ไปเรียนมาแล้ว Singha Racing School หลักสูตร Rising Star Level รูปภาพกว่าเก้าสิบรูป

จากลิ้งค์นี้ http://racingweb.net/forums/showthread.php?t=601516 เปิดรับสมัคร Singha Racing School ประจำปี 2552

บางคนอาจจะสงสัยว่าเราแข่งรถมาก็หลายรายการ รายการใหญ่ถึงรุ่นใหญ่ระดับประเทศ ยังไปเรียนอีกทำไม?
ก็ขอบอกว่า ไปเรียนเพื่อเก็บรายละเอียดและรับการถ่ายทอดประสบการณ์จากนักแข่งที่มีประสบการณ์มากกว่าเราหลายเท่า

ขอให้อ่านเรื่องราวทั้งหมด เพื่อจะได้เข้าใจเกี่ยวกับการเรียนครั้งนี้ได้ดียิ่งขึ้น

ในหลักสูตรที่เราได้ไปเรียนคือ Rising Star Level ซึ่งเป็นหลักสูตรพื้นฐานเพื่อเริ่มก้าวเข้ามาสู่นักแข่ง
ซึ่งจริงๆ แล้วตั้งใจที่จะเรียนในหลักสูตร Advance Level แต่ช่วงนี้อยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ไม่ได้ขับรถแข่งมาหลายเดือน รถก็ยังทำไม่เสร็จ ซึ่งหลักสูตร Advance Level นี้ก็ต้องใช้รถของตัวเองด้วย เรื่อง Advance Level ขอกล่าวถึงรายละเอียดคราวหน้าละกัน

ในครั้งนี้เราจึงขอแนะนำเฉพาะหลักสูตร Rising Star Level ก่อน ซึ่งเป็นหลักสูตรสำหรับนักแข่งหน้าใหม่ที่ต้องการเข้ามาสู่วงการแข่งรถยนต์ทางเรียบอย่างถูกต้อง
โดยในเนื้อหาก็จะมีสอนให้ทราบถึงเรื่องของกฎ กติกา มารยาท การเตรียมตัวรวมถึงวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับรถแข่ง ด้วยเหตุและผลที่เกิดขึ้น โดยเน้นความเข้าใจทั้งด้านทฤษฎีและปฎิบัติ โดยเป็นไปตามหลักสูตรสากล ซึ่งรับรองโดย ร.ย.ส.ท. และในไม่นานนี้ ก่อนที่นักแข่งจะทำไปขับขี่รถแข่งได้จะต้องผ่านการอบรมจากโรงเรียนสอนขับรถแข่งก่อน ถึงจะทำใบขับขี่รถแข่งได้
มีผู้สอนคือ คุณดอน โมเทค, คุณจ้ำ กรัณฑ์, คุณแบงค์, คุณโบ (เป็นสมาชิกในเว็บนี้แหละ thebo) และนักแข่งรับเชิญ คุณปรีดา

การเรียนหลักสูตรนี้ต้องเรียนทั้งหมด 3 วัน รถที่ใช้ฝึกสอนจะเป็นรถ Jazz One make Race เพื่อที่จะให้การเรียนการสอน เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และทุกคนก็สามารถนำประสบการณ์ครั้งนี้ไปปรับใช้กับรถของตัวเองได้ โดยมีรายละเอียดของการเรียนการสอนดังนี้

 

วันแรกเรียนภาคทฤษฎีที่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด อยู่ที่อาคารริมน้ำ


ริมน้ำบรรยากาศดี ระหว่างรอคนอื่นๆ ที่ยังมาไม่ถึง


นี้คืออาคารที่จะเรียนภาคทฤษฎีในวันแรก เริ่มเรียน 9.00 น.

