คือผมเอารถไปให้พี่ที่เปงช่างแถวบ้านดู เค้าบอกเครื่องเดินไปเรียบ ลองสลับแก๊ส - น้ำมันก็แล้ว เค้าก็เลยดึงหัวเทียนดู ทั้ง 4 หัว แล้วเค้าก็บอกว่า บอดไป 1 อัน ทำให้เครื่องทำงานแค่ 3 สูบ มีผลต่อการเดินของเครื่องเค้าให้ผม ไปซื้อมาเปลี่ยน แต่ตอนนั้นผมยังไม่ว่าง เลยยังไม่ได้ไปทำ เพื่อนๆว่า ที่พี่ช่างเค้าบอกมันมีเค้าโครงความจริงมั้งไหมครับ ?
สะดุดๆ ปล่าว ลองนะ เค้าบอกว่าหัวไหนบอดอะ สมมติ เค้าบอกว่า หัวที่ 1 บอด ให้ลองติดเครื่อง แว้ว ลองดึงสายหัวเทียนหัวนั้นออก สังเกตุว่า มานสั่นมากขึ้นหรือปล่าว ถ้าสั่นมากขึ้นแสดงว่า ไม่ใช้ ถ้าเหมือนเดิมก้อ แสดงว่า บอดแว้ว ถ้าให้ดี ลองถอดสายหัวอื่นก่อน ดูว่าสั่นประมานไหน แว้วค่อยลองกับหัวที่เค้าบอกว่าบอด ครับลองดู ปล อาจเปงที่สายขาดในก้อได้ หรือ จานจ่ายมานหมดอายุ หัวเทียน เข็ม ซื้อร้านอะไหล่ ngk ประมาน หัวละ120 แล้วแต่ร้านด้วย
สาเหตุที่หัวเทียนบอดนั้นก้อเนื่องมาจาก น้ำมันเครื่องขึ้นหัวลูกสูบที่มันขึ้นไปได้ก้อเพราะ 1.แหวนหลวม ชิ้นส่วนตัวนี้มันจะสวมกับลูกสูบมีด้วยกัน 2 ตัวบนและล่างของหัวลูกสูบ มันจะทำหน้าที่ขณะเครื่องนี้กำลังขับเคลื่อนลูกสูบจะขึ้นลงเป็นคู่ๆสลับกันไป เช่น ลูกสูบ1และ 3 ขึ้น 2 และ 4 ลงโดยมีก้านสูบและข้อเหวี่ยงเป็นตัวชักลูกสูบขึ้นและลง โดยมีน้ำมันเครื่องนั้นเป็นตัวช่วยในการลดแรงเสียดทานไม่ให้มีความฝืดขณะเผาไหม้ พอลูกสูบขึ้นน้ำมันเครื่องก้อขึ้นตามไป พอถึงจุดที่จะลงมาก้อจะมีแหวน 2 ตัวนี้ช่วยกวาดน้ำมันเครื่องลงมาเพื่อไม่ให้น้ำมันเครื่องทะลักไปบนฝาสูบ ทำให้เกิดการเหม็นไหม้ในห้องเผาไหม้ทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ จึงทำให้หัวเทียนบอดในเวลาต่อมา 2.ลูกสูบหลวมและ 3.ลิ้นรั่ว การแก้ไขก้อคือ ต้องเช็คกำลังอัดในกระบอกสูบก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าผลปรากฎว่ากำลังอัดอยู่ในเกณฑ์ที่วัดเครื่องที่สมบรณ์จะอยู่ที่ (160 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว)ถ้ายังใช้ได้อยู่ซักประมาณ 100 