ทำไมจิมคาน่าถึงไม่ได้รับการสนับสนุน ทั้งๆที่การขับขี่แบบจิมคาน่านั้น สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้(เปนอย่างดี...หรือใครจะปฎิเสธ) ไม่ว่าใครเปนผู้ขับรวมถึงรถที่ใช้ ก็ไม่จำเปนว่าจะต้องทำการปรับแต่งแบบต้องสุด!! (มีการพิสูจน์มาแล้ว..หลายๆท่านที่เคยป้วนเปี้ยนกับการแข่งจิมคาน่าคงจะทราบดี) ....ซึ่งต่างจากการ ดริฟท์ อย่างสิ้นเชิง (ไม่ใช่ว่าตัวผม มีอคติกับการ ดริฟท์ นะครับ) ...คือเข้าใจว่า ดริฟท์มันขายได้(ดีกว่า....) แต่อยากจะเรียนถามพี่ๆ(ถ้าเปนไปได้ก็ทุกท่านในเว็บนี้เลยดีกว่า)...ว่าจิมคาน่าไม่ดีตรงไหน? การที่บริษัทยางยักษ์ใหญ่ แทบทุกยี่ห้อ เทใจไปสนับสนุน การดริฟท์ นั้นเพื่อเหตุผลทางการตลาด(เพื่อเงินนั่นแหละ)อย่างเดียวใช่ไหม? ถามจริงๆครับ ในชีวิตประจำวัน บนท้องถนนที่เราๆท่านๆใช้กันอยู่ทุกวัน จะมีใครบ้างที่สบัดท้ายด้วยความเร็วระดับ เกียร์ 3-4-5 กลางสี่แยก หรือจะมีใคร ใช้เทคนิคการ "YAW" ในทางตรง(ต่อให้ไม่มีรถชาวบ้าน ไม่มีตำรวจก็ตามทีเถอะ) รู้ครับ ว่าการดริฟท์ ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ(อย่างเช่น ยาง เปนต้น) เข้าใจว่าจุดขายคือ ยางของเรามีคุณภาพดีนะ สามารถเกาะถนนไปในอาการที่ "ไม่ปกติ" ได้เปนอย่างดีนะ แต่..อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าจะมีซักกี่คน ที่ขวางกลางสี่แยก จะมีซักกี่คนที่ทำได้แบบนักแข่งที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ถ้าจะเอาจุดขายตรงนั้น(ความเกาะถนน)มาใช้กับจิมคาน่า มันจะไม่เข้าถึงคนทั่วไปที่ต้องใช้รถใช้ถนนกว่าเหรอครับ ....จิมคาน่า ถึงจะดูไม่สนุกเท่า แต่ไม่ว่าจะเปนใครหน้าไหนก็สามารถสัมผัสได้ รถจะเดิมสนิท หรือจะปรับแต่งกันสุดๆ ก็สามารถนำมาขับขี่แบบนี้ได้ ....คือ พวกผู้บริหารที่มีอำนาจ ในการตัดสินใจคิดอะไรกันอยู่ ไม่ได้จะบอกว่าใครผิดใครถูก อะไรดีกว่าอะไร....แต่อยากจะสอบถามเชิงขอร้อง ว่า...ได้โปรดเถอะครับ หันมาให้ความสำคัญกับ จิมคาน่า ไม่มากก็น้อย มั่งเถอะครับ....ขอบคุณครับ ---- ปล.มิได้มีเจตนาล่อเป้าหรือกระทำการใดๆเพื่อยุยงให้ใครๆต้องผิดใจกัน..แต่ ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ ----
ตรงนี้คงเป็นเรื่องของการตลาด ที่ฝ่ายการตลาดเขามองนะครับ ว่า - Drift มันมีลักษณะลีลาเร้าใจ เครื่องยนต์แรง เรียกเสียงกรี๊ดคนชมได้ ส่วน Gymkhana ลีลาไม่รุนแรงเท่า แต่ผมก็เห็นด้วยนะ ว่าทำไมผู้บริหารเขาไม่ค่อยโปรโมทยางกับวงการ Gym ทั้งนี้เพราะ Gymkhana ผู้จัดยังคุมเรื่องยางอยู่ คือให้ใช้ยางธรรมดา ถ้าปลดล๊อกเรื่องยาง เหมือนทางเชียงใหม่ ก็อาจจะมีสีสันขึ้น