...... คืนนั้นเป็นคืนที่เงียบสงบและเปล่าเปลี่ยว เขากำลังวางหูโทรศัพท์ ขณะที่ผมเดินเข้าไปหาเขา เขาชวนให้ ผมนั่งกินเหล้ากับเขา เราคุยกันเรื่อง ตลกขบขัน บางทีก็เรื่องของเพื่อนฝูง รวมทั้งเรื่อง สัพเพเหระมากมาย เราดื่มกันแก้วแล้วแก้วเล่า เรื่องราว ที่เขาเล่า ทำให้ผมนึกถึงสมัยเด็กๆ เสียงหัวเราะ เริ่มพร่างพรูออกมา เรื่องเก่าๆ ที่ผมเคย ทำสิ่งต่างๆ ร่วมกับเขามา เขายังพูดถึงเรื่องเพื่อนที่เคย ชกต่อยกับเขาสมัยเด็กๆ แล้วคนรักเก่าของผม ก็เข้ามาห้าม และบอกให้เพื่อนคนนั้นคืนหนังสือ ที่เขาเป็นคนแย่งชิงไป เขาเป็นเพื่อนที่ผมรักมาก เพื่อนอีกคนนั้นทำธุรกิจร่วมกับเขา แต่ในขณะเดียวกันก็เกลียดเขามาก เป็นเพื่อนที่ทำเลว เลวกับเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ใส่ใจ เขาให้ข้อคิด กับผมหลายเรื่อง เมื่อเห็นว่าดึกแล้ว ผมก็เดินไปส่งเขาที่รถ เขาบอกผมว่า ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเขาจะเมา แต่ผมไม่สบายใจ ผมมองจนเขาขับรถออกไป แล้วผมจึงค่อยขับตาม แต่เขาขับเร็วมาก จนคลาดสายตาผมไป ผมร้อนใจมาก จนถึงที่เปลี่ยวแห่งหนึ่ง หัวใจผมเต้นรัว ผมหยุดรถที่มุมตึก กำลังจะเดินเข้าไปหาเขาที่รถ แต่ภาพที่ผมเห็น มีผู้ชายคนนึง ดึงและกระชากเขาออกมาจากรถ ฟาดเขาด้วยไม้ท่อนโต ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ปากก็พร่ำแต่ตะโกนด่า แก้แค้น !! แกมาขัดผลประโยชน์ทำไม ผม แอบมองอยู่ มือสั่น หัวใจแทบหยุดเต้น ผู้ชายคนนั้นคง เกลียดเขาเข้าไส้ ถึงได้ฆ่าเขาอย่างโหดร้ายทารุณ ผมมองไม่เห็นหน้าฆาตกร ตรงนั้นมืดมาก เขาตาย เลือดไหลนองไปที่พื้น ผม แทบจะทรุดลงตรงนั้น ผมช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใคร ... " เป็นคนฆ่าเขา " ... *********************************************************** ตอนนี้สงสัยป่ะว่าใครเป็นคนฆ่า?
