จริงหรือปล่าว รถที่วิ่งมาเกิน 4 - 5 หมื่นโล ไม่ควรใช้ น้ำมันเครื่อง ...... ...................

การสนทนาใน 'Racing Forum (Cars Forum)' เริ่มโดย TT_GOVERNMENT, 12 ตุลาคม 2008

< Previous Thread | Next Thread >
  1. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT New Member Member

    809
    27
    0
    จริงหรือปล่าว รถที่วิ่งมาเกิน 4 - 5 หมื่นโล ขึ้นไป ไม่ควรใช้ น้ำมันเครื่อง เกรด

    5 W 40 หรือ 5 W 30

    แต่คนขายแนะนำว่าควรใช้ เกรด 15 W 50

    ซึ่งมีราคาแพง กว่า



    :cool::cool::cool:
     
  2. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT New Member Member

    809
    27
    0
    ตอนไป เห็นน้ำมัน ปตท. แถม มีพับสวิส ยี่ห้อดัง

    Victorinox ด้วย ( ตามรูป )

    แต่ไม่ได้เปลี่ยน เพราะ คนขายบอกว่า

    5 w 50 ของ ปตท. มันใสไป เหมาะกับรถใหม่ๆ

    รถทีวิ่งมาเกิน 4 - 50,000 กิโล ไม่เหมาะที่จะใช้ (???)

    เลยต้องไปใช้ยี่ห้ออื่น แทน

    :eek:
     
  3. gri

    gri New Member Member

    1,163
    26
    0
    ผมว่ามันขึ้นอยู่กับสภาพเครื่องยนต์หน่ะครับ

    ค่อยๆไล่เกรดน้ำมันเครื่องไปจนเราพอใจดีกว่า
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 ตุลาคม 2008
  4. we_zaa

    we_zaa New Member Member

    1,358
    33
    0
    ตอนนี้ก็ใช้ ptt เรซซิ่งอยู่ฮับ วัดกำลังอัดวัดไงอะครับ Rep บน
     
  5. + SENG +

    + SENG + Legend (R.I.P.)

    7,664
    141
    0
    ตัวเลขข้างหน้า ไม่ต้องไม่สนใจเท่ารัย
    เพราะมันเป็นอุณหภูมิเมืองหนาว
    จะ 5 10 15 20 ก้อไม่แปลก บ้านเราเมืองร้อนใส่ได้ทั้งหมด

    หากแต่ตัวเลข ข้างหลัง ต้องควรใส่ใจไว้
    หาตัวเลขเยอะ ๆ มาใส่ ดีที่สุด 40 หรือ 50 ยิ่งดีใหญ่
    รถแข่งบ้านเราใช้ 5W-50 จนไปถึง 20W-50 ( ประมาณนี้ )
    รถแข่งยังใช้ รถบ้านใช้ก้อยิ่งดีใหญ่ แต่จะเอาให้ดี
    ต้องดูเกรดเป็น สังเคราะห์แท้ 100% ( Fully Syn )
    จะให้ดีที่สุด ขอเป็นบรรจุจากต่างประเทศไปเลย


    บางทีคนขายก้อไม่ได้ มาใช้รถกะเรานะ
    ตามใจเงินในกระเป๋าคุณเลยคับ ชอบรัย ซื้อเลย ย


    ปล.เข้าร้านใหญ่ ๆ จะมีค่าคอมมิชชั่นสำหรับคนขาย
    หรือไม่ เค้าก้อต้องการระบายสต๊อก
     
  6. Ballnuclear

    Ballnuclear New Member Member

    691
    14
    0
    ไม่เสมอไปครับ
    ของผม Vtec N/A
    วิ่งมากว่า 150,000 ไม่เคย Overhaul แต่เปลี่ยนถ่ายสม่ำเสมอ ใช้ Fully Syn เกรด W40 มาตลอด ก็ปรี๊ดดีอ่ะครับ
    มีเปลี่ยนเป็น W50 Semi ครั้งนึงก็หนืดๆ และอีกครั้ง W50 แบบทำมะดา เร่งไม่ออกเลย
     
