หาย......สงสัยเรื่อง O2 Sensor แล้วครับ

การสนทนาใน 'Tuner Forum' เริ่มโดย MugenTypeR, 15 กุมภาพันธ์ 2008

< Previous Thread | Next Thread >
  1. MugenTypeR

    MugenTypeR New Member Member

    1,531
    152
    0
    หลังจากที่อยากรู้เรื่อง O2 sensor ว่ามันเป็นยังไง ก็เงียบเลยครับ หรือว่าจะถามยากไปหรือเปล่า ก็ลองมาหาข้อมูลเอง แล้วก็รวบรวมมาให้เพื่อนๆอ่านครับ จะได้แบ่งปันความรู้กันทั่วหน้า :) เริ่มกันเลยครับ (ภาษาและประโยคอาจจะไม่สละสลวยนะ ขออภัยครับ)


    อะไรคือ O2 Sensor หรือบางคนอาจจะเรียกว่า Lambda Sensor
    [​IMG]
    O2 หรือ Oxygen (ออกซิเจน) เป็นธาตุเคมีในตารางธาตุที่มีสัญลักษณ์ O2 และมักเรียกว่า free oxygen
    O2 Sensor คือตัววัดค่าของออกซิเจนในไอเสียที่ท่อไอเสีย เพื่อใช้ในการตรวจสอบว่าการเผาไหม้นั้นสมบูรณ์หรือไม่ และจะทำการ feed back ค่ากลับไปยัง ECU เพื่อเพิ่ม-ลงการจ่ายน้ำมัน

    มาดูคำที่จะมาเกี่ยวข้องก่อนนะครับ จะได้เข้าใจความหมายแต่ละคำกันก่อน
    - A/F หรือ AFR ก็มาจากคำว่า Air Fuel Ratio คืออัตราส่วนผสมระหว่างอากาศและเชื้อเพลิง ซึ่งสัดส่วนที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำให้การสันดาปหรือการระเบิดในกระบอกนั้นสมบูรณ์ที่สุดคือ คือ 14.7: 1 นั่นคือมวลอากาศ 14.7 กรัม ต่อมวลน้ำมัน 1 กรัม
    - Stoich คือคำที่ใช้เรียกค่า A/F ที่เท่ากับ 14.7 ซึ่งเป็นสันส่วนที่พอเหมาะ
    - Lean ถ้าค่า A/F มากกว่า 14.7 มาก จะเรียกว่า Lean หรือน้ำมันน้อย(บาง)ไป
    - Rich ถ้าค่า A/F น้อยกว่า 14.7 มาก จะเรียกว่า Rich หรือน้ำมันมาก(หนา)ไป
    - Lambda ก็เป็นการแสดงค่า Air Fuel Ratio อีกรูปแบบหนึ่งครับ โดยค่า Lambda จะหาได้จากสูตร Lambda = AFR / Stoich(14.7) ซึ่งถ้า ค่า AFR = 14.7 ก็จะได้ค่า Lambda =1 โดยที่ค่า Lambda นี้หมายถึงการสันดาปสมบูรณ์ที่สุด

    แต่ถ้า Lambda น้อยกว่า 1 ก็จะเป็น Rich และถ้า Lambda มากกว่า 1 ก็จะเป็น Lean

    มาดูรูปค่าต่างๆว่ามีอะไรออกมาจากท่อไอเสียบ้าง ถึงจะได้ค่า Stoich ที่ Perfect

    [​IMG]

    มาถึงตรงนี้อาจจะเริ่มปวดหัวตึ๊บกันแล้วล่ะ :D ใจเย็นๆครับ ทนๆ อ่านนิด ผมคนที่ไม่รู้เรื่องนี้เลยมาหา+รวบรวมข้อมูลคงปวดหัวตึ๊บยิ่งกว่าครับ :D :D :D

    โครงสร้างและการทำงาน ของ O2 Sensor
    ส่วนโครงสร้างก็ดูตามรูปแล้วกันครับ เพราะเราคงไม่ต้องผลิตมาใช้เอง แค่รู้ไว้ก็คงพอ :D 555++
    [​IMG]