 

ในห้องเรียน ยังมากันไม่ครบ แต่ก็ต้องเริ่มเรียนแล้ว


คุณโบกำลังแนะนำอุปกรณ์ที่นักแข่งต้องมีใช้ เช่นหมวกกันน็อค Hans เป็นต้น


คุณปรีดากำลังแนะนำท่านั่งที่ถูกต้อง และวิธีการจับและหมุนพวงมาลัย

 

หลังจากนั้นไม่นานก็พักรับประทานอาหาร


รถแข่งมารอตั้งแต่เที่ยง

 

คุณโบให้ดูกราฟ (ไปเรียนแล้วจะรู้ว่ามันคืออะไร อธิบายตอนนี้ก็คงไม่เข้าใจน่ะ)


หลังจากเรียนภาคทฤษฎีบนห้องเรียนเสร็จแล้ว ก่อนกลับบ้านก็มาลองกับรถจริง เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งท่านั่ง วิธีจับพวงมาลัย วิธีรัดเข็มขัดนิรภัย 4 จุด วิธีปลดที่ถูกต้อง




จบแล้วสำหรับวันแรก ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่จริงๆ มีสิ่งที่เรียนรู้และได้ความรู้เยอะมากๆ ขนาดเราผ่านการแข่งรถมาแล้ว ก็ยังไม่ทราบอีกหลายๆ เรื่องจากภาคทฤษฎีที่ได้มาเรียนในครั้งนี้

 

วันที่สอง เรียนที่สนามพีระเซอร์กิต ตั้งแต่ 9.30 น. เริ่มต้นจะเป็นการแนะนำวิธีการใช้สนาม เส้นทางการเดินรถ รวมถึงทบทวนภาคทฤษฎีที่ได้เรียนมาก่อนหน้านี้


เตรียมรถที่จะใช้เรียนภาคปฎิบัติ

 

คอร์สแรก ขับหลบกรวย เพื่อให้ทราบถึงการถ่ายเทน้ำหนักของรถ และการควบคุมบังคับเลี้ยวรวมถึงการควบคุมความเร็วรถ ซึ่งผู้ฝึกสอนจะดูผู้ขับจับพวงมาลับและวิธีการหมุนว่าถูกต้องหรือไม่

 

ระหว่างที่คนแรกขับอยู่คนอื่นก็ต้องเตรียมนำรถออกไปขับด้วย จะได้ไม่เสียเวลา


คุณจ้ำจะยืนดูอยู่ข้างนอก ว่าแต่ละคนขับดีหรือไม่


คันต่อไปมารอแล้ว ทุกคนจะได้ขับแบบนี้ครั้งละ 3 รอบ

 

คอร์สสอง เบรคและลดระดับเกียร์ลงก่อนถึงกำแพงกรวย แต่ต้องไม่ให้ล้อล็อคนะ






จากนั้นก็ขับออกวนออกไป ทุกคนจะได้ขับแบบนี้ครั้งละ 3 รอบเช่นกัน

 

คอร์สต่อไป ทุกคนจะได้ขับตามรถผู้ฝึกสอน ตามไลน์ที่กำหนดไว้ ครั้งละ 10 รอบ วิ่งกันสนุกไปเลย




จะเห็นว่าทุกโค้งจะมีกรวยตั้งเอาไว้ เพื่อให้รถเข้าไปตามเส้นทางที่อยู่ระหว่างกรวยกำหนดเอาไว้

 

เราได้ขับเป็นกลุ่มที่สอง ซึ่งเป็นกลุ่มรถเร็วและมีประสบการณ์การแข่งมาบ้างแล้ว


วิ่งตามคันหน้าเหมือนกลุ่มแรก โดยมีคุณจ้ำขับนำทางให้


ก่อนถึงโค้งจะมีป้ายให้ทราบถึงจุดเบรค ทั้งซ้ายและขวา

 

หลังจากนั้น กลับมาที่กลุ่มแรก วนกันแบบนี้ กลุ่มละ 2 ครั้ง

 