  7. teerapong001

    teerapong001 Member Member

    214
    20
    18
    เออเท่าที่รู้มาไม่เกี่ยวกันเท่าไรนะมันอยู่ที่ความหนืดยังที่พี่บอกแหละบ้านเรามันเมืองร้อน
    อีกอย่าง ยิ่งเกรดสู
    มากใช้ว่าจะดี ความคิดส่วนตัวนะเคยมีพี่ที่ร้นบอกว่า เกรดสูงมากความระเอียดของ น้ำมันเครื่องยิ่งเล็กหรือดีมากนั้นเอง
    จะทำให้แทรกซึมไปในลอยรั่วต่างๆของเครื่องยนต์ได้ทำให้เกิดเขม่าอะคับ
     
  8. M-16 ศิษย์ บขส.

    M-16 ศิษย์ บขส. New Member Member

    301
    5
    0
    ของผม5 แสน โลหมาดๆ ยัง พีทีที เรซซิ่งอยู่เลย น้ำมันเครื่องหายไปนิส เดียวเอง ตอน 7000โล ผมเปลี่ยน 10000โล

    ใช้แก๊สด้วย ไม่เห็นเปงรายเลย เหอๆๆๆ
     
  9. MOJOJOJO

    MOJOJOJO New Member Member

    59
    0
    0
    คหข้างบน ที่จริงตัวเลขหลังเยอะใช่ว่าจะดีเสมอไปนะครับ เกรงว่าจะเข้าใจผิด

    ยิ่งตัวเลยเยอะ = ความหนืดยิ่งมาก ที่รถแข่งต้องใช้น้ำมันความหนืดมากเพราะเวลาใช้งานนั้น(แข่ง) oil temp สูงกว่ารถบ้านธรรมดานัก
    จึงต้องการน้ำมันที่ยังคงสภาพเป็นฟีลม์ หากใช้น้ำมันใสๆ ที่ใสอยู่แล้ว เจอภาวะทำงานหนักๆเข้าไป ยิ่งใสเข้าไปใหญ่ นอกจากแรงดันอาจได้เครื่องพังเป็นของแถม

    ส่วนรถบ้าน oiltemp ไม่ได้เยอะอย่างนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะใช้น้ำมันหนืดเกินที่ผู้ผลิตระบุใว้ สมมุติรถใหม่ป้ายแดง อยากใส่หนืดๆเหมือนรถแข่งบ้างก็ได้ แต่ได้จ่ายแพงกว่า เครื่องวิ่งหนืดขึ้นเนื่องจากน้ำมันเครื่องข้นเกินความจำเป็น และให้กินน้ำมัน



    สรุปแล้ว ใช้น้ำมันเครื่องตามที่ระบุมาจากโรงงานดีกว่าครับ ดีไม่ดี ว่ากันที่เกรดน้ำมันเครื่อง
     
  10. *+* โต้ง *+*

    *+* โต้ง *+* New Member Member

    1,306
    29
    0
    อยากทราบว่าคนขายที่ไหนครับ ในร้านที่ถ่ายรูปมารึเปล่า...............

    แค่ 4-5หมื่นโล ยืนพื้นที่เบอร์ 40 น่าจะดีสุดแล้วล่ะครับ


    ถ้าเครื่องไม่ได้หลวมโพรก หรือรถทำมาเยอะ แช่ยาวๆแล้วแรงดันน้ำมันตก ............

    หรือ SR เทอร์โบ หรือ 2JZ ไม่ต้องเขยิบไปใช้เบอร์ 50 หรอกครับ เต็มที่ก็ 10W-40 ก็พอล่ะ

    ไอ้ 15W-50 ที่ว่ามา มันก็น้องๆ เบอร์60 เลยนา
     
  11. evolutionlab

    evolutionlab New Member VIP

    1,013
    41
    0
    ถ้าไม่มีต่อยอดทำไส้ในกันมาใหม่ ผมว่าไม่จำเปนต้องขยับหนีสเปกเดิมโรงงานนะคับ

    เครื่องแต่ละตัวก็ต้องการความหนืดไม่เหมือนกันนะคับ แต่รถบ้านทั่วๆไปก็ไม่หนีกันมากหรอกคับ
     
