สวัสดีเพื่อนๆชาว RacingWeb.Net เราห่างหายกับการทดสอบรถและอุปกรณ์เกี่ยวกับรถยนต์กันไปนานมากจากสถานการณ์โควิท-19 จนจู่ๆวันนึงเราได้รับการติดต่อมากจากบริษัท เอเอเอสออโต้เซอร์วิส จำกัด เพื่อให้ร่วมทดสอบรถ Bentley รุ่น Continental GT V8 เราถึงกับตื่นเต้นและแปลกใจไปพร้อมๆกัน
หนึ่ง - คือตื่นเต้นที่ได้รับเชิญทดสอบรถกลุ่ม Luxury Car ราคาระดับ 20 ล้าน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นบ่อยนัก
สอง - คือด้วยสถานการณ์ โควิท-19 เค้าจะจัดให้เราทำการทดสอบแบบไหนอย่างไรจึงจะปลอดภัยซึ่งในเบื้องต้นเราได้รับทราบมาว่าเป็นการจัดทดสอบแบบ Private โดยเชิญสื่อเพียงแค่ 1 บริษัทต่อวันเท่านั้น และเป็นการให้รถออกไปทดสอบเลย 1 วันโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของเอเอเอสนั่งไปด้วย .... ส่วนตัวสุดๆ
สาม - เค้าคาดหวังอะไรจากมุมมองของ RacingWeb.Net ซึ่งที่ผ่านมาเราค่อนข้างจะเน้นไปทาง Performance ของรถและอุปกรณ์แต่งรถ แน่นอนว่ามือขับทดสอบของเราก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักแข่งรถทั้งสิ้น บอกตามตรงเลยว่าเราไม่มีประสบการณ์หรือมุมมองด้านวัสดุหรือความหรูหราเกี่ยวกับตัวรถระดับนี้เลย ถึงตัวรถ Bentley เองเราเคยเห็นผ่านตาในสนามแข่งรถรายการระดับ GT อยู่บ้าง แต่มันก็อยู่ในคราบรถแข่ง GT ในสนามแข่ง ไม่ใช่ version ที่ขายและใช้งานบนท้องถนน ที่ผ่านมาชื่อเสียงของ Bentley ในแบบที่เราๆรู้จักจะเป็นรถหรู ซึ่งภาพต่างๆมันช่างขัดกับแนวทางการทำเนื้อหาของ RacingWeb.Net เป็นอย่างมาก
เอาล่ะ ในเมื่อเค้าไว้ใจเราที่จะเชิญให้เราไปทดสอบ โจทย์ของเราก่อนไปรับรถมาทดสอบคือเราจะทำความรู้จักกับ Luxury Car อย่าง Bentley ในมุมไหน เราจึงคุยกับทีมเราว่าในเมื่อที่ผ่านมาเราไม่ได้ถนัดในเรื่องรายละเอียดของความหรูหราของตัวรถ และข้อมูลในมิตินั้นก็สามารถหาได้ทั่วไปจากการทดสอบของสื่อรายอื่นๆ งั้นเราคงต้องทดสอบตามความถนัดของเราก็แล้วกัน
“มองหาตัวตนของ Bentley Continental GT V8 ให้เจอก่อน”
เป็นที่ทราบกันดีว่ารถจากอังกฤษยี่ห้อ Bentley นี้จัดอยู่ในประเภทรถหรู ราคาแพง มีความปราณีตในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆเป็นอย่างดี โดยเฉพาะวัสดุและดีไซน์การตกแต่งภายใน รวมถึงออฟชั่นที่เพรียบพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ที่สนใจที่จะยอมจ่ายเงินเลือกซื้อรถระดับนี้คงไม่ได้มองหรือเปรียบเทียบเกี่ยวกับสเปคหรือออฟชั่นของรถในแต่ละยี่ห้อเพราะแน่นอนว่าแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็มีความหรูหราบวกกับออฟชั่นต่างๆที่มีให้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่อะไรล่ะจะเป็นแรงดึงดูดให้ผู้ที่มีกำลังซื้อรถระดับ Luxury Car ได้สนใจในรถ Bentley Continental GT V8 คันนี้ โดยเฉพาะการที่ RacingWeb.Net ได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสรถที่มีรหัส GT ของค่ายนี้