คือ มือใหม่- ให้ใช้ยางปกติ มือสมัครเล่น-ใช้ยางแข่งประเภท Soft ได้แล้ว มือโปร-ใช้ยาง Soft ได้เต็มที่ ผลคือ นักแข่งมือใหม่ไม่ค่อยเปลืองเงินเรื่องยาง แต่มือสมัครเล่น-มือโปร ก็จะหลากหลายเรืองยาง เช่น เลือกใช้ Federal, Nitto Nt01, R888 เป็นต้น ค่ายยางต่าง ๆ อาจส่งเสริม อีกทั้งรถ Drift โดยส่วนมากเป็น "รถแข่ง" แข่งอย่างเดียว คาดสติกเกอร์สวยงาม ส่วนรถ Gym ส่วนใหญ่เป็นรถใช้งาน ไปเรียน จ่ายกับข้าวด้วย ไม่ค่อยมีสติกเกอร์คาดลายเยอะ เวลาถ่ายภาพออกมาแล้วมันไม่ฉูดฉาด ยังไง...เราก็จะมาช่วยกันผลักดันวงกา Gymkhana ให้สปอนเซอร์เรื่องยางหันมามองกันเยอะ ๆ นะ
ตอบมั่ง เขามองตามการตลาดอย่างเดียวครับ จ่ายเงินมาให้เราแล้วได้อะไร ยอดซื้อจะเพิ่มไหม เขาจะได้เงินกลับทางไหน ถ้า คนดูหรือคนที่เห็นโปรดักเขามีน้อย มีแต่คนแข่ง คนแข่งใช้ยางปีล่ะชุด คนดูไม่ทราบว่าแข่งกันยังไง ดูยังไง
อยากขอเสนอความเห็นหน่อยครับ สาเหตุที่ผู้บริหารยางเค้าไม่ปลดล๊อกเรื่องยาง ในการจัดการแข่งขัน อย่างที่เคยจัดจิมคาน่าในสมัยก่อน เพราะยอดในการขายยางธรรมดา มีจำนวนมากกยางประเภท Soft ครับ ถ้าบริษัทโปรโมทยาง Soft ในการแข่งขันจิมคาน่า ยางชุดนึงแข่งเป็นปีครับ แล้วยอดขายต่อปีละครับ จะได้กี่เส้น ไม่คุ้มกับการนำเข้ายางที่มีต้นทุนสูงเพราะยางมีอายุครับ โปรโมทยางธรรมดา ยังสามารถไปใช้ในรถบ้านได้ครับ ขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้ แล้วเรื่องการปลดล๊อกเรื่องยางผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะจิมคาน่า เป็นการแข่งกันด้วยทักษะการควบคุมรถ กีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ลงทุนน้อยที่สุดคือ Gymkhana อย่าให้กีฬาชนิดนี้ต้องเปลี่ยนแปลงไป จนกายเป็นกีฬาที่ต้องลงทุนเยอะเลยครับ ยาง Soft เส้นนึงราคาแพงมากกครับ นักแข่งทุนน้อย ถ้าไม่ซื้อยาง soft มาใช้แข่ง แพ้แน่นอน มันก็จะกายเป็นการแข่งขันที่มีต้นทุนสูงขึ้นครับ ไม่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ สุดท้ายนักแข่งจะเหลือแค่นักแข่งทุนหนา แล้วรุ่นการแข่งขัน อยากให้มันเป็นเหมือนสมัยก่อน แบ่งรุ่นการแข่งขันตามลักษณะขนาดของเครื่องยนต์และระบบการขับเคลื่อน ถ้าอยากให้ Sponser ยางเข้า ต้องสร้างนักแข่งขึ้นมาเยอะๆครับ โดยให้สิทธิ์การแข่งทุกคนเท่ากัน อยู่ในจุดเดียวกัน แข่งกันที่ทักษะ ไม่ใช่แข่งกันที่ใครใช้ยาง Soft แล้วนักแข่งจะเพิ่มมากขึ้นเอง Sponser ก็จะเข้าเองครับ เป็นเพียงแค่ความเห็นนะครับ
