สาเหตุของการลื่นไถลเมื่อฝนตกและวิธีการขับรถขณะฝนตก

การสนทนาใน 'NV Club' เริ่มโดย tuta, 14 เมษายน 2009

< Previous Thread | Next Thread >
  1. tuta

    tuta New Member Member

    509
    70
    0
    สาเหตุของการลื่นไถลเมื่อฝนตกและวิธีการขับรถขณะฝนตก

    [media]http://img16.imageshack.us/img16/2586/3wince.jpg[/media]

    การขับรถในขณะฝนตก ให้เกิดความปลอดภัย ก่อนอื่นต้องขออธิบายถึงสาเหตุของการลื่นไถลของรถขณะฝนตก
    ซึ่งทำให้บังคับรถยาก ก็เนื่องมาจากมีน้ำไปคั่นอยู่ระหว่างยางกับผิวถนน
    รถจึงวิ่งลอยไปบนผิวน้ำแทนที่จะวิ่งบนผิวถนนตั้งแต่ฝนเริ่มตกจนฝนหยุดนั้น
    ความต้านทานของการลื่นไถลของถนนจะแตกต่างกันตามรูปกราฟดังนี้

    [media]http://img9.imageshack.us/img9/5828/80951715.jpg[/media]

    ปกติแล้ว เมื่อฝนเริ่มตกจนถึงประมาณ 10 นาทีแรก ค่าความต้านทานต่อการลื่นไถลจะลดลงต่ำ ถนนจะลื่นมาก
    เนื่องจากน้ำฝนที่เริ่มตกลงมาได้ผสมกับฝุ่นผงหรือเศษดินบนถนน ทำให้ผิวถนนเป็นเสมือนโคลน รถจะลื่นไปมา
    ดังนั้น ขณะฝนเริ่มตกจึงต้องระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ
    หลังจากฝนตกไปประมาณ 10 นาที สภาพถนนจะดีขึ้น พวกฝุ่นผงหรือเศษดินจะถูกล้างออกไปด้วยน้ำฝน
    ค่าความต้านทานต่อการลื่นไถลจะสูงขึ้น จะเหลือแต่การลื่นไถลจากน้ำฝนบนผิวถนนเท่านั้น
    หลังจากนั้นเมื่อฝนหยุดตก และผิวถนนค่อยๆ แห้ง การจับถนนของยางจะดีขึ้นเรื่อยๆ
    ค่าความต้านทานต่อการลื่นไถลของถนนจะกลับสู่สภาพเดิม และจะมีค่าสูงกว่าเดิมเล็กน้อยหลังจากผิวถนนเริ่มแห้ง
    สนิทแล้ว เพราะผิวถนนไม่มีพวกฝุ่นหรือเศษดินเลย และหลังจากนั้นก็จะกลับเข้าสู่สภาพถนนแห้งเหมือนเดิม

    อันตรายที่เรานึกไม่ถึงก็คือ การลื่นไถลของรถบนผิวน้ำในขณะที่รถวิ่งไปบนถนนเปียกแฉะหรือฝนกำลังตก
    เราจะสังเกตว่ามีผิวน้ำคั่นอยู่ระหว่าง หน้ายางกับผิวถนน ความกดดันของน้ำระหว่างยางกับถนนจะทวีขึ้น
    เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วสูงขึ้นและเมื่อรถวิ่งถึงความเร็วจุดหนึ่งจะเกิดการเหินน้ำขึ้น ซึ่งเรียกว่า
    Hydro Planing ตามรูปที่แสดง

    [media]http://img9.imageshack.us/img9/8827/12890853.jpg[/media]

    ยางรถยนต์จะวิ่งไปบนผิวน้ำแทนที่จะวิ่งบนถนน ดังนั้นยางจะไม่เกาะพื้นถนนเลย รถจะลอยตัวบนผิวน้ำ
    พวงมาลัยกับระบบการห้ามล้อใช้การไม่ได้เลย การเหินน้ำนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีหลายสิ่งประกอบกัน คือ

    1. ความเร็วของรถ (ถ้ารถยิ่งวิ่งเร็วรถก็จะแฉลบง่าย )
    2. ความดันของลมยาง (ถ้ายิ่งสูบลมอ่อน รถก็จะแฉลบง่าย )
    3. ความมากน้อยของน้ำบนผิวถนน (ถ้ามีน้ำมาก รถก็จะแฉลบง่าย )
    4. สภาพของผิวถนน (ถ้าถนนเรียบมัน รถก็จะแฉลบง่าย )
    5. ความเก่า -ใหม่ ของยาง (ถ้ายางยิ่งสึกมาก หรือไม่มีดอก รถก็จะแฉลบง่าย )


    จึงขอแนะนำวิธีการขับรถในหน้าฝน หรือขณะฝนตก ดังนี้

    1. ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 60 กม./ชม.

