งามหน้ากันอีกแล้ว....แต่มันไม่ใช่ "กู้ภัย".....??

ออกหมายจับ "กู้ภัยพญาอินทรี" ทำงามหน้า อาศัยช่วงชุลมุนไฟไหม้คอนโดเศรษฐีดับพร้อมลูกเมีย 3 ศพ แอบฉกเครื่องเพชรคนตายหลายสิบล้าน นักธุรกิจสาวห้องตรงข้ามถูกฉกบัตรเครดิตรูดซื้อของ 1.5 แสน โร่แจ้งจับความเลยแตก

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ต.อ.ธีระพงษ์ คล้ายแก้ว ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 รายงานคดีลักทรัพย์ที่นำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหามายัง พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น. และนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น.ที่รับผิดชอบด้านการสอบสวน ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ห้องพักเลขที่ 2614 ชั้น 26 อาคารสี่พระยา ริเวอร์วิว คอนโดมิเนียม เลขที่ 108 ซอยโยธา ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กทม. เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งครอบครัว 3 คน คือ นายสมชัย เมธาธรรม อายุ 51 ปี นางพรพิมล เมธาธรรม อายุ 47 ปี และนายชวลิต เมธาธรรม อายุ 16 ปี

รายงานดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พ.ต.ต.จิระเดช จิตรโสภา พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พลับพลาไชย 2 รวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขอหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับคดีอาญาที่ จ.725/2551 ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอออกหมายจับ นายเอกอัมรินทร์ อุราเลิศ อายุ 26 ปี อาสาสมัครกู้ภัยศูนย์พญาอินทรี รหัส อีเกิล 119 อยู่บ้านเลขที่ 734/11 ซอยวัดจันทร์ใน แขวงและเขตบางคอแหลม กทม. ข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืนในที่หรือบริเวณที่มีเหตุเพลิงไหม้หรืออาศัยโอกาสที่ประชาชนกำลังตื่นกลัวในภยันตรายใดๆ และข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (บัตรเครดิต) ของผู้อื่นโดยมิชอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้มาดำเนินคดี

แหล่งข่าวระดับสูงในกองบัญชาการตำรวจนครบาลเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน น.ส.นพรัตน์ โสเพ็ง อายุ 27 ปี อาชีพนักธุรกิจ ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเลขที่ 2609 ชั้น 26 อาคารสี่พระยา ริเวอร์วิว และอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของนายสมชัยที่เกิดเพลิงไหม้ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2 ว่า ในวันเกิดเหตุเพลิงไหม้เวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 10 มิถุนายน รู้สึกตกใจกลัวและเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงปิดล็อกห้องพักแล้วรีบวิ่งลงมาด้านล่าง โดยไม่ได้นำทรัพย์สินของมีค่าติดตัวมาด้วย กระทั่งเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน เจ้าของอาคารอนุญาตให้ผู้พักอาศัยบนชั้น 26 กลับขึ้นไปบนห้องพักได้ แต่เมื่อ น.ส.นพรัตน์ขึ้นไปที่ห้อง ปรากฏว่าประตูห้องถูกเปิดออก และมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกภัยจากมูลนิธิต่างๆ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ในห้องของ น.ส.นพรัตน์ ประมาณ 20 คน

แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวต่อว่า เมื่อ น.ส.นพรัตน์ตรวจสอบในห้อง พบว่าทรัพย์สินหายไปจำนวน 4 รายการ ได้แก่ กล้องดิจิทัลยี่ห้อโซนี่ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง บัตรเครดิต 5 ใบ เป็นบัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดธนาคารกรุงเทพ 2 ใบ บัตรอเมริกันเอ็กซ์เพรส 1 ใบ และบัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ดธนาคารไทยพาณิชย์ 2 ใบ จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ต่อมามีใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตส่งมาให้ น.ส.นพรัตน์ พบว่ามีผู้ลักลอบนำบัตรเครดิตที่แจ้งหายไว้ไปใช้ เป็นบัตรมาสเตอร์การ์ดธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 5444-85002-0013117 มียอดการใช้จ่ายซื้อโทรศัพท์มือถือและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในห้างเทสโก้ โลตัส สาขาพระราม 4 เป็นวงเงินรวมประมาณ 1.5 แสนบาท