เรื่องนี้เหนื่อยคับ ถ้าจะขุดเอารากเง้าต้นเรื่อง ยาวเป็นมหากาพย์แน่ๆคับ 55 ทำไมบริษัทยางไม่สนับสนุน เพราะ การตลาดมันไม่ได้ ทำไมการตลาดไม่ได้ เพราะ ยางแข่งมันแพง แถมขายได้น้อย ทำไมแพง ทำไมขายน้อย เพราะ ต้องยางพวกนี้ต้องนำเข้าและกลุ่มคนที่ใช้มีจำกัด ทำไมต้องนำเข้า เพราะ บ้านเราไม่ผลิต ทำไมคนใช้จำกัด เพราะ นักแข่งบ้านเราน้อย ทำไมนักแข่งน้อย เพราะ รัฐและคนทั่วไป ไม่มีมุมมองในทาง + ให้ Motosport ทำไมมุมมองเป็นเช่นนั้น ตอบไม่ได้ละคับ ผมเกิดไม่ทันละ 555 บ้านเราไม่ใช่ผู้ผลิตยาง บ้านเราไม่ใช่ผู้พัฒนายาง บ้านเราก็เป็นแค่"ตลาด"ในการขายยางเท่านั้น อิอิ อุอุ อะอะ [email protected]
จำกัดยางนะดีเเล้ว เอายาง ตลาดๆ ที่ราคาไม่เกินเอื้อม ใช้งานได้ใช้แข่งได้ อย่าง รุ่นปกติ Treadwear ห้ามต่ำกว่า180 (ยกตัวอย่างนะ) พวกโอเพ่น ก็ตามสบายเลย เดี๋ยวจาก Motosport ราคาถูก (ถูกกว่าประเภทอื่น) จะเข้าถึงยากกันไปอีก คงไม่มีใครเอา NT01 หรือ R888 ขับไปทำงานนะ ไม่งั้นต้องมีรถ 2 คัน หรือ ล้ออีก 2 ชุด :sad: :sad: :sad:
ผมแก้ปัญหาเรื่องยางในภาคเหนือ แล้วครับคุณปอม มันเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ดังนี้ http://www.motor-xclub.com/forum/index.php?topic=15303.0
ขอออกความคิดเห็นด้วยคนคับ เป็นความคิดส่วนตัวนะคับ มันเป้นที่การตลาดอย่างที่ว่านั้นแหล่ะคับ เพราะกระแสจิมคาน่ามันเบาลง จนแผ่ว คนไม่ดู ไม่ฮิต ก็จบ เพราะเค้าคงไม่สนับสนุนรายการแข่งขัน ที่ไม่มีคนมาดูเยอะ ไม่ค่อยเป้นที่สนใจ ผมเป้นหนึ่งที่ได้ทันเห็นจิมคาน่าตอนรุ่งๆ และได้มีส่วนร่วมบ้าง จนมันแผ่วลง ทำไงได้คับเพราะสภาพเศรษฐกิจด้วย ประโยชน์สูง ประหยัดสุดคับ สำหรับการทำธุรกิจ ไม่มีคนดูก็จบ เพราะมันคืองบประชาสัมพันธ์ เหมือนครั้งที่ดริฟกระแสเรง จนเงียบไป จิมคาน่าก็เข้ามา จนดริฟกลับมา จิมคาน่าก็แผ่ว มันก็แปลกดี
มาเช็คชื่อครับ ..... มันเป็นเหตุผลของการตลาดครับ ... ผมเคยอยู่บริษัทยาง มาก่อน เรื่องการสปอนเซอร์เป็นมุมมองทางการตลาดครับ เมื่อความต้องการสั่งซื้อมีมาก ยอดการขายก็เพิ่มขึ้นตามความต้องการ ทำให้บริษัทยาง มองเรื่องของการ อิมแพค ที่ตัวสินค้าและกิจกรรมที่ต้องตรงกับ ตัวสินค้านั้นๆเพื่อที่จะส่งเสริม ยอดขาย ส่วนการจัด ยิมคาน่า (พี่ๆกล่าวมาถูกหมดทุกข้อครับ) การที่จำกัดยาง บางยี่ห้อ ไม่ให้ได้มีโอกาส ลงมาแข่งขัน เนื่องจาก ยางบางยี่ห้อ มีขีดความสามารถ ที่ มากกว่ายางในรุ่นเดียวกันครับ จะกล่าวก็คือ ยางบางตัว บอกสรรพคุณตัวเองไว้ที่ยางว่า เป็นยาง เรเดียล แต่ความจริงแล้ว เค้ามีความสามารถ เหมือน หรือเกือบ ยาง สลิค ซึ่งจากความเหมือนกันที่แตกต่างตรงนี้ ทำให้นักแข่งหรือผู้จัดหลาย รายการ ต้องขอร้อง หรือออก กฏ ห้ามนำยางนั้นๆมา