ก้อเพียงทำแค่เปลี่ยนแหวนบดลิ้นก้อพอ ถ้าหากกำลังอัดในกระบอกสูบต่ำกว่า 100 ต้องเปลี่ยนลูกสูบใหม่พร้อมคว้านกระบอกสูบพร้อมแหวนและบดลิ้น ค่าใช้จ่ายจะต่างกันเยอะพอสมควรถ้าเป็นอันแรกก้อไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าถึงขนาดเปลี่ยนลูกสูบก้อจะแพงเป็นเงาตามตัว หลังจากทำตามที่บอกไปแล้ว ก้อถามช่างด้วยว่าเวลาใส่หัวเทียนควรใช้เบอร์อะไรหัวเทียนร้อนหรือเย็นจึงจะเหมาะสม เพราะรถที่ใช้gasนั้นการเผาไหม้มีความร้อนสูงกว่ารถที่ใช้น้ำมัน เพราะอากาศในการเผาไหม้มันแห้งมาก ถ้าใช้น้ำมันยังมีความชื้นอยู่บ้าง สังเกตุจากเวลาติดเครื่องยนต์ใหม่ๆไม่ว่าตอนไหน หากปลายท่อไอเสียมีน้ำออกมาแสดงว่ารถคันนี้การเผาไหม้สมบูรณ์และสีของปลายท่อจะออกสีเทาอ่อนๆ ถ้าดำปี๋หรือทั้งดำและมีคราบน้ำมันเครื่องออกมาปะปนด้วย นั่นแสดงว่าเครื่องหลวมกินน้ำมันมากผิดปกติและถ้าเวลาเร่งเครื่องอยู่กับที่แล้วมีควันสีขาวออกมานั่นก้อเครื่องหลวมแต่จะหนักกว่า คือ ต้องโอเวอร์ฮอล์ชุดใหญ่อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนน้ำมันเครื่องต้องใช้กับรถที่ใช้gasเท่านั้น ระยะการเปลี่ยนถ่ายอยู่ที่ 6,000 โลเป็นอย่างน้อย ส่วนสายหัวเทียนขาดข้างในนั้นก้อมีส่วน แต่อันนี้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า ส่วนที่ช่างบอกให้เปลี่ยนหัวเทียนแล้วมันจะหายนั้นก้อไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเครื่องถ้ามันหลวมไปแล้วการเผาไหม้ก้อไม่สมบรูณ์อยู่ดี ก้อลองเช็คดูทีละอย่างก้อแล้วกัลนะจ๊ะ.
ม่ายเปงรัยคัพ! ช่วยๆกันปาย อันไหนรู้จิงหรือเกิดขึ้นกะตัวเองก้อจะลงเยอะหน่อย หากรู้ผิวเผินหรือไม่แน่จัยก้อจะลงน้อยหรือไม่ลงเลย ปล่อยให้ผู้รู้ท่านอื่นตอบไป และก้อไม่ได้คิดว่าใครตอบเก่งกว่ากันหรือตอบถูกกว่า เพราะเราก้อใช้รถรุ่นเดียวกันอยู่แล้วแต่เครื่องคนละรุ่นเท่านั้นเอง การตอบจึงง่ายกว่า ผมขอเสริมอีกสักนิสนึง กระบวนการๆทำงานของเครื่องยนต์นั้นมีแค่ 4 หลักใหญ่ๆคือ จุด,อัด,ระเบิดและคายเพื่อก่อให้เกิดการขับเคลื่อนในส่วนอื่นๆ จุด คือ การจุดระเบิดในห้องเผาไหม้โดยใช้หัวเทียนเป็นตัวจุดระเบิดหลังจากที่เอาอากาศบริสุทธ์จากกรองอากาศเข้ามาแล้ว พูดง่ายๆก้อคือ เอาอากาศเย็นเข้าห้องเผาไหม้ทางท่อไอดีโดยมีลิ้นปีกผีเสื้อเปิดเข้ามาเสร็จแล้วต่อมาที่ valveไอดีเปิดแล้วขับเคลื่อนเป็นอากาศเสียแล้วถ่ายออกไป อัด คือ อยู่ในช่วงที่ลูกสูบหมุนขึ้นมาจนสุดฝาสูบ หลังจากนั้นก้อจะระเบิดจากการที่เราใช้น้ำมันเปนซินหรือgasเป็นตัวช่วย ช่วงการระเบิดนี้จะมีพวกคราบเขม่าสะสมอยู่เยอะ ในช่วงนี้เองที่น้ำมันเครื่องจะเป็นตัวชะล้างในช่วงนี้ นอกเหนือจากการทำหน้าที่พาลูกสูบขึ้น-ลงเพื่อลดความฝืดในการสันดาปของเครื่องยนต์ โดยจะสังเกตุได้จากการที่เราถ่ายน้ำมันเครื่องนั้นจะมีสีดำปี๋ก้อเกิดจากตัวนี้เป็นหลักหรือฝาครอปvalveจะมีสีดำ คาย คือ หลังจากที่ระเบิดในห้องเผาไหม้เสร็จเรียบร้อย ก้อจะคายไอเสียออกมาโดยมีvalveไอเสียเปิดช่วยออกสู่เฮดเดอร์แล้วออกท่อไอเสียต่อไป ส่วนเฮดเดอร์นั้นมันจะติดอยู่กะเครื่องทุกตัวที่มันจะมีแผ่นกันความร้อนโค้งๆและมีรูปมือติดอยู่ แต่ส่วนใหญ่จะใช้เหล็กคุณภาพต่ำเพราะลดต้นทุนในการผลิต ข้อดีคือ เสียงจะเงียบ ข้อเสียคือ พื้นผิวขรุขระ,น้ำหนักเยอะและวิ่งจะเกิดการอั้น คนส่วนใหญ่หรือรถแต่งจะเปลี่ยนเฮดเดอร์กันมากก้อเนื่องจาก ข้อดีคือ น้ำหนักเบา,ผิวเรียบลื่น,อัตราเร่งดีขึ้นและวิ่งแล้วไม่มีการอั้นทำให้รถขับประหยัดน้ำมัน ข้อเสียคือ เสียงดัง เฮดเดอร์จะใช้วัสดุอยู่ 2 ชนิดคือ เหล็กกะสแตนเลสปลอดสนิม ซึ่งทั้งคู่จะมีผิวที่เรีบยลื่นและไม่อมความร้อนแต่สแตนเลสจะมีอายุการใช้งานนานกว่าแต่จะแพงกว่า ถ้าจะเปรียบกับร่างกายของคนเรานั่นก้อคือ เส้นเลือดและลำไส้หากเกิดการสะสมและอุดตันของไขมัน ก้อจะทำให้สุขภาพไม่ดีหากกินง่ายถ่ายคล่องก้อจะทำให้สุขภาพแข็งแรงเช่นเดียวกันนะจ๊ะ.
เออ!ไม่แก่มั่งก้อแล้วไปนะ รออีกประเดี๋ยวๆมันก้อมาอีกม่ายกี่ปีหรอก รับรองจะติดจัยว่ารู้งี้แก่มาตั้งนานและเหอะๆๆn'เกณฑ์ ว่าแต่ว่าใครกันแน่เนี่ย(ชักสงสัย) แล้วไฟท้ายส้มซ้าย-ขวา acc'89ได้รึยังจ๊ะn'รัก.
