประจำตัว พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทางหลวง แล้วก็เหลือบมองไปฝั่งตรงข้าม เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับด้วยความเร็วสูงขับผ่านอีกฟากของด่าน แต่ที่คุ้นตาคือชุดของผู้ขับที่เป็นเหมือนพนักงานในปั๊มน้ำมันที่เพิ่งผ่านมา ผู้ขับหันมามองหน้าเคน ทั้งคู่สบตากันโดยไม่บังเอิญ
    "มันอยู่นั่น" เคนชี้ และตะโกนบอกเจ้าหน้าที่
    "เปิดทางให้ผมไปเร็ว" เคนออกคำสั่งเสียงดัง พร้อมกับวิ่งกลับไปที่รถ ติดเครื่อง และขับลอดผ่านรั้วกั้นช่องเล็กๆ ที่ตำรวจทางหลวงเลื่อนเปิดไว้ให้ ขับผ่านขึ้นไปจอดด้านหลังรถฮอนด้าสีแดงที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยสักครู่ แล้วรีบเร่งเครื่องยนต์ออกไปทันที
    จุดกลับรถยังอยู่อีกไกล ไม่ทันต่อการขับไล่ล่า เคนดึงเบรกมือกลับรถ และขับย้อนกลับเส้นทางเดิมโดยใช้ไหล่ทางที่มีความกว้างไม่ถึง 2 เมตร พอถึงจุดที่ไหล่ทางกว้าง เขาก็ขับฝ่าลุยผ่านพงหญ้าเพื่อที่จะไปยังอีกฟากหนึ่งของถนน รถมอเตอร์ไซค์นำหน้าอยู่ไกลมาก แต่ยังพอมองเห็นหลังลิบๆ เพราะถนนนอกเมืองค่อนข้างโล่ง หากเข้าตัวเมืองหรือเขตรังสิตไม่เมื่อไร หมดสิทธ์จับตัวแน่ๆ เพราะความคล่องตัวบนถนนมันผิดกัน
    เคนกดปุ่มปรับ Mode การทำงานของรถไปยังตำแหน่ง High Speed เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขับที่เร็วรุนแรงและต่อเนื่อง หัวฉีดน้ำมันเสริมที่ฝังตรงท่อไอดีของทุกๆ ลูกสูบจะทำงานอัตโนมัติทันทีที่บูสต์เกิน 2.5 บาร์ เช่นเดียวกับตัวฉีดน้ำอินเตอร์คูลเลอร์ที่พร้อมฉีดทันทีเมื่ออุณหภูมิไอดีที่ผ่านเข้าห้องเผาไหม้ร้อนเกิน 85 องศา C มาตรวัดส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศยังคงทำงานและแสดงค่าเป็นปกติ เช่นเดียวกับอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นที่ยังคงชี้ที่ตัวเลข 94 องศา C ส่วนอุณหภูมิไอเสียยังคงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
    ยิ่งใกล้ตัวเมือง รถบนท้องถนนก็เริ่มมาก เคนกังวลใจว่าจะคลาดกับผู้ต้องสงสัยอีกรายที่เขากำลังตามอยู่
    อีกด้านที่ด่านตำรวจก็ตรวจค้นไปเรื่อยๆ แต่ดูท่าทีจะสนใจและติดตามฟังข่าวจากเคนทางวิทยุเสียมากกว่า เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยตรวจค้นรถผู้ต้องสงสัยแบบผ่านๆ เห็นว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงปล่อยผ่านไป โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นมันคือการซ้อนแผน
    กำลังเร่งทำความเร็วไล่ผู้ต้องสงสัย แล้วจู่ๆ ก็มีรถบรรทุกพ่วง 2 ตอนเลี้ยวออกมาจากซอยอย่างกระทันหัน เลี้ยวตีวงกว้างจนกินเนื้อที่ของผิวถนน 2 เลนทั้งหมด ไหล่ทางที่มีอยู่กว้างไม่เพียงพอสำหรับให้รถยนต์หลบ รถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงถึง 240 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำให้เคนไม่มีเวลาคิดกระทั่งเรื่องของความกลัว ในสมองมีแต่เพียงเรื่องที่ว่าจะเอาตัวรอดอย่างไร
    ตัดสินใจเหยียบเบรกอย่างแรงด้วยเท้าทั้ง 2 ข้างเพื่อลดความเร็วลงให้ได้มากที่สุดในขณะที่รถยังอยู่ในทางตรง มือซ้ายตบคันเกียร์โยกไปที่ตำแหน่งล่างสุดของเกียร์อัตโนมัติ พอความเร็วลดถึงตัวเลข 160 ก็หักพวงมาลัยไปทางซ้ายนิดๆ พอรถเริ่มเป๋เสียการทรงตัว ก็ถอนเท้าจากเบรก เปลี่ยนเป็นกดคันเร่งเต็มที่ ล้อหลังหมุนฟรี ส่งเสียงเอี๊ยดดังสนั่น กลิ่นยางไหม้คละคลุ้ง เข็มวัดรอบตีไปที่จุดสูงสุด รถสไล์ดขวางถนนแต่ยังคงเคลื่อนที่เอาด้านข้างเข้าหารถพ่วง ทว่าแรงเฉื่อยของความเร็วที่ส่งมายังคงมีสูงอยู่ ระยะทางกระชั้นมากเข้าจนพลอยที่นั่งมาด้วยกรีดร้องเสียงดัง
    เคนสะบัดพวงมาลัยกลับไปทางขวาทันที เหยียบเบรกพร้อมกับดึงเบรกมือแรงๆ พอรถหัวทิ่มลงมากสุดก็ยกเบรกที่เหยียบอยู่ แต่ยังคงดึงเบรกมือไว้ จากเดิมที่รถกำลังสไลด์ไปทางขวา ก็เปลี่ยนทิศทางเป็นสไลด์มาทางซ้ายแทน ปล่อยเบรกมือลง และเหยียบคันเร่งลงสุดอีกครั้งเพื่อทำให้ล้อหมุนฟรี ขณะนี้เคนกำลังควบคุมรถจากโมเมนตัม ไม่ใช่จาก Traction ไม่ใช่ Grip อีกหนึ่งความสามารถที่แม้แต่โรงเรียนสอนขับรถแข่งชื่อดังก็ยังไม่มีการสอน
    ท้ายรถสะบัดจากขวาไปซ้าย แม้ว่าล้อคู่หน้ายังคงยึดเกาะถนนได้ดีอยู่ แต่ระยะทางที่เหลือไม่ถึง 10 เมตรนั้นคือปัญหาหลัก และรถยังคงสไล์ดเอาด้านประตูข้างคนนั่งเข้าหากึ่งกลางของรถพ่วงพอดี พลอยนั่งนิ่งเงียบราวกับว่าทำใจได้ในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
    เคนเบรกอย่างแรงอีกครั้ง และหักพวงมาลัยไปด้านซ้ายสุด บังคับให้รถที่สไล์ดเปลี่ยนทิศทางกลับ คิดในใจว่าหากจำเป็นต้องชน ก็ขอให้ด้านขวาของรถที่เขานั่งอยู่รับแรงปะทะแทน พอท้ายรถเริ่มหมุนกลับมาตั้งลำตรงเพื่อที่จะหมุนไปอีกฝั่ง เคนดึงเบรกมืออย่างแรงอีกครั้ง พร้อมกับเลี้ยงพวงมาลัยให้รถหมุนกลับ 180 องศา เอาด้านท้ายเข้าหารถบรรทุกพ่วงคันนั้นแทน
    ไม่รู้จะเรียกฟลุ๊คหรือฝีมือ แต่ตำแหน่งรถของเคนที่จอดอยู่พ้นเกินวงเลี้ยวของตู้พ่วงไปไม่ถึงเมตร มองไปยังด้านหน้าก็เห็นรถของผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ หลายคันจอดเรียงรายดูเหตุการณ์เต็มไปหมด คนขับรถพ่วงดูจะไม่รู้สึกร้อนหนาวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เคนเลี้ยวรถอ้อมไปจอดชิดขอบทางฝั่งซ้าย ดูไม่เป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาคว้าไมค์วิทยุขึ้นมาพูดว่า
    "ศูนย์ จากไล่ล่า ว2 ผมคลาดกับผู้ต้องสงสัยเสียแล้ว เปลี่ยน"