ทำการแข่งขัน เพื่อไม่ให้เกิดการ เอาเปรียบ หรือเลื่อมล้ำ ในรุ่นของการแข่งขัน (ในส่วนตัวจึงอยากบอกว่า ต้องแยกเรื่องการแข่งขัน และการตลาดของ บริษัทยาง ไว้คนละประเด็นครับ) ผู้จัด ต้องจำกัดยางเพราะ เรื่องของการแข่งขัน เช่นเดียวกัน ในวงการเซอร์กิต ก็ต้องจำกัด เหมือนยิมคาน่าเหมือนกัน ถึงขนาด ต้อง นำยางแต่ละ ยี่ห้อ ไปตรวจเช็คเนื้อยาง หาค่าต่างๆ ( เมื่อปี2551-2552ก่อนการจัดการแข่งขัน รายการโปรซีรี่ย์) เพื่อไม่ให้เกิดความแตกต่างกันครับ ดังนั้น ถ้าจะให้ยางกลุ่มนี้ มาแข่งขัน อาจจะต้อง เปิดรุ่น ที่เป็นยางรุ่นนั้นๆ ยางที่ถูกจำกัด และOPenไปเลยครับ ส่วนเรื่อง บริษัทยาง มองดริฟท์ ให้การสนับสนุน ดริฟท์ มากกว่า ยิมคาน่า ผมเคยคุยกับผู้บริหาร ยางยี่ห้อหนึ่ง มาจากยี่ปุ่น ที่กำลังมาแรงตอนนี้ (ไปเดาเอาเอง ) เค้าบอกว่า จริงๆแล้วยิมคาน่า เค้าสนใจมากกว่า ดริฟท์นะ เพราะ ไม่เปลื้อง ไม่ต้องทุ่มงบประมาณมากมาย แต่ด้วยรูปแบบของดริฟท์ ที่ทำให้เกิด ความอิมแพค แรงดึงดูดที่ทำให้คนดูเกิดความสนใจมาก กว่า ยิมคาน่า จึงทำให้นักการตลาด ของบริษัทยาง ทั้งหลาย จึงมองไปที่ดริฟท์ กันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตัว อ๋องว่า ต้องค่อยๆปรับไปครับ ไปเร่งหรือก้าวกระโดด อาจจะดังชั่วครู่ ซักพักก็หายไป ถ้ายิมคาน่ามันเกิดจาก ความต้องการทางการตลาด ยิมคาน่าก็จะหายไปกับสินค้า หรือ แคมเปน นั้นๆซึ่ง มีอายุเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่ถ้าหาก ยิมคาน่า เกิดจาก ความรัก และ ความเข้าใจ อยากให้ ยิมคาน่าเป็นกีฬา ส่งเสริมทักษะ ในการควบคุมรถยนต์ ก่อนที่จะก้าวไปสู่การแข่งขันประเภทอื่นๆ แล้ว เราก็จะมียิมคาน่า ที่มีความสามารถของคน เข้ามามาเป็นตัว วัดกัน มากกว่า ที่นำสปอนเซอร์มาแข่งกัน ลองคิดกันครับ ส่วนตัว อ๋องเข้ามาวงการ เริ่มจาก วงการดริฟท์ มองดูการเปลี่ยนแปลงของดริฟท์ ต่อมาเข้ามาอยู่ บริษัทยาง สปอนเซอร์งาน ดริฟท์ งานซุปเปอร์ เคซีซี เอ็ม แม๊ค ยิมคาน่า ที่ BRC จน มาทำ Hankook - puma fun club Gymkhana มาเป็นผู้จัดเอง ก็ได้เห็นเรื่องราวหลายอย่างของ ยิมคาน่า พอเปลี่ยน รายการเป็น RACING UNDERGROUD RUNSTOP แล้วก็ เปลี่ยนงาน มาทำที่นิโตะเฮดเดอร์เทอร์โบ จึงเกิดงาน นิโตะ ยิมคาน่า ที่ผ่านมา ที่กล่าวมา เกิดจาก ความชอบ นิยม และรัก ในกีฬา มอเตอร์สปอท ประเภท ยิมคาน่า ถ้ามองเพียงแค่ ธุรกิจ เราก็จะได้เพียงแค่ การทำPR แค่ นี้ มันก็จะอยู่กับเรา ไม่นาน อ๋องอยากให้มีแข่ง แล้ว ยิมคาน่าอยู่กับเราไปนาน ๆ (จะถูก จะผิดอย่างไร ก็บอกและ ช่วยกัน ครับ ) สังคมยิมคาน่า จะได้อยู่กับเราต่อไป ครับ อ๋อง นิโตะ เฮดเดอร์เทอร์โบ (ป.ล.ยาวมากมาย5555)
