คือเรียกว่าเอาประสบการณ์มาแชร์กันอ่ะคับ ที่เคยเจอมา ทำมา ไม่ใช่แบบ"เค้าบอกว่า"อ่ะคับ เราจะได้เจแนวทางของตัวเองในการทำรถอ่ะคับ เช่น คอมมอนเรล หัวฉีดเดิม รางเดิมสามารถรองรับบูสต์ได้เท่าไร พ่วงกล่องแล้วรองรับบูสต์ได้เท่าไร โบเดิมทำบูสต์สูงสุดแบบไม่พังได้เท่าไรเป็นต้นอ่ะคับ ใครมีข้อมูลตรงนี้อยากให้แชร์กันอ่ะคับ พี่ๆเพื่อนๆน้องๆจะได้มีข้อมูลไว้บ้าง จะได้ไม่โดนอู่แนะนำให้เสียเงินเยอะๆอ่ะคับ ดีมั้ยคับ ผมขอเปิดประเด็นจากประสบการณ์ส่วนตัวและขอตั้งเป็นคำถามไปในตัวด้วยคับใครมีข้อมูลก้อลองเล่าให้ฟังกันบ้างอ่ะคับ เรื่องการลดกำลังอัดเพิ่มบูสต์กับกำลังอัดเดิมแตบูสต์ไม่เยอะอย่างไหนดีกว่ากัน ส่วนตัวผมเคยเครื่องพังจากการที่ข้อเหวี่ยงขาดคับ ทำให้ชิ้นส่วนอื่นๆเช่นลูกสูบแหวน ปลอก วาล์วเสียหาย เรียกว่าพังเกือบทั้งตัวก้อว่าได้คับ เป็นเครื่อง4d56ในสตราด้าคับ ซึ่งหัวลูกสูบเรียบไม่มีหลบวาล์วเหมือนของไซโคลนคับ ช่างบอกว่าเปลี่ยนลูกโบลงเลยดีกว่า(เครื่องเดิมna) มันจะเป็นร่องแหวนเหล็กทนทานกว่า ผมก้อได้ตามหานานมากที่จะหาลูกสตราด้าโบ ก้อเกือบตัดใจใส่ลูกไซโคลนลงไปแทน ช่างที่ทำบอกว่าไม่มีผลอะไรมาก เป็นการลดกำลังอัดไปในตัว(เพราะมีหลบวาล์ว)จะได้บูสต์เยอะๆได้ ผมก้อกลับมานั่งคิดว่าเอ...ถ้าเราลดกำลังอัดแล้วเพิ่มบูสต์ กับกำลังอัดเท่าเดิมแต่บูสต์น้อย อย่างไหนจะมีผลดี-เสียมากกว่ากัน จากที่รถของช่างเองเค้าได้ลดกำลังอยู่แล้วก้อเลยถามว่าถ้าเราลดกำลังอัดจะเป็นอย่างไร ช่างได้บอกว่าการลดกำลังอัดอาจจะทำให้ 1.ติดเครื่องยากกว่า 2.ตอนเช้าหรือตอนเครื่องเย็นอาจจะมีควันขาวๆไหลออกมาบ้าง ผมกลับมานั่งคิดอยู่1คืนว่าจะเอาอย่างไรดี คิดว่าเรารถใช้งานถ้าติดยากคงไม่ดีรถใช้งานจะบูสต์เยอะไปทำไม เอาแค่ขำๆก้อพอ คิดต่อไปอีกว่าแล้วถ้ากำลังอัดเท่าเดิมบูสต์น้อยๆจะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้ากำลังอัดเท่าnaแล้วเซ็ทโบอาจจะทำให้เครื่องร้อนได้ แช่นานยาวๆไม่ได้เดี๋ยวลูกทะลุ แต่กดแล้วเป็นมา ก้อเลยตัดสินใจตามหาลูกโบหัวเรียบต่อไปแล้วก้อใส่เข้าไปจนทุกวันนี้ก้อยังใช้อยู่บูสต์ระดับ1.5บาร์ก้อยังทนทานดีอยู่ เลยเอาประสบการณ์การเปลี่ยนลูกสูบที่มีกำลังอัดเท่าเดิมเล่าให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆฟังคับ แต่ก้อยังคาใจอยู่ว่าแล้วอย่างไหนมันดีกว่ากันคับระหว่าง 1.ลดกำลังอัดเพิ่มบูสต์ 2.กำลังอัดสูง บูสต์น้อยๆ อย่างไหนให้การตอบสนองที่ดีกว่า ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า แล้วกำลังอัดเดิมที่เป็นnaของเครื่องดีเซล จะรับบูสต์ได้เท่าไรถึงจะคงทน แช่ยาวๆได้ ท่านใดมีประสบการณ์หรือข้อมูลทางวิชาการมาให้เป็นความรู้แก่ผมหน่อยคับ จะได้เป็นแนวทางในการทำรถต่อไปคับ แสดงความคิดเห็นได้ทุกรูปแบบเลยคับ จะเป็นข้อมูลทางวิชารการ หรือประสบการณ์ตรงก้อได้คับ ขอบคุณคับ