ผมนั่งมองเหรียญ 10 บาทในมือ หมุนมันไปมาทบทวนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับมัน เจ้าเหรียญน้อยเกือบไปอยู่ในมือ ผู้หญิงร่างเล็ก . . . ขาพิการที่ต้องใช้ไม้ค้ำ เดินแบมือขอเงินคนแถวนี้ พร้อมกับภาษาพูดไม่ชัด ซึ่งจับใจความได้ว่า "ขอเงินหน่อย" ผมเกือบหย่อนเหรียญลงไปในมือแล้ว ถ้าไม่เจอ แกนั่งดูดบุหรี่ก้นกรอก ควันฉุย พ่นควันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ อย่างสบายใจ ตอนไม่มีคนอยู่แถวนั้น โดยหารู้ไม่ว่า. . . มีใครคนหนึ่งกำลังจะเอาเงินมาให้ พอหมดบุหรี่ แกก็ลุกขึ้น เดินไปขอตังคนแถวนี้ต่อ เจ้าเหรียญ 10 ของผมยังคงอยู่ แต่มันก็เกือบไปอยู่ในขันพลาสติกใบหนึ่ง ที่ขอทานชาย ผู้ซึ่งนอนราบกับพื้น . . . เอามืออีกข้างเกาะพื้นแล้ว กระเสือกกระสน เพื่อให้ไปข้างหน้าได้ เป็นที่น่าสงสารแก่คนที่ผ่านไปมา ผมยืนลังเล อยู่พักใหญ่ เดินตามไป ตั้งใจแน่วแน่ว่า จะเอาใส่ขันใบนั้น แต่. . . พอลับตาคน ชายร่างพิการขาขาดข้างหนึ่ง ข้างที่มีก็ มีแผลสดๆ แมลงวันตอม เสื้อผ้ามอมแมม ขาดรุ่งริ่ง กลับ รื้อกองถุงพลาสติกใบใหญ่ รื้อเอาเสื้อผ้าที่ซ่อนไว้ เอาขาเทียม เอากระเป๋าผ้า มาใส่เศษเงิน แล้วบ่นว่า . . . "แม่ง. . . ได้น้อยชิบหาย" หลังจากเปลี่ยนเสร็จ ก็ลุกขึ้นเดินไปถนน โบกแท็กซี่จากไป ปล่อยให้ คนใจบุญอย่างผม ยืนอึ้ง!!! และแอบคิดว่า . . . คนใจบุญหลายคนยังขึ้นรถเมล์กลับเลย เจ้าเหรียญ 10 บาท ยังคงหมุนอยู่ในมือผมอีกครั้ง มันเกือบไปอยู่ในกล่องไม้สีดำใบหนึ่ง ที่มีผู้หญิงผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ในชุดเจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง เขียนด้วยตัวอักษรภาษาจีน ดูคล้ายแมลงสาป เดินเข้ามาหาผมแล้วถามว่า "ทำบุญโลงศพ เสริมดวง เพิ่มวันไหมครับ" ผมยิ้มแล้วตอบไปว่า "ไม่ละ ทุกวันนี้ผมก็อยากตายอยู่แล้ว" ชายผู้นั้น ทำสีหน้าไม่พอใจ บ่นแล้วจากไป ผมมองเหรียญ 10 อีกครั้ง หมุนมันต่อไป และแล้วบางอย่าง ที่กำลังเคลื่อนไหวตรงหน้า . . . ทำให้ผมตัดสินใจบางอย่างลงไป ผมเดินไปซื้อน้ำขวดใส ยื่นเหรียญ 10 ให้แม่ค้าน่าใส ที่ยื่นน้ำพร้อมคำหวานๆ ว่า ขอบคุณค่ะ ผมยิ้มตอบ รับน้ำพร้อมหยิบหลอด 2 หลอด เดินไปที่เด็ก 2 คน ผมยื่นน้ำให้แล้วบอกว่า "เอาน้องน้ำ กินซะ แล้วขวดพี่ให้" เจ้าหนูมองหน้าผมอย่างสงสัย แต่ก็รับน้ำ พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วเดินจากไป ผมยืนมองเจ้าหนูทั้ง 2 คน ที่กำลังแบกถุงปุ๋ยที่บรรจุขวดพลาสติกเปล่าด้วยใจเบิกบาน อย่างน้อยๆเจ้าหนู 2 คนนี้ ไม่ร้องขอเงินทองจากใคร แต่. . . เลือกที่จะเอาสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องการ ไปเป็นเงินให้ตนเอง และอย่างน้อยๆ เค้า 2 คนช่วยคนอีกหลายคนในการคัดแยกขยะ ผมยิ้มอีกครั้ง อย่างน้อยๆ 10 บาทที่ผมเสียไปมันคุ้มค่าจริงๆ . . .
ต้องมีใครเอายานอนหลับใส่แก้วผมแน่ๆเลยครับพี่ กินทีไรหลับทุกที ภรรยาผม....................ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง