เมื่อวานนี้ ผมก็ขับรถมาดีๆนะ ... พอผ่านหน้า หอการค้า(โคราช) ก็เจอด่านเข้าให้ ไอ้เราก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะยังกลางวันอยู่ไม่น่าจะโดนอะไร เพราะไม่ได้ดื่มแน่นอน (กลางคืนว่าไปอย่าง) อิอิ แต่ สถานการณ์ไม่เป็นแบบนั้นซิครับ ... พอขับรถเข้าด่านปุ๊บ ท่านจนท.ก็โบกรถปั๊บ จนท .: สวัสดีครับ ขอตรวจสอบใบอนุญาตครับ (ตามฟอร์ม) ผม : สวัสดีครับ มีปัญหาอะไรเหรอครับพี่ จนท. : ขอดูใบอนุญาติครับ (ยังยืนยันเหมือนเดิม) ผม : จำใจต้องหยิบให้ดู จนท. : เมือดูเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่ม ขั้นตอนที่ใช้ประจำ คือ ... จนท. : (เริ่มอธิบายข้อกล่าวหา และ ชี้แจงความผิดให้เราฟัง แถมยกข้ออ้างทางกฏหมายมาบอก อีกยืดยาว) ผม : ????????? ...... สรุป : ผมโดนออกใบสั่งข้อหา "ติดฟิลม์กระจกหน้าเกิน 25% ." ???? ดูดู๊ดู ... ดูมันทำ ... ทำไมมันทำกับฉันได้ ... :cry:
กฎหมายฟิล์มกรองแสง ฟิล์มกรองแสง กับกฎหมายด้านความเข้ม ณ ปัจจุบันนี้ไม่มีกฎหมายควบคุมความเข้มของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ คิดในแง่ดีเราได้รับความปลอดภัยจากการมองเห็นจากบุคคลภายนอก แต่ในแง่ร้าย มีคนที่ใช้ประโยชน์จากการแอบแฝงตัวเพื่อก่ออาชญากรรมโดยรถยนต์ แต่เรื่องนี้ก็เป็นมุมมอง 2 ด้าน ซึ่งในทางกฎหมายจริงๆแล้วที่กระจกบานหน้าสามารถติดฟิล์มกรองแสงหรือสติ๊กเกอร์เพื่อป้องกันแสงแดดได้ไม่เกินเศษ 1 ส่วน 4 ของกระจก แต่สืบเนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าใจและอนุโลมให้ติดตั้ง ฟิล์มกรองแสง แบบเต็มบานได้ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะใช้ดุลยพินิจ เช่น ติดฟิล์มกรองแสง แบบเต็มบานแต่ใช้ ฟิล์มกรองแสง ที่มีความทึบมากจนเกินไป เป็นต้น ดังนั้นฟิล์มกรองแสงแบบบานหน้าเต็มบานควรเลือกใช้ฟิล์มกรองแสงที่ไม่ทึบแสงมากและไม่ควรสะท้อนแสงจนเกินไป ฟิล์มกรองแสง กับกฎหมายว่าด้วยเรื่องปรอทหรือการสะท้อนแสง การสะท้อนแสงของ ฟิล์มกรองแสง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งทำให้ผู้บริโภคหลายท่านต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลอกและติดตั้ง ฟิล์มกรองแสง กันมาบ้าง ซึ่งจริงๆแล้ว ไม่มีกฎหมายที่ควบคุมการสะท้อนแสงของฟิล์มกรองแสงว่าควรจะสะท้อนไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ ประกอบกับทางเจ้าหน้าที่เองก็ไม่ได้มีความพร้อมทางด้านเครื่องไม้เครื่องมือที่จะทำการวัดค่าการสะท้อนของฟิล์มกรองแสง ตรงนี้เองทำให้เกิดความสับสนเป็นอย่างมาก ซึ่งจริงๆแล้วการสะท้อนแสงนั้น หากท่านสังเกตรถยนต์ที่ไม่ได้ติดตั้ง ฟิล์มกรองแสง เช่น รถแท็กซี่ ในบางเวลาที่แสงแดดทำมุมกับกระจก ก็สามารถสะท้อนเข้าตา รบกวนผู้อื่นได้อยู่แล้ว ดังนั้น ฟิล์มกรองแสงที่มีความสะท้อนของโลหะ ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยหลักของการสะท้อนแสง แต่ก็มีรถยนต์ บางคัน นำฟิล์มกรองแสงบางประเภทซึ่งใช้สำหรับในการติดตั้งอาคาร ซึ่งฟิล์มกรองแสงประเภทนี้จะมีค่าการสะท้อนแสงสูงมาติดตั้งในรถยนต์ ซึ่งก็แล้วแต่ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในเรื่องของดุลยพินิจของการสะท้อนแสงนี้ รวมถึงเรื่อง กันชน กรอบป้ายทะเบียนหรืออุปกรณ์อื่นใดที่ติดตั้งบนตัวรถแล้วรบกวนการมองเห็นของผู้อื่น ทางเจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจในส่วนนี้ได้ในการจับกุม จากเว็ป 108film
คิดว่า ฟิล์มที่ติดเกิน 25 เปอร์เซนนี่อยู่ที่ ทางตำรวจเค้าจะพิจารณานะคับหรืออาจจะเปนบุญวาสนาของเราเองประมาณนั้น
นิดนึงครับ จริงๆเรื่องห้ามฟิลม์กรองแสงเข้มมากวัตถุประสงค์ กำหนดไว้เพื่อป้องกันความปลอดภัยสำหรับการขับขี่ เช่นแท็กซี่หรือรถสาธารณะอื่นๆเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือทัน กับเพื่อความปลอดภัยเวลาขับรถกลางคืนจะทำให้มองไม่ชัด แต่บ้านเรามันร้อนมากไม่ติดไม่ได้ แต่พอผ่อนผัน ตำรวจก็เข้ามามีบทบาทอีก เข้าเรื่องครับ ทีหลังตำรวจขอใบขับขี่ ให้ถามว่าต้นเป็นยังไง ไม่ใช่ ให้บอกว่าไม่ได้เอามาคราวนี้ต่อลองกันได้ ถ้าออกใบสั่งก็ให้ออกไป อย่างมากก็โดนเพิ่มข้อหาขับขี่รถโดยไม่มีใบอนุญาติ ซึ่งใบสั่งนี้ไม่มีผลอะไรกับเรา เพราะตำรวจกับขนส่งไม่ลิงค์กัน ค่าปรับตำรวจได้ ภาษี ขนส่งได้....สังเกตได้จากเถ้าราได้ใบสั่งแปะไม่เสียค่าปรับก็ไม่เป็นอะไร...กรณีดังกล่าว.ยกเว้นตำรวจให้ไปโลงพัก ค่อยบอกว่าหาเจอแล้วหรือตกลงกันได้ อีกอย่างเรื่องขับรถเมาแล้วเป่าก็เหมือนกัน เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ แต่บางคนปริมาณที่กินกว่าจะเมาไม่เท่ากัน แต่เพื่อส่วนรวมก็ควรเคารพกติกาไว้สงสารคนอื่นเวลาเกิดเรื่อง แต่ถ้าจำเป็นจริงๆตำรวจไม่สามารถบังคับเป่าได้ไปเจาะเลือดก็ไม่ได้ละเมิดสิทธิเราครับอย่างมากก็อยู่ที่ด่านจนเลิก เพราะถ้าเป่าแล้วเกินรุ่งขึ้นฟ้องศาลทันที คราวนี้งานเข้าประวัติคดีติดตัวจนตายทำอะไรหลายๆอย่างไม่ได้เพราะติดโทษแล้ว โทษทีนะครับเขียนยืดยาวไปหน่อย