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านกับความคิดเห็นดีๆด้วยความจริงใจครับ และขอแสดงความเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างกันด้วยครับ ....เรื่องกฎกติกามารยาทต่างๆ ก็ว่ากันไปตามสมควรเลยครับ (ผมได้ตามไปที่กระทู้ของ บก.วิเชษฐ์...ก็น่าสนใจดีครับ)...แต่ ประเด็นของกระทู้นี้ ไม่ได้อยู่ที่กฎกติกาต่างๆครับ ถ้าเปนอย่างที่พี่ปอมว่า ที่ว่าการตลาดมันไม่ได้ ....ยางที่สนับสนุนในการดริฟท์ก็ยังไม่ได้เปนยาง soft ไม่ใช่หรอครับ ยังเปนยาง radial ที่ size ใหญ่ๆใหม่ๆ ไม่ใช่หรอครับ (ถ้าข้อมูลผิดก็ขออภัยครับ) ทีนี้ก็เลยย้อนกลับมาที่ว่า ทำไม....ไม่เอาจุดขายในความเกาะถนน(ที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้จริง) + ทักษะในการควาบคุมรถที่ ทุกคนไม่ว่าใครก็ได้ สามารถมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันมาใช้เปนจุดขายล่ะครับ? ....ผมอยากให้ จิมคาน่า ไม่ใช่เปนเพียงแค่กระแส หรือเปนเพียงแฟชั่นเท่านั้น ถามว่าทำไมผมถึงเน้นที่ จิมคาน่า ......ก็เพราะมันเปนการแข่งรถที่เรียกได้ว่าใช้ต้นทุนน้อยมากๆ และใครก็สามารถสัมผัสได้ เน้นนะครับว่า ใครๆก็สัมผัสได้ แล้วถ้าผมถามว่าการที่บริษัทยางยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเทใจให้การสนับสนุน การดริฟท์ (เปนอย่างดี...ถึงดีมากที่สุด..) ยอดขายเพิ่มขึ้นเยอะมั๊ยครับ? ......คนดูเยอะจริง แล้วคนซื้อล่ะ?.......ถ้าคำตอบจากบริษัทยางต่างๆที่ให้การสนับสนุน ดริฟท์ บอกว่า ใช่ (ยอดขาย)มันเยอะขึ้นผิดหูผิดตาจริง หากินกับการดริฟท์ยอดขายมันดีขึ้นจริงๆ ผมก็จะก้มหน้าก้มตาสนับสนุน จิมคาน่า แบบเงียบๆ+หงอยๆคนเดียวเลยครับ.....ขอบคุณครับ .......แข่งรถ ...ใครก็อยากชนะ ผมก็อยาก แต่ก่อนที่ผมต้องการที่จะชนะ ผมอยากให้ใครๆเห็นคุณค่าของ จิมคาน่าก่อน แล้วเรื่องแพ้ชนะ ค่อยว่ากัน
แล้วคุณคือใครครับ ....ถ้าผมรู้จักผมจะได้เอาใจช่วย และอยากรู้ความต้องการจริง ๆของคุณ แต่ถ้าหากผมไม่รู้จัก ก็ยินดีที่ได้รู้จักครับ หากจะแสดงตัว ให้ทุกท่านได้ทราบ (ปล.ผมแค่สงสัยนะ)ไม่มีปัญหาอะไร 089 1620202 อ๋องนะครับ
ความต้องการหรอครับ....ประเทศไทยสงบสุข + จิมคาน่าจงเจริญครับ ปล.เราเคยเจอกันมาก่อนครับพี่อ๋อง แต่..ไม่ต้องถามหรอกว่าผมเปนใคร.....แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะพรุ่งนี้ไม่รู้จะเปนยังงัย ^^
โอเช รู้เรื่อง ....ผมจะไม่อยากรู้แระ เพราะผมรู้ว่า ผมรู้จักคุณเช่นกัน อิอิ (อ่านจากภาษาที่เขียน) ทำทุกอย่างให้ดี ๆ เพื่อทุกวันจะต้องดีกว่า ขอบคุณครับ