เอาเป็นตัวเลขแบบเจาะจงเลยดีกว่าคับ ระหว่าง 1.ลดกำลังอัดแล้วบูสต์40-50ปอนด์ กับ 3.กำลังอัดเท่าเดิมบูสต์20-25 อย่างไหนเวิร์คกว่ากันคับ
ในความรู้สึกผมนะ(ตามความคิดผิดๆถูกๆของผมเอง) ผมคิดว่าการที่ไม่ลดกำลังอัดแต่บูส20-25มันก็มีสิททำให้เครื่องร้อนเหมือนกันนะครับ เพราะว่าขนาดประเก็นเท่าเดิมมันเป็นขนาดที่วิศวกรทางโรงงานตั้งเอาไว้สำหรับเครื่อง n/a นั่นคือการที่เครื่องยนต์เป็นตัวดูดอากาศเอง แต่ถ้านำเทอร์โบมาติดตั้งเข้าไปอากาศที่เข้าไปมันก็จะมากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งผลที่ตามมานั่นก็คือความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากการเผาไหม้ ส่วนอีกกรณีก็คือ การลดกำลังอัดในห้องเผาไหม้ ถ้าเราลดกำลังอัดในเครื่องยนต์ก็จะทำให้กำลังอัดต่ำลงสิ่งที่ตามมาคือความร้อนน้อยลงแต่ในการลดกำลังอัดนี้ถ้าบูสต่ำก็จะทำให้กำลังของเครื่องยนต์ลดลง เครื่องเดินไม่เรียบ ในการลดกำลังอัดนี้ผมคิดว่าน่าจะใช้กับรถที่มีอัตราการบูสที่สูงมากๆจิงๆ และอีกอย่าง"รถคันที่ลดกำลังอัดมาต้องมีแคมช่วยเปิดวาล์วให้นานขึ้น"เพราะเมื่อลดกำลังอัดก็หมายความว่าพื้นที่ในห้องเผาไหม้ก็จะเพิ่มขึ้นแต่อากาศเข้าได้ไม่มากขึ้น ลองคิดตามนะครับระยะที่แคมกดวาล์วเท่าเดิมแต่เราอัดแต่บูสเข้าไปซึ่งอากาศที่เข้าเครื่องก็เพิ่มขึ้นได้ไม่มากหรอกครับ เพราะระยะเวลาที่แคมกดวาล์วนั้นยังคงเท่าเดิม ในรถแคมเดิมบูส35 กับบูส40 มันต่างกันขนาดไหมครับ แต่ถ้าเปลี่ยนแคมบูส35 กับบูส40 มันถึงจะเห็นผลครับ และส่วนเรื่องลดกำลังอัดจากประสบการณ์ที่เจอมานะครับช่วยในเรื่องความร้อนได้ครับและทำให้เครื่องทนขึ้นในระดับนึง(นิดนึง)แต่ก็พังเหมือนกันครับเพราะถ้าองค์ประกอบครบทั้งฝาและแคมต่อให้ลดกำลังอัดยังไงอากาศก็เข้าได้เยอะเหมือนเดิมก็พังเหมือนกันแหล่ะครับ ผมคิดว่าไม่ลดกำลังอัดบูส25-30 กับลดกำลังอัดแต่บูส35-40 ก็ไม่ต่างกันมากหรอกครับ
ตามที่พี่แบ้งค์ว่ามาเลยครับ แต่ลดกำลังอัดก็ต้องปาดฝาและสารชุบแข็งด้านที่ปาดออกไปก็หายไปด้วย ถ้าเครื่องลองได้ฮีตแล้วก็ยาวอ่าครับฝาโก่งอีกตามระเบียบ
ที่เคยทำ 4D56รถคันเก่าผมเพิ่มปะเก็นอย่างเดียว เครื่องเดินสะดุดควันขาวปุยๆ ถามช่างบอกว่าต้องปาดฝาแล้วเพิ่มปะเก็น ผมเลยเปลี่ยนเป็นปะเก็นเดิมแล้วบูสต์น้อยๆเอาไว้ใช้งานดีฝ่า อิอิ