    * * * * * * * * * * *
     
  26. ต้อ..

    ต้อ.. New Member Member

    362
    4
    0
    กำลังมันส์...เลย
     
  27. Chai_Rama2

    Chai_Rama2 New Member Member

    65
    0
    0
    หฤหรรษ์ ทำไปได้ สุดท้ายเด๋วก็เป็นไอ้คันแดงเอาไปแหง แต่ซ้อนแผนอิอิ
     
  28. p_sutipoj

    p_sutipoj Active Member Moderator

    3,479
    9
    38
    หึหึ...
     
  29. Reloaded

    Reloaded New Member Member

    1,378
    32
    0
    กรุงเทพฯ / ประเทศไทย
    หลังจากที่เคนคลาดกับผู้ต้องสงสัยที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์ขับหนีเข้าเมือง ข่าวการตามล่าโจรขโมยเพชร Lucia ก็ยังคงแพร่ออกตามสื่อต่างๆ เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าติดตามอย่างกระชั้นชิด แต่หารู้ไม่ว่าเพชรเม็ดนั้นหลุดรอดไปกับรถ Honda สีแดงที่ออกนอกเมืองเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ขับรถมอเตอร์ไซค์นั้นเป็นเพียงการเล่นเกมให้นักล่าอย่างเคนหลงทาง และติดกับ ทุกอย่างทุกขั้นตอนเป็นแผนของคนร้าย รวมทั้งเรื่องของรถพ่วงขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาจากซอยก็ยังเป็นหนึ่งในแผนการที่ต้องการทำให้เป็นอุบัติเหตุ เป็นแต่โชคยังดีที่เข้าข้าง ทำให้รอดมาได้ แม้รถจะเสียหายบ้างก็ตามที
    เคนนำรถกลับบ้านเพื่อตรวจสอบความเสียหายในการหยุดรถด้วยวิธีนั้น ผลคือยางทั้ง 4 เส้นเกิดความร้อนจัดจนเส้นใยที่อยู่ด้านในเกิดรอยปริแตก มองจากด้านนอกจะไม่เห็น ปัญหาเช่นนี้ไม่มีใครรู้ ต้องใช้กล้องและเครื่องมือตรวจสอบแบบพิเศษเท่านั้น
    จานเบรกหน้าและหลังคดทั้ง 4 ล้อ ผ้าเบรกเดือด ส่วนล้อแบบชิ้นเดียวที่สั่งทำมาพิเศษด้วยกรรมวิธีฟอร์จไม่มีปัญหาใดๆ โครงสร้างรถบิดตัวไปเล็กน้อย แต่แก้ไขไม่ยากด้วยการขึ้นแท่นดึงตัวถังให้กลับมาเป็นสเปคเดิม
    เป็นอันว่าต้องเปลี่ยนยางใหม่ ผ้าเบรกใหม่ และจะให้ดีก็ควรได้จานเบรกใหม่ด้วย
    "จานเบรกคาร์บอนเซรามิคยังเอาไม่อยู่ แล้วจะเลือกใช้ของอะไรดีล่ะคะ" พลอยถาม ขณะที่นั่งอยู่ในโรงรถของบ้านเคน
    "ก็คงเลือกใช้ของที่คุณภาพดีกว่าเดิม แต่ถ้าหาไม่ได้ พี่ก็อาจต้องใช้ระบบอื่นเข้ามาช่วย"
    "ยังไงหรือคะ ไม่เข้าใจ"
    "การเบรกแรงๆ ทำให้น้ำหนักเทไปด้านหน้ามาก Handle ของรถขณะนั้นจะแย่ แต่ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะผู้ขับต้องการจะให้รถหยุดด้วยระยะทางที่สั้นมากสุด มีวิธีใดบ้างไหมที่จะทำให้เบรกแล้ว Weight Distribution ของรถยังคงเดิม หรือขอให้เปลี่ยนไปเพียงแค่เล็กน้อย"
    พลอยยิ้มแทนคำตอบ แม้ว่าเคนจะมองไม่เห็น เพราะนอนอยู่ใน Creeper ที่ใต้ท้องรถ แต่ก็สื่อกันได้ถึงความรู้สึก
    "พลอยพอจะช่วยอะไรพี่ได้บ้างไหมคะ"
    "อืมม..ยังไงดีล่ะ ถ้าอยากช่วย ก็ขอเป็นด้านข้อมูลก็แล้วกัน ตอนนี้พี่กำลังอยากได้รายละเอียดของเบรกรุ่นใหม่ๆ ทั้งระบบ สเปคของยางรุ่นล่าสุด ขอเป็น Medium Compound นะ แล้วก็ถ้าได้ข้อมูลเรื่อง Damper แบบพิเศษหรือของแปลกๆ ใหม่ๆ ก็ยิ่งแจ๋ว"
    "ได้เลยค่ะพี่" พูดจบพลอยก็วิ่งไปยังรถ Nissan Skyline R32 ของตัวเองที่เพิ่งซ่อมเสร็จ สีดำสนิทเงาเป็นมันวาววับในแบบที่เคนเรียกว่า Diamond Black เป็นสเปคสีพิเศษที่เคนเลือกให้ โดยแนะนำให้ใช้ Clear Coat ผสมสูตรพิเศษที่ต้องสั่งเข้ามาฝากจากประเทศเยอรมนี แถมต้องพ่นกันในห้องสุญญากาศ
    พลอยวิ่งออกมาจากรถพร้อมกับ Notebook ขนาดเล็กที่มี Modem ในตัว Connect สายเข้ากับเครือข่าย Internet พร้อมกับ Search หาข้อมูลเดี๋ยวนั้นเลย
    เคนยังคงอยู่ใต้ท้องรถ เขามักจะตรวจสอบชิ้นส่วนที่เสียหายด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจใคร แต่ติดนิสัยที่ชอบทำรถด้วยตนเอง ซึ่งเขาจะพบข้อบกพร่องได้ดีกว่าคนที่ชอบให้ช่างทำให้
    "เข้าไปที่ไหนดีคะ Brembo, AP Lockheed, หรือว่ามีที่ใดแนะนำพิเศษคะ"
    "Search หาที่สเปคก่อนครับ ซื้อของต้องดูที่สเปค ไม่ใช่ดูที่ยี่ห้อ"
    "แล้วจะหาสเปคของเหล่านี้ได้จากที่ไหนล่ะคะพี่"
    "แล้วปกติพลอยจะหาสเปคของได้อย่างไรล่ะ"
    "เออ..พลอยก็ดูๆ เอาจากนิตยสารรถยนต์แหละค่ะ"