    2. ควรเพิ่มลมให้มากกว่าปกติประมาณ 3-5 ปอนด์ ซึ่งจะทำให้หน้ายางแข็งและมีกำลังในการตัดน้ำ

    3. ตองตรวจสอบสภาพยางรถวาดอกยางมีสภาพสมบูรณหรือไม
    เพราะน้ำฝน ฝุนโคลน จะรวมกันกลายเปนฟลมรองรับระหวางยางกับถนน
    ถามีโคลนติดลอจะยิ่งเพิ่มความลื่นมากขึ้นทําใหรถเสียการทรงตัวไดงาย
    ไม่ควรใช้ยางที่ไม่มีดอก หรือดอกยางสึกเกือบหมดดอกแล้ว

    4. ควรเลือกใช้ยางดอกละเอียดและมีร่องยางที่รีดน้ำได้ดี

    5. ควรเลือกใช้ยางเรเดียลเส้นลวด
    เพราะยางเรเดียลเส้นลวดมีประสิทธิภาพในการเกาะถนน และหยุดได้ดีกว่ายางแบบอื่นๆ

    6.การขับรถขณะฝนตกควรใชเกียรและความเร็วต่ํา ซึ่งจะทําใหรถเกาะถนนถนนไดดี

    7.หลีกเลี่ยงการเบรกอยางกะทันหันเพราะจะทําใหรถลื่นไถลได

    8.ถาฝนตกใหเปดไฟหรี่หรือไฟหนาแลวแตกรณีเพื่อใหมองเห็นไดงาย

    9.ถารถเริ่มเสียการทรงตัวหรือไมเกาะถนนอยาตกใจใหยกเทาออกจากคันเรง อยาเบรก
    อยาหักพวงมาลัย จับพวงมาลัยใหคงที่และมั่นคง

    10.หากตองขับรถลุยน้ำ ถารูตัวลวงหนาใหหายางปูพื้นกันฝุนผูกกันไวที่กระจังหนา
    เพื่อกันน้ำไมใหไหลเขาหองเครื่องยนตซึ่งอาจทําใหเครื่องยนตดับได
    ทอไอเสียก็สําคัญถาจมอยูใตน้ําจะทําใหเครื่องยนตดับใหหาสายยางมาครอบปลายทอและยกขึ้นไวเหนือน้ำ
    ขอยกเวนในการขับรถลุยน้ำคือจําเปนตองเลี้ยงคลัตซไวและเรงเครื่องยนตใหรอบเครื่องยนตสูงกวาปกติเล็กนอย
    เพื่อปองกันไมใหเครื่องยนตดับเพราะบางครั้งรถยนตอยูในน้ำนานๆ เครื่องยนตอาจเย็นเกินไป
    หรือน้ำกระเซ็นเขาเครื่องยนตทําใหชื้นได

    11.การเหยียบคลัตซและเรงเครื่องยนตมากกวาปกติ จะทําใหเครื่องยนตไมดับแตการเลี้ยงคลัตซบอยๆ
    น้ำอาจเขาไปทําใหคลัตซลื่นได ควรเลี้ยงคลัตซเมื่อจําเปนเทานั้น

    นอกจากการปฏิบัติตามข้อแนะนำในการขับรถขณะฝนตกนี้แล้ว
    ใคร่ขอให้ท่านตรวจสภาพรถทั่วๆ ไปให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดี เช่น ระบบเบรค,ที่ปัดน้ำฝน,ไฟหน้ารถ
    รวมทั้งไฟเลี้ยว และไฟเบรค น้ำล้างกระจกเติมให้เต็มอยู่เสมอ เตรียมผ้าแห้งไว้เช็ดฝ้าภายในรถ
    เพราะเมื่อฝนตกหนักๆ อาจจะมีละอองน้ำเป็นฝ้าจับที่กระจกภายในรถ ทำให้มองเห็นไม่ชัด
    ไม่ควรขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะถนนลื่นทำให้รถหยุดลำบาก
    ถ้าฝนตกหนักๆ ควรจะเปิดไฟหน้ารถด้วยเพราะรถคันอื่นๆ จะได้มองเห็นรถของท่านได้

    การขับรถถ้าไม่ระมัดระวังจะมีอันตรายเสมอ ซึ่งสาเหตุอาจจะเกิดจากผู้ขับรถ,สภาพถนน,สมรรถนะของรถยนต์
    และยางรถยนต์เมื่อฝนตกอันตรายจากสิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

    ดังนั้น พึงระมัดระวังและตรวจตรารถของท่านให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุดเมื่อขับรถเวลาฝนตก


    ข้อมูล: สํานักงานนิรภัยทหารอากาศฯและบริษัท บริดจสโสน เซลส์(ประเทศไทย)จำกัด
     
  2. Nowbassist

    Nowbassist New Member Member

    296
    3
    0
    ขอบคุณมากๆเลยครับ ได้ความรู้มากๆ

    ขอให้ทุกคนปลอดภัยในช่วงวันหยุดสงกรานต์ครับ
     
  3. sayon

    sayon Member Member

    607
    11
    18
    ขอบคุณหลายๆเด้อ..
     
  4. ปลาคราบ

    ปลาคราบ New Member Member

    267
    20
    0
    ขอบคุร อย่างแรง ครับ ได้ความรุ้มากๆๆ เลยครับ
     
  5. teerapong001

    teerapong001 Member Member

    214
    20
    18
    ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ

    แต่ของผมที่ใช้ ยางหน้ากว้าง 195 อัพ พอรู้ว่าฝนจะตก เอาลมยากออกหน่อย ปกติ หน้า 32 หลัง 30-31 ถ้าฝนตก หน้า 30 หลัง 28 เพื่อให้หน้ายางรับหน้าถนนมากขึ้น

    ---------- เพิ่มกระทู้เมื่อ 21:35:27 ---------- กระทู้ก่อนหน้านี้ เมื่อ 21:35:05 ----------

    ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ

    แต่ของผมที่ใช้ ยางหน้ากว้าง 195 อัพ พอรู้ว่าฝนจะตก เอาลมยากออกหน่อย ปกติ หน้า 32 หลัง 30-31 ถ้าฝนตก หน้า 30 หลัง 28 เพื่อให้หน้ายางรับหน้าถนนมากขึ้น
     
  6. gohnighttour

    gohnighttour New Member Member

    213
    21
    0
    เยี่ยมเลยครับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้