นะคับ...ก้อพอได้ข้อมูลเป็นความรู้กันไปไม่มากก้อน้อยนะคับ ขอบคุณคุณแบ๊งค์และคุณตี๋ที่ให้ข้อมูลคับ หากท่านใดมีอะไรเสริมเรียนเชิญนะคับ จะได้เป็นข้อมูลในการทำรถกันคับ พี่ๆน้องๆเพื่อนๆจะได้มีเป้าหมายและลิมิตในการกำหนดสเป็คในการทำรถคับ ต่อมาผมจะขอเปิดประเด็นใหม่นะคับ เรื่องลด-เพิ่มกำลังอัดหากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก้อเสริมต่อได้เลยนะคับ เรื่องต่อไปที่อยากจะขอความรู้และเอาประสบการณ์มาแชร์ก้อคือเรื่อง การตั้งปั๊ม แก่-อ่อนมีผลอะไรกับเครื่องบ้าง ตอนที่ผมได้รถกระบะมาใหม่ๆนะคับ ก้อขับได้ดีในระดับนึงแต่"ความอยาก"มันบังเกิดคับ ก้อเลยลองไปหาโบเดิมเครื่อง4d56มายัดใส่ดู ก้อวิ่งกว่าเดิมแบบว่าผิดหูผิดตาเลยคับ ควันที่เคยดำก้อหายไปพอสมควร ความเร็ว160-170ทำได้สบาย และก้อเข้ามาในบอร์ดนี้คับ สอบถามหาความรู้มาโดยตลอด จนวันนึงเกิดเสี้ยน อยากลองเทสต์ปั๊มดูคับ ประกอบกับความเร็วเริ่มตกลงมา ก้อเลยลองไปเทสต์ปั๊มดูโดยยังไม่ฝาปั๊มใดๆทั้งสิ้นคับ เพิ่มน้ำมันเท่านั้น แต่อาการหลังจากเทสต์ปั๊มกลับมาแล้วคือเครื่องเดินเบาแบบหอบๆรัวๆนิดๆไม่นิ่งเหมือนตอนก่อน ก้อเลยลองดูตำแหน่งของปั๊มคับ ปรากฏว่าทางร้านได้ตั้งแก่กว่ามาร์คเดิมคับ คือมีการเอียงปั๊มนั่นเองคับ ก้อเลยกลับไปให้ที่ร้านดูแล้วเล่าอาการให้ฟัง ทางร้านว่า ต้องตั้งให้แก่หน่อยมันถึงจะวิ่ง ก้อจริงอย่างที่ร้านว่าคับมันวิ่งดีกว่าจริงๆ เพราะผมกลับมาบ้านก้อลองหมุนปั๊มกลับไปตำแหน่งเดิม มันวิ่งสู้แบบที่ร้านตั้งมาให้ไม่ได้คับ แต่เครื่องเดินนิ่งดี เรียบดี ก้อใช้มาสักพักนึงจนเกิดเหตุการณ์ทำให้ต้องรื้อเครื่องอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นคับ ผมก้อเลยมานั่งวิเคราะห์ดูว่าที่มันพังเนี่ย ส่วหนึ่งมาจากการตั้งปั๊มแก่ ทำให้การจุดระเบิดผิดจังหวะด้วยหรือไม่ เพราะในเครื่องดีเซลเท่าที่ดู มันไม่มีเครื่องมืออะไรวัดเลยคับ ว่าควรตั้งปั๊มจุดระเบิดที่กี่องศาข้อเหวี่ยง เหมือนในเครื่องเบนซิลซึ่งจะมี"ไทม์มิ่งไลท์"คอยส่องมาร์คไฟเพื่อตั้งองศาจุดระเบิด อย่างที่เราๆท่านๆทราบกันดีคับว่าการจุดระเบิดผิดจังหวะ จะทำให้เกิดการสึกหรอของอุปกรณ์ภายใน โดยเฉพาะลูกสูบที่ต้องรับภาระในการจุดระเบิดมาก ดังนั้นเราจะทราบได้อย่างไรคับว่าปั๊มที่เราใช้งานอยู่นั้นอยู่ในตำแหน่งการจุดระเบิดที่ถูกต้องคับ ส่วนใหญ่ช่างจะใช้ประสบการณ์จากการฟังเสียงเครื่อง ดูควันเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีเครื่องมือในการตั้งที่แน่นอน