    ชนิด O2 Sensor
    O2 sensor แบ่งเป็น 2 ชนิดครับ คือ
    1. Narrow band O2 sensor
    - เป็น O2 sensor ที่ราคาไม่แพง
    - โดยส่วนใหญ่จะให้ Output 0-1 โวลล์ แต่ในช่วง A/F ที่น้อยกว่า14 และมากกว่า 15 มันแทบจะใช้งานไม่ได้เลย
    - มีอายุการใช้งานนาน
    [​IMG]

    2. Wide band O2 sensor
    - ราคาแพงกว่าแบบแรก
    - โดยส่วนใหญ่จะให้ Output 0-5 โวลล์
    - มีความถูกต้องและละเอียดสูง
    - อายุการใช้งานสั้นกว่า narrow band
    [​IMG]

    ทั้ง narrow band และ wide band ก็ทำหน้าที่เหมือนกัน คือวัดปริมาณออกซิเจนที่เหลือจากการเผาไหม้ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ เรื่องของความละเอียดในการวัด ซึ่งแบบ narrow band จะเป็นแบบที่ติดมากันรถ จะให้ค่าของกราฟที่ไม่ละเอียดพอและไม่เป็นเชิงเส้น(linear) อาจจะวัดค่า A/F ได้แค่ช่วง 14.7 +- 1.5 เท่านั้น ส่วนแบบ wide band จะให้กราฟออกมาเป็นเชิงเส้น สามารถที่จะคาดเดาค่าล่วงหน้าได้ในการเปลี่ยนแปลง A/F ทำให้นิยมใช้ O2 sensor ชนิดนี้เพื่อการ Tune รถได้ละเอียดขึ้นครับ

    O2 Sensor มีทั้งแบบ 1, 2, 3, 4 และ 5 สาย(สายไฟ-สายปลั๊ก)ครับ โดยที่ขึ้นอยู่กับการออกแบบครับ อธิบายเอาง่ายๆ ตามนี้แล้วกันครับ ตามๆที่ผมค้นเจอนะถูกผิดก็ขออภัยด้วย
    1-2 สาย ส่วนใหญ่จะเป็น O2 sensor แบบ narrow band ที่ไม่มี heater ในตัว จะอาศัยความร้อนภายในท่อไอเสียครับ ส่วนใหญ่จะติดตั้งอยู่บริเวณ header ครับ
    3-4 สาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็น O2 sensor แบบ narrow band เช่นกัน แต่มี heater ในตัว ติดตั้งก็บริเวณแคตฯครับ
    5 สาย ตัวนี้จะเป็น wide band แบบมี heater ในตัว

    ปล.ในส่วนของ wide band มันก็ไม่ใช่ 5 เส้นเสมอไปนะครับ 4 เส้นบางคนว่ามี 6 เส้นบางคนบอกเคยเห็น ก็ไม่ต้องยึดจำตรงส่วนนี้ครับ


    กระบวนการแห่ง..... (อะไรไม่รู้เรียกไม่ถูก :D )
    O2 sensor จะเป็นตัวอุปกรณ์วัดตัวแรกเลยที่กล่อง ECU จะใช้ในการควบคุมการจ่ายน้ำมัน เพื่อไม่ให้น้ำมันหนาหรือบางเกินไป ตัวออกซิเจนเซนเซอร์นี้มันจะทำงานอยู่ตลอดเวลาในลักษณะ Closed loop โดยการประมวลผลที่ได้จะเป็นการเพิ่มหรือลด

    ระยะเวลาการฉีดจ่ายน้ำมันในห้องเผาไหม้ (การควบคุมปริมาณน้ำมันจะเป็นการเพิ่มหรือลดระยะเวลาการฉีด เพราะค่าอัตราการไหลของน้ำมันมันจะคงที่มาจากปั๊มติ๊กและ regulator แล้ว) โดย ECU จะยึดหลักการคือให้ประหยัดและให้กำลังสูงสุด
    [​IMG]

    ซึ่งในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานนั้น ตัวกล่อง ECU จะมีการรับสัญญาณมาจาก O2 sensor ด้วยว่าค่าของออกซิเจนที่เหลือจากการเผาไหม้ มีค่ามากหรือว่าน้อยเกินไปหรือไม่ คือ
    - ออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้มากไป จะแสดงว่ามีการจ่ายน้ำมันที่น้อยไป (บาง) หรือ A/F มากกว่า 14.7
    - ออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้น้อยไป จะแสดงว่ามีการจ่ายน้ำมันที่มากไป (หนา) หรือ A/F น้อยกว่า 14.7


    การบำรุงรักษา O2 Sensor
    ข้อมูลในส่วนตรงนี้มันค่อนข้างจะไม่แน่นอนครับ ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ, รุ่นของ sensor และตามการใช้งานครับ ผมขออ้างอิงตามของ Bosch แล้วกันครับ (ไม่รู้ว่าของ EK ใช้ของ Bosch มั้ยนะ) โดย O2 sensor ควรตรวจสอบทุกๆ 30,000 กม. และควร

    เปลี่ยนตามระยะเวลาที่กำหนด
    ระยะการใช้งานตามประเภทเซ็นเซอร์
    - Unheated: ทุกๆ 50,000 กม. / ทุกๆ 80,000 กม.
    - Heated 1st generation: ทุกๆ 100,000 กม.
    - Heated 2nd generation: ทุกๆ 160,000 กม
    - Planar sensors: ทุกๆ 160,000 กม.

    [​IMG]

    การตรวจเช็ค ดี-เสีย ของ O2 Sensor
    บางคน(รวมถึงผมด้วย) อาจจะสงสัยว่า O2 sensor ที่ใช้อยู่ตอนนี้ดีหรือเพี้ยนหรือว่าเสียไปเลย

    O2 sensor ตัวนี้ที่หลายๆคน(ผมด้วยอีกแล้ว :D )มองข้างมันไปมันมีผลต่อเครื่องยนต์มากต่อการจ่ายน้ำมัน ถ้าเกิดว่าตัวนี้เกิดอาการเพี้ยนหรือเสียแล้วก็จะไม่สามารถเช็คได้ว่า A/F เหมาะสมหรือไม่
    การเกิดการเสียหรือเพี้ยน อาการที่พบส่วนใหญ่ก็คือ"รถกินน้ำมันมากขึ้นและกำลังเครื่องตก" เนื่องจากสัญญาณที่ได้จาก O2 sensor จะบอกว่ามีออกซิเจนที่หลงเหลือจากการเผาไหม้มาก ทำให้กล่องมีการสั่งให้ฉีดน้ำมันเพิ่มมากขึ้นและมันจะค่อยๆมากขึ้น

    เรื่อยๆ ก็จะทำให้การเผาไหม้น้ำมันไม่หมดออกที่ทางท่อไอเสีย ก็จะทำให้เราได้กลิ่นน้ำมันครับ (ตรงนี้ล่ะครับที่เป็นสิ่งที่บอกเราได้บ้างว่าการเผาไหม้ไม่หมดจด เนื่องจากน้ำมันหนามาก) อื้ม !! และทำให้แคตฯ อายุสั้นด้วยครับ

    กลับเข้าเรื่องอีกทีครับ มาดูกันเลยกับ 3 อาการ
    - ดี อันนี้ก็ไม่ต้องพูดมากครับ ถ้าเบิกมาใหม่ๆ ใส่แล้วไฟ engine ไม่โชว์, ไม่มีกลิ่นน้ำมันออกท่อไอเสีย, เครื่องทำงานปกติ เป็นแบบนี้ก็ถือว่าดีไว้ก่อน :D
    - เสีย อันนี้ก็แน่นอนครับ เพราะส่วนใหญ่ไฟ engine จะโชว์ โดยการตรวจสอบของกล่อง ECU จะมีการตรวจสอบแบบง่ายๆ คือ ขาด - ช็อต - หลุด range
    หมายเหตุ : "หลุด range" เนื่องจาก O2 sensor ที่ใช้เป็นแบบ narrow band จะให้เส้นกราฟที่ชันในช่วง Stoich (A/F=14.7) หากวัด A/F ได้น้อยกว่า 14 มากๆ ก็จะถือว่าช็อต แต่ถ้าวัด A/F ได้มากกว่า 15 มากๆ ก็จะถือว่าขาดครับ (งงกันมั้ย)
    - เพี้ยน นี่ล่ะครับตัวปัญหาเลย ถ้าไฟ engine ขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้างก็แสดงว่ามันเริ่มจะหลุด range แล้ว สาเหตุก็อาจจะมาจากคราบสกปรกที่เกาะอยู่ที่หัว O2 sensor หรือ O2 sensor จะสิ้นอายุขัยแล้วครับ (ได้เวลาเสียเงินอีกแล้ว) :D