    "โถ มิน่า มีแต่ของหลอกเด็กติดเต็มรถไปหมด นิตยสารรถยนต์เขามีไว้อ่านเล่นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น อ่านดูไม่รู้หรือว่าเขาเขียนโอ้อวดสรรพคุณกันเพียงใด หนังสือก็ต้องเชียร์สปอนเซอร์ของตัวเองกันทั้งนั้น เขียนถึงผลิตภัณฑ์เขาบ่อยๆ หรือไม่ก็เอารถจากร้านพวกที่ซื้อหน้าโฆษณามาลงตีพิพม์เป็นโฆษณาแฝง หนังสือดีๆ น่ะมี แต่มักจะเป็น Underground Magazine ที่ต้องสมัครสมาชิกเท่านั้นถึงจะอ่านได้ หนังสือพวกนี้จะโฆษณากันแบบปากต่อปาก ขายราคาแพงเลยแหละ"
    "ว่างๆ ก็ลองไปที่ Popular Mechanic, NASA Innovative Product หรือไม่ก็ต้องรอเดี๋ยว เพราะพี่ต้องไปเช็คข่าวล่าสุดใน Newsgroup ของพรรคพวกในแถบยุโรปที่ส่งข่าวล่าสุดมาก่อน Login กับ Password อยู่ในเครื่อง Lap Top ของพี่ ตอนนี้พลอยลอง Surf ไปเรื่อยๆ ก่อนก็แล้วกันนะ มีอะไรหรือน่าสนใจดีก็ค่อย Add Bookmark ไว้ เก็บไว้ใน Personal Folder แล้วพี่จะเข้าไปดูทีหลัง"
    "ค่ะ" พลอยตอบพร้อมกับพิมพ์รหัสส่วนตัวเชื่อมเข้าเครื่อข่ายสื่อสารที่ใหญ่และกว้างขวางมากที่สุดในโลก
    ทั้งสองคนเริ่มทำงานเป็นทีม พลอยถนัดงานด้านค้นหาข้อมูล ส่วนเคนจะเป็นหัวคิด และผู้ตัดสินใจหลักในปฏิบัติการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ทั้งหมด เพื่อให้สมกับเป้าหมายของพลอยที่ต้องการเป็นนักแข่งรถยนต์ให้ได้
    อีกประมาณ 20 นาทีถัดมา เคนเลื่อน Creeper ออกมาจากใต้ท้องรถ พร้อมกับสมุดโน๊ตที่บันทึกลายละเอียดของชิ้นส่วนที่เสียหายหรือสึกหรอ รวมไปถึงการตรวจเช็คความเรียบร้อยของระบบ Aerodynamic Device ที่ทำงานแบบอัตโนมัติด้วย
    "หิวข้าวไหมน้องพลอย" เคนตะโกนถามขณะที่กำลังแขวน Creeper เข้าเก็บที่กำแพง
    "นิดๆ ค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ"
    "หิวสิ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม จะพาไป"
    "อะไรก็ได้ค่ะ พลอยง่ายๆ สบายๆ ตามใจพี่ดีกว่า ทำงานมาจนเหนื่อยแล้วนี่คะ"
    "เอ้า ก็ได้ งั้นขอไปล้างมือก่อน ออกไปทานข้าวกัน แล้วพี่จะไปส่งที่บ้าน"
    "รถพี่ถอดล้อออกมาแบบนี้ แล้วจะเอาคันไหนไปล่ะคะ" พลอยถามด้วยความสงสัย ปนความรู้สึกเกรงใจ
    เคนเดินทะลุห้องน้ำเข้าไปยังโรงรถอีกฟากหนึ่ง เปิดตู้หยิบหมวกกันน็อคออกมา 2 ใบ และเดินไปเปิดผ้าที่คลุมออก ไม่เคยมีใครรู้ว่าอีกฝากของโรงรถเป็นที่จอดของรถมอเตอร์ไซค์อีก 2 คัน หนึ่งในนั้นคือ Ducati 916 หนึ่งในรถบรรดาในฝันของใครหลายคน แต่อีกคันกลับกลายเป็นรถมอเตอร์ไซค์วิบากแบบ Moto X แบบ Freestyle
    "พลอยก็เอารถมาเอง ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่า ให้พลอยพาพี่ไปทานข้าวแทนนะ แล้วเดี๋ยวจะขับมาส่งให้ ดีไหมคะ เพราะพี่เคนไปส่งพลอยตั้งหลายครั้งแล้วนี่นา"
    เคนวางหมวกกันน็อคไว้บนโต๊ะ แล้วเดินทะลุผ่านห้องน้ำออกมา
    "แหม..ใจดีจริงนะ จะทานอะไรดีหนอ วันนี้จะมีสาวเลี้ยงข้าวเสียด้วยสิ" เคนตะโกนเสียงดังขณะเดินออกมาจากห้องน้ำ
    "งั้น..พลอยจะเป็นคนเลือกร้านเอง พี่เคนจะต้องชอบแน่ๆ "
    "ได้เลย ถ้างั้นพลอยขับไปนะ"
    เคนก็เปิดประตูรถขึ้นนั่งฝั่งผู้โดยสาร สิ่งแรกที่เห็นการปรับเบาะนั่งของพลอยที่เอนนอนมากๆ ของตำแหน่งเบาะผู้ขับ แต่ก็ยังไม่พูดอะไรจนกระทั่งพลอยขึ้นมานั่งขับ แขนยืดจนแตะวงพวงมาลัยด้านบนได้แค่ปลายนิ้ว จนทำให้เบาะนั่งต้องเลื่อนเขยิบไปด้านหน้ามากกว่าปกติ ท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนแบบนี้จะพบเห็นบ่อยมาก โดยเฉพาะรถของพวกวัยรุ่น หรือเด็กๆ ที่เพิ่งจะเล่นรถ
    "นั่งอย่างนี้ถนัดหรือครับ"
    "ค่ะ ถนัดดี สบายดีด้วยค่ะ"
    "อ้อ..แล้วตอนที่รถชนเมื่อเดือนก่อนโน้นล่ะ นั่งขับแบบนี้ด้วยหรือเปล่า"
    "ก็..ค่ะ.." พลอยตอบพร้อมกับหันมายิ้มอายๆ
    "หากอยากจะเล่นรถอย่างจริงจัง ก็ต้องนั่งให้ถูกต้องเสียก่อน ไว้พรุ่งนี้พี่จะสอนให้แบบเริ่มนับหนึ่งกันใหม่เลยนะ เพราะไม่รู้พื้นฐานของน้องพลอยมีมากแค่ไหน"
    "ดีสิคะ เย้ๆ ดีใจจัง พี่เคนใจดีจริงๆ อยากทานอะไรคะ จะขับไปเดี๋ยวนี้เลย"
    "ฮ่าๆ อย่างนั้นเลยนะ" เคนหัวเราะชอบใจ

