ตอนนี้คำถามเกี่ยวกับโช๊ค มีมากมายเหลือเกิน บางคนไม่เคยใช้ เคยได้ยินเค้าพูดมา ก็พูดต่อ ๆ กันไป น้อยคนที่จะเคยใช้ และรับรู้ ว่า Feeling จริง ๆ ของโช๊คแต่ละตัวเป็นยังไง กระทู้นี้ถือเป็นการแชร์ความรู้ก็แล้วกันนะครับ ผมก็จะเล่าในเฉพาะ ส่วนที่ผมรับรู้ จากการใช้งานเท่านั้น ส่วนเรื่องเทคนิคลึก ๆ ไปหาหนังสือ อ่านเอาเองจะดีกว่า เริ่มกันเลย....OHLINS DFV ตัวนี้จะเป็นตัวล่าสุด ทีพัฒนามาจากตัว PCV คำว่า DFV ย่อมาจาก Dual Flow Valve คือจะมีวาล์วสองชุด แยกกันระหว่างช่วง Bump และ Rebound ช่วยเพิ่มความนุ่มนวล และ ช่วยให้ล้อของรถสัมผัสกับพื้นถนนตลอดเวลา การแยกวาล์ว Bump และ Rebound ของ DFV นี้ถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะช่วยให้วาล์วไม่ต้องรับภาระหนัก และมีการตอบสนองได้เร็ว และ ข้อดีอีกอย่างนึงของ OHLINS ก็คือ การแยกห้องระหว่าน้ำมัน และแก๊ช เพื่อป้องกันการถ่ายแถความร้อน ที่จะทำให้แรงดันในโช๊คเปลี่ยนแปลง เมื่อใช้งานหนัก ติดต่อกันนาน ๆ ครับ
มาดูของจริงกันบ้างดีกว่า ชุดที่จะนำมา Review นี้เป็นชุดตรงรุ่นของ EG และ DC2 แต่ด้วยน้ำหนัก และมิติรถที่ไม่ต่างกันมาก Feeling คงไม่ต่างจาก ของ EK เท่าไหร่ คงไม่ว่ากันนะครับ เพราะจริง ๆ แล้ว DFV สามารถถอด หูโช๊คสลับกันได้ระหว่างหูของ EG และหูหลังของ EK ตาม Spec ของ OHLINS โช๊คสามารถซื้อได้เฉพาะโช๊ค หรือจะซื้อพร้อมสปริง หรือซื้อครบชุดพร้อมหัว Ball Joint ก็ได้ ชุดที่ได้มา เป็น Full Set ครับ ประกอบ ไปด้วยโช๊ค DFV มาพร้อมสปริง Eibach สเป็คพิเศษ ที่ผลิตมาเพื่อ OHLINS เพราะทั้ง OHLINS และ Eibach ต่างก็เป็นสินค้าจากประเทศ Sweden แต่ Made in Japan นะ....งงมั๊ย 555+
อ่ะ...มาดูกันต่อ มาดูกันว่าวิธีดูว่าสปริงที่ติดมากับโช๊คนั้น มีค่า K เท่าไหร่ และดูยังไง เอาวิธีดูของ OHLINS ก่อนก็แล้วกันนะครับ เด๋วสำหรับยี่ห้ออื่น อย่าง Swift หรือ TEIN จะทะยอยเอามาเล่าให้ฟังวันหลัง พอดีวันนี้ไม่ได้ถ่ายรูป มาให้ดู จากรูปจะเห็น Code ที่ตัวสปริงว่า T140 นั่นแหล่ะครับ มันบอกเราได้ว่าสปริง ชุดนี้มีค่า K เท่ากับ 14K/mm หรือพูดง่าย ๆ ว่าออกแรงกดโช๊ค 14 กิโลกรัม สปริงก็จะยุบลงมา 1 มิลลิเมตร โช๊คชุดที่ได้มานี้ เซ็ทค่าสปริงหน้ามา 14K ส่วนด้านหลัง 6K เซ็ทมางง ๆ นิด ๆ เพราะค่า K หน้าหลังค่อนข้างต่างกันมาก ถ้าเป็นตัว OHLINS PCV ค่ามาตรฐานจะอยู่ที่หน้า 10K หลัง 5K ถ้าเป็น TEIN Flex จะเซ็ทหน้า 9K หลัง 5K ส่วน Mono Flex หน้า 11K หลัง 9K ครับ เป็นค่ามาตรฐานจากโรงงาน