ผมได้ไอเดียใหม่ แล้วครับ คุณโต คุณอ๋อง ยางใหม่ ไม่มีมาแจกนักแข่ง ผมเลยขอยาง % ขนาด 185-195/ R15 ของมาเป็นคู่เข้ากัน ตามสปอนเซอร์ร้านยางต่าง ๆ เพื่อมาแจกในงานแข่ง สรุปว่า ได้แจกยางให้นักแข่งเหมือนกัน แต่เป็นยาง % เอาไว้ใส่คู่หลัง ดึงหมุน ๆ ราคาไม่กี่ร้อยบาทต่อเส้น แต่ก็ถือว่าได้แจกยาง (ฮา)
"ทำไม....ไม่เอาจุดขายในความเกาะถนน(ที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้จริง) + ทักษะในการควาบคุมรถที่ ทุกคนไม่ว่าใครก็ได้ สามารถมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันมาใช้เปนจุดขายล่ะครับ?" - นี่ล่ะคับ ที่ผู้บริหารบ.ยางบ้านเรา มองข้ามไป "ถ้าคำตอบจากบริษัทยางต่างๆที่ให้การสนับสนุน ดริฟท์ บอกว่า ใช่ (ยอดขาย)มันเยอะขึ้นผิดหูผิดตาจริง" - ผมกลัวว่าคำตอบจะเป็นยังงั้นน่ะสิ มันอาจจะไม่ผิดหูผิดตาหรอก แต่ก็ดีขึ้นไม่มากก็น้อย แล้วยิ่งถ้ามาเทียบกับ Gymkhana ซึ่งยังไงจำนวนคนดูน้อยกว่าแน่นอน ผลลัพธ์ทางด้านการประชาสัมพันธ์จากงาน Drift มีมากกว่าแน่ล่ะคับ ผมเคยไปแข่ง All Japan Gymkhana ที่โน่น คนดูก็ไม่ได้เยอะแยะมากมาย เป็นไปตามสัดส่วนของงานที่ใหญ่กว่าบ้านเราเท่านั้น รถแข่งรวมทุกรุ่นเค้ามี 100 กว่าคัน คนดูก็ประมาณ 500+ คน อัตราส่วนไม่ได้ต่างจากบ้านเรานัก แต่ผู้ผลิตยางยี่ห้อต่าง สนับสนุนทั้งตัวงานและนักแข่ง รถแข่ง กันเต็มที่ เพราะมัน present คุณภาพยางของเค้าได้ "ตรงเป้าจังๆ" การตลาดที่นอกเหนือจากที่สนามที่ดูกันสดๆแล้ว เปิดหน้าโฆษณาในหนังสือรถ ปฎิทินที่ติดตามอู่ โปสเตอร์หรือแบนเนอร์ต่างๆตามร้านยางทั่วไป เค้าก็เอารถ Gymkhana ที่เค้าสนับสนุนนี่ล่ะ เป็นตัวโฆษณายางเจ๋งๆของเค้ากัน ซึ่งมันขายตัวมันเองได้อย่างจะแจ้ง กับการแข่งที่ต้องใช้ "grip" เพื่อชัยชนะ นี่คือตัวอย่างจากประเทศต้นกำเนิดการแข่งแบบนี้ ว่าเค้ามี "ความคิดและมุมมอง" ทางการตลาดในกีฬานี้แบบไหน และไอ้ "ความคิดและมุมมอง" แบบนี้ บ้านเรามีใครคิดบ้าง? คุยเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ สงสัยยาวยืดคับ 555 [email protected]
แล้วจะต้องทำยังไงกันดีล่ะครับ...ไอ้ความคิดและมุมมองที่ว่า ถ้าจับไปยัดใส่หัวพวกผู้บริหารได้ง่ายๆก็คงจะดี เฮ้อ.....สงสารประเทศไทยเหลือหลาย ปล.คงจะต้องย้ายบ้านไปอยู่ทางเหนือล่ะงานนี้ เหอๆ