    ในคืนนั้น
    เคนนอนอยู่บนเตียงนึกถึงชีวิตตัวเองช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ในหลายประเทศ เคยสอนการขับรถเทคนิคพิเศษ ที่ต้องใช้ความสามารถของตัวเองอย่างสูง บวกกับสมรรถนะของรถยนต์ทรงพลัง นึกถึงภาพสารพัดวิชามารต่างๆ ที่เขาเรียนรู้มาด้วยตนเอง มีเทคนิคมากมายที่จะเอาตัวรอดได้จากสถานการณ์ฉุกเฉิน สภาวะการขับจะต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการให้ผลออกมาเป็นเช่นไร
    ถ้าเป็นคนขับรถที่เจ้านายนั่งข้างหลัง แล้วถูกตามไล่ยิง จะต้องขับอย่างไร ในขณะเดียวกัน ถ้าเจ้านายนั่งด้านหน้า จะขับอย่างไรดี ทั้งสองอย่างเหมือนและแตกต่างในตัวมันเอง ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเคน เพราะเขาผ่านมาหมดแล้วทุกอย่าง ทั้งเป็นผู้ถูกล่า จนถึงการเป็นผู้ล่าเสียเอง หรือกระทั่งหากคุณเป็นผู้หญิงที่ขับรถคนเดียว แล้วมีคนขับตามถึงบ้านตอนกลางดึก จะต้องแก้ปัญหาอย่างไร
    เคนไม่อยากเปิดตัวเองไปมากกว่านี้นัก มันไม่ใช่ผลดีต่อชีวิตเขาเลย การที่ผ่านร้อนหนาวมาตั้งแต่เด็ก มีประสพการณ์มากกว่าคนวัยเดียวกันหลายเท่าตัว ทำให้จิตใจยิ่งแกร่งเป็นทวีคูณ ผนวกกับความสามารถเฉพาะตัวที่เขามีเป็นเลิศ เคนเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ผสานใจเข้ากับรถได้อย่างดีเยี่ยม ทุกครั้งที่เขาได้รถคันใหม่ก็จะดูแลราวกับว่ามันมีชีวิต มีความรู้สึก หรือสามารถสื่อสารกับเขาได้ ที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะว่าเขาเองก็ฝากชีวิตไว้กับรถด้วยเช่นกัน เรื่องราวเหล่านี้พวก Street Racing แถบ California ตอนใต้ต่างรู้ดี เพราะหลายคนไปแล้วที่จบชีวิตพร้อมกับรถคู่ใจตอนที่แข่งรถลงเขากัน หรือที่เรียกกันว่า Down Hill Racing ยังไม่นับ Down Hill Drift ที่เพิ่งจะเริ่มฮิตตามแบบของประเทศญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่ปีมานี้
    การแข่งขันนอกสนามยังมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ยังมีพวกรถมอเตอร์ไซค์ใจถึงในสมัยก่อน ถ้าจะแข่งรถกันก็ต้องดูดน้ำมันเบรกทิ้งออกไปให้หมด ขับแบบวัดกันที่ใจอย่างเดียว และนี่คือรูปแบบการแข่งรถของ Out Law ที่นักแข่งออกไปพร้อมกัน 2 คัน แต่มักจะรอดชีวิตขับกลับมารับเงินที่วางเดิมพันไว้เพียงคนเดียว
    เคนผ่านมาหมดแล้วทุกอย่าง เขายังเป็นนักขับรถมอเตอร์ไซค์ฝีมือดีอีกคนหนึ่งในกลุ่ม 50 คนในโลกที่ได้รับบัตรเชิญ VIP ไปงาน Stunt Show ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้งานนี้จะเริ่มต้นจากพวกนักขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผน แต่หลังจากที่เคนขอลองขับรถยนต์ในสไตล์ที่เขาถนัดให้พวก Stunt Man เหล่านี้ได้ชมบ้าง เขาก็ได้รับการยอมรับในฝีมือทันที จนได้เข้าร่วมงานนี้เป็นประจำทุกปี