ด้าน พ.ต.ต.สุรวิทย์ โยนจอหอ สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวว่า หลังจากผู้เสียหายแจ้งความไว้ ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของห้างเทสโก้ โลตัส ตามรายละเอียดวันเวลาที่ระบุในใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต และสอบปากคำพนักงานขายในห้างดังกล่าวจนพบว่ามีผู้นำบัตรเครดิตมารูดใช้จริง จึงสแกนรูปออกมาเปรียบเทียบกับรูปถ่ายของเจ้าหน้าที่ศูนย์พญาอินทรีที่เข้าเวรทำหน้าที่ในคืนนั้นทั้งหมด กระทั่งพบว่านายเอกอัมรินทร์เป็นคนคนเดียวกับภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด จึงออกหมายจับดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ได้ประสานไปที่หัวหน้าศูนย์พญาอินทรีแล้วว่าให้พานายเอกอัมรินทร์มามอบตัว ทางนั้นก็รับปาก แต่ต่อมากลับบอกว่านายเอกอัมรินทร์หนีไปแล้ว และยังส่งซิกให้อาสาคนอื่นๆ ที่คาดว่าจะโดนหางเลขไปด้วยให้รีบแยกย้ายกันหนีก่อน ตอนนี้เรากำลังตามจับอยู่ และจะสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อออกหมายจับอาสาคนอื่นๆ อีกหลายคนในเร็วๆ นี้ พ.ต.ต.สุรวิทย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปยังศูนย์พญาอินทรี เพื่อให้หัวหน้าศูนย์ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อ้างว่าหัวหน้าไม่อยู่ ต้องรอรายงานเรื่องให้ทราบอีกที ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์บอกด้วยว่าเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยที่ไปก่อเหตุจนถูกพนักงานสอบสวนออกหมายจับนั้น ต้องตรวจสอบว่าบุคคลนั้นต่ออายุบัตรสมาชิกกับศูนย์หรือไม่ หากไม่ได้ต่อก็ถือว่าสิ้นสภาพ ไม่เกี่ยวข้องกับศูนย์ และไม่ได้เป็นคนของศูนย์พญาอินทรี ดังนั้นศูนย์พญาอินทรีก็จะไม่รับผิดชอบ หากบุคคลนั้นแอบอ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว ญาติของผู้ตายทั้ง 3 ศพ เข้าตรวจสอบทรัพย์สินของมีค่าในห้องต้นเพลิงเช่นกัน พบว่าทรัพย์สินของมีค่าหายไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเครื่องเพชรมูลค่ามหาศาลด้วย

นายกิเลน เมธาธรรม อายุ 54 ปี พี่ชายของนายสมชัยที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเลวร้ายดังกล่าวขึ้น ตนพร้อมบรรดาญาติๆ เข้าไปตรวจสอบภายในห้องของน้องชาย ปรากฏว่าทรัพย์สินหายไปเป็นจำนวนมาก อาทิ นาฬิกา สร้อย แหวน และเครื่องเพชรเครื่องประดับอื่นๆ มากกว่า 10 รายการ มูลค่าหลายสิบล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์เนม จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ เพราะต้องการเข้าไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้งก่อน เนื่องจากยังไม่ทราบว่าทรัพย์สินที่หายไปมีอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ได้บอกกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 2 แล้วว่ามีทรัพย์สินของน้องชายหายไปจำนวนมาก

"ทรัพย์สินที่หายไป น้องชายกับเมียเขาจะเอาออกมาใส่เป็นประจำ ก็เลยไม่ได้เก็บเข้าตู้เซฟ พอใส่แล้วก็ถอดเก็บไว้ในกระเป๋าถือเอามาวางไว้หัวเตียง ในวันนั้นมีคนเททรัพย์สินในกระเป๋าถือของน้องชายผมไปหมด ไม่เว้นแม้แต่กุญแจรถ โทรศัพท์มือถือก็หายไปด้วย ผมสงสัยว่าคนที่เอาไปน่าจะเป็นพวกอาสากู้ภัย วันนั้นผมเข้าไปดูในห้องพร้อมตำรวจ ยังเห็นจี้สร้อยเพชรตกอยู่ในห้องน้ำ ส่วนพวกเครื่องเพชรที่อยู่ในตู้เซฟยังอยู่ครบ พวกมันไม่มีกุญแจเปิด ถ้าจะงัดก็ทำได้ยากเพราะตู้เซฟใหญ่ จะยกไปก็คงไม่ได้ อีกอย่างถ้าบอกว่าทรัพย์สินถูกไฟไหม้ก็ต้องเหลือชิ้นส่วนให้เห็นบ้าง แต่นี่ไม่มีเหลือให้เห็นเลย" นายกิเลนกล่าว

