นานาทรรศนะ...เกี่ยวกับการติดแก๊ส

การสนทนาใน 'EK Group' เริ่มโดย Nucawa, 9 กรกฎาคม 2008

< Previous Thread | Next Thread >
  1. Nucawa

    Nucawa New Member Member

    542
    88
    0
    ไม่ทราบว่า คนในคลับที่ติดแก๊สกัน ได้ตัดการทำงานของปั๊มติ๊กหรือเปล่าครับ
    ศึกษาข้อมูลมา ส่วนใหญ่ จะตัด-ไม่ตัด อย่าง AG เนี่ย โปรแกรมจะห้ามตัดครับ
    เลยไม่รู้ว่า ใครที่ติดมาแล้วตัดการทำงานของปั๊มติ๊ก เวลาขับปกติ...ลองกดเปลี่ยน
    การทำงานจากแก๊ส-น้ำมัน, น้ำมัน-แก๊ส บ้างไหม...แล้วรถสะดุดไหม

    ไม่ค่อยได้เข้าบอร์ดครับ อิอิ...เข้ามาก็ถามเลย หุหุ...
     
    "ชอลิ้วเฮียง" และ G Type R ถูกใจสิ่งนี้
  2. x1542

    x1542 New Member Moderator

    1,252
    156
    0
    ม่ายรู้ว่าตัดหรือป่าวครับนุ แต่เปลี่ยนไปมาก็ม่ายสะดุดนี่ ได้ยินแต่เสียงรีเลย์ทำงานอ่ะนะ
     
    "ชอลิ้วเฮียง" ถูกใจสิ่งนี้
  3. รถผมไม่ตัดการทำงานของปั๊มติ๊กครับเวลาเปลี่ยนจากแก๊สเปนน้ำมันจะไม่ค่อยสะดุดครับ
     
    "ชอลิ้วเฮียง" ถูกใจสิ่งนี้
  4. maythee

    maythee New Member Member

    274
    12
    0
    ไม่ตัด ปั้มติ๊ก ระวังนะคับ ความจริงหัวข้อนี้ในแก๊สไทยสรุปมาตั้งนานแล้ว และการไม่ตัดนี่แหละทำให้ LPG เป็นผู้ต้องหาเรื่องไฟไหม้ ในห้องเครื่องอยู่บ่อยๆๆ เมื่อก่อนนะคับ - ของผมตัดเรียบร้อยแล้วคับ สะดุดนิดนึงแวลาเปลี่ยนไปมา ปกติก็ไม่ค่อยจะเปลี่ยนหรอกคับ เพราะใช้แก๊สตลอด สตาร์ทแก๊สทุกเช้า (Fix-mix )เติมน้ำมัน นานที 2 เดือนครั้งได้ครั้งละ 300บาท แต่ผมเลี้ยงบ่าวาล์วนะคับ ใชเบนซินผสม2Tเล็กน้อย เลี้ยงเอา สตาร์ททุกเช้า 2 ทีติด บางทีก็ทีเดียว

    กราฟแสดงความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา( Differential pressure) (มันมีกราฟแต่ไม่ได้เอามาให้ดูด้วยโทษทีคับ)
    ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง
    ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น
    สรุปคือ
    ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง ถ้ารถวิ่งเร็วๆ ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า 2 bar)
    ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS
    ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน และกลับถัง
    ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่ ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดันในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้ เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่กับรางหัวฉีด และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้
    ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว
    ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ
    ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด
    ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ
    ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน
    อีกความคิดเห็น( ก๊อปมา )
    เรื่องนี้ผมขอออกความเห็นนิดนะครับ(ผมใช้วีออส) ระบบเชื้อเพลิงรุ่นใหม่ๆ ออกแบบเพื่อลดการแพร่กระจายของไอน้ำมันจึงไม่มีท่อน้ำมันไหลกลับ เพราะน้ำมันที่ร้อนขึ้นจะระเหยได้มากกว่า ทำให้ไอน้ำมันรั่วไหลออกสู่บรรยากาศ การที่ตัดปั้มจะทำให้แรงดันภายในรางหัวฉีดลดลงเรื่อยๆจนเป็นศูนย์ เพราะหัวฉีดไม่สามารถปิดสนิทได้(แต่ค่าการรั่วซึมต่ำมาก) ซึ่งตามข้อกำหนดทางเทคนิค ระบบเชื้อเพลิงจะต้องรักษาแรงดันไว้ 44 - 50 psi ในขณะทำงานและรักษาแรงดันได้อย่างน้อย 21 psi เป็นเวลา 5 นาทีหลังดับเครื่องเพื่อป้องกันน้ำมันเดือดเป็นฟองในรางหัวฉีด ซึ่งจะส่งผลต่อการสตาร์ทเครื่องในครั้งต่อไป อีกอย่างในกรณีที่มีการตัดหัวฉีดแล้ว การระบายความร้อนก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะไม่มีน้ำมันไหลผ่านหัวฉีดมีเพียงปริมาณเล็กน้อยที่คงเหลือค้างอยู่เท่านั้น สิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในกรณีที่ตัดปั้มเป็นเวลานานคือ เมื่อไม่มีแรงดันน้ำมันในระบบ ทำให้น้ำมันเดือด/ระเหยเหลือสารตกค้างเป็นคราบเหนียวในระบบหัวฉีด ทำให้หัวฉีดติดขัดและทำงานผิดพลาด หากเกิดขึ้นเล็กน้อย การขับรถโดยใช้น้ำมันก็จะล้างคราบพวกนี้ออกไปได้บ้าง
    ในกรณีไม่ตัดปั้ม น้ำมันจะไหลวนผ่านปั้มไปที่ regulator -> filter และไหลวนกลับถัง ทำให้น้ำมันมีอุณหภูมิสูงขึ้น เกิดไอน้ำมันไหลไปที่ canister หน้ารถ และจะถูกดูดออกไปเผาไหม้ในรอบเดินเบาผ่าน VSV ที่อยู่ข้างกรองอากาศ(vios) ทำให้เกิดสารตกค้างเป็นคราบเหนียวสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมีการเติมน้ำมันครั้งต่อๆไปก็จะไปอุดตันในกรองเบนซิน หรือหากเล็ดลอดไปได้ก็จะไปตันในหัวฉีด

    การพิจารณาว่าจะตัดหรือไม่คงต้องอยู่บนฐานว่าคุณต้องการรถ Bi-Fuel ที่ใช้งานได้สองระบบสลับกันหรือไม่ แต่หากใช้แก๊สมากกว่าก็คงต้องยอมรับผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนสภาพของเบนซินให้ได้
     
    "ชอลิ้วเฮียง" ถูกใจสิ่งนี้
  5. G Type R

    G Type R New Member Moderator VIP

    3,605
    99
    0
    ไม่แนะนำให้ใช้ 2T เลี้ยงวาลว์ครับ นอกจากไม่ช่วยอะไรแถมยังทำให้
    วาลว์สกปรกเร็วขึ้นบ่าทรุดเร็วขึ้นครับ ประสบการณ์จากรถคุณแม่ City Type Z
    ส่วนเรื่องตัดไม่ตัดก็ตาม ท่าน Maythee เลยครับ
     
    mo_mo ถูกใจสิ่งนี้
  6. SORAWIT

    SORAWIT New Member Member

    221
    14
    0
    ติดmix มารู้สึกว่ามีกลี่นเข้ามาในห้อง คล้ายๆกลิ่นเผา
    ไหม้...ไม่แน่ใจ มันคืออะไรต้องแก้ครงไหน อ้อ..ลืมบอกไปเวลาขับรู้สึกปากคอแห้งๆยังงัยไม่รู้
     