  12. Piccolo

    Piccolo New Member Member

    1,673
    65
    0
  13. prototype01

    prototype01 Active Member Privilege

    800
    47
    28
    รอบรู้เรื่องน้ำมันเครื่องครับ (Credit : http://www.autocheckpoint.co.th/th/oil_1.html )

    เรื่องที่ผมจะนำมาเล่าให้อ่านกันนั้นเป็นเรื่องที่ดูเหมือนธรรมดาแต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่สำคัญและคนทั่วไปยังขาดความเข้าใจกันอยู่พอสมควร
    สิ่งที่ผมจะกล่าวถึงนั้นเป็นส่วนที่เราต้องเปลี่ยนบ่อยที่สุดในอายุการใช้งานของรถยนต์คันหนึ่ง หลายคนคงพอจะเดาได้แล้วว่าสิ่งนั้นคือน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ ที่ผมอยากจะกล่าวถึงเรื่องนี้ก็เพราะว่าลูกค้าที่เข้ามาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่อู่ของเรามักจะไม่แน่ใจว่าจะเลือกน้ำมันเครื่องอย่างไรดี ส่วนใหญ่นั้นมักจะเลือกจากยี่ห้อเป็นหลัก ซึ่งทำให้น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์บางยี่ห้อที่มีคุณภาพดีๆถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดายโดยเฉพาะยี่ห้อของคนไทยเอง
    ผมขอเริ่มด้วยการอธิบายหน้าที่ของน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์กันก่อนนะครับ

    1. หน้าที่ในการหล่อลื่น
    หน้าที่นี้คือหน้าที่หลักเลยนะครับ โดนน้ำมันหล่อลื่นจะเคลือบชิ้นส่วนโลหะในเครื่องยนต์ในลักษณะเป็นฟิล์มเคลือบอยู่ที่ผิวโลหะเพื่อช่วยลดการสัมผัสกันโดยตรงของชิ้นส่วนโลหะ โดยความหนาของฟิล์มนั้นขึ้นอยู่กับความหนืดของน้ำมันเครื่อง

    2. หน้าที่ในการระบายความร้อน
    ในช่วงที่เครื่องยนต์กำลังทำงานนั้นจะเกิดความร้อนขึ้นบริเวณ รอบๆฝาสูบ รอบๆกระบอกสูบ ลูกสูบ ข้อเหวี่ยงและ ชิ้นส่วนภายในต่างๆ ปั๊มน้ำมันเครื่องจะส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ เมื่อน้ำมันเครื่องไหลกลับก็จะพาเอาความร้อนกลับลงไปสู่อ่างน้ำมันเครื่องด้วย จึงเป็นการระบายความร้อนให้ชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์อีกทางหนึ่ง

    3. หน้าที่ในการป้องกันสนิมและการกัดกร่อน
    การเผาไหม้ในเครื่องยนต์จะทำให้เกิดความชื้นและไอน้ำ เป็นสาเหตุให้เกิดสนิมกับชิ้นส่วนต่างๆ ขณะเดียวกันการเผาไหม้เชื้อเพลิงก็ทำให้เกิดกรดกำมะถัน ซึ่งสามารถกัดกร่อนชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ให้สึกหรอได้ น้ำมันเครื่องมีหน้าที่ทำให้ไอน้ำและกรดกำมะถันเจือจางลงซึ่งช่วยป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้

    4. หน้าที่ในการป้องกันการรั่วของกำลังอัด
    น้ำมันเครื่องที่มีลักษณะเป็นฟิล์มจะช่วยเคลือบผนังกระบอกสูบ เพื่อทำหน้าที่ป้องกันการรั่วของกำลังอัดภายในกระบอกสูบ ที่จะไหลผ่านระหว่างแหวนลูกสูบและกระบอกสูบลงสู่ห้องแคร้งของเครื่องยนต์