เราได้รับคำปรึกษาจากผู้ที่มีโอกาสได้ครอบครองรถประเภทนี้ท่านหนึ่ง ซึ่งก็ได้ให้ทัศนะในการเลือกซื้อรถระดับนี้ไว้ว่า
“เราไม่ค่อยได้ดูหรอกว่ารถพวกนี้มันให้อะไรเราบ้าง เพราะส่วนมากทุกรุ่นทุกยี่ห้อมีให้เราหมดทุกอย่าง แทบจะเกินความพอดีไปด้วยซ้ำ แต่นั่นมันก็สมกับราคาที่เราแลกมา ถ้าเราจะซื้อ Bentley ก็เพราะมันคือ Bentley”
ฟังดูแล้วก็เหมือนรสนิยมล้วนๆ เหมือนเป็นการเลือกรถที่บ่งบอกตัวตนในระดับที่เค้าสามารถที่จะครอบครองมันได้ ผมจึงถามคำถามเพิ่มเติมไปอีกเนื่องจากเรายังไม่ได้มุมมองเลยว่าแล้วอะไรมันจะเป็นแรงดึงดูดของคำว่า “เพราะมันคือ Bentley” ซึ่งดูเหมือนคนตอบจะเข้าใจในทัศนะคติที่มีต่อรถยี่ห้อนี้ในใจ คำตอบที่เราพยายามดึงออกมาจากตัวของผู้ให้คำปรึกษาก็เริ่มเข้าเค้ากับโจทย์ของเราให้เราเข้าใจสิ่งที่เรากำลังจะได้ทดสอบมันมากขึ้น “Bentley คือรถหรูที่เน้นความแรง นั่นคือสิ่งที่เราต้องการจาก Bentley” .... เข้าทางเราพอดี
เราไปถึงโชว์รูมของบริษัท เอเอเอสออโต้เซอร์วิส จำกัด ในช่วงสายๆ ซึ่งเราได้รับคำแนะเกี่ยวกับรายละเอียดของตัวรถ ประวัติคร่าวๆ แรงบันดาลใจของสายการผลิตรุ่นนี้ การเปิดตัวและการทำตลาด แน่นอนว่าน่าประทับใจมาก ผมนั่งถอดเทปอยู่ 3 รอบเพื่อเก็บรายละเอียด ซึ่งอย่างที่เกริ่นมาครับ เราไม่ถนัดเรื่องความหรูหรา เราขอทำหน้าที่สื่อในมุมที่เราถนัดมาตลอดก็แล้วกัน
เมื่อฟังคำแนะนำเกี่ยวกับตัวรถและวิธีการใช้รถเสร็จแล้วเราก็ขับเจ้า Continental GT V8 มุ่งหน้าไปสู่ถนนที่เราหมายตาไว้ว่ามันโล่งพอที่จะทดสอบประสิทธิภาพรถได้อย่างปลอดภัย ระหว่างทางเราได้พยายามเรียนรู้และทำความรุ้จักกับตัวรถ อย่างแรกที่เราสัมผัสได้คือบรรยากาศในห้องโดยสาร รุ่น Continental GT V8 เป็นบอดี้ 2 ประตูมีความสปอร์ตและแน่นอนว่ารุ่นนี้เอาไว้ให้เจ้าของรถขับเองไม่ได้ให้นั่งเพลินๆที่เบาะหลังแน่ๆ ซึ่งเบาะหลังเองก็มีพื้นที่ไม่ได้เยอะตามสไตล์รถสปอร์ต 2 ประตู การขึ้นลงสำหรับเบาะหลังผ่านทางการเลื่อนเบาะหน้าซึ่งก็เป็นเหมือนรถสองประตูทั่วๆไปที่เราคุ้นเคยกัน
สิ่งสำคัญในลำดับต้นๆของการทดสอบรถคือประสิทธิภาพการเบรค เมื่อเราได้เริ่มทดสอบรถทุกๆคันเราต้องรู้ Limit ของประสิทธิภาพเบรคก่อนเสมอ Continental GT V8 มาพร้อมกับจานดิสเบรคคู่หน้าขนาดมหึมา 420 mm 10 Port ส่วนคู่หลังขนาด 380 mm 4 Port ล้อ 21 นิ้ว ยาง Pirelli P ZERO คู่หน้าขนาด 265/40 R21 คู่หลัง 305/35 R21 มั่นใจได้เลยว่ารองรับความแรงและโมเมนตัมของรถที่หนัก 2 ตันกว่า ณ ความเร็วสูงๆได้สบายๆ
