กรองเปลือยทำให้เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิมหรือเปล่า

....การใส่กรองเปลือย(ในรถเดิมๆ)ทำให้เปลืองน้ำมันมากกว่าเดิมหรือเปล่าครับ....ถ้าใช่....มีวิธีการแก้ไขหรือช่วยให้เปลืองน้อยลงมั้ยครับ....

 

เอ.... อันนี้ไม่แน่ใจคับ เพราะผมเองก็ใส่ แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลืองนะ

แต่ก็อยากรู้เหมือนกันคับ ใครรู้ช่วยบอกทีคับ

ของผมกรองเปลือย+เฮดเดอร์ทั้งเส้นคับ

 

เท่าที่เคยใช้มา กรองเปลือยใส่แล้วอากาศจะไหลเข้าเครื่องสะดวกขึ้น มีเสียงลมดูด

ทำให้รู้สึกว่ารถพุ่งขึ้นขับมันขึ้น เมื่อรถพุ่งขึ้นขับมันเราก็เหยีบเพลินทำให้กินน้ำมันขึ้น

ถ้าขับเท่าเดิมเหยียบเท่าเดิมก็ไม่น่าจะกินน้ำมันเพิ่มเท่าไรครับ

(รอพี่น้องที่ใช้กรองเปลือยอยู่มาช่วยเสริมด้วยครับ)

 

ขอบคุณครับ....ยังรอข้อมูลจากพี่ๆคนอื่นอยู่นะครับ...

 

เปลืองครับ เพราะรู้สึกว่าขับได้เร้วขึ้นครับ
อิอิ

 

พอดีไปเจอมาคับ คิดว่าคงมีประโยชน์บ้าง
การติดตั้งกรองเปลือย
เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการที่จะเปลี่ยนมาใช้กรองอากาศแบบเปลือย เพราะต้องคำนึงถึงเนื้อที่จะติดตั้งว่ามีขนาดมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ในรถแบบ NA ไม่มีเทอร์โบควรใช้แบบที่สามารถเปลี่ยนแทนของเดิมได้เลย เพราะสะดวกกว่า ลดปัญหาการทำ airbox หรือห้องกั้นอากาศ ในเครื่องยนต์เทอร์โบที่ได้รับการโมดิฟลายนิยม ใส่กรองเปลือยลูกใหญ่ เพราะเครื่องต้องการอากาศที่มากขึ้น อาจต้องมีการย้ายแบตเตอร์รี่เพิ่มพื้นที่ ทำห้องกั้น และต่อท่ออากาศที่รับลมดูดจากภายนอกมายังห้องกั้นจะได้ผลดีที่สุด
ปัญหาต่างๆหลังการติดตั้ง และเปลี่ยนไปใช้กรองเปลือย
1. เครื่องแรงตกในรอบต้น ส่วนมากมักเกิดจาก การไหลของอากาศที่ดีและเร็วเกินไป มีผลทำให้ ส่วนผสมของน้ำมันบาง อากาศเข้ามากน้ำมันเข้าน้อย (ส่วนมากรถโรงงานจะปรับน้ำมันมาให้เหมาะกับกรองอากาศเดิม) อากาศที่ไหลเข้าได้เร็วกว่าในรอบต่ำส่งผลให้เครื่องยนต์สูญเสียกำลัง (เครื่องยนต์จะมีแรงบิดดีในรอบต่ำต้องอาศัยการรีดไอดีให้ผ่านได้ช้ากว่า ขนาดของท่อไอดี และความยาวของที่ไอดี)
2. แรงตกในรอบปลายกินน้ำมัน ส่วนมากเกิดจากการติดตั้ง เช่นติดตั้งในจุดที่รับอากาศร้อน ไม่มีกล่องดักอากาศ airboxไม่มีช่องต่ออากาศเย็นมาให้กับกล่องดักอากาศ (อากาศที่เย็นกว่าย่อมมีความหนาแน่นมากว่า การเผาไหม้ดีกว่า) การใช้กรองอากาศลูกเล็กเกินไป เครื่องจะดูดอากาศเข้าไม่ทัน ส่วนผสมน้ำมันจะหนาทันที เมื่อได้รับการเปลี่ยนกรองต้องได้รับการจูนส่วนผสมน้ำมันให้เหมาะสมขึ้นด้วย
3. เครื่องยนต์กำลังตกลงเรื่อยๆ มักเกิดจากใส้กรองเริ่มอุดตัน ต้องถอดมาทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ ใส้กรองที่ขาด หมดอายุจะทำให้ฝุ่นละอองที่เล็ดรอดเข้าไป จับตัวกับคราบน้ำมันหนาตัวขึ้น ขัดขวางการไหลของอากาศเช่น จับตัวหน้าปากเทอร์โบ ใบเทอร์โบ ท่ออินเตอร์ ติดสะสมในอินเตอร์คูลเลอร์ ท่อไอดี พอร์ตไอดี พอร์ตไอเสีย โข่งเทอร์โบ แคต หม้อพักไอเสีย ถ้าเป็นอย่างนี้มีหวังต้องถอดทั้งชุดมาล้างกันยกยวง แต่ทางที่ดีแนะนำให้เช็คไส้กรอง และทำความสะอาดบ่อยๆจะดีกว่า
4. กรองฉีกขาด เกิดจากการผลิตของกรองอากาศ การถอดมาทำความสะอาดที่รุนแรงไม่ถูกวิธี การติดตั้งไปเสียดสีกับอุปกรณ์อื่นๆ และกรองอุดตันมากจนแรงดูดอากาศทำให้กรองฉีกขาดได้ ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที

การดูและรักษา
กรองแบบกระดาษหรือใยสังเคราะห์แบบโรงงาน ต้องได้รับการเป่าทำความสะอาดทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือถ้าใช้งานหนัก เส้นทางการใช้งานทุรกันดารฝุ่นละอองมาก ต้องตรวจเช็คและเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนด ประมาณ 10,000 ? 20,000 กิโลเมตร
กรองแบบฟองน้ำ เมื่อตันหรือสีเริ่มเปลี่ยน สามารถล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ผึ่งให้แห้ง หรือหาน้ำมันเคลือบดักจับฝุ่นพ่นเคลือบอีกชั้นหนึ่ง แบบนี้ถ้าเริ่มสังเกตว่าฟองน้ำเริ่มขาด บีบดูแล้วไม่ค่อยคืนตัว หดตัวเสียรูปให้รีบเปลี่ยนทันที ถ้าเป็นของ HKS จะแนะนำให้เปลี่ยนทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
กรองแบบผ้า Cotton เมื่อเห็นว่ามีฝุ่นผงติดอยู่มาก ต้องทำการล้างด้วยน้ำให้ชุ่ม ฉีดสเปรย์ล้างให้ทั่ว ล้างน้ำจนสะอาด ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงใช้น้ำยาเคลือบจับฝุ่นพ่นให้รอบไส้กรอง แบบนี้สามารถล้างได้หลายครั้ง อายุการใช้งานยาวนานนับแสนโลกันเลย
กรองแบบ สแตนเลส แบบนี้จะตันไวกว่าแบบอื่นมาก แต่การทำความสะอาดง่าย ไม่ต้องถนุถนอมมาก ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ตากให้แห้ง แล้วใช้สเปย์ดักจับฝุ่นพ่นเคลือบทั้งตัว แบบนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก

 

เยี่ยมเลยครับ....อ่านแล้วชักอยากกลับไปใส่ของเดิมซะแล้ว......