    5. หน้าที่ในการทำความสะอาด
    การเผาไหม้ในเครื่องยนต์จะทำให้เกิดเขม่าและผงโลหะ ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันภายในชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้ เพราะฉะนั้นน้ำมันเครื่องมีหน้าที่ชะล้างเขม่าและป้องกันการรวมตัวกันของผงโลหะที่อาจทำให้เกิดการอุดตันได้
    หลังจากที่ท่านได้ทราบหน้าที่ของน้ำมันเครื่องแล้วท่านคงจะให้ความสำคัญกับการเลือกน้ำมันเครื่องมากขึ้นแล้วใช่ไหมครับ
    ผมขอข้ามส่วนประกอบอื่นๆของน้ำมันเครื่องเช่น สารเพิ่มคุณภาพ (ADDITIVES)ไปเลยนะครับเพราะสารเหล่านี้เราไม่สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่าและผู้ผลิตก็ไม่ได้แจ้งไว้ที่ฉลากด้วยเพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจมากนัก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสถาบันวิจัยน้ำมันเครื่องดีกว่านะครับ เราจะได้เข้าสู่วิธีการเลือกน้ำมันเครื่องกันสักที


    โดยการเลือกน้ำมันเครื่องนั้นผมขอแบ่งเป็น 3 วิธีละกันนะครับ

    1. เลือกจากชนิดของน้ำมันเครื่อง
    คือการเลือกโดยดูจากพื้นฐานของน้ำมันเครื่องว่าเป็นชนิดไหน ซึ่งจะมีผลกับอายุการใช้งานของน้ำมันเครื่องโดยส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 3 ชนิดนะครับ

    1.1 น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา
    1.2 น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์
    1.3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์

    โดยข้อแตกต่างของน้ำมันเครื่องทั้งสามชนิดนี้ก็คือโครงสร้างของโมเลกุลในตัวน้ำมันเครื่องที่มีการยึดตัวเกาะกัน โดยการยึดตัวของอะตอมที่ต่างกันทำให้น้ำมันเครื่องสามารถคงความหนืดและลักษณะการเป็นฟิล์มได้นานต่างกัน สรุปง่ายๆว่าข้อแตกต่างของน้ำมันเครื่องทั้งสามชนิดก็คือระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั่นเอง
    ระยะทางของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละชนิด

    1. น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา ประมาณ 4000 กิโลเมตร
    2. น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์ ประมาณ 6000 กิโลเมตร
    3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ประมาณ 10000 กิโลเมตร

    โดยระยะเวลาของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้นอาจแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้รถยนต์ของแต่ละ
    เช่น บางท่านอาจวิ่งทางไกลอย่างเดียวซึ่งไม่ค่อยพบกับการจราจรที่ติดขัด ระยะเลขกิโลเมตรที่หน้าปัทม์ของรถท่านก็อาจตรงกับระยะทางที่ท่านวิ่งจริงๆ ท่านสามารถเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามที่กำหนดไว้หรือมากกว่าได้ แต่ผู้ที่พบการจราจรที่ติดขัดอยู่เป็นประจำแม้รถของท่านจะไม่ได้วิ่งแต่เครื่องยนต์ของท่านก็ทำงานตลอดเวลาเช่นกัน เพราะฉะนั้นท่านควรจะเปลี่ยนเร็วกว่าที่กำหนดไว้สักนิด

    2. เลือกจากเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่อง
    คือการเลือกโดยดูจากเกรดคุณภาพที่เกิดจากการทดสอบคุณสมบัติด้านต่างๆของน้ำมันเครื่องซึ่งเกี่ยวข้องกับคุณภาพและประสิทธิภาพเกือบทุกด้านของน้ำมันเครื่อง โดยสถาบันที่ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตน้ำมันทั่วโลกให้เป็นผู้ทดสอบคือสถาบัน API ที่ย่อมาจาก AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE โดยAPI จะแบ่งเกรดคุณภาพเป็น 2 กลุ่ม

    กลุ่มที่ 1 คือเกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์เบนซินซึ่งตามหลังอักษรย่อ API โดยจะใช้ตัวอักษร S (STATION SERVICE-SPARK IGNITION) นำหน้าตัวอักษรย่อที่บ่งบอกเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องซึ่งเริ่มจากตัวอักษร A ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพต่ำสุดจากนั้นจึงไล่ตามตัวอักษรไปเรื่อยๆคือ B, C, D, E, F, G, H, Jและ L เช่น API SG, API SJและ API SL ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพสูงสุดในปัจจุบัน โดยเราสามารถดูเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่แสดงไว้บนฉลากข้างแกลลอนนะครับ

