มีบทความดีๆมาให้อ่าน ดูแล้วชื่นใจครับ

การสนทนาใน 'NV Club' เริ่มโดย joekrich, 10 พฤษภาคม 2008

< Previous Thread | Next Thread >
  1. joekrich

    joekrich New Member Member

    9
    2
    0
    Nissan NV เป็นรถรุ่นที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Sunny FF เนื่องด้วยเป็นรถอเนกประสงค์ที่ไม่จุกจิก ประหยัดน้ำมัน ขนของก็ได้ ขับในเมืองก็ไม่เคอะเขิน ที่มาของคำว่า NV ก็ย่อมาจาก National Vehicle หรือแปลว่า="รถแห่งชาติ" อะไรทำนองนี้ถ้าจำไม่ผิดนะครับ เพราะว่าแต่เดิมโปรเจคของ NV นั้นทางสยามกลการต้องการให้มันออกมาเป็นรถนิสสันสเตชั่นแวกอนที่ออกแบบโดยคนไทยร่วมกับที่ปรึกษาญี่ปุ่น เพื่อออกแบบรถที่มีคุณลักษณะตรงตามความต้องการของผู้ใช้ในแถบเอเชียอาคเนย์โดยเฉพาะ (ลักษณะของโครงการนั้นคล้ายๆกับวิธีที่ToyotaทำกับSoluna) โดยจุดประสงแต่วันเวลาผ่านไปก็ประสบปัญหาเรื่องต้นทุนในการวิจัย ออกแบบ และทดสอบ ซึ่งการทำรถโมเดลนึงตัวถังใหม่ขึ้นมาสำหรับตลาดประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในสมัยนั้น จัดว่ายังไม่มีความคุ้มค่ามากพอ นิสสันเลยเอาสเตชั่นแวกอนขนาดกระทัดรัดที่ขายที่เมืองแม่ในชื่อ AD Resortหรือในอเมริกาเรียกว่า Nissan California มาแต่งหน้าทาปากและเปลี่ยนเครื่องยนต์ แล้วส่งเข้าทำตลาดในไทยในปี 1993 โดยสร้างกระแสว่าเป็นการพัฒนาขึ้นใหม่ ทั้งที่ก็เป็นรุ่นเดียวกับรุ่น AD RESORT ในญี่ปุ่น แม้ NV ไม่ใช่รถ National Vehicle อีกต่อไป ทางสยามกลการเลยยังคงให้ชื่อว่า NV ต่อไป แต่เปลี่ยนความหมายจากรถแห่งชาติ เป็น New Value อันหมายถึงคุณค่าใหม่แห่งยนตรกรรม ใช้ชื่อว่า NV resort โดยคนไทยเรียกกันติดปากว่า "เอ็นวีแวน" โดยแบ่งออกเป็นสองรุ่นหลักๆ SLXหรือSGX ซึ่งต่างกันแค่ออพชั่น แต่เครื่องยนต์ตัวเดียวกันคือ บล็อกGA 16 DS 1,600 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ เปิดตลาดกลุ่มใหม่ในประเทศไทย เพราะในยุคนั้นรถแวกอนขนาดพอดิบพอดี สมรรถณะดี ราคาถูกแทบไม่มี แต่ทำตลาดได้ดีแค่พอสมควร ด้วยความไม่สดจริงและคนไทยไม่ค่อยชอบรถยนต์แบบสเตชันแวกอน แต่ก็ทำให้นิสสันกินอิ่มนอนหลับไปได้ เพราะยอดขายในขณะนั้นเป็นรองแค่เซฟิโร่เท่านั้น