พี่ๆเพื่อนๆน้องมีประสบการณ์ ข้อมูล และความคิดเห็นว่าอย่างไรกันบ้างคับ ในกรณีนี้ไม่ได้หมายถึงมาร์คฟันของโซ่หรือสายพานไทม์มิ่งนะคับ หากแต่หมายถึงการบิดเอียงปั๊มในการตั้งองศาจุดระเบิด เฉกเช่นการบิดจานจ่ายในเครื่องเบนซิลอ่ะคับ อยากได้ข้อมูลตรงนี้มาเป็นความรู้คับ คงไม่ต้องลงลึกว่ากี่องศาของศูนย์ตายบน(TDC) แต่เราๆท่านๆจะทราบได้อย่างไรว่ามันจุดระเบิดได้ตรงจังหวะอ่ะคับ ไม่ใช่แค่การฟังเสียงหรือดูควัน
คุณฮอล มีประสบการณ์อะไรก้อเอามาแชร์กันได้นะคับ เพราะคุณฮอลก้อคงเจอประสบการณ์ต่างๆในการทำรถมาพอสมควร จะได้เป็นความรู้ ข้อมูลให้กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆในการทำรถคับ
เรื่องปั๊มผมว่ามันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนมากๆ บางครั้งทำมาแล้วแก่ไป อ่อนไป แต่ส่วนใหญ่ที่เจอคืออ่อนไปครับ แต่ในรถยนต์ที่มีเทอร์โบจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ปั๊มแก่กว่าเดิมๆครับ เพราะไอเสียต้องใช้ในปริมาณที่มากเพื่อปั่นใบเทอร์โบ อย่างรถผมเองแก้ปั๊มตั้งหลายรอบกว่าจะเข้าที่ เพราะอาการรผมวิ่งแล้วสะดุด.....ก็ไล่แก้กันจนท้อ ดันปั๊มชนเครื่องก็แล้วก็ไม่หาย สุดท้ายต้องถอดออกมาตั้งใหม่ไล่มาร์คกันใหม่แล้วเผื่อไปเฟืองนึง อาการที่เคยเป็นมาหายสนิท.....แซดได้ยาวๆ วิธีดูว่ามาร์คตรงหรือยัง(จากที่ทำจากพวกพี่ๆช่างที่ร้านนะ) จะต้องดูมาร์คที่พูเลย์ด้านล่างครับถ้าตรงก็คือจังหว่ะสูบหนึ่งอัดสุด แล้วก็มาดูมาร์คที่ปั๊มครับ มาร์คทั้งสองตัวนี้ต้องตรงกัน ซึ่งหมายความว่าในจังหว่ะนั้นปั๊มจะจ่ายน้ำมันไปที่สูบหนึ่ง แล้วกับรถเทอร์โบช่างก็จะตั้งปั๊มเผื่อก็คือดันเข้าหาเครื่องยนต์(สำหรับมิตซูนะครับ ลูกปั๊มหมุนขวา) เพื่อให้น้ำมันจ่ายก่อนที่สูบหนึ่งจะอัดสุด ส่วนจะตั้งมากตั้งน้อยก็แล้วแต่การวิเคราะห์จากทางร้านอีกที โดยต้องดูจากองค์ประกอบหลายๆอย่างครับ(รอพี่โอมมาตอบอีกทีครับ) ส่วนจะมีผลต่อลูกสูบหรือเปล่า มีผลแน่นอนครับ เพราะแรงต้านที่เกิดจากการระเบิดก่อนจังหว่ะอันควรมีผลโดยตรงต่อลูกก้านข้อครับ แต่ก็อีกแหล่ะ มันก็อยู่ที่รถแหล่ะว่าบูสเท่าไรโข่งหลังเบอร์อะไรเกียร์เฟืองท้ายอะไร เราก็ต้องตั้งปั๊มตามนั้นครับ ลองคิดดูนะครับ สมมุติว่ารถคันนึงใส่เกียร์เจ เฟือง3.5 ล้อ17 โบใหญ่โข่งเบอร์60 อุปกรณ์ในปั๊มเต็มหัวฉีดครบ แต่ไม่ต้องการปั๊มเขก ต้องการวิ่งแบบเงียบๆ ขอบอกเลยครับว่ายังไงก็ไปไม่ไหว บางครั้งการเขกก็ไม่ต้องไปกังวลมากหรอกครับเพราะลูกยังรับไหว วิศวกรเขาจะคำนวนเผื่อค่าNมาแล้ว(ค่าความปลอดภัย) เราก็ใช้มันให้มีประสิทธิภาพก็พอ ส่งนเรื่องเครื่องเขกอีกประการก็คือหัวฉีดครับ มีผลมากๆกับการจุดระเบิด บางครั้งผลักปั๊มให้ตายก็เขกไม่ดังสักที พอโดนหัวฉีดเข้าไปแค่นั้นแหล่ะ เขกลั่นบางเลยครับ ทั้งที่มาร์คยังคงตั้งใว้เท่าเดิม(โดนมากับตัวเอง.....