ล้อและยางสำรองที่เตรียมมาเพื่อการเรียนในครั้งนี้


หลังจากเรียนเสร็จในวันนี้ ทีมช่างก็มาตรวจสภาพรถเพื่อที่จะได้ใช้เรียนในวันรุ่งขึ้น


ทีมช่างขยันมาก ไม่ค่อยเห็นอยู่ว่างเลย ทำงานตลอด

 

เติมน้ำมันให้พร้อม


จอดเรียงก่อนนำไปเก็บในพิท


หลังจากเรียนในวันที่สอง ทุกคนก็ได้รวมกันแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็น ทั้งผู้เรียนและผู้สอนแต่ละคน จากนั้นก็ไปรับประทานอาหารค่ำรวมกัน

 

วันที่สาม เริ่มตอน 10.30 น. มาถึงก็มาเรียนขับตามไลน์กันเลย แต่คราวนี้ไม่มีกรวยมาตั้งแล้ว แต่มีป้ายให้ทราบถึงจุดเบรค จุดเริ่มเข้าและออกโค้ง

 

สภาพนี้ยังดีอยู่นะ เดี่ยวดูภาพต่อไป


สุดทางตรง ขึ้นกำแพงไปแล้ว สงสัยจะขับเพลินไปหน่อย

 

สภาพรถก็ไม่ได้เสียหายมาก แค่กันชนหลุด แก้มข้างบุบ และปีกนกงอ




วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น กำแพงมันเตี้ยไป ถ้ารถวิ่งมาเร็วกว่านี้ก็คงหลุดออกไปข้างนอก


ลากลงมาได้แล้ว

 

กลับมาการเรียนต่อดีกว่า วันนี้เรียนเรื่อง Data log


สามารถวิเคราะห์การขับรถของแต่ละคนได้ ขับเร็ว ขับช้าแตกต่างกันยังไง ตรงไหน Data log บอกได้หมด ในจอคอมแรกคือ Data log จอสองข้างหลังคือแสดงผลที่วิ่งได้ในแต่ละรอบ Best lap ของแต่ละคน


ในภาพจะมีกราฟของจ้ำขับทำเวลาเอาไว้ดีที่สุด ในแต่ละคัน แล้วเอากราฟของคนที่ขับรถคันนั้นๆ มาเทียบกัน ว่าแตกต่างว่าทำเวลาแตกต่างกันช่วงไหนบ้าง เพื่อที่จะได้ทราบว่าควรจะแก้ไขยังไง ขับยังไงเวลาถึงจะดีขึ้น

 

เราลองขับดูไลน์ก่อนที่จะขับเก็บ Data log ในครั้งต่อไป ซึ่งจะเป็นรถที่ได้ติดตั้งอุปกรณ์เอาไว้แล้ว


รถที่เกิดอุบัติเหตุลากมาถึงแล้ว ใช้เวลาซ่อมไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง


ขับดูไลน์ ตามไลน์รถคันหน้า

 

ในภาพนี้จะเห็นจุดเบรคชัดเจน




กรวยที่วางไว้ตามจุดเข้าโค้ง จุดเอเปค และจุดออกโค้ง

 

เวลาผ่านไปไม่นาน ใกล้จะเสร็จแล้ว ซ่อมกันแบบสบายๆ


ซ่อมเสร็จแล้ว เอารถเข้ามาตั้งศูนย์ล้อ


ดูใกล้เคียงของเดิมล่ะ


ตั้งมุมแคมเบอร์ล้อหน้า หลังจากเปลี่ยนปีกนก

 

หลังจากที่เราได้ไปขับเก็บ Data log มาเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่า เร็วเท่าจ้ำ ก็เลยไม่สามารถนำกราฟมาเทียบกันได้ คุณดอนก็เลยนำกราฟของรถอีกคันที่ขับเร็วกว่าอีก 1 วินาทีมาเทียบกัน เพื่อจะได้ทราบถึงจุดที่ทำเวลาได้ดีกว่า และต้องแก้ไขการขับที่จุดไหนบ้าง




