REVIEW :: Overview New City 2009 Engine Bay

ผมคิดว่าอาจจะมีประโยชน์กับคนที่สนใจ ก็เลยเก็บจุดเล็กจุดน้อย เอามาให้ดูกันครับ

ผมเห็นว่าในบางที บางคนก็ ไม่รู้ว่าอะไรมันดีอะไรมันไม่ดี อะไรมันอยู่ตรงไหน เวลาใครพูดจะได้รู้และนึกภาพออก จากเหตุนี้ผมก็เลยคิดว่า เอามาอธิบายให้
ฟังกันดีกว่า เพื่อว่าจะมีประโยชน์ ต่อไปกันบ้าง

ครั้งนี้ ผมนำเสนอข้อมูลของ Honda City 2009 ซึ่งเป็นรถที่ออกมาในปีนี้ ส่วนตัวผมคิดว่า รถรุ่นนี้สวยมากๆ ถ้ามีเงินมาให้ และต้องเลือกระหว่าง
Jazz ใหม่ กับ City ใหม่ ผมเลือก City ใหม่ เพราะด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างมันน่าสนใจและน่าใช้เอามากๆ

และเมื่อเทียบกับ City 2003 ผมเห็นว่ามีหลายต่อหลายอย่างที่ดีขึ้นและน่าใช้ แต่อย่างไรก็ดี มีอยู่แล้วก็ใช้ให้คุ้มแต่งให้เต็ม สวยไม่แพ้กันแต่คนละแบบครับ
พานอกเรื่องมาสักพัก ขอกลับไป ดูรายละเอียดของ New City 2009 เน้นกันตรงบริเวณห้องเครื่อง กันดีกว่าครับ งั้นเราไปเริ่มดู รายละเอียดด้วยกันดีกว่าครับ

ก่อนอื่นขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ไช้ กูรู อะไร แต่ว่าพอรู้บ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็เลยเอามานำเสนอเท่าที่พอจะแนะนำได้นะครับ

เริ่มกันตรงที่เมื่อเปิดฝากระโปรงหน้า เราก็จะเจอภาพแบบนี้แหละครับ


เน้นๆ กันตรงนี้หน่อยครับ ตรงนี้แหละ เครื่องยนต์ ระบบอากาศที่ลำเลียงเข้าห้องเผาไหม ซึ่งก็จะผ่านเข้าเครื่องทาง ลิ้นปีกผีเสื้อ


ตรงนี้ขอให้ดูกันชัดๆ ครับว่านี้แหละที่เค้าเรียกกันว่าเครื่องยนต์


ตรงนี้ ก็ส่วนของกรองอากาศเข้าเครื่องยนต์และแบตเตอรี่


ชัดๆ กับแบตเตอรี่ครับ


ตรงนี้แหละครับที่เติมน้ำฉีดกระจก


ตรงนี้ คือจุดที่พักน้ำหม้อน้ำ ขาวๆ และสายท่อดำๆ คือท่อน้ำที่ต่อออกมากจากเครื่องยนต์ เพื่อใช้ระบายความร้อนให้เครื่องยนต์


ส่วนนี้อยู่บริเวณใต้ฝากระโปรงหน้า ทำหน้าที่ดักอากาศจากหน้ารถ ซึ่งเป็นอากาศเย็น และ ช่วยส่งต่อไปให้บริเวณรับอากาศเข้าเครื่อง ซึ่งจริงๆ แล้วยิ่งอากาศเย็นเท่าไหร่ ความหนาแน่นของ ออกซีเจน ยิ่งมาก ก็ทำให้ เครื่องยนต์เผาไหม้ได้สมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นนะครับ ผมว่าตรงนี้เค้าออกแบบมาดีมากๆ เพราะว่า เท่าที่ดู พึ่งเห็นจะมีในรุ่นนี้แหละ


ส่วนนี้ให้สังเกตุตรงกระปุก ขาวๆ ฝาปิดดำๆ ตรงนั้นแหละครับเค้าเรียกว่ากระปุกน้ำมันเบรคครับ ซึ่งเราสามารถใช้การสังเกตุระดับน้ำมันเบรคเพื่อดูว่า ผ้าเบรคหมดแล้วหรือยังก็ได้นะครับ แต่ขอให้ระวังนิดนะครับ เพราะว่าถ้าน้ำมันเบรคมันรั่วลงตัวถังรถเนี้ย สีหลุดแถมได้สนิมด้วยนะครับ แนะนำว่า ถ้าเป็นไปได้ให้หาถุงหุ้มกระปุกน้ำมันเบรคมาสวมไว้หน่อยก็จะดีมากๆ นะครับ