ดีครับใว้วันหลังเอาไปใช้บ้าง ตำรวจสมัยนี้ไม่รู้เป็นไร เริ่มคิดเล็กคิดน้อย จุกจิกขึ้นเยอะ พยายามหาข้อหาให้ได้ เมื่อไม่นานก็โดนโบกเข้าข้างทาง ขอดูใบขับขี่เเละตักเตือนเรื่องป้ายทะเบียนอัดกรอบพลาสติก บอกว่าให้เอาออกซะให้ติดเปลือยๆซะงั้น ถ้าอย่างนั้นเค้าก็ผิดกันค่อนประเทศล่ะครับพี่น้อง เอากะมัน ป.ล.กรอบทะเบียนอัดพลาสติกกันน้ำธรรมดานี่เเหละครับ เเต่รถผมก็ติดฟิล์มหน้า 60 หลัง 80 จะโดนเรียกอีกมั๊ยน้า เวรกำ เเต่เคยอ่านบทความนึงบอกว่าไม่ผิดถ้าไม่สะท้อนเเสงเกินนะครับ ถ้าโดนจะเถียงไม่ยอมคอยดู อิอิ
ลองแบบน้องผมก็ได้นะคับไปทำงานเดินสายเคเบิลเมาแล้วขับเจอด่านวันนั้นไปกัน 6 คนรถปิคอัพเก่าๆผุๆ ตำรวจเรียกน้องผมทำไม่เห็นขับไปต่อโดยไม่สนใจเสียงตะโกนให้จอด พอพ้นด่านมาเหยียบมิด(ไม่น่าเกิน80) หลบเข้าไปในซอย ผลปรากฏว่า ตำรวจตามควันรถไปคับถึงในซอยเลย มากัน 6 คนเอาปืนจ่อเหมือนในหนังเลยคับแล้วเรียกให้ลงมาช้าๆ สรุปโดนไป หมื่นแปด ไม่ต้องตกใจนะคับ(ฟังข้อหาละกัน 1. เมาแล้วขับ 2. ไม่มีใบขับขี่ 3.พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน 4.หลบหนีการจับกุม เรื่องนี้สอนให้รุว่า ควันดำหรือไอเสีย ไม่ดีเลย -*- แต่เรื่องที่เล่าเปงเรื่องจิงนะ ไม่ได้โม้
ผมเคยโดนข้อหา มีสิ่งเสพติดไว้ในครอบครองอะ เจอะตรงดอนเมืองเลยครับ ตอนนั้นถึงกับตกใจ แม่ง บิดกุญแจแล้ว ดับรถเลยกระชากกุญแจออกเลย เหี้ยไหมละจ๊ะ พอเส็ดมันก็บอกขอดูโน่นนี้ แล้วขอค้นรถ พอเส็ด แม่งก็ตรวจหลังรถ แล้ว มันก็มีของสิ่งนึง ซึ่งแม่งไม่มีบนรถผมแน่ๆ ..... แม่งมีก้อนสีน้ำตาลๆ 4 เหลี่ยม ประมาณ 3 ก้อน โดยห่อโดยสะก๊อตเทป แล้วมันก็เอามีดเจาะบอกว่านี้คือผงขาว เฮโรอีน แม่เจ้าผมถึงกับทรุด วันนั้นใส่เสื้อนักศึกษาด้วย แม่งบอกว่า น้องค้ายาหร๋อครับหรือเสพเอง ผมบอกว่านี้ไม่ได้ของผม พี่รู้ปะว่าแม่งบอกว่าอะไร ตอบมาหน้าด้านๆ ... ของหลักฐานเห็นๆกันอยู่ พอเส็ดแม่งผมก็ไม่รู้ทำไงก็บอกมันว่าจะขอโทรหาผ้ปกครอง แม่งบอกว่า งั้นพี่ต้องขอจุบกุมแล้วไปที่โรงพักก่อนนะครับ เพื่อลงบันทึกประจำวันและรอพิจารณาคดี เหี้ยไหมละครับ .... ผมบอกไปอีกว่า แล้วนี้ไม่ใช้ของผมอะ รถผมมั่นใจได้เลยว่าไม่มีแน่ๆ มันบอกว่า ถ้ายังเถียงอีก งั้นผมขอจับกุมเลยและกัน แม่งก็เอาไอ้กุญแจมือมาจับ มือไคว้หลัง ซึ่ง ขณะนั้น กระเป๋าตังค์ มือถือ แม่งอยู่กับมันหมดเลย แล้วมันก็บอกลูกน้องมันว่า เฮ่ย มึง โทรเรียกนักข่าวด้วย โอ้วแม่เจ้า แม่ง ระหว่างนั้นแม่งก็ค้นกระเป๋าตังค์ แล้วบอกว่า เรียนลาดกระบังใช่ไหม ผมก็บอกว่าใช่ และพอเส็ดแม่งก็เลยเปรยมาว่า น้องอยากให้มันจบตรงนี้ไหม ? เยดดดดดด เข้า แก๊ป มันดิ แม่ง บอก ว่า งั้น เอา งี้ และ กัน จบ ตรง นี้ เลย ไม่ ต้อง ลง ประ จำ วัน พี่ ขอ แค่ 1 หมื่น ถ้า ได้ จบ เลย โอ้ว ไอ้ ควย ......... 10000 เนีย นะ กรุ แดก 2 เดือน พอ เส็ด ผม ก็ ต้อง ต่อ รอง ราคา ว่า พี่ ผม ขอ เถอะ ไม่ มี เงิน แม่ง บอก ว่า งั้น ขึ้น โรง พัก และ กัน แล้ว รอ พิ จารณาคดี นะ แล้ว เดี๋ยว นัก ข่าว มา ก็ จะ ลง หน้า 1 นะ เหี๊ย ไหม ละ ครับ สุด ท้าย ผม ก็ ต้อง ยอม ให้ มัน คือ แม่ง มี กัน 6 คน ผม โดน ไป 7000 บาท ตัว พ่อ มัน เอา 2 พัน ลูกๆ แม่ง เอา คน ละ พัน ถึง จะ จบ ปล่อย กลับ บ้าน สรุป ..... ตำรวจ หรือ ขอทาน วะ ไอ้เหี้ย ขอทานในคราบเครื่องแบบเลย ผมละถึงกับ เซ็ง เหี้ย ตอนแรกกะยอมเข้าคุกแล้วขึ้นศาลแต่พอคิดดูๆดีๆ แม่งไม่คุ้มเหี้ยๆ อะ พวกแม่งแบค แม่งมีขนาดไหนก็ไม่รู้ เราก็แค่คน บ้านๆคนนึงไม่มี เส้นสาย จะไปทำไรได้ ถ้าโดนหนัก พ่อแม่มา มีหวัง โดน จ่ายมากกว่านี้แน่ เฮ้อๆ ตำรวจไทย
ทุกครั้งที่ตำรวจขอค้นรถต้องยืนดูอยุกับเค้าเลยนะคับอย่าปล่อยโอกาสให้ทำแบบนี้ได้ครับอันตราย เวลาตำรวจขอตรวจผมจะเปนคนนำเค้าไปตรวจเองเลยคับ ป้องกันไว้ก่อนอย่านั่งในรถแล้วคิดว่าไม่มีอะไร อิอิ โหพี่หม่อมนิสนุงจิ
อีกแหละ ถ้าตำรวจขอค้นรถ จริงๆแล้วไม่น่าจะทำได้เพราะรถมีลักษณะเป็นสถานที่ส่วนบุคคลแบบเดียวกับบ้านซึ่งถ้าจะค้นบ้านยังต้องขอหมายศาลเลย ยกเว้นรถนั้นมีความผิดปกติหรือเป็นที่น่าสงสัยจริงๆ ซึ่งควรทำดังนี้ ขอจอดในที่สว่าง และรบกวนคนบริเวณนั้นมาช่วยดูหรือเป็นพยาน จะช่วยเซฟตัวเองได้มาก ซึ่งกรณีต่างๆเหล่านี้มิใช่มีอคติใดๆต่อตำรวจแต่เพราะเป็นข้อคิดในการป้องกันตัวเองจากการกระทำที่ไม่ถูกต้องซึ่งมีตัวอย่างเยอะแล้ว กว่าจะสู้ดคีหลุดเป็นภาระอย่างมาก ถ้าแพ้ก็จบเห่ทั้งๆที่ไม่ได้ทำ เช่นคดีผู้กองนัด ที่ใต้เมื่อเร็วๆนี้ ถามนิดครับถ้าผมโยนซองยาในรถคูณ ๆจะแก้ต่างยังไง...ใกล้ตัวนะครับ โชคดี