    ผ่านโลกมาโชกโชน ตระเวนมาแล้วทุกทวีป สิ่งที่เคนทำได้ดีที่สุดในชีวิตก็คือการขับรถ และเขาก็จะขอขับมันให้จนถึงที่สุด พื้นฐานที่ดีจากการเข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาของทีมแข่งชื่อดัง ทำให้รู้จักวิธีให้กำลังใจคนสิ้นหวังได้อย่างแนบเนียน คำคมของเขามากมายกลายเป็นที่จดจำของผู้คนที่ได้ยินเป็นจำนวนมาก ประโยคสั้นๆ ที่มีความหมายกินใจผู้ฟัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเป็นนักแข่งรถตัวจริง
    "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นนั้นยังไม่พอ ต้องเพิ่มความอดทนเข้าไปอีก"
    "การที่เราใฝ่หา ก็จะทำให้เราค้นพบความจริง"
    "คุณต้องเคารพตัวเอง และเคารพเครื่องจักรที่คุณควบคุมมันอยู่"
    "คุณต้องเรียนรู้ที่จะหยุดกลไกในสมองที่สั่งให้กลัว"
    "คนที่อยากจะเป็นผู้ชนะ ก็ต้องรู้วิธีที่จะเอาชนะ และหนทางที่จะเป็นผู้ชนะนั้นมีด้วยกันหลายวิธี การที่จะต้องไปให้ได้เร็วกว่าคู่แข่งนั้นเป็นเพียงแค่แนวทางในการปฏิบัติ หากลองคิดหาวิธีที่จะเข้าเส้นชัยก่อนคู่แข่งจะทำให้การตีโจทย์ครั้งนี้ง่ายขึ้น"
    "ใครคิดได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ ทั้งนี้ก็เพราะว่าสมองคืออาวุธสำคัญที่สุดที่คุณมี"
    "ใครทำสำเร็จก่อนจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เพราะผู้คนจะจดจำคุณในฐานนะของต้นแบบ"

    หากวันใดที่คุณได้ยินใครสักคนพูดว่าว่ารู้จักคนชื่อ "เคน" เป็นอย่างดี เชื่อได้เลยว่าเขาผู้นั้นยังรู้จักเคนไม่มากพอ
    เคน บุรุษพันชื่อ มนุษย์พันหน้า ยังคงเป็นบุคคลปริศนา ที่แม้แต่เงาของตัวเองก็ยังเคยสับสนมาแล้ว
    กระทั่งคุณเองก็เถอะ ตลอดเวลาราว 1 ปีที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของชีวิตเขาเท่านั้น ผมเองก็ไม่กล้าพอที่จะบอกกับใครๆ ว่า "ผม" รู้จักเคนมากน้อยเพียงใด
    แล้วคุณล่ะ รู้ไหมว่าผมคือใคร และหากมีใครไปพบและถามเคนเข้า ผมคิดว่าคงได้คำตอบกลับมาเช่นเดียวกัน ถึงเราจะมีอดีตร่วมกัน อยู่ทีมเดียวกัน ทำงานหลายอย่างด้วยกัน ไว้วางใจกัน แม้แต่ทุกวันนี้เราทั้งคู่ก็ยังคงต้องแข่งขันกัน
    เคนไม่มีทางที่จะปล่อยให้คนอื่นรู้จักผมมากไปกว่าตัวเขาเป็นแน่
    ผมรู้จักเขาดี !!!
    (End of Part One)
     