หยุดไป 2 วัน มาเจออ่านเจอแล้วสมองเต็มเลย ความรู้ท้างน้านนน ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากครับผมจะลองจากขั้นตอนง่ายๆก่อนแหละกัน อัพเดทต่ออกีนิด เสาร์ - อาทิตย์ ขับรถ เกิดอาการต่อมาครับ คือ สตาร์ทที่แรกแล้วรอบไม่ขึ้นสตาร์ทติดปุุป รอบจะตกจนลงมาดับงงมาก ก็เลยแก้โดยการเหยียบคันเร่งตามไปด้วย ค้างไว้ที่รอบ 2 - 2.5 พัน รอบ สัก 10 - 20 วินาทีแล้วปล่อยคันเร่งลงรอบก็จะเดินปกติ อยู่ที่ 800 - 1000 ครับ สงสัยนิดหน่อยน่าจะเกี่ยวกับที่เป็นหัวเทียนแน่ๆ ( เดาเอา ) เริ่มเยอะแหละ โผล่มานิด โผล่หน่อย อิอิ
ตอบ อาจารย์ เรื่องรายละเอียดอันนั้น ช่างผมไม่ได้พูดถึงเลย แต่สภาพเครื่องผมเท่าที่เคยลองจับตาดู จะมีน้ำกระเด็น ออกมาหน่อยๆๆและบางทีตอนเช้า สตาร์ทปัปจะมีควันขาวๆ ออกมา สักพักแล้วก็หายไป จะมีขึ้นมาตอนสตาร์ทเช้าๆ เท่านั้นครับ แล้วเด๋วนี้ เกียร์กระตุกมากๆ เปลี่ยนจาก N มา D หรือเกียร์อารายมา D จะกระตุกแบบ รถโยกเลย กลัวเหมือนกันมาเกียร์จาปาย เพื่อนๆพอมี คำแนะนำ บ้างไหมครับ
เหงาๆๆ เล่นอยู่คนเดียวทั้งบอร์ด ผมเล่นที่ทำงานอ่ะฮ่ะกว่าจะถึงบ้านก็ไม่ไหวแล้ว เค้ามาโพสเพื่อความ มันส์ อิอิ
มีน้ำกระเด็นออกจากปลายท่อนั้นแสดงว่าเครื่องยนต์นั้นยังสมบูรณ์ดีอยู่ ส่วนจะมีควันสีขาวๆออกมาในตอนเช้านั้นแสดงว่าเป็นความกดอากาศที่เกิดจากความร้อนกระทบความเย็นเลยออกไปเป็นไอน้ำออกมา ไม่ใช่ควันขาวแต่อย่างใดและช่วงนี้อากาศหนาวอยู่ก้อเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนเรื่องเกียร์กระตุกมากเนื่องมาจากรอบเดินเบาไม่นิ่ง ถ้าสตารท์รถแล้วออกรถเลยเกียร์จะกระตุกมากเพราะรอบมันขึ้นไปถึง 1,500 รอบ/นาที ทางที่ดีควรวอร์มอัพไว้สัก 2 นาที รอให้ความร้อนของเครื่องยนต์ได้ที่แล้วค่อยขับเคลื่อนเกียร์จะกระตุกน้อยลง ถ้ายังไม่หายควรตรวจเช็คเรื่องคาร์บูเรเตอร์กะตัวไอเดิ้ลสปีดเซ็นเซอร์หรือตัวชดเชยรอบเดินเบาอาจจะสกปรกหรือเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนใหม่และตั้งรอบเดินเบาใหม่พร้อมเปิดแอร์เอาไว้ตั้งไว้ประมาณ 800-850 รอบ/นาที ก้อจะช่วยให้เรื่องนี้หมดไปไม่น่าจะเกี่ยวกับเกียร์ ถ้าเกียร์พังการเช็คคือ การเข้าเกียร์ N ไว้พร้อมเหยียบเบรคแล้วรองเร่งดูพอรู้สึกหากรถขับเคลื่อนได้นั่นแสดงว่าเกียร์เริ่มไปแล้ว แต่ต้องทดลองในทางปกติไม่ลาดชัน หือถ้าน้ำมันเกียร์มันมีสีดำผิดปกติควรเปลี่ยนดูก่อนแล้วค่อยมาเล่นเกียร์โดยหาที่กว้างๆระยะทางไกลๆเพื่อลองดูว่าเกียร์นั้นมันขึ้นมาเองครบ 4 เกียร์หรือเปล่า ถ้าไม่ครบหรือหายไปนั่นแสดงว่าผิดปกติ หรือลองสับเป็นเหกียร์ D3 หรือ D2 ดูว่าถ้าลงมาเกียร์นี้แล้วมีการเปลี่ยนเกียร์กระทันหันเครื่องมันมีความเปลี่ยนแลงอะไรบ้างหรือไม่ ถ้าไม่มีเลยนั่นก้อผิดปกติเหมือนกันลองดูคับ.