โดนเหมือนกัน ของผมโดนข้อหาเลี้ยวไม่เปิดไฟขณะเลี้ยว แต่มันมีเหตุจำเป็นที่ไม่ทันเปิด คือ มันเล่นแอบข้างถนนน แล้วจู่ๆก็ออกมาขวาง ทำให้ต้องหักหลบมัน แล้วถึงจอดให้ สุดท้ายมันแจ้งข้อหาให้เรียบร้อย สุดท้ายก็ให้เงินไปมันก็จบ ซึ่งเมื่อมันได้เสร็จปิดประตูให้ซะเรียบร้อย พร้อมกับตะแบ้ะให้อีกต่างหาก อนานาจจริงผู้รักษากฏหมายของบ้านเรา ซึ่งส่วนมากถ้าหากโดนเมนเรียกมักจะโดนให้ข้อหากันแทบทุกคน เฮ่อเซ็................ง
อย่าเครียดครับ ... อย่าเครียด ... เล่าสู่กันฟังครับ ตอนนี้ได้คืนมาแล้วครับ ... ก็ให้ตำรวจนั่นแหละไปเอาคืนมาให้ครับ (ไม่จ่ายตังค์) ...คิดไป ไป มา มา แก้เบื่อดีครับ อิ อิ
ผมโดนตำรวจจับเป็นประจำ ข้อหาขับแล้วโทรฯ เฉลี่ยเดือนละ 2 ครั้ง ว่างๆ จะเปลี่ยนเปลี่ยนฟิลม์เป็น 80 % ทั้งคัน ข้างหน้า สัก 40 % ฉาบปรอท มันจะไม่โดนข้อหาฟิลม์อีก ...................เห็นใจพี่น้องที่โดนตำรวจจับ แบบไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะรถคันไหนแต่ง โหลด เด็กวัยรุ่นขับ ยิ่งเป็นชุดนักศีกษา เรียกว่าเข้าทาง มีข้อหาให้เลือกเพียบ พ่อแม่มีกะตังส์จ่าย เด็กเองก็ไม่รู้กฎหมาย กลัวขึ้นโรงพัก โดนเรียกพ่อแม่ กลัวเสียอนาคต สรุปยอมจ่ายอย่างเดียว ว่างๆๆ ลองขับเบ็นซ์รุ่นใหม่ๆ ไม่แต่งเดิมๆ รับรองมันไม่กล้าจับหรอก กลัวเจอตอ ได้แต่จับรถ P&P พวกเราอ่ะ
ผมก้อเคยนะ........ไปเขมรกลับมา....แม่งตรวจละเอียดยันกระเป๋าเงินแฟนผมเลยง่ะ........เขาให้เปิดท้ายผมก็ลงมาเปิดแต่ให้แฟนนั่งอยู่ในรถ.......เคยได้ยินเหมือนกัน...กรณีเหมือนของตูนน่ะ.....ก็เลยบอกแฟนว่าไม่ต้องลงจากรถ........และก้อแกล้งทำเป็นโทรศัพท์แต่แอบกดถ่ายรูปพวกผู้รักษากฏหมายไว้เผื่อเขาจะเอาของดีมายัดให้เพราะเรามั่นใจว่าในรถเราไม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่แล้ว......แต่โชคดีเขาตรวจแล้วปรกติ........ก็ระมัดระวังกันไว้นะครับ.....โทรศัพท์บางทีก็มีประโยชน์กว่าเอาไว้ดูคลิปมิยาบินะครับ
โนคอมเม้นท์ด้วยครับ...ขี้เกียจวิจารณ์...บอกได้แต่ว่า..พูดไปก็เท่านั้น... รู้กฎหมายก็หาว่าหัวหมอ...อ้างว่าไม่รู้ก็ไม่ได้..เพราะกฎหมายเมื่อประกาศใช้แล้วถือว่ารับรู้... ขอถามแค่ว่า...แล้วเมิงจะเอายังไงกะกรูฟะ...?
ตำรวจจราจร เป็นเหมือนกันทุกที่ ตำรวจดีๆจึงอยู่จึงอยู่ไม่ค่อยได้ (ชาติที่แล้วคงจะเป็นควาย ไถอย่างเดียว) + อ้างถึง ตอบกลับ