    นิสสันนอนหลับสบายกับ NV Wagon อยู่พักใหญ่จนเกือบจะละทิ้งความคิดเกี่ยวกับ NVB ไป มิฉะนั้นแล้วก็คงไม่มีNV pick-up อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ แถมไปๆมาๆ NVBทำเงินให้นิสสันมากกว่าNVAกี่เท่าตัวไม่รุ้ โปรเจค NVB จึงเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ 4 ประเทศ คือ ไทย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และไต้หวัน ได้ร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ที่สามารถใช้งานได้หลายรูปแบบ ขับง่าย สะดวกสบาย ราคาถูก โดยอะไหล่ได้มีการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนกัน ทำให้มีต้นทุนต่ำ อะไหล่แท้มีราคาถูก โดยพี่ไทยเรานำเอา NVแวน มาตัดหลังออกเป็นกระบะตอนเดียวเป็นการพัฒนาขึ้นใหม่จากโครงสร้างหลักของรุ่นเดิม นิสสันก็ใช้คำว่าNew ValueกับNVB (pick-up)ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุผลเดิมคือการที่รถรุ่นนี้เป็นรถแนวคิดใหม่ที่ผสมผสานระหว่างการใช้งานบรรทุกแบบรถกระบะกับช่วงล่างและเครื่องที่เป็นของรถเก๋ง ตัวรถไม่มีอะไรซับซ้อนและไม่จำเป็น เลือกใช้เหล็กDurasteel ประกอบเป็นปิกอัพโมโนค็อกตัวถังชิ้นเดียวไม่มีแชสซีส์แยก ทำให้เป็นสนิมยาก เครื่องยนต์เบนซินวางขวาง ขับเคลื่อนล้อหน้า มีสมรรถนะเหมือนรถยนต์นั่ง แต่มีกระบะสำหรับบรรทุกด้านท้าย เจาะตลาดเป็นกลุ่มใหม่ไม่มีคู่แข่ง ปิกอัพแท้ก็ไม่ใช่ เก๋งก็ไม่เชิง พอได้สัมผัส มันก็มีอารมณ์สปอร์ต ตรงที่คันเล็ก เมื่อเทียบกับขนาดของเครื่องยนต์ ทำให้มีความแรงมาก แถมคล่องแคล่ว ปราดเปรียว ช่วงล่างเก๋ง น้ำหนักตัวก็เบา เครื่องพันหกเบนซินก็ฉุดให้วิ่งฉิวได้แล้ว ได้ฟีลลิ่งสปอร์ตพอดูสเปกเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ NV แวน คือบล็อก GA 16 DS 1,597 ซีซี DOHC 16V คาร์บูเรเตอร์ 96 แรงม้า ที่ 6000 รอบ/นาที มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ช่วงล่างหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบเทรลิ่งอาร์ม ทอร์ชั่นบีม และคอยล์สปริง ดูจะนิ่มนวลไปนิดถ้าวิ่งด้วยความเร็วสูงๆแต่ก็มีข้อดีคือช่วงล่างทนเพราะมีชิ้นส่วนน้อย ระบบเบรคเป็นแบบหน้าดิสค์แต่หลังดรัม ด้วยว่ากลัวล้อหลังจะล็อคแล้วท้ายรถที่เบาๆจะปัดซะก่อน