สมบูรณฺฺ์แบบครับพี่น้อง สรุป ขั้นตอนแรก ผมจะลองเปลี่ยนหัวเทียนก่องเพื่อแก้ไขอาการดูครับ เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ + เครื่อง ดูครับ
เปลี่ยน หัวเทียน น้ำมันเครื่อง และน้ำมันเกียร์แล้วครับ อาการรอบเดินสวิง ยังมีอยู่ อาการขับไปสักพัก เปิดแอร์ + เครื่องเสียง ขับบนถนนรถติดนาน รอบเครื่องจะเบาลงเรื่อยๆ จนถึงขนาดดับไปในที่สุด ปรึกษาช่างแถวบ้านแล้วลองหาข้อมูลใน Web แจ้งว่า ปีกผีเสื้อ ต้องทำการล้างลิ้นปีกผีเสื้อ เพื่อนๆ พี่ๆ ว่าไงครับผมควรลองล้างดูไหมครับ สายพานราวลิ้นเนี้ย ผมว่าจะเปลี่ยนต้นเดือนนี้ แค่อยากทราบว่าต้องเปลี่ยนพวกลูกเพลา ด้วยหรือเปล่า หรือเราสามารถเปลี่ยนแค่สายพานอย่างเดียวก็ได้ ส่วนระบบแก๊ส ผมว่าจะล้างมันดีไหมฮ่ะหรือแค่ถ่ายขี้แก๊สก็พอ ขอคำปรึกษาด้วยครับ
ผมสงสัยนิสนึงว่า รถคันนี้มันเครื่องคาร์บูฯหรือหัวฉีดกันแน่ เพราะมันไม่เกี่ยวกับลิ้นปีกผีเสื้อเลยนะ มันน่าจะเกี่ยวกับตัวไอเดิ้ลสปีดเซ็นเซอร์หรือเรียกว่าตัวควบคุมรอบเดินเบามันสกปรกหรือว่าเสียไปแล้วมันเลยควบคุมรอบเดินเบาไม่ได้ ลิ้นปีกผีเสื้อนั้นมันจะมีแต่เฉพาะเครื่องหัวฉีดเท่านั้นมันจะเป็นตัวควบคุมอากาศให้เข้าห้องเผาไหม้ โดยขั้นตอนก้อคือต้องติดเครื่องกะเปิดแอร์เพื่อตั้งรอบเดินเบาในจุดที่เราต้องการที่เรียกตามอ่อน ย้อนแก่ คือ หมุนตามเข็มนาฬิการอบจะตกไปถึง 400-500 รอบต่อนาทีกว่าๆ (ตามอ่อน) ทวนเข็มนาฬิการอบจะสูงขึ้นไปถึง 1,000 กว่ารอบต่อนาที (ย้อนแก่) จุดที่จะปรับก้อคือมันจะมีหัวน็อตสี่แฉกอยู่ตรงท่ออากาศที่มีรูปร่างอวบๆมีตัวอักษรอยู่บนท่อไอดีนั่นเอง ส่วนไอเดิ้ลสปีดก้อจะอยูติดๆกันกับตัวปรับรอบเดินเบาเป็นปลั๊กสีดำๆสี่เหลี่ยมนั่นเอง ส่วนสายพานราวลิ้น(timing belt) นี่ตัวสำคัญเลยนะถ้าขาดเครื่องกระจายเลยเปลี่ยนเครื่องใหม่อย่างเดียว ระยะการเปลี่ยนก้อจะอยู่ 5 หมื่นโลฯ ลูกเพลานี่หากมันยังไม่ดังวิดๆก้อยังไม่ต้องเปลี่ยนแต่ต้องปรับตั้งความตึงของสายพานตามสเป็ค เพราะถ้าไม่ตรงตามคู่มือบอกมันจะลื่นและเสียงดังและจะทำให้สายพานไหม้ในภายหลัว ลองดูนะคัพ.