    ที่นี้มาเริ่มการตรวจเช็คกันเลยครับ
    มาดู Schematic (วงจรเสมือน) ของ O2 Sensor กันก่อนครับ ภายในจะมีฮีทเตอร์อยู่ด้วยโดย O2 Sensor จะทำงานอยู่ในช่วงอุณหภูมิ ประมาณ 230-320 องศาเซลเซียส และจะให้แรงดันออกมาทางขา sensor ซึ่งแรงดันที่ออกมาจะอยู่ในช่วง 0-1

    โวลล์ แปรผันตามปริมาณออกซิเจน
    [​IMG]

    จากนั้นก็ O2 sensor ในรถเรากันว่า
    [​IMG]

    วัดกันจริงๆ แล้วล่ะ เอาแบบง่ายๆ บ้านๆ แล้วกันครับ :D
    เครื่องมือและอุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก ก็มี มัลติมิเตอร์ (วัดโอห์ม+วัดโวลล์), แหล่งจ่ายไฟ 12 โวลล์ (แบตฯก็ได้), ไฟแช็ค และก็ HO2 sensor ที่ต้องการวัด
    1. วัด Heater ก่อนครับว่าขาดหรือไม่ โดยค่าความต้านทานจะอยู่ประมาณ 2-5 โอห์มครับ หากวัดแล้วค่าเป็น infinity หรือสูงมากๆ ก็แสดงว่า heater ขาดครับ แต่ถ้าน้อยเป็น 0 โอห์มก็ช๊อตล่ะครับ

    2. วัดค่า output ของ sensor ครับ โดยการจ่ายไฟ 12 โวลล์เข้าขั้ว heater เพื่อให้ O2 sensor ทำงาน จากนั้นก็วัดแรงดันที่ออกมาจากขั้วเซนเซอร์ (+,-) แรงดันที่ออกมาจะอยูในช่วงประมาณ 0.2-0.8 โวลล์ ขึ้นอยู่กับปริมาณของออกซิเจนโดยรอบหัว

    เซนเซอร์ครับ โดยถ้าหากออกซิเจนน้อยแรงดันที่ออกมาจะมาก แต่ถ้าหากออกซิเจนมากแรงดันที่ออกมาจะน้อยครับ (แปรผกผันกันครับ)

    3. เผามันเลย !! ครับ เอาแบบนี้เลย ทำต่อจากข้อ 2. ครับ โดยจุดไฟแช็คให้เปลวไฟอยู่ที่หัวเซนเซอร์ แล้วลองเอาเข้า-ออก ค่าแรงดันก็จะสวิงตามครับ เมื่อเปลวไฟอยู่ที่หัวเซนเซอร์ค่าแรงดันที่ออกมาจะสูงกว่าเนื่องจากภายในเปลวไฟจะไม่มีออกซิเจนอยู่ครับ

    ก็จบแค่นี้ครับ ก็หวังว่าพอจะมีประโยนช์กับเพื่อนๆ บ้างนะครับ ข้อมูลอาจจะไม่แป๊ะๆ 100% ก็คนคว้า + หา +แปล มาจากหลายแหล่งครับ ท่านใดมีอะไรติหรือเสริมก็ตามสบายเลยครับ หรือมีอะไรสงสัยอีกก็ลองถามมาดูบ้างอย่างผมก็อาจจะไม่ได้หามาให้
    สุดท้ายก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ :)
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กุมภาพันธ์ 2008
    mo_mo ถูกใจสิ่งนี้
  2. Jae-Progressive

    Jae-Progressive New Member Member

    306
    19
    0
    รออ่านด้วยคน ...................
     