ขอบ้างๆ ผมเองก็พึ่งกลับไป เชียงใหม่ครับลองลงรายการ จิมคาน่า ไป 1 สนามถ้วย เพราะว่า อยากลอง แต่ยังจับทางไม่ถูกครับ เคยแต่เซอร์กิต เรื่องยาง... ถ้ามองตามดีมานท์/ซัพพลาย... ในแง่ของการตลาด... ต้องมองว่า บ.ยางอยากได้ การขายสินค้าในลักษณะการใช้เงินที่คุ้มค่าและวิธีที่อิมแพคสูงๆ อิมแพคสูงๆ ในมุมมองของนักการตลาด คือกระแส และจำนวน คนแข่ง คนดู ชื่อเสียงนักแข่ง ฯลฯ ฉะนั้น ถ้าคนเริ่มกลับมาเล่น เริ่มกลับมาเป็นกระแส จิมคาน่าจะกลายมาเป็นเครื่องมือทางการตลาด 1 ชิ้นของ บ.ที่ต้องการเป็นสปอนเซอร์ ครับ.... แต่กลับมาที่ การหาคนมาลงแข่ง... ตรงนี้มากกว่าที่ ต้อง มาร่วมมือร่วมใจกัน งานนิโต ที่วันเดอร์เวิรล์ เมื่อ ปลายปีที่แล้ว ผมว่ามันโอเคเลยนะ แม้ว่าจะไม่ได้มาแข่งเพราะว่าติดต้องขับรถ ไปงานแต่งงานพี่ที่เชียงใหม่นู้น.... เลยได้แต่ซ้อมตอนคืนวันก่อนแข่ง พอคนมันเยอะ มันสนุก มีนักแข่งเก่งๆมา มีนักแข่งหน้าใหม่อยากลอง น้องๆผมก็ลงแข่ง กัน แม้ว่าจะไม่ได้อันดับแต่อย่างน้อย เด็กบอกว่าสนุก ผมก็ว่ามันเริ่มมีอะไรดีขึ้นมาบ้างแล้ว... เรื่องจำกัดยาง ก็ดีครับ มือใหม่ก็ใช้ยางราคาต่ำหน่อย บ้านๆ หน่อย เก่งขึ้นค่อยลงทุน จะได้ไม่เป็นอะไรที่มันสิ้นเปลืองมากเกินไป ผมว่า จิมคาน่ามันเคยเป็น การแข่งรถในอุดมคติของผมเลยนะ เพราะว่าเคยคิดว่ามันลงทุนน้อย... แต่.... หลังจากได้ลอง ผมขอกลับไปขับเซอร์กิต เหมือนเดิมก่อนดีกว่า ขับดีๆรถไม่พัง สกิลการใช้รถบนถนนก็ได้ฝึกมากขึ้น จิมคาน่ารอให้อะไรๆมันดีขึ้น และดูท่าว่าจะดีขึ้นแล้ว สนามหน้าที่เชียงใหม่ อาจได้หนีแม่มาลงครับ มีข้อสงสัยอยู่อย่างนึง.... ทำไมผมเจอแต่รุ่น แข่งขันที่มันไม่มี พอดีตัวผมเลยล่ะครับ... รถ opel corsa อายุ 15 ปี เครื่อง 2000 cc แต่แรงม้าผมแค่ 115... มันหารุ่นลงไม่ได้ครับ รถรุ่นเก่าๆ หลายๆตัวก็ เป็น 1600-1800 cc ต้องมาฟาดฟันกับ 2000 cc ของ รุ่นที่ไม่ใช่มือใหม่ เวลามันต่างกัน มาก ขนาดที่ สนามผม วิ่ง 40 วิ เขาวิ่งกัน 35 เลย เครื่อง b20 b18 b16 d15 กันทั้งนั้นแรงม้ามัน เกิน 150 กันทั้งนั้น รถเครื่องบ้านๆจาเอาอะไรไปสู้ครับ ถ้าไม่ใช้ให้เทพมาขับ ไม่ลองเปิดรุ่น รถบ้านไม่โมดิฟาย ไม่เกิน กี่ cc ก็ว่ากันไป(หรือจะจำกัดที่แรงม้าจากโรงงานก็ได้) ไม่วีเทค(พวกเทครถบ้านไม่เป็นไรครับ) เพื่อ ให้ คนที่มีรถบ้านๆ อยากสนุกมาลงได้บ้างครับ รถคันเดียว ยางชุดเดียว ใช้มันทั้งทำงาน ทั้ง ลงสนาม ทั้งไปเที่ยว ลองไปดูเวลาของรถผมที่วิ่งกันกับพวก กลุ่ม โชว์รูม ก็ไม่ได้ต่างกันมากครับ ผมช้ากว่าด้วย ไม่ได้ได้เปลี่ยบจาก cc ที่มากกว่า เลยเพราะว่าเป็นรถเก่า เรื่องลายสนาม ผมว่าไม่ต้อง โดนัทบ้าเลือดก็พอครับ แค่พอหมุนๆ ให้มีการใช้เทคนิคบ้างก็พอ... มันเปลืองรถเปลืองยาง เห็นยางแล้วน้ำตาไหลครับ หลังจากขับจิมคาน่าสนามแรก เลยต้องไปเอายางเก่าพี่มาใช้ใส่ล้อหลังแทน ล่าสุดไปขับงานแก่งกระจานมา(วัน ศ. ไปเอาอะไหล่ที่ กทม