ขอเสริมอีกนิดเรื่องการล้างลิ้นปีกผีเสื้อนั้น จะล้างก้อต่อเมื่อรถจอดอยู่กะที่แล้วอยู่ดีๆรอบมันจะสวิงขึ้นมาเองบ่อยๆจึงจำเป็นต้องล้าง ส่วนรอบเดินเบาปกติตั้งรอบเครื่องพร้อมเปิดแอร์อยูที่ 850 รอบต่อนาที ถ้าสูงกว่านี้รถจะกินน้ำมันมากและเกียร์จะกระตุกแรงตามไปด้วยในส่วนของเกียร์ออโต้ฯ.
ขอบคุณมากครับ ... เครื่องของผม B20A ครับ ถ้าเครื่องหัวฉีดเท่ากับว่า ผมต้องล้างลิ้นปีกผีเสื้อใช่ไหมฮ่ะ แล้วยังต้องปรับไอเดิลด้วยไหมฮ่ะ หรือต้องไปตั้งตัวชดเชยรอบ ส่วนสายพานเท่ากับว่าเปลี่ยนแต่สายก่อนก้อได้ใช่ไหมฮ่ะ
ใช่แล้วครับ จอดนิ่งรอบจะสวิงไปมาไม่นิ่งเลย อาการรอบสวิง = ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ ใช่ไหมฮ่ะ อาการขับไปเรื่อยเจอรถติดบ่อยๆ รอบเบาดับ = ตั้งรอบเดินเบาใหม่ใช่ไหมครับหรือต้ิงทำตัวชดเชยใหม่ครับ
พอ d ผมเพิ่งจะกลับมาแล้วมาอ่านกระทู้ที่ตอบเอาไว้ เห็นตอบกลับมาแล้วก้อขอตอบทั้งหมดเลยละกัน อย่างแรกเรื่องสายพานราวลิ้นนั้นเปลี่ยนก่อนเลย แล้วมาตั้งรอบเครื่องทีหลัง เพราะเท่าที่พอจะเดาออกก้อน่าจะลืมไปแล้วว่าใช้เส้นนี้มานานกี่โลแล้ว กันไว้ก่อนๆเครื่องกระจายแล้วนับรอบไหม่ไม่ให้เกิน 5 หมื่นโลถึงเปลี่ยนเส้นใหม่ อย่างที่สอง รอบสวิงบ่อยนั้น ต้องล้างลิ้นปีกผีเสื้อซึ่งต้องถอดหน้าแปลนออกมาล้างกับน้ำมันเบนซินพร้อมเปลี่ยนประเก็นยางที่มันจะเป็นแผ่นยางบางๆกันไว้กับหน้าแปลนนั่นเอง แต่ถ้าหากรถใช้กรองเปลือยอยู่ด้วยอาการนี้จะมาเป็นบางครั้ง เพราะอากาศเข้ามากกว่ากรองเปลือยสแตนดาร์ดก้อสามารถทำให้รอบสวิงได้ แต่กรองเปลือยทำให้รถวิ่งดีกว่าเก่าแต่กรองจะอุดตันเร็วกว่าแต่ล้างได้หลายทีกว่ากรองมันจะขาด รถผมก้อเป็นเพราะใช้กรองเปลือยนี่แหละ อย่างที่สามควรเปลี่ยนไอเดิ้ลสปีดคอนโทรลตัวใหม่ไปเลยดีกว่า แล้วค่อยมาตั้งรอบเอาทีหลัง รอบเดินเบาพร้อมเปิดแอร์ 850 รอบต่อนาที ถ้าคิดว่าล้างแล้วไม่หายตัวนึงไม่เท่าไหร่แต่ b 20 a ของมันจะมีหรือเปล่าเท่านั้นเอง จบข่าว.