    Madeawsri ถูกใจสิ่งนี้
  3. ray_4295

    ray_4295 New Member Member

    75
    4
    0
    รบกวนผู้รู้เหมือนกันครับ
     
  4. EK_limited

    EK_limited New Member Member

    890
    156
    0
    นั่นดิ อยากรู้ด้วย
    แต่คิดว่าถ้าเสียหนะเสียยากอะครับ แต่การวัดค่าที่ได้ออกมาอาจจะเพี้ยนๆ เลยทำให้จ่ายน้ำมันหนาไป
    ซื้อมาใหม่ ป้ายแดง วิ่งในเมือง 10+
    เด๋วนี้ ในเมิง 6-8 โลลิตรได้มั้ง
     
  5. the_1st

    the_1st New Member Member

    23
    14
    0
    เหมือนกันเลยครับ แต่ก่อน 11+ เดี๋ยวนี้ 9+ ทั้งที่ระยะทาง การขับ เหมือนเดิม
    อยากกลับไป 11+ อะ
     
  6. MugenTypeR

    MugenTypeR New Member Member

    1,531
    152
    0
    UP หน่อยครับ หาความรู้มาให้อ่านกันครับ
     
  7. BiggyCat

    BiggyCat New Member Member

    373
    266
    0
    ดี เยี่ยม คับ....
     
  8. SONG-EK

    SONG-EK New Member Member

    288
    18
    0
    ขอบคุณครับ
     
  9. BoBo_EK

    BoBo_EK New Member Member

    2,491
    146
    0
    อ่านเเล้วตาสว่างเลย
     
  10. ZAMZAM1

    ZAMZAM1 Well-Known Member Member

    1,676
    42
    48
    ขอบคุณครับ
     
  11. P-Vut

    P-Vut New Member Member

    67
    2
    0
    เยี่ยมคับ
     
  12. ABNC

    ABNC Guest

    0
    0
    0
    O2 Civic EK 1999

    ช่วยแนะนำร้านขาย O2 Senser Civic EK 1999 ด้วยครับ ราคาของใหม่นอกห้างเท่าไรครับ

    [email protected]
     
  13. sixthgraph

    sixthgraph New Member Member

    71
    9
    0
    เบิกได้ที่ศูนย์ Honda ใกล้บ้านครับ ราคารวม vat แล้ว 6,568.73 บาทครับ ไม่รวมค่าติดตั้ง (ติดตั้งเองได้ครับ ใช้ปะแจปากตายเบอร์ 22)
     
  14. MugenTypeR

    MugenTypeR New Member Member

    1,531
    152
    0
    ลองดูของ Bosch ครับ น่าจะถูกกว่าเบิกศูนย์ครับ
     
  15. lipo555

    lipo555 New Member Member

    29
    2
    0
    มีถูกกว่านี้หรือมือสองเท่าไหร่คับ คงได้เสียตังแล้ว
     
  16. ก๊วยเจ๋ง@ASIMO

    ก๊วยเจ๋ง@ASIMO New Member Moderator

    833
    158
    0
    คลังแห่งความรู้
     
  17. watzang

    watzang New Member Member

    85
    18
    0
    เป็นความรู้จริงๆครับ ขอบคุณครับ
     
  18. civic 95

    civic 95 Guest

    0
    0
    0
    ของ Bosch หาได้ที่ไหนครับ....
    ส่วนของเชียงกงมือ 2 ประมาณ 500-700
    * ผมเคยเจอแบบใช้ได้ 2 เดือนเสีย และอีกอันอยู่ได้ 2 ปี ถึงเสีย (ขึ้นอยู่กับดวงล้วนๆ )
     
  19. k_thanan

    k_thanan New Member Member

    174
    21
    0
    ทำให้เข้าใจมากขึ้น ซึ่งทำให้เข้าใจถึงการทำงานของระบบ Lamda ที่ผมใช้ใน LPG Fix + Ramda ในรถผมด้วย เพราะเนื่องจาก Lamda ไปตรวจสอบสัญญาณ O2 Sensor เพื่อช่วยในการควบคุมการปล่อย Gas เข้าไปยัง ลิ้นปีกผีเสื้อ

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ครับ
     
  20. EAK_EK97

    EAK_EK97 New Member Member

    2
    0
    0
    แล้วตำแหน่ง O2 sensor ที่ต่างไปจากเดิมมีผลต่อเครื่องรึป่าวครับ คือตอนตีเฮด ช่างเค้าย้ายตำแหน่งจากที่อยู่ตรงเขา ไปอยู่หลังตรงทางออกเฮดเดอร์(4-2-1)พอดีอ่ะครับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้