คุณดอนกำลังดึงข้อมูล Data log มาจากอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งไว้

 

และนี้คือจอ MoTeC ที่สามารถทำได้หลายหน้าที่ โดยเฉพาะทำหน้าที่เป็น Data log เพื่อวิเคราะห์การขับของแต่ละคนในครั้งนี้


หลังจากที่ได้เรียนในวันสุดท้ายก็ใกล้จะได้เสร็จสิ้นแล้ว


เรียนเสร็จ ค่ำ เตรียมตัวกลับบ้าน

 

หลังจากที่ได้เรียน Singha Racing School หลักสูตร Rising Star Level ในครั้งนี้ ผู้เรียนทุกคนสามารถขับรถได้เร็วและทำเวลาต่อรอบตามที่ผู้สอนได้กำหนดไว้
จากที่บางคนขับครั้งแรก 1.32 วินาทีต่อรอบ จนถึงวันสุดท้าย 1.22 วินาทีต่อรอบ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งรถแต่ละคันที่ได้นำมาเรียนในครั้งนี้ก็สามารถทำเวลาได้ที่สุดก็แถวๆ 1.19 - 1.20 ซึ่งทุกๆ คนที่ได้เรียนจบในหลักสูตรนี้ล้วนแล้วจะวิ่งอยู่เวลาแถวๆ 1.20 ไม่เกิน 1.23 ถือว่าได้ใช้ความสามารถของรถได้อย่างเต็มที่ บวกกับความสามารถของผู้ขับที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับเรานั้น ไม่เคยขับรถแข่งที่เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้ามาก่อน รถแข่งทุกๆ คันที่เราได้ขับเป็นระบบขับเคลื่อนหลังทั้งหมด
เริ่มขับในวันแรก 1.23 จนถึงรอบสุดท้ายคือ 1.19 ก็เร็วเท่ากับจ้ำที่ได้ขับทำเวลาได้ดีที่สุดของรถคันนั้นๆ ถือว่าทำเวลาได้เท่าๆ กันตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ในการเรียนครั้งนี้ เราก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์คำแนะนำต่างๆ มากมาย

ค่าใช้จ่ายในการเรียน Singha Racing School หลักสูตร Rising Star Level ราคา 28,000 บาท เราถือว่าคุ้มค่ามากๆ
ด้วยเงินจำนวนเท่านี้คุณไม่สามารถหาความรู้ ประสบการณ์ รวมทั้งสิ่งที่ได้รับรู้ในระยะเวลาอันรวดเร็วได้ขนาดนี้แน่นอน
เรากล้าบอกได้เลยว่า คุณจะต้องใช้เงินจำนวนมากกว่านี้อีกเยอะๆ บางทีก็อาจจะไม่ได้รับความรู้ความสามารถที่เพิ่มขึ้นแบบนี้ เราถือว่าด้วยเงินจำนวนเท่านี้เพื่อซื้อทางลัด กับความรู้ต่างๆ ที่เราได้รับมาในครั้งนี้ เราถือว่าคุ้มค่ามาก
ที่กล่าวมา ไม่ได้โฆษณาชวนเชื่อนะ แต่ถ้าคุณสนใจและอย่างจะเป็นนักแข่งหน้าใหม่ในวงการ หรือขับรถได้เก่งๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นนักแข่งก็ได้ ลองเรียนแล้วจะรู้ว่าขับรถแข่ง ขับรถเร็วและปลอดภัย ไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากหัวข้อ เปิดรับสมัคร Singha Racing School ประจำปี 2552 จากลิ้งค์นี้ http://racingweb.net/forums/showthread.php?t=601516


มีคำถามใดๆ สามารถสอบถามได้ ถ้าตอบได้ก็จะตอบให้นะ


พิมพ์ตอนง่วงๆ ก่อนนอน เดี่ยวว่างๆ อาจจะเข้ามาแก้ไขใหม่ น่าจะมีตกหล่นหลายที่