    ด้วยการเป็นตลาดกลุ่มใหม่ ตั้งราคาไม่แพง ใช้งานเหมือนรถเก๋ง แม้จะนั่งเฉพาะด้านหน้าได้แค่ 2-3 คน แต่ก็นุ่มนวล นิ่มเงียบ และพร้อมบรรทุกได้อีกหลายร้อยกิโลกรัม หากต่อหลังคาด้านท้ายก็ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ด้วยความแปลกอย่างลงตัว จึงทำให้เอ็นวี ปิกอัพ ทำตลาดได้ดีและต่อเนื่อง จนต้องมีการผลิตรุ่นยืดห้องโดยสาร ให้ใกล้ความเป็นรถเก๋งเข้าไปอีก และลดพื้นที่กระบะลง ใช้ชื่อรุ่นว่า QUEEN CAB เปิดตัวในปลายปี 1997 จุดเปลี่ยนหลักๆเลยคือการยืดห้องโดยสารออกไป มีจุดประสงค์หลักเพื่อเพิ่มให้นั่งได้อีก 2-3 คนบนพื้นที่หลังเบาะหน้า แต่ถ้าเดินทางไกลก็เมื่อยหน่อย แม้จะอึดอัด แต่ก็ยังดีกว่านั่งไม่ได้เลยแบบรุ่นก่อน ถ้าไม่มีคนนั่ง ก็บรรทุกของได้แบบไม่เปียกเหมือนบรรทุกบนตัวกระบะ อเนกประสงค์สุดๆ ภายนอกดูเหมือนเก๋งมากขึ้น กระจังหน้าและกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ ฝังไฟตัดหมอก เปลี่ยนล้อแม็กลาย 5 ก้าน ดูโฉบเฉี่ยว เครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ เป็นบล็อก GA 16 DNE ที่ออกแบบโดยคอมพิวเตอร์เพื่อลดชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็น ใช้วัสดุคุณภาพสูงผิวเรียบ เพื่อลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ เครื่องแบบ 4 สูบ DOHC 16V หัวฉีดECCS 110 แรงม้า ที่ 6000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์ออโต้ 4 สปีดและเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ช่วงล่างและเบรคเป็นของเดิม

    ถึงแม้ทำตลาดไปได้ดี ไม่มีคู่แข่ง แต่ก็ถึงเวลาต้องเปิดตัวรุ่นปรับโฉม-ไมเนอร์เชนจ์เพื่อกระตุ้นตลาด โดยเป็นการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้นตามกระแสที่รถยนต์ยุคนี้ต้องใช้ไฟหน้าแบบตาเพชร-มัลติรีเฟล็กเตอร์หรือแบบใส สำหรับเอ็นวี ควีนแค็บ เป็นแบบใส ดูแวววาวดี และประกบด้วยไฟเลี้ยวเปลือกขาว ยางกันโคลนทั้ง 4 ใหม่เป็นชิ้นกะทัดรัด เสริมความหล่อด้วยล้ออัลลอยลายสวยมีฝาปิดน็อตเรียบร้อย ประกบไว้ด้วยยางขนาด 175/65R14 รูปลักษณ์หลังจากปรับปรุงแล้วดูทันสมัยแบบแปลกตา คือ ด้านหน้า ดูปราดเปรียวแบบรถเก๋ง ไฟหน้าใส กระจังและกันชนสีเดียวกับตัวรถ มีไฟตัดหมอก เสากระจกหน้า-A PILLAR ลาดเทสุดๆ แบบรถสปอร์ต กระจกมองพ่นข้างสีเดียวกับตัวรถมุมมองด้านข้าง ห้องโดยสารดูยาวแต่กระบะด้านท้ายสั้นกุดไปนิด แต่ก็ดูลงตัวกับแนวกระจกด้านข้างที่ค่อยๆ ไล่ขึ้น รับกับขอบกระบะที่ไม่ได้เรียบนอน โดยยกไล่แนวขึ้นมาจากด้านท้าย ฝาปิดกระบะหลังดูดี ด้วยมือเปิดเดี่ยวตรงกลาง ไม่มีกันชนหลัง แต่มียางกันกระแทกมาพร้อมสรรพที่ใต้ไฟท้าย ความสูงโดยรวมของด้านหลังดูมากไปนิด อาจเป็นเพราะเผื่อการบรรทุก แต่ก็ทำให้ปกติแล้วดูหน้าทิ่ม ช่องว่างระหว่างขอบบังโคลนกับยางมีมากเอาไว้บรรทุกหนักๆล้อจะได้ไม่ครูดกับขอบบังโคลนและคงเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้เวลาขับแล้วด้านท้ายเบานิดๆ นิสสันจึงผลิตรุ่น Wingroad ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ โดยใส่หลังคาหลังเข้าไป พร้อมเบาะญี่ปุ่น แอร์ และกันชนหลัง เอาใจคนนั่งข้างหลัง ขยับราคาขึ้นมาที่ประมาณ 380,000 บาท