  7. maythee

    maythee New Member Member

    274
    12
    0
    ผมไม่ได้ใช้ 2T 100% คับ ผสมกับ เบนซิน 91 อัตราส่วน 2T 20% เบนซิน 80% ตอนแรกก็กลัว จะเป้นเหมือนรูปในแก๊สไทยเหมือนกัน แต่ผมว่าเลี้ยงไว้ จากความรู้สึกเวลา ขับมัน แตกต่างกัน เรื่องการเร่ง เสียงเครื่อง การสตาร์ทตอนเช้า จากปกติ ไม่เลี้ยงสตาร์ท สามครั้งบางทีไม่ติดเลย แต่พอเลี้ยงไว้ ครั้งเดียวติด สองครั้งบ้าง แต่ไม่ถึง สี่ครั้งสักที เพราะถ้าไม่ติดผมก็จะใช้ น้ำมันสตาร์ท

    ที่ผมผสม เบนซินเพราะว่าเวลา Vaccume มันดูด ไอน้ำมันไปมันจะได้เผาไหม้ ไอ้เจ้า 2T ไปด้วย ถ้าไม่ผสม ผมว่า คงมีอาการสำลัก ได้เหมือนกัน จากประสพการณ์ นะคับ เคยทดสอบ ว่า 2T ยี่ห้อไหนเผาไหม้หมดจด ในอัตราส่วนผสมของน้ำมันเบนซินที่เท่ากันเพื่อเลือกใช้ ถ้าไม่ผสมเลย ผมคงจุดทดสอบไม่ได้ใช่มั้ยละครับ ใครจะว่ายังไงแต่ผมก็ยังคงเลี้ยงอะคับ อีกเหตุผลคือผม เปลี่ยน ฝาสูบไปแล้ว 1 ฝาตอนนั้นไม่ได้เลี้ยงนะคับ
    อาการบ่าวาล์วทรุด ทั้ง ไอดี และ ไอเสีย รอบสวิง แรงดันย้อน เม่าไอเสียมาเกาะในท่อทางเดิน อากาศ คงไม่ต้องคิดถึงลิ้น ปีกผีเสื้อ ก็โดนไปด้วย เขม่าหนามาก เกิดแบคไฟร์ทเวลาจูน จน แมทเซนเซอร์ผมพัง หม้อกรอง กระเด็น เกินเสียงระเบิด กิ๊ป ล็อค หลุดจากที่ยึด หายไปข้าง อิ อิ เครื่องดับเวลาเดินเบา แล้วรถผมใช้ abs เวลาดับเล่นเอาใจหาย วาบ มันไหลคับพี่น้อง เบรคดันแข็งซะงั้นเกือบไปจิ้มตูดเพื่อนหลายที แต่เบรคมือช่วย ชีวิตไว้ (เกือบแย่ เลย!)

    ใครเคยมีปัญหาจากการใช้แก๊ส ช่วยเล่าสู่กันฟังได้นะคับ
     
  8. mosquito

    mosquito Member Member

    39
    4
    8
    ของผมไม่ตัดคับ ไม่มีสะดุดเลยคับแต่ต้องคอยดูดีๆๆกัวเรืองไฟเหมือกัน คับ
     
  9. Nucawa

    Nucawa New Member Member

    542
    88
    0
    อ่า...ผมพึ่งติดมาครับ แต่ร้านนี้ เค้าตัดปั๊มติ๊กครับ(เลือกไม่ได้) วันที่ไปลองรถ ก็เลยลอง
    เหยียบไปที่ความเร็วสูงๆ...ก็ยังสะดุดุอยู่ดี ไอ้เราก็ไม่ชอบอ่าครับ อยากให้มันทำงานเรียบๆ

    กลับมาที่ร้าน เค้าก็บอกว่า ต้องตัดปั๊มติ๊ก และก็เป็นอย่างนี้ทุกคัน...เค้าก็ไม่แนะนำให้ไม่ตัดปั๊ม
    ทางร้านเลยใส่ตัวหน่วงเวลาให้...ให้การทำงานมันโอเวอร์เเลป กัน...ก็ไม่สะดุดุละครับ
    แต่ก็ไม่รู้ว่าจะดี...หรือ ไม่ดียังไง ส่วนเรื่องตัด ไม่ตัดเนี่ย...หลายกระแสครับ งง เหมือนกัน
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 กรกฎาคม 2008
  10. Vitty