แล้วขึ้นรถทัวร์ มาถึงเชียงใหม่ค่ำวัน ศ. ซ่อมรถวันเสาร์ เสร็จเย็นขับรถลงจากเชียงใหม่ไป เย็นวันเสาร์ ถึง กทม ตี1 แล้วขับไปสนามตอน 6 โมงเช้า) ได้ของแจกเพียบเลยครับ มากจนเกินค่าสมัคร อีก... ผมว่าถ้ามาแจกตามงานจิม น่าจะ แจกได้ 3-4 คนอ่ะครับ ของแจกที่ได้จากงานแก่งกระจาน ของผมคนเดียวนะ ถ้ามี งานแข่ง แบบนี้ ผมไม่เกี่ยง ว่าจัดที่ไหนครับ เพราะว่าเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ในการพัฒนาทักษะการขับรถของผมเองครับ ขับไปกลับ + ลงสนาม ก็ใช้แก๊ส วิ่งแตะ 1.50 ได้ผมก็ดีใจแล้ว เครื่อง 2000 บ้านๆ ยาง bf ช่วงล่างทำนิดหน่อย ไม่รุ้ทำไมผมไม่ได้รับความรู้สึกแบบนี้ตอนที่วิ่งจิมคาน่าครับ ทั้งๆที่งาน แก่งกระจานก็ไม่ใช่ว่า แข่งเอาชนะอะไรกันนะครับ รถมัน หลากหลายมากๆ ผมว่าเอาขนะตัวเองให้ได้ สนุกกว่า เพราะว่าสนามนี้ครั้งแรกผมวิ่ง 2.00 ความภูมิใจมันอยู่ที่ การพัฒนาความสามารถของตัวเองขึ้นมาโดยมีเครื่องชี้วัดได้ครับ... ยังคิดเล่นๆเลยว่า ถ้างาน จิม มีลายสำหรับ แข่ง hotlap โดยเป็นลายเดียว กันทั้งปี วิ่งแค่สัก 30-40 วินาที แยกไว้สำหรับ แข่ง hotlap แบบที่งานลำพูนที่ผมไปแข่งครั้งแรก ท่าจะสนุกไม่ใช่น้อย แข่งแค่รอบละ 50 บาท ผมยังจ่ายเลย แล้วพอถึงเวลาที่แข่งรอบปรกติ ก็วางลายใหม่ แล้วค่อยวอรค์ครอส์ ผมว่าสนุกดี เหมือนกับวิ่ง โกคาท์ แต่ว่าใช้รถเราเองเท่านั้นเอง วิ่งแค่แบบกิฟหนีบกระดาษ ก็พอครับ เลข 6 - x - 9 จบรอบ แค่นี ก็ได้เงินมาช่วยค่าสนามแล้วระหว่างรอกำหนดการ ความเร็วก็ไม่สูง เพราะว่ามัน วิ่งเบรคเลี้ยวๆ เกียร์เดียว พื้นที่น้อย จัด 2 สนาม ใครอยากลองก็ลงแล้วบันทึกเวลาขอเขาไว้เลย ว่า 1-30 ใครเป้นใคร (นึกภาพออกม่ะครับมันคือโกคารท์) ไม่รู้สินะครับ ผมเองก็ยังใหม่กับการขับจิมคาน่า ไม่สามารถเรียกตัวเองได้ว่านักแข่งด้วยซ้ำ แต่ผมว่า ถ้ามันดีถ้ามันสนุก มันได้อะไรกลับไปจากการลงสนาม (ไม่ใช่แค่ว่า รางวัล นะครับ หมายถึงทักษะ) ผมก็อยากลง ผมไม่ใช่นักแข่งรถ ครับ เป็นแค่นักขับ (เพราะว่าขับรถทางไกลตลอด) และนักทดสอบรถ (เพราะ ช่วยเหลือเพื่อนๆสมาชิกในเวบไซท์ที่ช่วยกันทำกับเพื่อนๆ) เท่านั้นครับ จะลงสนามเซอร์กิตก็ งานขับสนุกๆครับ งานแข่งเป็นเรื่องเป็นราวไม่ลงครับ กลัวรถพังเพราะว่ามีคันเดียว รักรถคันนี้มากด้วย ไม่อยากให้พังเพราะความประมาทของผมเหมือนคันที่แล้ว การแข่งอะไรที่ ลงแล้วทำท่าจะทำลายรถผมก็ไม่อยากลงครับ มันเลยเป็นคอนเซฟของตัวเองว่า รถบ้านวิ่งแก๊ส ขับแข่งได้ ขับกลับถึงบ้านครับ ิคิดซะว่าผมเป้นคนนอกวงการนะครับ แต่อยากมีส่วนร่วม... ^_^ อยากลงมาเล่นกับเขาบ้าง + อ้างถึง ตอบกลับ