เครื่องยนต์ 3,993 CC V8 เทอร์โบคู่ 542 แรงม้า แรงบิดระดับ Supercar 770 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบคลัชคู่ 8 สปีด ความเร็วสูงสุด 318 km/h เคลมอัตราเร่ง 0-100 km/h ไว้ที่ 4 วินาที ... นี่มันรถ Supercar ในร่างผู้ดีนี่เอง
ไหนๆเราก็ให้นิยามกับ Continental GT V8 ว่าเป็น Supercar ในร่างผู้ดีแล้วเราก็มาลองเรียนรู้และทดสอบการขับในโหมดต่างๆที่ตัวรถมีให้เลือกใช้กันบ้างซึ่งแบ่งเป็น 4 โหมดได้คือ
1. Comfort : รถจะปรับระบบถุงลมให้มีความนิ่มนวล การตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ และระบบส่งกำลังจะสมูทต่อเนื่องไม่กระโชกโฮกฮาก สมกับความเป็นรถหรูตามรูปลักษณ์ภายใต้แบรนด์ Bentley
2. B : หรือโหมด Bentley จะเรียกว่าโหมดอัตโนมัติก็ได้ เนื่องจากโหมดนี้ตัวรถจะทำการปรัปเปลี่ยนค่าต่างๆเพื่อตอบสนองตามพฤติกรรมการขับขี่ในขณะนั้น
3. Sport : เพียงแค่บิดเปลี่ยนโหมด โลกก็เปลี่ยน สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือช่วงล่างหนึบขึ้น ความนิ่มนวลหายไป เสียงเครื่องและเสียงท่อเปลี่ยนไป รถตอบสนองกับคันเร่งไวขึ้นมาก ข้อมูลที่เรารับทราบมาคือกล่องได้สั่งเปลี่ยนการทำงานของเครื่องยนต์ ระบบการส่งกำลังและการทำงานของเกียร์เข้าสู่โหมดรีดพลังสูงสุด
4. Custom : เป็นโหมดที่เราสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานระบบต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Performance ของรถได้เองตามความต้องการ เช่นเราอาจจะต้องการช่วงล่างที่เฟิร์มหน่อยแต่ไม่ได้ต้องการความแรง ณ เวลานั้น แค่อยากสนุกกับทุกๆโค้งในเส้นทางเป็นต้น
เรามาดูการทดสอบด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ AiM Solo2 DL โดยค่าจากการทดสอบโดยใช้โหมด Sport 2 ครั้ง
ทดสอบอัตราเร่ง 0-100
ครั้งที่ 1
60 กม./ชม. 2.40 วินาที ระยะทาง 18.9 เมตร
80 กม./ชม. 3.28 วินาที ระยะทาง 36.1 เมตร
100 กม./ชม. 4.46 วินาที ระยะทาง 65.7 เมตร
ครั้งที่ 2
60 กม./ชม. 2.48 วินาที ระยะทาง 19.6 เมตร
80 กม./ชม. 3.40 วินาที ระยะทาง 37.7 เมตร
100 กม./ชม. 4.6 วินาที ระยะทาง 68.1 เมตร
ทดสอบอัตราเร่ง 0-160
ครั้งที่ 1
60 กม./ชม. 2.39 วินาที ระยะทาง 18.2 เมตร
120 กม./ชม. 5.76 วินาที ระยะทาง 105.3 เมตร
160 กม./ชม. 9.32 วินาที ระยะทาง 245.6 เมตร
ครั้งที่ 2
60 กม./ชม. 2.6 วินาที ระยะทาง 19.8 เมตร
120 กม./ชม. 6.12 วินาที ระยะทาง 111 เมตร
160 กม./ชม. 9.72 วินาที ระยะทาง 251.2 เมตร
ระยะทาง 400 เมตร
ครั้งที่ 1
100 เมตร 5.73 วินาที ที่ความเร็ว 117.3 กม./ชม.