แล้วค่า K เท่าไหร่ถึงจะดี แล้วเท่าไหร่ถึงจะพอ ? อันนี้บอกกันไม่ได้ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักรถ ความหนืดของโช๊ค และ ชนิดของยางที่ใช้ด้วย ถ้าจะเอากันจริง ๆ ต้องคิดกันถึงขนาดนั้น รถคันเดียวกัน เปลี่ยนโช๊ค แต่ใช้สปริงค่า K เท่ากันทั้งหน้า และ หลัง ก็ไม่ได้หมายความว่ารถจะนิ่ม หรือแข็งเท่ากันนะครับ หลาย ๆ คนคิดว่ารถจะแข็ง หรือจะนิ่ม ขึ้นอยู่กับสปริงอย่างเดียว อันนี้เป็น ความเข้าใจที่ไม่ผิด แต่ก็ไม่ถูกเสมอไปครับ อ่ะ...ออกทะเลไปไกลแล้ว เข้าเรื่องต่อดีกว่า จากค่าสปริงที่ให้มา ดูท่าทางแล้วคงจะแข็งเอาเรื่อง เพราะก่อนที่ จะใส่ OHLINS DFV ผมใช้ KYB รุ่นปี 2009 วิ่งที่สนามพีระฯ ในงานแทรคเดย์ที่ผ่านมา โดยเซ็ทสปริงหน้า 11K หลัง 7K ยังรู้ สึกว่าใช้งานถนนปูนค่อนข้างลำบาก โช๊คไม่แข็งกระด้าง ไม่จุก แต่ เด้งไปหน่อย ตัวนี้ข้างหน้าล่อไป 14K จะเป็นยังไงวะเนี่ย เด้งแน่ ๆ
แข็งไม่แข็งไม่บอก พักเรื่องสปริงไปก่อน มาดูส่วนอื่น ๆ ของโช๊คกันบ้าง อิอิ วัสดุที่ใช้ทำโช็คตัวนี้ ดูจากเนื้องาน และคุณภาพของวัสดุผมให้ 4 ดาวครึ่ง เพราะติดตรงหูโช๊คหลัง ทำไมทำมาบ้าน ๆ ง่าย ๆ มาก บูทยางข้างในก็ดู ธรรมดามาก ๆ ของราคาแสนกว่าบาท(ของใหม่ 280 000 Yen) น่าจะ เป็นหูอลูมีเนียม ยัดบูทยูริเทนมาให้แล้ว ส่วนจุดอื่น ๆ ตัวกระบอก หัวบอล ตัวสไลด์ล่าง เป็นอลูมีเนียมชุบแข็ง และ Anodize มาสวยงาม น้ำหนักของโช็ครวมสปริงแล้ว เบามาก ๆ เบากว่า Mono Flex หรือ KYB ซะอีก น้ำหนักที่ลกลงน่าจะช่วยเรื่อง Unsprung Weight ช่วยลดภาระของช่วงล่าง และช่วยให้การตอบสนองดีขึ้น มาดูข้างบนกันบ้าง โชคดีที่โช็คชุดนี้ได้มาครบ ๆ จริง ๆ แม้กระทั่งหัวปรับ ซึ่งธรรมดาจะมาไม่ค่อยถึงเมืองไทย ต้องใช้ประแจหกเหลี่ยมอันเล็ก ๆ แหย่ แล้วขันเอา แต่ชุดนี้มีมาครบ 4 ต้นเลย โช๊ค DFV นี้สามารถปรับได้ 32 ระดับ ตัวปรับที่ให้มากับโช๊คให้ความรู้สึกดีกว่าของ TEIN คือหมุนนุ่ม ๆ ช่วงแต่ละ ระดับห่างกันพอสมควร ทำให้นับง่าย ความฝืดของการหมุนปรับ จะมากขึ้น