นายกิเลนกล่าวทิ้งท้ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ตอนนี้ทางญาติโดยเฉพาะลูกชายคนโตของน้องชายตนยังสะเทือนใจไม่หายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะต้องสูญเสียพ่อแม่และน้องชาย แต่ยังไม่วายเกิดเรื่องเลวร้ายมาตอกย้ำความรู้สึกอีก

 

ขอชี้แจงชัดๆ.........

ขอบอกกันไว้ตรงนี้เลย " ศูนย์พญาอินทรี " ไม่ใช่ " หน่วยกู้ภัย "
และหรือ " มูลนิธิ " แต่เป็น " หน่วยแจ้งข่าว " ..........

 

ใช่คราบพี่Te เป็นเพียงศูนย์แจ้งข่าว แต่กู้ภัยถูกเหมารวมอย่าไรผู้ที่แอบแฟงมาหาผลประโยชน์กับ อาสา นั้นน่าจะเอามาประนามนะครับ

พญาอินทรีย์เค้ามี รถ น.เขตด้วยนะคราบบบบบบบ

 

ไม่มีคำบรรยายใดๆทั้งนั้น ได้แต่คิดว่าคนดีๆมันก็ยังมี กลุ่มคนเลวๆก็อย่าไปเอาเยี่ยงอย่างก็แล้วกัน
เอ่อ RCT#1ครับ อ่านยากจังฟ้อนนี้อ่ะ

 

อ่านแล้วก็ เศร้าใจ ทำให้วงการคนดี เขาเสียชื่อหมดเลย

 

ผมเห็นออกข่าวช่อง 7ตอนเที่ยงด้วย และเขายังรัวภาส กับ ผู้กำกับ ส น ด้วยฟังๆๆแล้วเหมือนผู้กำกับบอกว่า เป็นแบบนี้เกือบทุกหน่วยงานฟังแล้วหดหู่ใจจัง

 

เพิ่มเติมให้นะคับ

นายเอกอัมรินทร์ อุราเลิศ อายุ 26 ปี อาสาสมัครศูนย์พญาอินทรี รหัส อีเกิล ลิม่า 119

แอบสืบทราบมาว่าเมื่อ 2วันที่แล้วยังนั้งเป็น Net ที่ ศูนย์พญาอินทรีย์ อยู่เลย

 

กาลังจาเอามาลงอยู่พอดีเลย...บอกได้คำเดียวคับ..แม่งเหี้ย...ขออภัยที่หยาบคาย

 

ไม่ใช่กู้ภัย แล้ว ทำไม ต้องลงข่าว ว่ากู้ภัย ด้วย

ข่าวแม่งก็ช่างทำให้วงการกู้ภัยเสื่อมเสีย

แม่งไม่รู้จักไตรตรองข่าว ให้ดีก่อน

 

พวกเราต้องทำใจครับ ในเมื่อเหตุการณ์ในอดีตมันเป็นเรื่องจริงจนทำให้ประชาชนทั่วไป เขาฝังใจแล้ว ผมคิดว่าพวกเราก็ต้องตั้งใจทำความดีต่อไปเร่อยๆ เพื่อซักวันอาสารุ่นน้องๆ ในอนาคตจะได้ไม่ต้องพบกับคำถามที่ว่า "กู้ภัยแย่งศพกันได้เงินเยอมั้ย" "ไปเอาของเขาทำไมไม่กัวผีเหรอ" จะได้หมดไปทีละน้อย

 

ยังชั่วได้อีก..

 

แม่งเหี้ยไม่รูเอารัยมาเปรียบแล้ว เมื่อรัยคนชั่วๆๆแบบคน นี้จะหมดไปซะที ขอโทดด้วยนะครับที่หยาบคาย

อยากทืบคนขโมย....

 

เลวจิต จริงๆๆ