300 เมตร 10.64 วินาที ที่ความเร็ว 171.3 กม./ชม.
400 เมตร 12.65 วินาที ที่ความเร็ว 188.4 กม./ชม.
ครั้งที่ 2
100 เมตร 5.81 วินาที ที่ความเร็ว 117.6 กม./ชม.
300 เมตร 10.77 วินาที ที่ความเร็ว 171.5 กม./ชม.
400 เมตร 12.77 วินาที ที่ความเร็ว 188.8 กม./ชม.
ระย 1/4 mile
60 ฟุต 2.57 วินาที 36.3 ไมล์/ชม. (58.4 กม./ชม.)
330 ฟุต 5.82 วินาที 73.5 ไมล์/ชม. (118.2 กม./ชม.)
660 ฟุต 8.53 วินาที 93.3 ไมล์/ชม. (150.1 กม./ชม.)
1000 ฟุต 10.82 วินาที 107 ไมล์/ชม. (172.1 กม./ชม.)
1320 ฟุต (1/4 ไมล์) 12.77 วินาที 117.8 ไมล์/ชม. (189.5 กม./ชม.)
*การทดสอบดังกล่าวตัวเลขอาจจะต่ำกว่าที่ผู้ผลิตเคลมไว้เนื่องจากตอนทดสอบมีผู้โดยสาร 3 คน และมีตัวแปรจากสภาพอากาศและพื้นผิวถนนเข้ามาร่วมด้วย
มาดูการวัดค่าจากความรู้สึกกันบ้าง ในโหมด Comfort นิ่มนวลมากๆ แม้ในรุ่นนี้ระบบถุงลมจะถูกลดลงมาเหลือแค่ 2 ชั้นแต่ก็ยังคงความนุ่มนวลมากๆอยู่ อัตราเร่งเอาจริงๆในโหมดนี้ก็ถือว่ามีความแรงพอสมควรอยู่แล้ว แต่เมื่อเราปรับไปอยู่ในโหมด Sport ก็อย่างที่ว่าไว้ โลกแห่งความหรูหรานิ่มนวลจะเปลี่ยนไปทันที ช่วงล่างตอบสนองดีขึ้นอย่างชัดเจน เสียงเครื่องและท่อเปลี่ยนไปซึ่งแค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่าเอาเรื่องอยู่พอตัว และเมื่อจงใจกดคันเร่งเต็มที่เพื่อทดสอบเท่านั้นแหละ หลังติดเบาะในทันที เรียกได้ว่าผู้โดยสารที่ไม่ทันตั้งตัวนี่หลังกระแทกเบาะและถูกกดติดเบาะไว้แบบนั้นจนเรายกคันเร่งเลย ด้วยความที่ 0-100 ใช้เวลาแค่ 4 วินาทีนิดๆ และด้วยช่วงล่างที่นิ่งมากเหยียบเพลินๆที่ความเร็วแตะ 200 ได้แบบเผลอๆทีเดียว
สำหรับความแรงระดับนี้การออกตัวไม่ใช่เรื่องยากจากระบบการส่งกำลังเป็นระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แม้ขนาดเราซนไปตามเรื่องตามราวด้วยการทดสอบปิดระบบ Traction Control เพื่อหวังจะให้รถมัน “ตะกุย” ออกตัวเผื่อจะออกตัวได้เร็วขึ้นแต่ยังไงขับสี่ก็คือขับสี่ มันยังโดดออกเหมือนเดิมโดยไม่ตะกุยอะไรให้มันเร็วขึ้น ซึ่งก็เข้าใจได้แหละว่าความแรงแบบสุขุมมันไม่จำเป็นต้องมีความดิบอะไรขนาดนั้น
การทดสอบความคล่องตัวในการขับบนถนนก็เช่นกัน ด้วยความแรงและความกว้างของช่วง powerband อันนี้ส่วนตัวนะ มันไม่ถึงกับไม่คล่องตัวเพราะแม้ตัวรถจะหนักแต่ช่วงล่างและอัตราเร่งก็ชดเชยในส่วนของความเร้าใจตรงนั้นได้ ขาดแค่ความเร้าใจจากการใช้ Paddle shift ที่ความเร็วไม่สูง เรียกได้ว่าการใช้ความเร็วบนถนนในเมืองมันไม่ค่อยได้สับเกียร์ก็แล้วกันซึ่งมันก็จะขาดสีสันในการขับในเมืองไปบ้าง แต่ถ้าทางยาวๆนี่ก็เหลือเฟือเลยทีเดียว
วันนั้นเราขาดอยู่เรื่องเดียวที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ทดสอบ นั่นคือในทางโค้ง เนื่องจากสถานที่ที่เราวางแผนไว้ว่าจะไปทดสอบนั้นปิดในช่วงโควิทพอดี ซึ่งด้วยเหตุผลของความปลอดภัยของตัวรถที่ถ้าพลาดไปเราคงรับผิดชอบไม่ไหว และความปลอดภัยของผู้ที่ร่วมใช้เส้นทางเราจึงทำได้แค่พอหอมปากหอมคอซึ่งเรียนตามตรงว่าวันนั้นยังวัดอะไรในเรื่องของทางโค้งจากความรู้สึกไม่ได้มากนัก
เมื่อการทดสอบจบลง ระหว่างเดินทางเอารถกลับมาคืน ผมยังคงคิดถึงโจทย์ที่เราตั้งเอาไว้ว่า เอเอเอส คาดหวังอะไรจากเราในการให้เราได้ร่วมทดสอบรถ Luxury Car ที่เราไม่คุ้นเคยกับความหรูหราเลยสักนิดเดียว แต่เมื่อตัดความกังวลและยกความคาดหวังออกไป เพียงแค่เราทดสอบในมุมมองตามธรรมชาติของเรา เราก็เห็นในมุมที่ไม่ได้ถูกตีกรอบทางความคิดว่า Bentley คือรถหรูเพียงอย่างเดียว ซึ่งสิ่งนี้เองอาจจะเป็นจุดเด่นที่แตกต่างไปจากรถหรูค่ายอื่นๆจนทำให้ย้อนคิดกลับไปถึงคำว่า “ถ้าเราจะซื้อ Bentley ก็เพราะมันคือ Bentley” เพราะ Continental GT V8 มันมีจิตวิญาณ Supercar แต่กายหยาบเป็น Luxury Car ดีๆนี่เอง
สำหรับการทดสอบรถ Bentley Continental GT V8 ครั้งนี้ต้องขอขอบพระคุณ บริษัท เอเอเอสออโต้เซอร์วิส จำกัด เป็นอย่างยิ่งที่ให้เกียรติเชิญ RacingWeb.Net ให้เข้าร่วมทดสอบและรับประสบการณ์ดีๆจากรถ Bentley Continental GT V8 ในครั้งนี้ครับ
ทดลองขับสุดยอดรถหรูสมรรถนะสูงจาก Bentley รุ่น Continental GT V8
การสนทนาใน 'Review' เริ่มโดย RacingWeb, 15 กันยายน 2021
ความคิดเห็น
การสนทนาใน 'Review' เริ่มโดย RacingWeb, 15 กันยายน 2021