    ต่อมามีการปรับโฉมอีกเฮือกนึงเพราะยอดขายเริ่มแผ่วๆเพราะคู่แข่งอย่างโซลูน่าและซิตี้ก็เริ่มมาแรง แต่นิสสันก็ยังสู้ด้วยจุดขายที่ความอเนกประสงค์และราคาถูกกว่าคู่แข่ง การปรับโฉมครั้งนี้ได้ยกเอา ด้านหน้าของ NV แวน มาทั้งดุ้น ตั้งแต่กระจังหน้าลายรังผึ้ง ไฟหน้ายาวตาเพชร ล้อแม็กลายซี่ลวด หลังคาหลังติดให้กับทุกรุ่น ราคาขยับมาอยู่ที่ประมาณ 440,000 บาท



    ดูเหมือนว่าเจ้า NV จะมีข้อดีเกือบทั้งหมด แต่ข้อเสียของรถคันนี้ก็มีคือ เรื่องของความปลอดภัย นอกจากโครงสร้างตัวถัง Zone body concept กับเข็มขัดนิรภัยแล้วก็ไม่มีระบบป้องกันอะไรเลย ช่วงล่างก็จับโช้คแข็งๆสักชุด ใส่หลังคาหลังก็ช่วยได้ แต่ถ้าไม่ได้ขับเร็วอะไรก็ไม่จำเป็นนัก สรุปเจ้า NV คันนี้เหมาะสำหรับคนที่มองรถมือหนึ่งเป็นคันแรก ครอบครัวเล็กๆ คนทำงานวันหยุดไปเที่ยวทีนึง แม่บ้านขับไปจ่ายตลาด จุดเด่นที่ความประหยัด ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย ราคาถูก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกเอาแค่จำเป็น ความปลอดภัยยังน้อย และไม่หรูหรานัก
    ชื่อผู้ส่งบทความ คุณ เทพเซฟิโร่



    เชื่อว่าสักวันจะเป็นของเรา..



    --------------------------------------------------------------------------------

    อ้างอิง ที่มาสักนิส นะครับ เพื่อม ความสบายใจ เป็นการให้ Credit ผู้เขียนครับ
    http://www.one2car.com/Car2Care/read...now_Topic_Id=1
     
    แก้ไขล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 พฤษภาคม 2008
  2. pop-ja

    pop-ja New Member VIP

    2,068
    235
    0
    เห็นด้วยครับ ชอบๆๆๆ
     
  3. Nissan Y10 Thailand

    Nissan Y10 Thailand New Member Moderator

    3,584
    146
    0
  4. nv1020

    nv1020 Well-Known Member Member

    3,195
    302
    83
    :D:D
     
  5. vinit...

    vinit... New Member Member

    459
    27
    0
    ดี ครับ แต่กว่าจะอ่านจบเล่นเอาตาลายเลย
     
  6. green nv #032

    green nv #032 New Member VIP

    2,789
    89
    0
    ขอบคุณครับ:D
     
  7. jaturong03

    jaturong03 Well-Known Member Member

    2,084
    91
    48
    ชอบๆๆๆครับ ขอบคุณครับ
     
  8. ***_NASE_***

    ***_NASE_*** New Member Member

    409
    13
    0
    ตารายย โม๊ดแร๊ววววว แต่ได้ความรู้ดีเด๊ออออ
     
  9. tae_nissannv

    tae_nissannv New Member Member

    677
    37
    0
    เหมือนเคยอ่านที่ไหนจำไม่ได้อะ แต่ก็ประทับใจเหมือนเดิม
     
    ต้องprintมาเก็บไว้อ่านก่อนนอนเลย (จะได้ฝันดี) ขอบคุณครับ
     
< Previous Thread | Next Thread >

แบ่งปันหน้านี้