ระวัง !! อาการแบบนี้แสดงถึงเวลาต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่

การสนทนาใน 'Euro Car Clubs' เริ่มโดย Blue Car, 3 กุมภาพันธ์ 2022

< Previous Thread | Next Thread >
  1. Blue Car

    Blue Car New Member Member

    5
    0
    1
    [​IMG]
    1. เครื่องยนต์สตาร์ทติดช้า

    เมื่อใช้งานนาน ๆ เข้า ส่วนประกอบภายในแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพ และมีประสิทธิภาพลดลง แบตเตอรี่จะใช้เวลานานขึ้นในการสตาร์ทรถยนต์แต่ละครั้ง หรือฟังจากเสียงในการสตาร์ทแต่ละครั้งก็ได้ ว่ารถมีเสียงหอบสุดท้ายก่อนจะสตาร์ทติดหรือเปล่า

    2. อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถมีปัญหา
    แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงานในการจ่ายไฟ ให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในรถ ตั้งแต่ไฟส่องสว่าง กระจก ไปจนถึงเครื่องเล่นวิทยุ และที่เสียบ USB หากไฟในแบตเตอรี่หมด อุปกรณ์เหล่านี้จะใช้งานได้ไม่เหมือนเดิม ยิ่งถ้าเสียบปลั๊กขณะขับรถมากเท่าไหร่ เช่น ที่ชาร์จโทรศัพท์ ไฟในแบตเตอรี่ก็จะหมดเร็วขึ้นเท่านั้น

    3. สัญญาณไฟรูปเครื่องยนต์แจ้งเตือน
    จริง ๆ แล้วสัญญาณไฟรูปเครื่องยนต์ (Engine Light) จะแจ้งเตือนเมื่อระบบตรวจพบความผิดปกติบางอย่างภายในเครื่องยนต์ ซึ่งมีหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นอาจเป็นเพราะว่าแบตเตอรี่ลูกนั้นเสื่อมสภาพ ต้องเอารถเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบสภาพรถ หรือถ้าเป็นแบตเตอรี่ที่เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ อาจใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ชาร์จเพื่อเติมไฟให้แบตเตอรี่กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม แต่ถ้าชาร์จแล้วไม่เข้าก็อาจะเป็นเพราะแบตหมดอายุจนไม่สามารถชาร์จไฟเข้าได้ ต้องเปลี่ยนใหม่อย่างเดียวเท่านั้น

    4. มีกลิ่นแปลก ๆ ออกมาจากเครื่องยนต์
    เมื่อแบตเตอรี่เกิดความเสียหาย หรือมีไฟฟ้าลัดวงจร อาจทำให้แบตเตอรี่รั่ว และมีกลิ่นแปลก ๆ โชยออกมาจากฝากระโปรงรถ ดังนั้นถ้าได้กลิ่นเมื่อไหร่ รีบตรวจสอบเบื้องต้นและนำรถเข้าศูนย์ทันที

    5. มีคราบเกาะตรงขั้วแบตเตอรี่
    หากคุณเจอคราบสีขาว/ฟ้า อยู่ตรงขั้วแบตฯ หรือชิ้นส่วนโลหะอย่างหัวน็อต หรือที่รัดแบตฯ ซึ่งหลายคนมักจะเรียกว่า “ขี้เกลือขึ้นแบตเตอรี่” ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น ขั้วหลวม, น้ำกลั่นล้น, สายไฟเสื่อมสภาพ และถ้าหากปล่อยทิ้งไว้คราบเหล่านี้อาจกัดกร่อนโลหะ จนทำให้แบตเตอรี่พังไปด้วย

    6. แบตบวม
    อาการแบตเตอรี่บวม เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิที่เย็น หรือร้อนจนเกินไป, อุปกรณ์ภายในบางอย่างทำงานผิดปกติจนเกิด Overcharge ทำให้ความร้อนในแบตฯเกิน ระบายความร้อนออกมาไม่ได้ จึงดันตัวแบตเตอรี่ให้บวมจนผิดรูป

    7. แบตเตอรี่หมดอายุตามระยะเวลา
    อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้นว่า แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้นาน 3-5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และความถี่ในการใช้รถ เมื่อครบระยะเวลาของมันก็ต้องเปลี่ยนแบตใหม่ แต่สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามาตรวจดูสภาพแบตเตอรี่ ก็สามารถใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน เต็มประสิทธิภาพของแบตฯ ลูกนั้น ๆ

    ถ้าเปลี่ยนแบตฯรถยนต์ใหม่มาแล้ว จำเป็นต้องใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์อีกหรือเปล่า?
    ลองถามตัวเองดูว่า เราใช้รถบ่อยขนาดไหน? ถ้าคำตอบคือ

    • ใช้เกือบทุกวัน : คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ก็ได้

    • ใช้บางวัน/ มีรถหลายคัน นาน ๆ ขับที : แนะนำว่าควรมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ดี ๆ สักเครื่อง
    เพราะไม่อย่างนั้นแล้วมันก็จะกลับมาลูปเดิม คือ จอดนาน > แบตเสื่อม > เปลี่ยนแบตใหม่ วนไปเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น

    ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อไหนดี?

    เราขอแนะนำ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ CTEK MXS 5.0 เป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์อัจฉริยะจากสวีเดน ที่สามารถชาร์จได้ทั้งรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์ มีระบบสลายซัลเฟต และฟื้นฟูสภาพแบตเตอรี่ ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยังไม่เสื่อม ให้ใช้งานได้นานเต็มประสิทธิภาพ พร้อมด้วยเซนเซอร์วัดอุณหภูมิ ช่วยปรับกระแสไฟที่ชาร์จเข้าแบตเตอรี่อัตโนมัติ ไม่ให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไป (Overcharge) และเป็นเครื่องชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ ที่ใช้ในงาน Motor Show และ Motor Expo เยอะที่สุดอีกด้วย!
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้