อิอิ) เพราะฉะนั้นการเลือกใช้องศาหัวฉีดก็ต้องดูให้ดีครับ อันนี้จะขึ้นอยู่กับประสบการ์ณโดยตรงของช่างครับ ของผมที่โดนมาเขกดังไม่ว่า เครื่องเดินไม่เรียบเลย.....แฮ๊ดๆๆๆๆ.....ควันนี้ปุ๊ดๆๆๆๆๆๆตลอดเลยครับ วิ่งดีจิงแต่ใช้งานไม่ไหวครับ.....เลยต้องเปลี่ยนออก และก็ฝากทิ้งท้ายนิดนึงนะครับ ปั๊มถ้าเราให้เขกมากเกินมันจะทำให้ปลายๆเดินไม่ค่อยดีครับ ไม่เขกเลยต้นๆก็จะมาช้า เพราะฉะนั้นเอาแบบพอดีๆนะครับ ผิดถูกยังไงก็ขออภัยด้วยครับ ตอบตามที่รู้ครับ แล้วเดี๋ยวว่างๆจะมาเหลาต่ออีก.....อิอิ.....
เรื่องปั๊มนี่ไม่ค่อยกล้ายุ่งเองเท่าไหร่(สำหรับคันปัจจุบัน4M40)ยกหน้าที่ให้ช่างอย่างเดียวเลยครับเพราะตามที่พี่แบ้งค์กล่าวมาเลยครับ ว่า มันต้องละเอียดสุดๆ แต่คันเก่า(4d56)แกะเอง ตั้งเองอาศัยฟังเสียงเอาถูๆไถๆไป วิ่งบ้างไม่วิ่งบ้างอาศัยบูสต์น้อยครับและคอยดูควันไม่ให้บางอ่าครับ แต่อ่านในหนังสือมาเขกมากไปก็ไม่ดี เพราะการเขกก็คือการระเบิดก่อนจังหวะอันควรก็คือการระเบิดก่อนถึงจุดศุนย์ตายบนนั่นแหล่ะ(จุดTDC) และแรงต้านที่เกิดจากการระเบิดก็น่าจะมีผลต่อ ลูก ก้าน แบริ่ง(ชาฟก้าน)สุดท้ายข้อขาด อิอิ คอมเม้นสุดทายนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งแดงแจ๋นะครับเข้าใจตามความคิดของตัวเองอ่าครับ ยังงัยแล้วก็ต้องรอเซียนมาอ้างอิงอีกที
ความรู้ทั้งนั้นเลย...............อย่างนี้ เรียก.......จารย์แบ้งค์ ได้เลยนะเนี้ย......ความรู้แน่นเหลือเกิน..++
ตามที่ผมคิดไว้เลยคับว่าพี่ๆน้องๆเพื่อนๆมีข้อมูล ความรู้ที่มีประโยชน์ ผมก้อเพิ่งรู้นะคับว่าหัวฉีดมีผลกับการเขกของเครื่องด้วย ขอบคุณคุณแบ๊งค์และคุณตี๋(เจ้าประจำ)ไว้ ณ ที่นี้ด้วยคับ ท่านใดมีอะไรเพิ่มเติมช่วยเสริมด้วยนะคับ เพราะข้อมูลเหล่านี้สำคัญในการทำรถกันคับ อันไหนทำไปแล้วแรงแต่มีผลต่อความทนทาน หรือทนทานแต่ไม่แรง ผมคนนึงคับที่ได้ประโยชน์และรู้ตัวเองว่าอนาคตจะทำอะไรเพิ่มเติมดี หรืออะไรที่คิดว่าจะทำ แต่เจอข้อมูลแล้วอาจจะหยุดโครงการ เรียนเชิญมาเพิ่มเติมข้อมูลกันนะคับ
เรื่องหัวฉีดต้องใช้ประสบการณ์ครับ และก็ละเอียดมากๆ องศาเข็มผิดนิดเดียวมีผลสุดๆครับ แล้วก็อีกครับหัวฉีดนี้ก็มีสูตรมากมายก่ายกองครับ ผมใช้มิตซูยังรู้องศาที่จะใช้ไม่ครบเลยครับ.....อิอิ.....
ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ ตอบตามความรู้ที่มีนิดๆหน่อยๆ ถูกบ้างผิดบ้างตามความเข้าใจของผมหง่ะพี่ แล้วเทอร์โบพี่เสร็จยังครับ เดี๋ยววันอาทิตย์เข้าไปบ้านป๋าด้วยกันไหมพี่
ส่วนตัวคิดว่า อย่างไหนให้การตอบสนองที่ดีกว่า ใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีกว่า ก็แสตนดาร์ดซิครับ น่าจะดีที่สุด ถ้าให้เลือกก็ต้อง ข้อ 2 กำลังอัดสูงทำให้แรงบิดในรอบต่ำดีกว่าขับง่ายกว่า แต่ทิ้งท้ายให้คิดไว้อย่างนึงว่า ถ้ากำลังอัดสูง สิ่งที่ตามมาก็คือเราต้องใช้แรงในการบีบอัดด้วยเล่นกัน....ยิ่งถ้าเราบูทส์เพิ่มด้วยแล้วผมว่ายิ่งสูญเสียแรงส่วนนี้ในการบีบอัดแต่การระเบิดก็รุนแรงกว่าแต่ผมไม่รู้ว่าบวกลบแล้วอะไรได้อะไรเสีย แต่การเพิ่มกำลังอัดน่าจะเหมาะกับเครื่องNAมากกว่า แล้วกำลังอัดเดิมที่เป็นnaของเครื่องดีเซล จะรับบูสต์ได้เท่าไรถึงจะคงทน แช่ยาวๆได้ อันนี้ผมก็ตอบไม่ได้รู้แต่เพียงว่า ถ้ามีเกจ์วัดอุณหภูมิไอเสีย ก็จะรู้ว่าเราแช่ได้นานแค่ไหนหาก ความร้อนที่เกิดขึ้นต้องเข้าใจว่า กำลังที่ได้มามากเท่าไหร่ ก็ต้องสูญเสียไปกับการคูลลิ่ง หากการเผาไหมสมบูรณ์ไม่ว่าจะบูทส์เยอะแค่ไหนก็ตาม อุณหภูมิไอเสียจะไม่เพิ่มขึ้น แต่ห้องเผาไหม้ฝาสูบจะร้อนขึ้นตามเวลาที่ถูกเผา ยิ่งนานยิ่ง เดี๋ยวมาต่อ
นานเท่าไหร่น้ำก็จะร้อนขึ้นหากน้ำระบายไม่ทัน และน้ำมันเครื่องร้อนจัด ก็จะทำให้ อุณหภูมิของเสื้อสูบฝาสูบลูกสูบขยายตัว ทีนี้เคลียร์แลนช์ มันก็จะไม่พอ ทำให้ลูกติดแบริ่งละลาย... ประมาณนั้น การที่เราลดกำลังอัดดีตรงที่เราได้กำลังจากการบีบอัดน้อยในช่วงที่บูทส์เยอะ แต่ผมว่ากว่าที่เราจะพาให้รอบเครื่องขึ้นไปจนติดบูทส์ นั้นใช้เวลานานกว่า เว้นแต่...การแข่งขันเช่น แดร็ก หรือการลากน้ำหนัก(TRUCK PULL) ออกตัวที่ 6000หรือมากกว่านั้นเพื่อให้มันติดบูทส์ ไม่เช่นนั้น ต้องรอรอบอย่างรุนแรง...มันจึงไม่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันเลย.... ถ้า??? คิดจะลดความร้อนจากการเผาไหม้ ผมคิดว่า น่าจะต้องทำให้เครื่องเผาไหม้อย่างสมบูรณ์เสียก่อน และเพิ่มอัตตราการไหลของน้ำที่วนให้ เพิ่มขึ้นจะได้ดึงความร้อนออกมาทัน จากที่เคยลดกำลังอัดแต่ไม่มากเช่นเสริมประเก็น อะไรทำนองนี้........