    กลุ่มที่ 2 คือเกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลซึ่งตามหลังอักษรย่อ API โดยจะใช้ตัวอักษร C (COMMERCIAL SERVICE-COMPRESSION IGNITION) นำหน้าตัวอักษรย่อที่บ่งบอกเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องซึ่งเริ่มจากตัวอักษร A ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพต่ำสุดจากนั้นจึงไล่ตามตัวอักษรไปเรื่อยๆคือ B, C, D, E, F, G, Hและ I เช่น API CF, API CG-4, API CH-4และ API CI-4 ซึ่งเป็นเกรดคุณภาพสูงสุดในปัจจุบัน (เลข 4 ที่ตามหลังหมายถึง เน้นใช้สำหรับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ)

    ตามความเป็นจริงแล้วทั้งน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลนั้นสามารถใช้ได้กับเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลได้ แต่จะมีความเหมาะสมกับเครื่องยนต์แต่ละชนิดต่างกัน หากน้ำมันเครื่องชนิดไหนที่เหมาะกับเครื่องยนต์เบนซิน ทางสถาบัน APIจะนำเกรดคุณภาพที่เหมาะสมมาไว้ข้างหน้าเช่น น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์เบนซินจะมีเกรดคุณภาพดังนี้ API SL/CF หรือน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ดีเซลก็จะมีเกรดคุณภาพดังนี้ API CH-4/SJ ซึ่งหมายความว่าเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องดีเซลชนิดนี้เทียบเท่ากับเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่องเบนซินในเกรดคุณภาพ SJ นั่นเอง ส่วนที่แตกต่างกันของน้ำมันเครื่องทั้ง 2 เกรดคุณภาพคือ ส่วนประกอบอื่นๆของน้ำมันเครื่องเช่นสารเพิ่มคุณภาพ (ADDITIVES) ซึ่งเหมาะกับเครื่องยนต์ที่ต่างชนิดกัน
    ในปัจจุบันผมแนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพสูงสุดหรือใกล้เคียงเกรดคุณภาพสูงสุดอยู่เสมอ ถึงแม้ราคาจะแพงกว่าเกรดที่ต่ำกว่าแต่ก็คุ้มค่ากว่าเช่นกัน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบราคาของน้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพต่ำกับเกรดคุณภาพสูงสุดนั้นราคาก็ต่างกันไม่กี่ร้อยบาทเท่านั้นเอง

    3. เลือกจากเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่อง
    ความหนืดของน้ำมันเครื่องจะเกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นเคลือบและการไหลเวียนของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเกรดความหนืดคืออัตราการไหลของปริมาณต่อขนาดและความยาวของรู ต่อหน่วยเวลา ณ อุณหภูมิหนึ่ง ยกตัวอย่าง
    เช่น น้ำมัน 60 ซี.ซี ไหลผ่านรูขนาด 12.25 มิลลิเมตร ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส
    ส่วนหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการวัดเกรดความหนืดก็คือ สมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) โดยเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องจะแสดงเป็นเป็นอักษรย่อ SAEแล้วตามด้วยเกรดความหนืดเป็นตัวเลขเช่น 5, 10, 15, 30, 40และ 50เป็นต้น
    โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็จะสูงตามไปด้วยเช่น SAE 10W-50จะมีความหนืดมากกว่า SAE 5W-40
    ซึ่งการวัดเกรดความหนืดจะแบ่งเป็นการวัดที่ 2 อุณหภูมิที่แตกต่างกัน
    1. วัดที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะตามด้วยอักษร W (WINTER) เช่น 5W, 10W
    2. วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะเป็นตัวเลขอย่างเดียวเช่น 30, 40, 50

    การเลือกน้ำมันในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศร้อนให้ดูที่ตัวเลขตัวหลังสุดที่ไม่มีตัวอักษรนำหน้าอย่างเดียวก็พอ
    เพราะประเทศไทยไม่มีอุณหภูมิติดลบจึงไม่มีความจำเป็นต้องดูตัวเลขที่มีตัวอักษร W ตามหลัง