  30. Reloaded

    Reloaded New Member Member

    1,378
    32
    0
    Street Racing
    หัวค่ำของคืนวันเสาร์ เคนขับรถอยู่บนถนนสายหนึ่งด้วยความเร็วสูง แต่ในสมัยนั้นไม่มีรถยนต์จอแจมากนัก ไม่มีสถานเริงรมย์ที่เปิดกันจนเกร่อเหมือนสมัยนี้ ผับ บาร์ คาเฟ่ ไม่เคยมี
    พ้นโค้งขวาขนาดใหญ่ออกมา เคนที่ขับรถอยู่เลนขวาสุดก็ต้องตกใจกับรถเก๋งที่ขับช้า และใช้ช่องทางขวามือสุด เคนเปิดไฟสูงกระพริบเตือน 1 ครั้ง แต่ไม่ทัน ความเร็วของรถที่ส่งมามีสูงมากเขาต้องเบนหลบ และแซงผ่านขึ้นไปทางด้านซ้าย พอแซงพ้นไปได้สักระยะ เขาก็เบนรถเข้าเลนขวา เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้รถคันหลังทราบว่า 'คุณกำลังใช้เลนผิด' แล้วเขาก็อัดรถต่อไป ตามลำพัง คนเดียว
    แล้วจู่ๆ รถคันที่เคนเพิ่งจะแซงพ้นมาก็เร่งความเร็วตามขึ้นมา ขับไล่จี้ท้ายรถเขาอย่างกระชั้นชิด พร้อมเปิดไฟสูงใส่ ไม่รู้สึกตกใจ แต่แค่สงสัยว่าทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น เคนนึกถึงคำสัญญากับทางบ้านว่าจะไม่ไปมีเรื่องที่ไหนอีก จึงลดความเร็วด้วยการถอนคันเร่ง ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย เบนรถหลบ หวังจะให้รถคันที่จี้อยู่ข้างหลังขึ้นนำหน้าไป
    แต่.. รถที่อยู่ด้านหลังกลับเปลี่ยนเลนตาม ยังคงจี้ท้ายรถที่เคนขับอย่างต่อเนื่อง
    "ขึ้นไปเถอะพวก กูไม่อยากเล่นกับมึง" เคนคิดในใจ ยังคงรักษาเลนซ้ายของตัวเองไว้ ค่อยๆ ลดความเร็วลงจนต่ำกว่า 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
    ไฟคู่หน้าของรถคันหลังยังคงเปิดใส่อยู่ สลับกับกดแตรค้าง ขับจี้ท้ายรถเคนอยู่เป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเปลี่ยนเลน ลดความเร็ว หรือทำสิ่งใด รถคันนั้นก็ยังคงจ่อท้ายกันชนแทบจะกระทบกัน
    เคนไม่เข้าใจการกระทำของรถคันหลังจริงๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดเสียว่าพบนักซิ่งอันธพาลเข้าคนหนึ่ง
    สักพักรถที่อยู่ด้านหลังก็แซงขึ้นไปเทียบข้าง เป็นธรรมดาที่เคนจะต้องหันไปมอง แล้วก็เห็นผู้ขับหยิบวัตถุสีดำออกมาและชี้ไปยังใบหน้า แม้เห็นไม่ถนัดแต่สัญชาติญาณบอกเขาว่ามันคือ 'ปืน'
    เคนกดเบรกทันที ทำให้รถอีกคันแซงขึ้นหน้าไปได้ ทันทีที่ถูกแซง เคนเบนรถไปทางขวา จนมุมกันชนแทบจะสะกิดกัน เขาขับจี้ท้ายรถคันหน้า ทำเหมือนกับที่มันเคยทำกับเขา
    "ปืนไม่ใช่ของเล่น ถ้าไม่คิดจะยิง ก็ไม่ต้องชักออกมา" ประโยคนี้แว่วเข้ามาในสมอง เป็นคำพูดจากรุ่นพี่ที่เป็นนักเลงจริงคนหนึ่ง
    เมื่อหนีไม่ได้ เราก็ต้องสู้กับมัน ถนนข้างหน้าเป็นทางโค้งขวา รถของทั้งคู่ยังคงใช้ความเร็วสูง รถคันหน้ากดเบรกอย่างแรง แกล้งรถคันที่ตามมา เคนเบรกไม่ทันจึงเบนรถหลบซ้าย แล้วจู่ๆ ก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปเลนเดิม เร่งความเร็วขับไปกระแทกกันชนรถคันหน้าเบาๆ 1 ครั้ง แต่ที่ความเร็วกว่า 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แม้ถูกสะกิดเพียงนิด ก็ทำให้รถคันนั้นเสียหลัก และหมุนตกถนนลงข้างทางไป ที่ร้ายไปยิ่งกว่านั้น ข้างทางที่มีสภาพเป็นกองดินขนาดใหญ่ หากมีรถพุ่งเข้าไป ก็เหมือนวิ่งไปชนกำแพง เสียงโครม..ดังสนั่น รถพลิกหมุนหลายตลบ เศษกระจกหน้าแตกเกลื่อน กันชน ฝากระโปรงปลิวกระจายไปกว่า 30 เมตร ร้ายยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ขับรถไม่ได้สวมเข็มขัดนิรภัย ลำตัวท่อนบนหลุดออกมาพาดอยู่นอกหน้าต่าง ไฟหน้าและแตรยังคงเปิดค้าง
    ไม่ได้หันไปมอง ไม่ได้ดู แต่ได้ยินเสียงชนโครมดังสนั่น เคนก็ปิดไฟหน้ารถ แล้วขับหายลับไปในความมืด
    รุ่งเช้า มีข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ถึงเรื่องผู้ขับรถด้วยความเมา ขับรถเสียหลักพุ่งลงข้างทางรถพลิกคว่ำเสียชีวิตคาที่
    เคนไม่ได้มีลักษณะนิสัยดังเช่นอันธพาล ที่เที่ยวแกล้ง ระราน หรือรังแกผู้อื่น มันเป็นการป้องกันตัว เขาแค่ทำในสิ่งที่คนอื่นคิดจะทำกับเขา เข้าทำนองเกลือจิ้มเกลือ เป็นอีกสัญชาติญาณหนึ่งของนักสู้
    ขณะนั้นเคนอายุได้ 14 ปี และนั้นคือ 'รถซิ่ง' อันธพาลคันแรกที่เขาเก็บ แล้วชื่อของเคนก็แจ้งเกิดในกลุ่ม Midnight Racing ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    * * * * * * * * * * *