บอกตามตรงว่าผมไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมก็ลดกำลังอัดไปบ้างโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะว่า หัวลูกสูบมันไม่ตรงรุ่นน่ะครับ แต่คงไม่มากอะไรและใช้โข่งหลังเล็กด้วยหรือป่าวก็ไม่ทราบ แต่แรงบิดก็ได้เกือบ600เหมือนกัน... ถ้าเอารถพี่น้องSCG ไปวัดแรงม้าอาจจะทราบได้ว่าลดกำลังอัดแล้วแรงบิดสูงสุดจะต่างกันป่าว
กระทู้นี้มันส์มากขอบอก เรื่อง.............ZEXEL VS DENSO เชื่อหรือไม่ลองเอาไปทำดูเองนะคับ........ลูกปั้ม 12 หมุนขวาเหมือนกัน ประสิทธิภาพวัดกันแล้ว บางร้านอาจจะทำแล้ววิ่งบางร้านอาจจะทำไว้หลอกๆ บางร้านไม่รู้ด้วยซ้ำ คือว่า ถ้าเซียนที่ชอบแต่งเองโมเองขับเอง จะรู้ว่า จานโรลเตอร์ แต่ละเบอร์ จะมีองศาแก่อ่อนไม่เท่ากัน....... เพลาปั้มก็เหมือนกันไม่ตรงกันก็มีนะ......แก่อ่อนต่างกันได้ ที่สำคัญ ลูกปั้มก็เช่นกัน ทำเหมือนกันวิ่งต่างกันอย่างเห็นได้ชัด........ เท่าที่เจอมาลูกปั้มDENทำไปแล้วจะสะใจเทพเจ้าสเวิลแชมเบอร์ เขกสนั่นหวั่นไหวเลย........แต่ลองเร่งรอบสูงนิ่งๆ กลับมีอาการสะดุดควันขาวปุดๆๆ ออกมา ทั้งที่แกไฟช่วยแล้วก็ตาม......ถ้าไม่ลำคาญทนได้ก็ทนไป แต่ส่วนตัวมองว่า ZEXจะเนียบกว่าพอดีไม่เขก และแก่ไฟก็แก่ได้ไม่แก่หลอกเหมือนตีเรกกูเรทหัวปั้ม แต่ต้องยอมรับว่า DEN เอาไปปั่นน้ำมันออกเยอะกว่าจริงครับ........ หรือว่าเป็นเพราะว่าจาน หรือทามเมอร์ก็ไม่ทราบได้ เพือนๆเคยเจอเคสนี้ไหมครับ
เรื่องลดกำลังอัดนี่ก็น่าทำครับ แต่ผมไม่ทำถ้าไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่อง กำลังอัดเท่าเดิมบูทส์น้อยๆดีักว่า ถ้าทำก็ทำเหมือนเดิมคือ ขุดหัวลูกสูบให้ลึกกว่าเดิม แต่ทำแล้วไม่เห็นผลแบบรู้สึกได้ครับ คงได้ความอึดเพิ่ม ส่วนปั๊ม ผมเองก็เอาไปแต่ง แต่งแล้วก็เพิ่มน้ำมันตูดปั๊ม กะฝาปั๊ม ทำเป็นแค่นั้นเอง ลึกๆต้องตาเจี๊ยบแหล๊ะครับ ถามตาเจี๊ยบบ้าง อุณหภูมิท่อไอเสีย ควรอยู่ที่เท่าไหร่ มากไปมีแต่เสีย แล้วถ้าน้อยล่ะเป็นยังงัย