    ส่วนการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องนั้นให้ดูจากคู่มือประจำรถยนต์ หากไม่ทราบเกรดความหนืดที่แน่นอนให้ใช้เกรดความหนืด 40 หากเครื่องยนต์มีอาการกินน้ำมันเครื่องให้เปลี่ยนเป็นเกรดความหนืด 50

    ปัจจัยอื่นๆในการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องก็คืออุณหภูมิของอากาศและสภาพความหลวมของชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ หากอากาศภายนอกเย็นหรือเครื่องยนต์เย็น น้ำมันเครื่องควรใสและไหลง่ายเพื่อหล่อลื่นและปกป้องชิ้นส่วนของเครื่องยต์ขณะ สตาร์ทและใช้งาน หากเครื่องยนต์ร้อนแล้วน้ำมันเครื่องใสเกินไป ชั้นเคลือบหรือฟิล์มจะบางเกินไปและไม่สามารถปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้
    หากเครื่องยนต์ผ่านการใช้งานมามากและเครื่องยนต์เริ่มหลวมก็ควรเลือกน้ำมันที่มีเกรดความหนืดมากขึ้นจากมาตรฐานที่กำหนดในคู่มือรถยนต์สักหน่อยเช่นจาก 40เป็น 50 เพราะชั้นเคลือบหรือฟิล์มที่หนาขึ้นสามารถเข้าไปอุดช่องว่างที่เกิดจากการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย ในส่วนนี้สามารถช่วยป้องกันกำลังอัดรั่วไหลของเครื่องยนต์ที่เกิดจากช่องว่างระหว่างแหวนลูกสูบและกระบอกสูบได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย
    ส่วนท่านที่ใช้น้ำมันเครื่องยี่ห้อของผู้ผลิตรถยนต์มาตลอดแล้วอยากเปลี่ยนก็สามารถทำได้ โดยเลือกน้ำมันที่มีเกรดคุณภาพและเกรดความหนืดเท่ากันก็สามารถใช้ทดแทนกันได้แล้วครับ บางทีท่านอาจได้ใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิมอีกด้วย

    อีกอย่างที่อยากฝากไว้ก็คือไส้กรองน้ำมันเครื่องควรเลือกใช้ของที่มีคุณภาพสูงเช่น ของแท้จากผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากกรองน้ำมันเครื่องมีหน้าที่ในการกรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันเครื่องทำให้น้ำมันเครื่องคงประสิทธิภาพในการหล่อลื่นได้ดี อีกทั้งกรองน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพจะมีการไหลเวียนของน้ำมันเครื่องที่ดีกว่าซึ่งช่วยในการระบายความร้อนเครื่องยนต์ได้อีกทางหนึ่ง

    ผมหวังว่าบทความนี้คงช่วยให้ท่านมีความรู้ในการเลือกใช้น้ำมันเครื่องมากกว่าเดิมและสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่านและรถยนต์ของท่านได้ เมื่อท่านต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องยนต์ให้กับรถยนต์ของท่านครั้งต่อไปนะครับ คงไม่เลือกน้ำมันเครื่องจากยี่ห้ออย่างเดียวแล้วนะครับ การเลือกใช้นำมันเครื่องและกรองน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงจะมีผลต่ออายุการใช้งานและสมรรถนะของเครื่องยนต์ในระยะยาว ซึ่งทำให้รถยนต์ของท่านอยู่กับท่านได้นานยิ่งขึ้นครับ
     
    link2pik และ gri ถูกใจสิ่งนี้
  14. Apple

    Apple New Member Member

    575
    8
    0
    ถ้าเป็นรถ NA รถบ้านไม่ได้โมอะไรมากจริงๆผมอยากให้ใช้พวก W-30 ด้วยซ้ำเพราะมันลื่นดีแถมประหยัดน้ำมันด้วยแต่ต้องเช็คระดับน้ำมันเครื่องบ่อยซักหน่อย รถ NA ใช้ถึงแค่ W-40 ก็พอครับส่วนเกรด W-50 ส่วนมากจะเป็นรถที่ที่ระบบอัดอากาศซะส่วนใหญ่ แต่ NA จะใส่ก็ได้แต่มันกินแรงเครื่องเปลืองค่าน้ำมันเปล่าๆ ไปเน้นพวกประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องดีกว่าพวกสังเคราะห์ 100% หรือของสำนักแต่งรถ Greddy / HKS / Sunoco พวกนี้จะดีกว่า
     