ตามความหนืดของโช๊ค ทำให้ไม่หลง ว่าหมุนให้หนืด หรือนิ่มลง ผมเลือกที่จะปรับมาที่เบอร์ 1 หรือเบอร์ที่นิ่มสุดก่อน จะได้ค่อย ๆ ลองแล้ว เซ็ทโช็คขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามความชอบ(ส่วนตัว) ส่วนวิธีการปรับก็เป็นไปตาม มาตรฐานของโช๊คทั่วไป คือหมุนทวนเข็มจะนิ่ม หมุนตามเข็มจะหนืด
อ่ะ....เริ่มง่วงแล้ว เอารถมาลองเลยดีกว่า ถอยรถออกมาจากอู่ เจอหลังเต่า ลงเนิน เข้าถนนใหญ่ ก็เอียงลงลงตามปกติ....แอ๊ด รถล้อลอย 2 ล้อ โอเค...เป็นปกติของ Short Stroke อยู่แล้ว ชุดก่อนก็เป็น แต่พอล้อแตะพื้น เออ....มันนุ่มเว้ย เซ็ทโช๊คไว้เบอร์ 1 นิ่มสุด ขันสปริงแค่แตะ แล้วอัดเข้าไป 5 มิล ตามสูตรน้ากาญจน์บอกมา ยังไม่ได้ตั้งศูนย์ ยาง Federal ชุดเก่า ไม่ได้วอร์ม ออกจากอู่ไดเข้าถนนปูน อืม ๆ เด้ง ๆ นิดนึงนะ อาจจะเป็นเพราะปรับไว้นิ่ม โช๊คเลยจับสปริงไม่อยู่ เด๋วต้องลองเซ็ทใหม่ดูอีกที อ่ะ...กวาดพวงมาลัยซ้าย แล้วขวายาว ๆ เร็ว ๆ ดู รู้สึกว่าไม่ค่อยคงเท่า KYB ชุดเก่านะ เอาเต็ม ๆ สักทีดิ๊....แอ๊ดดด มาเต็มเกียร์สอง เจอยูเทิร์น กระแทกเบรค เลี้ยงคันเร่งนิดนึง แล้วหักขวาเข้ายูเทิร์น..........เอี๊ยด เสียงยางมันมาจากไหน สักพัก หน้าแถ...แถ่ด ๆ ๆ ๆ (Under Steer) เข้าให้ ชิปหายแล้ว ฟุตบาท จะขึ้น ไม่ขึ้นวะเนี่ย ตั้งสติได้ คินพวงมาลัยนิดนึง ส้นเท้าค่อย ๆ เลี้ยงคันเร่งไว้ ปลายเท้าจิ้มเบรค ลดความเร็วลง....โอเค ไม่ปีนครับ โช๊คห่าไรวะ แม่งหลอกชิปหาย มานิ่ม ๆ นุ่ม ๆ รถไม่เอียง ไม่โคลง ไม่ออกอาการเลย แต่จะหลุดโค้งเอาซะงั้น เด๋วต้อง เอาไปปรับหนืดไล่ดูใหม่ แล้วตั้งศูนย์ดูอีกที ค่อยลองเต็ม ๆ ดีกว่า แม่งงงงงง ทำกันด้ายยยย มานิ่ง ๆ ไม่มีเตือน แบบมันนิ่ม ๆ สบาย ๆ คงไม่คิดว่าเข้าเร็ว และแรงขนาดนี้....นิ้งเกิ้น
ได้ข่าวว่า "จะมีตัวแทนจำหน่ายในไทยแล้ว โดยเริ่มที่ แมงกระไซ ก่อน" สำหรับ รถนั่งจะตามมาครับ ..........แต่คงซื้อไม่ไหวหละท่าน หุหุ.....
>>> ความรู้สึกนี้เคยเป็นครับ หลอนไปพักนึ่ง แต่ว่ายังคงความมันส์อยูเลย <<< ปล. ขอบใจมากครับที่นำสิ่งดีๆมาฝาก กว่าจะเขียนบรรยายได้ขนาดนี้ เยี่ยมมากเลยเพ่เต้
ติดใจล่ะสิพี่โจ OHLINS DFV ตัวนี้เบิกใหม่ก็ 1 แสนอัพ แล้วเต้ได้มายังไงเนี่ย ถึงเป็นมือสองแต่ราคาไม่อยากจะคิดเลย นับถือ นับถือ