    Vitty New Member Member

    210
    11
    0
    ของผมตัดปั๊มติ๊ก
    ไม่สะดุดนะครับ จมีบางช่วงที่สะดุดนิดๆ ก็ตอนเร่งแล้วสับนะครับ

    ที่ไม่สะดุด คุยกับช่างบอกว่า ถ้าปั๊มติ๊กยังแรงดี ฉีดน้ำเข้ามาทันแก๊สหมดก็ไม่เป็นไร
    ที่กระตุกกันเพราะ ฉีดเข้ามาไม่สัมพันกับแก๊สที่หมดไปน่ะครับ
     
  11. G Type R

    G Type R New Member Moderator VIP

    3,605
    99
    0
    วันนั้นยังไม่ได้ติด ตอนนี้ไปติดมาแล้ว และได้ทดลองทั้งตัดและไม่ตัดปั้มติ๊กแล้วด้วย
    เริ่มจากวันที่ไปติด เค้าก็ติดตั้งตามที่ถูกสอนๆมา (ประมาณว่าติดๆแม่งไปเหอะ)
    ก็เลยถาม พี่ๆ ร้านพี่ติดแล้วตัดปั้มไหม เค้าบอก ไม่ตัดหรอกน้อง ไม่จำเป็น (คิดในใจ จริงเหรอว้า ที่กูอ่านมามันต้องตัดนี่)
    ไอ้เราก็อยากกลับบ้านไวๆ+กับพี่ช่างมันเริ่มอารมณ์เสียเพราะผมจุกจิกกับมันตลอด(ก็รถกูนิ) ก็เลยช่างมัน
    ตอนจะเอารถออก ปรากฎว่าสายน้ำมันแตก (พอดีผมกลัวเลยให้มันเปลี่ยนสายน้ำมันให้ใหม่ มันก็เลยเอาสายคล้ายๆกันมาใส่ให้แต่ใหม่นะครับ)
    ช่างมันก็บอกว่า สายที่ใส่ให้ใช้ไม่ได้ มันไม่ใช้สายน้ำมัน (อ้าวแล้วมึงใส่ให้กูทำไม) มันก็เลยเอาสายเก่าที่กรอบๆมาใส่ให้
    ขับรถกลับบ้าน กลัวชิบหาย จะไหม้ไหมเนี่ย แต่คืนนั้นเปลี่ยนแก๊สเป็นน้ำมัน น้ำมันเป็นแก๊ส ไม่มีสะดุดเลย
    วันรุ่งขึ้นเอาไปเปลี่ยนสายน้ำมันใหม่ แล้วก็เลยปรึกษาหลายๆคน จนได้ข้อสรุป ตัดปั้มดีกว่า ก็เลยไปตัดออกครับ
    โดยค่าของกับค่าแรงไปอีก 500 (คนละที่กับที่ไปติดแก๊สนะ) พอเสร็จ ก็มาลองดู มีอาการสะดุดครับ แต่ไม่ตกใจ
    เพราะทำใจไว้แล้ว ก็เลยลองใหม่ เวลาจะเปลี่ยนแก๊สเป็นน้ำมัน ก็เหยียบครัชให้รอบเครื่องลงมาอยู่ต่ำๆ แล้วกดเปลี่ยน
    เป็นน้ำมัน นับในใจ 123 ปล่อยครัช เดินคันเร่งต่อ ก็ปกติดีครับ ไม่มีสะดุด

    สรุป ในความเห็นผม ตัดดีกว่าครับ เพราะกันการเกิดเหตุไม่คาดคิด ทนรำคาญนิดหน่อย ดีกว่าไม่มีเหลือให้รำคาญครับ
     
  12. Oryor

    Oryor New Member Member

    283
    10
    0
    ถ้าอยากตัดปั๊มติ๊ก แล้วเปลี่ยนจาก gas มาเป็น น้ำมันแล้วไม่สะดุด

    ลองใส่ตัวหน่วงเวลาดูครับ

    พอเรากดเปลี่ยนมาเป็นน้ำมัน มันจะยังไม่เปลี่ยนให้เลยทันที มันจะไปเปิดให้ปั๊มติ๊กทำงานก่อน แล้วค่อยเปลี่ยน
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้