  15. ฅนก่อสร้าง

    ฅนก่อสร้าง New Member Member

    329
    15
    0
    หากใช้งานประจำวัน W-40 น่าจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆนะครับ

    ผมใช้มา แสนโล กว่าๆแล้ว ยัง W-30 หรือ W-40

    ถือว่า เหมาะสมที่สุดแล้วละ B16A
     
  16. CHOR_CHAT_RAMA3

    CHOR_CHAT_RAMA3 New Member VIP

    2,829
    16
    0
    NA 10W-40 โอเคสุดแล้วคร๊าบบ
     
  17. [[ได้ความรู้ดีไอกแล้วคร้าบ :DCOLOR="Lime"][/COLOR]SIZE="2"][/SIZE]
     
  18. vip_car

    vip_car New Member Member

    131
    6
    0
    แสนโลแล้วยัง ใช้ 5W-30ตลอดครับ
     
  19. TT_GOVERNMENT

    TT_GOVERNMENT New Member Member

    809
    27
    0
    แหม ! ยังเสียดาย มีดพับอยู่เลย

    เพราะ ไปเชื่อพนักงานขาย เลยไปเล่น 15 w 50
     
  20. TeY_RMuTi

    TeY_RMuTi New Member Member

    1,955
    56
    0
    ความรู้คับ...อัพๆๆ
     
  21. oke_hiway

    oke_hiway New Member VIP

    370
    10
    0
    ขอบคุณคับ
     
  22. chai import

    chai import New Member VIP

    2,241
    167
    0
    ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ
     
  23. popdemonic

    popdemonic Member Member

    191
    19
    18
    คือถ้าน้ำมันเครื่องที่มัน ใส มากๆ ปัญหานึงที่จะเกิดก็คือ
    มันจะทานน้ำมันเครื่องมากไปนิสสส ซึ่งไม่ได้หมายความว่า
    เครื่องยนต์ตัวนั้นหลวม แต่เกิดขึ้นจากการที่เราเลือกใช้
    น้ำมันเครื่องไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศ จริงๆลองไปดูอเมริกาหรือ
    ประเทศเมืองหนาว ทั้งSummer,Winterเค้าจะใช้น้ำมันเครื่องคนละ
    เบอร์กันเลย ตอนนี้ผมใช้PTT 0W-40 ยังว่าใสเกินไปเลย เพียงแต่ที๋ซื้อ
    เพราะมันแถมโทรศัพท์ไร้สาย +อยากลองเปลี่ยนดูบ้างเพราะใช้แต่M1
    5W-50 มาไม่เคยเปลี่ยน ต้องรอดูว่าตัวนี้จะดีหรือไม่ดีอย่างไร แต่คาดว่า
    น่าจะมีการทานน้ำมันเครื่องบ้างแน่นอน เพราะมันใสมากๆ
     
  24. Jax

    Jax New Member Member

    184
    5
    0
    จะ 2 แสนโลแล้วใช้เบอร์ 40 อยู่อะ
     
  25. foonpoon

    foonpoon New Member Member

    388
    14
    0
    ไมมันไม่ทำเบอร์ 45 ออกมาขายนะ

    จะได้ไม่ต้องลังเลว่า 40 หรือ 50 ดีกว่า

    สรุปว่า รถบ้าน วิ่งน้อยซัดน้อย เครื่องแตนๆ 40 ก็ พอแล้วครับ ไม่หนืดมาก กินน้ำมันเชื้อเพลิงเปล่าๆ

    สว่นรถซิ่ง วิ่งเยอะ ซ่าตลอด เดินทางไกล บรรนทุกหนัก (ขนถังแก้ส) 50 ก็เป็นทางเลือกที่ถนอมเครื่องยนต์ดีครับ
     
  26. we_zaa

    we_zaa New Member Member

    1,358
    33
    0
    เคยเติม 50 กับ 40 คนละเรื่องกันเลย....
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้