มาอีกรอบแระ เผอิญนึกขึ้นมาได้ว่าอาจเกิดจากปั๊มติ๊กน้ำมันก้อเป็นได้อาจจะเสีย เพราะรถนั้นใช้ถึง 2 ระบบควรตรวจดูด้วยอาจจะเจ๊งจึงทำให้รถวิ่งเบาดับบ่อยๆ ถ้าเป็นไปได้ควรเอาปั๊มติ๊กของ 1 jz มาใส่เลยจะดีกว่าตัวนึงไม่กี่ตังค์ หาก้อง่ายในเซียงกง เพราะน้องๆในก๊วนผมใส่ใน 3 doors เครื่อง b 16 a วิ่งหายห่วงส่วนเรื่องแก๊สนั้นก้อลองล้างระบบดูรวมถึงถ่ายขี้แก๊สด้วย(เพิ่งเคยได้ยิน)เนี่ยแหละนะ ซะด้วยเลยไหนๆก้อทำทั้งทีแล้วอ่ะนะ เอาแค่นี้ก่อนและกันนะคัพ.
ต่อๆๆ แล้วไอเดิล สปิด เซนเซอร์ กะ ไอเดิล สปีด คอนโทรล มันตัวเดียวกันไหมครับ ผมล้างลิ้นปีกผีเสื้อแล้วครับ รอบนิ่งขึ้นไม่สวิง ( ขอดูต่ออีกสัก อาทิตย์ ) ช่างเจี๊ยบจูนเครื่อง ให้ใหม่ด้วย ไม่เปิดแอร์รอบอยู่ืที่ 1100 เปิดแอร์ตกลงมาเหลือ 900 กรองเปลือยยังไม่ได้เป่า เพราะเครื่องมือไม่มีไว้ไปหาแถวปั้ม สายพานยังไม่ได้เปลี่ยน ตังหมดพอดี 555 ไว้ถ้าได้เรื่องยังไงต่อเด๋วจะบอกนะครับ
ขอตอบเลยว่าทั้ง 2 ไอเดิ้ลสปีดกะเซ็นเซอร์ตัวเดียวกัน แต่รอบเครื่องเดินเบาตั้งสูงเกินไป เพราะตอนที่ติดเครื่องใหม่ๆ(WARM UP)มันจะขึ้นสูงไปถึง 1,500 รตน.พอเครื่องเดินร้อนได้ที่ก้อจะตกลงมาที่ 850-900 รตน. เป็นอย่างน้อยพอเปิดแอร์จะมาตกลงที่ 850 รตน.พอดี ถ้ารอบที่ 1,100 รตน.นั้นมันจะกินน้ำมันมากกว่าปกติเหมือนเราเหยียบคันเร่งค้างเอาไว้ และทำให้เกียร์กระตุกเข้าได้ไม่นิ่มนวล โดยเฉพาะเกียร์ถอยหลังจะกระตุกมากอย่างเห็นได้ชัด ต้องปรับใหม่ตามที่บอก ส่วนล้างลิ้นปีกผีเสื้อไปแล้วถ้าทำถึงขนาดเปลี่ยนปะเก็นด้วยก้อไม่น่ามีปัญหาใช้ได้อีกยาว กรองเปลือยไม่มีคัยเค้าเป่าลมกันหรอกคัพ นอกจากจะถอดมาล้างด้วยน้ำยาล้างกรองเปลือยอย่างเดียว พอแห้งก้อใช้น้ำยาเคลือบอีกที ถ้าเป่าได้ก้อต้องใช้ลมเบาๆแต่ที่ปั๊มน้ำมันนั้นลมมันจะแรงมันจะทำให้กรองเปลือยฉีกขาดซื้อใหม่อย่างเดียวคัพ.