    แม้จะออกไปขับรถเกือบทุกค่ำคืนเหมือนนักขับคนอื่นๆ ต่างที่ว่าเขากลับไม่ชอบการโชว์ออฟที่ขับแข่งกันวนไปมาอยู่ที่เดิมๆ โดยเฉพาะสถานที่ๆ มีผู้คนเฝ้ามองมากๆ
    รถซิ่งยุคแรกจะขับกันบนถนนสุขุมวิท อังดีดูนังต์ พระราม 4 บางช่วง พอรถมากเข้าก็เปลี่ยนสถานที่มาแถวย่านรัชดา แต่มาฮ๊อตที่สุดก็ที่ถนนวิภาดีรังสิต 'The Palace'
    แต่ทว่า พอถึงยุคของ The Palace เคนก็ผันตัวเองขึ้นไปเล่นรถระดับสูงขึ้นไปอีก นั่นก็คือ 'นักทดสอบรถยนต์'
    ก้าวกระโดดแห่งเทคโนโลยีเริ่มเกิดขึ้น ณ จุดนี้ คนเล่นรถมากมายต่างปรับแต่งเครื่องยนต์ของตนอย่างขะมักเขม้น จูนคาร์บิวเรเตอร์ พกนมหนูเป็นถุงๆ แต่แล้วจู่ๆ ก็โดนคนรุ่นใหม่ที่มีเงินมากกว่าแซงขึ้นหน้า ด้วยเพราะว่ามีการเปลี่ยนวางเครื่องยนต์ตัวใหม่กัน ระบบหัวฉีดที่มากับความแรงแฝงความประหยัดกว่าก็เริ่มมีให้เลือกใช้กันแล้ว แถมหลายคันใช้ระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จอีกเสีย
    เคนเริ่มพัฒนาฝีมือจากนักขับไปสู่นักทดสอบ ที่ต้องใช้ความสามารถแตกต่างกัน อย่างแรกแค่ขับให้เร็ว แต่อย่างหลังต้องขับให้ละเอียดเพื่อเก็บข้อมูล คนที่มีพื้นฐานและทักษะเรื่องการบังคับรถยนต์ที่ดีเท่านั้นจึงจะไปถึงจุดสูงสุดได้ โชคดีที่มีเคนติดอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
    ในขณะที่หลายคนยังคงบ้ากับระบบอัดอากาศ เครื่องยนต์ตัวใหม่ และสารพันเทคโนโลยีทันสมัย แต่เคนกลับมองของพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน เพราะเขาเข้าใจดีว่าความแรงที่จะถ่ายทอดออกไปนั้นมันอยู่ที่ใจ และฝีมือของผู้ขับต่างหาก
    เด็กอายุ 14 ปีที่มีสไตล์การขับรถจนถึงขนาดผู้ใหญ่หลายคนยังกลัว เขาผสานใจจนเป็นหนึ่งเดียวกับรถยนต์ แม้นักขับรถทุกคนรู้เคล็ดข้อนี้ แต่ก็ทำได้ไม่ดีเท่า
    ทำไมเคนจึงทำได้ ทำไมเด็กที่อายุเพียง 14 ปีจึงมีความสามารถเช่นนี้
    หากมีใครไปถาม ก็มักจะได้คำตอบทำนองว่า
    "ก็แค่ขับไปเรื่อยๆ จับอาการของรถที่เราขับให้ได้มากและเร็วที่สุด จากนั้นก็ปรับตัวเข้าหามัน"
    "ที่ความเร็วต่ำ เราจะเป็นผู้ควบคุมรถ แต่ที่ความเร็วสูง รถจะเป็นผู้ควบคุมเรา"
    "คนโง่ คือผู้ที่ชอบแซงอย่างบ้าคลั่ง หากเป้าหมายของคุณคือการขึ้นนำหน้าให้ได้ ก็อาจเป็นวิธีที่ถูก แต่ถ้าอยู่ในสนามแข่ง การกระทำแบบนั้นคือวิธีนับถอยหลังของตัวคุณเอง" คำแนะนำสั้นๆ จากเคน มักเป็นที่ต้องเก็บไปคิดของบรรดานักขับรถทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่
    จนอายุได้ 17 ปีก็ได้รับเชิญไปเป็นที่ปรึกษาทีมแข่งเล็กๆ ทีมหนึ่งในต่างประเทศ นับจากนั้นชื่อเขาก็กระจายไปถึงต่างแดน เรียนรู้การแข่งรถอาชีพระดับสากลมากขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองยิ่งโง่ อาศัยช่วงเวลานั้นศึกษามหาวิทยาลัยไปด้วย เพราะเทคโนโลยีทันสมัยเข้ามามีบทบาทกับนักแข่งรถมาก จะขับเก่งอย่างเดียวนั้นดูจะไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะฝีมือสามารถพัฒนากันได้ ถ้าอยากชนะ ก็ต้องไปเร็วกว่าคู่แข่งอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ สิ่งที่เขาเลือกเรียน 'วิศวกรเครื่องกล' ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า 'อยากสร้างรถยนต์ด้วยตนเอง'
    ยุคกลางของรถซิ่ง The Palace ยังคงเฟื่องฟูอยู่หลายปี ดังกระฉ่อนจน CNN มาถ่ายออกอากาศไปทั่วโลก คนไทยบ้านเราไม่รู้ เพราะยังไม่มีดาวเทียม เซ็กส์และยาเสพติดเริ่มเข้ามามีบทบาทของสังคมคนกลางคืนมากขึ้น จนคนเล่นรถตัวจริงต่างก้าวถอยหลังออกมากันหมด แต่อนิจา..นี่กลับเป็นจุดที่ชี้นำเด็กรุ่นใหม่ที่อยากแจ้งเกิด คนที่ก้าวเดินผิดทางตั้งแต่แรก ก็ยากที่จะพัฒนา อยู่ที่ว่าใครสามารถคิดได้ก่อนกัน หลายคนทำได้ แต่ก็มีอีกมากที่ไม่ แล้วก็ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เพราะจบชีวิตที่ถนนสายนั้นเสียก่อน วิภาวดีรังสิตเป็นถนนอีกเส้นหนึ่งที่นักซิ่งข้างถนนมาหยุดลมหายใจของตัวเองที่นี่