 

รอบต้นอาจอืดกว่าเดิมบ้างเพราะส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันไม่ลงตัว (อากาศเข้ามากกว่า) ส่วนรอบปลายเครื่องต้องการอากาศเข้าให้มากก็พอดีกับกรองเปลือยสามารถตอบสนองตรงนี้ได้เลยทำให้วิ่งดีขึ้น

การที่รอบต้นอืดทำให้เราต้องเยียบคันเร่งมากกว่าเดิมทำให้กินน้ำมันเพิ่มมากขึ้น

การใส่หรือไม่ใส่กรองเปลือยคงขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่เป็นหลักว่าชอบขับที่รอบไหนถ้าขับรอบไม่สูงมากและรถยังไม่ได้โมดิฟายอะไรมากมายก็คงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนครับ รถผมก็ยังใส่กรองเดิมเพียงแต่เปลี่ยนเป็น k&n ที่อากาศไหลได้ดีกว่ากรองผ้าก็ดีขึ้นแล้วครับ

 

ขอบคุณมากคร๊าบสำหรับข้อมูลดีๆ

 

คุณบอลคับ

กินไม่กิน มันขึ้นกะปลายเท้าของท่านคับ

เท่าที่สังเกตุดูการขับของคุณบอล

ผมว่าคุณบอลไปแข่งขัน ขับรถประหยัดน้ำมันได้เลย อ่ะ



ถ้ามันกินขึ้นเยอะขนาดรู้สึกได้ก็ถอดออกครับ
แต่ผมว่า ผมยอมแลกกัยอัตราเร่งคับ

ลองวัดระยะทางต่อกิโลเมตรที่วิ่งได้เอามาเปรียบกันดูสิคับ

 

แจ่มเลย
ส่วนมากอยู่ที่ขาเราจริงๆ ว่าจะเหยียบขนาดไหน 555

 

แหม...คุณเก่งบรรยายได้เห็นภาพเลย ว่าไงคุณบอล..จะใช้สิทธิ์ถูกพาดพิงอะป่าว

แนะนำจากใจจริงนะครับ...ใช้กรองเดิมดีกว่า ประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นผงเล็กๆดีกว่าครับ

 

ผมใสมาตั้งนานแล้วไม่รุ้สึกว่าน้ำมันขึ้น
กรองเปลือยใส่แล้วอากาศจะไหลเข้าเครื่องสะดวกขึ้น มีเสียงลมดูด

ทำให้รู้สึกว่ารถพุ่งขึ้นขับมันขึ้น หรือเป็นเพราะผมเปลียนหัวเทียนกับตั้งไฟใหม่ หรือเปล่า ทำให้ไม่รู้สึกว่ากินน้ำมัน

 

...แหม...เอาซะพูดไม่ออกเลยอ่ะ...อิ..อิ...ฮิ...

 

.....ก้อคุณเก่งเค้าเคยนั่งรถผมอ่ะ....สงสัยผมคงขับรถช้าอ่ะ...แหะ..แหะ

แต่กรองเดิมคงยังใส่มะได้หรอกครับ...เพราะตรงคอมันหัก...(ไอ้ตรงที่ต่อเข้ากับตรงหัวฉีดหรือแอร์โฟลว์มั้งเรียกไม่ถูกอ่ะครับ...

 

.....แล้วเราควรเปลี่ยนหัวเทียน/ตั้งไฟเมื่อไรดีครับ....รบกวนผู้รู้ตอบหน่อยครับ....แล้วถ้าเปลี่ยนต้องใช้เบอร์ไหนถึงจะดี....ตั้งไฟขนาดไหนครับ...

 

ผมว่าน่าจะกินเพราะการเหยียบคันเร่งนะครับ
ตามหลักการ(ความคิดส่วนตัวนะครับ) ถ้าเครื่องหัวฉีด จะมี O2 เซ็นเซอร์วัดปริมาณอากาศที่เหลือจากการเผาไหม้ ถ้าอากาศเหลือเยอะกล่องก็จะให้หัวฉีดจ่ายน้ำมันมากกว่าเดิมเพื่อให้อัตราส่วนของอากาศกับน้ำมันสมดุลกันจากเดิมความชินเท้าก็จะเหยียบคันเร่งเท่าเดิมตลอดแต่อากาศเข้ามากกว่าเดิม(กรองอากาศโล่งกว่าเดิม) ทำให้รู้สึกว่าอัตราเร่งดีกว่าเดิมครับ