ไอ้ช่วงเครื่อง Warm up รถผมจะสูงถึง 2 พันเลย :cry::cry: ปกติไหมครับ แล้วยังงี้จะแก้ยังไงได้ฮ่ะ ? แต่พอขับมาเรื่อยๆรอบจะเบาลงจนเป็นปกติ ที่เวลาเดินเบาอยู่ที่ 800-850 เข้า เกียร์ N แต่พอเข้าเกียร์ D แล้วแตะเบรกไว้รอบจะตกมาประมาณ 500 โอเคไหมฮ่ะ ? เรื่องเข้าเกียร์ กะตุกผมชินแล้วฮ่ะกะตุกแรงมากตามรอบเครื่องเหมือนที่พี่บอกเลย เรื่องกรองเปลือย เกือบเอาไปพ่นแล้วฮ่ะ แล้วน้ำยาที่ล้างเนี้ยหาซื้อได้ทั่วไปไหมฮ่ะ จะได้ไปลองหาซื้อมาล้างดู
มาแล้วตอบเลยละกัน ส่วนเรื่องการ WARM UP นั้นปกติคัพเพราะรถที่ใช้กรองเปลือยอากาศจะเข้าเยอะและตลอดเวลา พออุณหภูมิได้ที่ก้อใช้ได้แล้ว อยู่ที่รอบที่เราตั้งเอาไว้ว่ากี่รอบ ส่วนเรื่องเกียร์เข้าจาก N มา D นั้นก้อปกติเพราะเวลาเหยียบเบรคและเปลี่ยนเกียร์นั้นมันจะตัดรอบให้ลดลงเล็กน้อย เพื่อให้เกียร์เข้าได้และนุ่มนวลเป็นเรื่องปกติอีกเช่นกัน หลังจากนั้นมันก้อเข้าสู่รอบดังเดิม เรื่องกรองเปลือยนั้นมีข้อห้ามอยู่ 3 อย่างคือ ห้ามใช้ลมเป่าแรงดันสูง ห้ามใช้ผงซักฟอกล้างและห้ามใช้น้ำแรงดันสูง ส่วนน้ำยาล้างและเคลือบกรองเปลือยนั้นใช้ของ K & N หรือของเฮอร์ริเคนก้อได้ ราคาขายคู่กันไม่น่าจะเกิน 300 กว่าบาท หาซื้อได้ตามร้านแต่งรถที่มีพวกถ่ายน้ำมันเครื่องหรือตามห้างสรรพสินค้าที่มีอยู่ในส่วนของตกแต่งรถยนต์หรือ AUTO BACS ก้อได้ วิธีการล้างเริ่มจาก 1. หาแปรงทาสีเล็กๆค่อยๆปัดฝุ่นเบาๆออกก่อน 2. ใช้น้ำล้างเบาๆโดยราดทั้งในและนอกกรองเปลือยให้ชุ่ม 3. ใช้น้ำยาล้างกรองฉีดรอบๆกรองให้ชุ่มหลังจากนั้นทิ้งไว้ซัก 15-20 นาทีเป็นอย่างน้อย ค่อยล้างออก 4. ล้างจากข้างในออกข้างนอกใช้น้ำฉีดออกเบาๆเพื่อไล่ฝุ่นออก จนสังเกตน้ำจากกรองนั้นใสสะอาดแล้วจึงหยุดล้าง 5. สะบัดน้ำออกให้มากที่สุดเพื่อให้แห้งเร็ว แล้วผึ่งแดดอ่อนๆและมีลมพัดเบาเพื่อให้แห้งสนิท 6. พอแห้งสนิทดีแล้วก้อมาทำการเคลือบน้ำยา โดยพ่นไปที่ผ้ากรองเปลือยไปรอบๆสังเกตจากผ้าที่เปียกพอประมาณอย่าให้ชุ่มและเยิ้มมากนัก พ่นจนรอบกรองแล้วจึงนำไปใส่ที่เดิม แต่อย่าเพิ่งติดเครื่องโดยทันทีปล่อยให้มันแห้งเองซักพักจึงขับรถใช้งานได้ ข้อควรระวังน้ำยาประเภทนี้ คือ (ใส่ถุงมือกันแพ้สารเคมี)ไว้ก่อนทำการล้างนะจ๊ะ + อ้างถึง ตอบกลับ