    เด็กสาววัยรุ่นมากมายยินดีมอบเรือนร่างให้กับหนุ่มฮีโร่ข้างถนนที่เอาชนะรถนักแข่งทีมดังได้ และมีอีกมากที่มารอหน้าประตูทางเข้าราวเที่ยงคืนเพื่อ 'จับ' หนุ่มนักเที่ยวรถสวยกระเป๋าหนัก หวังเข้าไปดิ้นฟรี แลกกับการมีเซ็กส์หลังเธคปิด การประชันขันแข่งของบรรดารถซิ่งในยุคของ The Palace จึงเข้มข้นมาก เพราะต้องการอวดเพศตรงข้ามว่าฉันชนะ รถฉันแรง แล้วก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ หนุ่มรถแรงต่างได้สาวรักสนุกมาครอบครองแทบไม่ซ้ำหน้า คนหน้าใหม่อยากแจ้งเกิดให้เร็วและลัดขั้นตอน ก็ต้องทำรถให้แรงเพื่อที่จะ 'ฉีก' รถของเจ้าถิ่นให้ได้ การดำเนินงานและวางแผนเหมือนพวกแก๊งค์อันธพาลเป๊ะ ที่ต้องกำจัดหัวโจกของอีกฝ่าย เพื่อที่ตัวเองจะขึ้นมาเป็นใหญ่แทน
    ยุคนี้จึงเริ่มมีการขับรถแบบกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้น การแกล้งมีด้วยกันหลายวิธี ที่นิยมมากสุดคือ หลอกให้รถคันหลังขับตามไปในช่องทางแคบๆ แค่พอรถตัวเองจะผ่านได้เพียงคันเดียว หรือไม่ก็หาทางทำให้รถของคู่แข่งเขาชนกับรถของผู้ใช้ถนนคันอื่นๆ วัยรุ่นเรียก 'วางมิด' ระยะหลังเรียกกันสั้นๆ ว่า 'มิด' คำเดียว มาจากคำว่า Miss Cue ซึ่งแปลได้ 2 ความหมาย อันแรกคือการแสดงผิดพลาด อีกอันคือการแทงพลาด เป็นศัพท์ของวงการสนุ๊กเกอร์ แน่นอนว่าครับว่านักซิ่งส่วนใหญ่นิยมเล่นสนุ๊กเกอร์
    เทคนิคการแกล้งมีอีกมากมาย ทั้งทำให้เป็นอุบัติเหตุที่ดูเหมือนไม่จงใจก็ยังทำได้ ผมไม่ขอเล่า ไม่อยากให้คนรุ่นหลังทำตาม
    เมื่อมีนักขับอันธพาลมากเข้าสังคมรถซิ่งก็เริ่มเปลี่ยน นักแข่งหลายรายอยู่ในสภาพเมามาย ทำให้ยุคของรถซิ่งช่วงกลางก็สิ้นสุดลง จะโทษฤทธิ์เหล้าก็ไม่ถูกนัก เพราะหลายคนก็ดื่มเหล้าแต่ก็ยังมีสติและควบคุมตนเองได้ ช่วงนี้เองที่ตำรวจเริ่มเอาจริงกับอันธพาลกวนเมือง แต่ก็เอาจริงจังได้ไม่นาน เพราะไปเจอ 'ตอ' เข้า นักซิ่งหลายคนมีนามสกุลใหญ่โต แถมเป็นลูกนักการเมืองเสียเอง แม้เจ้าหน้าที่จับกุมได้ก็ต้องปล่อยตัวไป ไม่กล้ากระทั่งปรับ เพราะกลัวถูกย้ายออกจากพื้นที่ น่าเห็นใจตำรวจผู้น้อยหลายรายที่ถูกย้ายภายใน 24 ชั่วโมง
    สิ้นสุดยุคของ The Palace นักซิ่งก็แตกสายออกไปหลายแขนง เพราะในตัวเมืองต่างมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ผุดขึ้น ผิวถนนในตัวเมืองย่านชุมชนไม่เหมาะกับการขับแข่งอีกต่อไปแล้ว ถนนหลายสายตามชานเมืองถูกจับแปรเปลี่ยนเป็นสนามแข่ง ทั้งๆ ที่แข่งแบบไม่มีกฎก็ตามที จนแพร่ไปตามหัวเมืองในต่างจังหวัด แต่ช่วงนี้กลับเป็นยุคแจ้งเกิดของนักแข่งวัยรุ่นกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ท่อไอเสียมีเสียงดังแสบแก้วหู
    เคนกลับมาเมืองไทยเป็นระยะ พบเห็นหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป คนเล่นรถในยุคเดียวกันผันตัวเองเป็นเจ้าของอู่ บ้างก็เลิกราเรื่องรถไปแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็ทำธุรกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวกับรถไปเลย เด็กวัยรุ่นยุคนี้ดูจะโหยหาความแรงแบบไม่รู้นักจบสิ้น อยากครอบครองเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่รวมไปถึงระบบอีเลคโทรนิค แต่ตัวเองกลับไม่คิดกระทั่งศึกษาเรื่องการใช้งานของมันว่ามีผลดีผลเสียอย่างไร โดยผลักภาระหน้าที่หลักของตนเองให้กับช่าง ใฝ่หาแรงม้ามากกว่าการศึกษา ครั้นรถพังก็โทษช่าง ช่างก็โทษรถต่อ หากเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่นานก็ต้องเลิก เพราะได้แรงม้ามาจากเงิน ไม่ใช่สมอง
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้