เอาให้เห็นกันชัดๆ สำหรับกระปุกน้ำมันเบรคครับ ที่มีสายสีเขียวๆ ตรงนั้นเค้าเรียกว่า ออกซิเจนเซ็นเซอร์ นะครับ เอาไว้ตรวจสอบ จำนวนออกซิเจนที่เหลือจากการเผาไหม้ เพื่อนำไป เป็นข้อมูลให้ ECU หรือ Engine Control Unit หรือ สมองของเครื่องยนต์รู้ว่า ควรจะ ฉีดน้ำมันเท่าไหร่ หรือว่า ต้องจุดระเบิดที่องศาไหน



เมื่อกี้พูดถึง ECU ไปแล้วคราวนี้มาดูกันว่ามันอยู่ตรงไหน สำหรับรุ่นนี้ ECU อยู่หลังแบตเตอรี่ ที่เป็นกล่องสีดำๆ ที่ในห้องเครื่องยนต์นี้แหละครับ เดี่ยวนี้ ผมเห็นว่าเค้าเอา ECU มาไว้ในห้องเครื่องกันหมดแล้วไม่รู้ทำไม แต่เมื่อก่อนจะอยู่ในห้องโดนสารกันส่วนใหญ่นะครับ


ที่เห็นว่าเป็นที่ดึงสีส้มๆเหลืองๆ เนี้ยแหละครับเอาไว้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องนะครับรายละเอียดในการดู ขอให้ดูในคู่มือประกอบ


มองลงไปลึกๆ ด้านขวา ที่เห็นจะเป็นเกียร์นะครับ ตรงนั้นแหละ เกียร์


ส่วนนี้ก็เป็นที่วัดระดับน้ำมันเกียร์นะครับที่เห็นเป็นที่ดึงสีเหลืองนะ


ส่วนนี้แหละครับที่เอาไว้ควบคุมการหยุดรถด้วยระบบ ABS เป็นตัวควบคุมการกระจายแรงดันเบรคครับ


ที่เห็นขาวๆ เป็นท่อๆ เนี้ยก็คือ ท่อไอดีที่ ป้อนอากาศเข้าในห้องเครื่อง ให้สังเกตกันอีกสักนิดครับที่เห็นเป็นจุดๆ ตรงนั้น อาจจะเป็นโครงการของ Honda ที่จะมีการติดตั้งระบบ GAS ก็เป็นได้เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่จะสามารถใช้ฝังหัวฉีดแก็สได้พอดี (อันนี้ผมเดานะครับ หรือว่าอาจจะเป็นไว้ ฉีด NOS หว่า)


ตรงนี้ก็เป็นที่ๆ เค้าเอาไว้เติมน้ำมันเครื่องครับ


ตรงนี้แหละครับ คอยล์จุดระเบิดครับ ซึ่งใต้คอยล์จุดระเบิดก็จะเป็นหัวเทียนครับ


นี้เลยครับยางที่ให้มากับรถ เห็นไหมครับลายดอกยางแบบไม่สมมาตร ด้วยเรียกได้ว่าดีมากเลยนะ



ส่วนหนึ่งที่ผมเห็นว่าสวยเลยทีเดี่ยวก้คือ ไฟหน้า นี้แหละครับ มีขอบดำด้วยนะครับ



มาดูพวกของตกแต่งภายในกันบ้างครับ อันนี้ผมเห็นว่าเป็นของแต่งที่ควรจะมีกันไว้ก็คือชุดลำโพงเสียงแหลมนะครับ ช่วยให้ เสียงดีขึ้นมาก เลย และลงตัวกับรถมากๆ เลยของดู อันนี้ของ Honda เบอร์ 0 นะครับ


เดิมๆ มาจะไม่มีนะครับ


ตรงนี้เป็นผ้ายางครับ ที่เห็นเป็นรูๆ เนี้ยเอาไว้ใส่ตัวยึดพรมนะครับ แต่ส่วนใหญ่ 0 จะไม่ได้ใส่ไปให้ แต่ขอให้ ขอเค้ากลับไปด้วย จริงๆ ผมอยากแนะนำให้เค้า ติดตั้งให้ไปด้วยเลย จะได้งานที่เรียบร้อยนะครับ มันมีประโยชน์นะครับเพราะว่าช่วย Lock พรมหรือผ้ายางไม่ให้เคลื่อน


เวลาไม่มีผ้ายางไม่ใส่อะไรเลย


สรุปเลยครับ สั่นๆ ว่าน่าใช้ครับ ไงก็ลองเอาไปดูกันนะครับ